คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 1 | aftermath
1 | aftermath
เสียงทอดถอนใจดังขึ้นหลังจากมือเรียวสีแทนละจากฟูกนอนขนาด 3 ฟุต ดวงตาคมหรี่มองเจ้าถุงซิปล็อคขนาดเล็กที่บรรจุเกล็ดสีขาวใสอยู่ประมาณค่อนหนึ่งของจำนวนเต็ม มันเป็นแท่งผลึกคล้ายขัณฑสกรที่เป็นสารให้ความหวาน แต่เขารู้แก่ใจว่ามันอันตรายกว่านั้นมาก เห็นแล้วสมเพชตัวเองจนต้องระบายลมหายใจออกมาอย่างแรงอีกรอบ
คิมจงอิน รู้ดีว่านี่ไม่ใช่งานมือสะอาด เขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่งานที่คนปกติเขามักอยากทำกัน แต่จะให้ทำยังไงได้ ในเมื่อเดือน ๆ หนึ่งเขามีค่าใช้จ่ายมากมายเกินกว่าปัญญาของนักศึกษาชั้นปีสามคนนึงจะจ่ายไหว? แค่ลดหน่วยกิตให้เรียนน้อยลง เพิ่มเวลาทำงานกะกลางคืนให้นานขึ้น ทำถึงขนาดนี้แล้วยังไม่พอค่าใช้จ่ายจิปาถะของเขากับน้องชายเลยด้วยซ้ำ
นี่ยังไม่นับก้อนใหญ่ใน 3- 4 เดือนที่เขาต้องหามาจ่ายเป็นค่าเทอมเจ้าตัวยุ่งนั่นอีกนะ เท่านี้ก็แทบไม่พอยาไส้กันอยู่แล้ว
ถามถึงจุดเริ่มต้นคงต้องกล่าวถึง ‘อีแทมิน’ เพื่อนสนิทที่ทำงานอยู่ในคลับเดียวกัน แต่ไม่ใช่ว่าหมอนั่นเป็นเพื่อนชั้นเลวที่แนะนำแนวทางสู่ด้านมืดแบบนี้ให้เขาหรอกนะ มันเป็นเพราะเขาบังเอิญไปเห็นหมอนั่นรับส่ง ‘ของ’ กับลูกค้าประจำของคลับคนนึงแล้วกลับมาพร้อมเงินเป็นฟ่อนต่างหาก
ตอนนั้นแหละที่ทำให้เขาตัดสินใจได้ว่าควรจะก้าวไปทางไหน ตัดสินใจที่จะลืมคำสั่งห้ามของแม่...
‘ถ้าแม่ไม่อยู่แล้ว ดูแลน้องให้เป็นคนดี อย่าทำเรื่องไม่ดี ใช้ชีวิตให้ดี เข้าใจไหม จงอิน’
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ร่างโปร่งสะดุ้งสุดตัว! ไม่ว่าจะด้วยเสียงเคาะประตู หรือ เสียงตะโกนจากน้องชายที่ดังอยู่ด้านนอกก็ล้วนทำให้จงอินใจเต้นไม่เป็นส่ำทั้งนั้น เขารีบกวาดเจ้าถุงซิปล็อคที่นอนแบอยู่บนเตียงมาไว้ในอก หันรีหันขวางหาเป้าหมายที่มิดชิดพอจะซ่อนสิ่งผิดกฎหมายในอ้อมกอดให้พ้นจากสายตาครอบครัวเพียงคนเดียว ก่อนจะตัดสินใจตรงไปยังกระเป๋าเป้สีดำที่พาดไว้บนเก้าอี้หน้าโต๊ะเขียนหนังสือ
“จงอิน เป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่า!” ยัดมันลงกระเป๋าอย่างรีบร้อนก่อนจะรูดซิปปิดแล้วตรวจเช็คความเรียบร้อยอย่างลน ๆ “รอแป๊บนึงจินกู”
เสียงที่ประตูเงียบไปแล้ว แต่ถ้าให้จงอินเดาจินกูมันก็ยังยืนอยู่ตรงที่เดิมนั่นล่ะ เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปากอิ่มของตัวเองก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูที่เกี่ยวไว้บนต้นไม้แขวนเสื้อมาพาดบ่า ขยำขยี้หัวตัวเองจนยุ่งเหยิง แล้วเอื้อมมือไปหมุนปลดล็อคลูกบิดประตู
“ทำอะไรอยู่ เรียกตั้งนานไม่ยอมเปิด”
คิมจินกูถามพลางขมวดคิ้วมองพี่ชายของตนอย่างจับผิด
“กำลังจะไปอาบน้ำ เดี๋ยวต้องออกไปทำงานแล้ว” จงอินยกปลายของผ้าขนหนูที่พาดบ่าตัวเองขึ้นมาโชว์ในระดับสายตา แวบหนึ่งในทีนั้นล่ะที่ทำให้เขาจับสังเกตแววตาสั่นแปลก ๆ ของเด็กตรงหน้าได้ “มีอะไรหรือเปล่าจินกู?”
“อ๋อ” จินกูส่ายหน้าเบา ๆ “ไม่มีอะไรหรอก เรียกเฉ--”
“เงินไม่พอหรอ? จินกู”
ถามสวนออกไปเพราะรู้แก่ใจว่าไม่มีทางที่เจ้าน้องชายตัวดีจะเป็นคนเอ่ยปากพูดก่อน จงอินขมวดคิ้วกอดอกเอนพิงกรอบประตู ดูจากท่าทีอึกอักของอีกฝ่ายแล้วก็คงเป็นจริงอย่างที่เขาพูดนั่นล่ะ
“อืม...”
ไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบังจงอิน จินกูรู้ว่าเดือนนี้เขาใช้เงินเยอะกว่าทุกเดือน แล้วจงอินก็มันหามาอย่างยากลำบาก แต่สำหรับเด็กม.ปลายอย่างเขา มันไม่ใช่แค่ค่ารายงานเท่านั้นที่จะนับเป็นค่าใช้จ่ายจิปาถะเพียงอย่างเดียว ยังมีค่าเรียนกวดวิชาที่เขาไม่ค่อยเต็มใจอยากจะเรียนนั่นอีก
“งั้น...ต้องใช้อีกเท่าไหร่? พรุ่งนี้เช้าได้ไหมจินกู?”
“...”
“จินกู?”
“จงอิน...”
เสียงเรียกของจินกูแผ่วลงที่ตอนปลาย นั่นทำให้คนฟังรู้สึกไหววูบแปลก ๆ ครั้งสุดท้ายที่จินกูใช้น้ำเสียงอย่างนี้เรียกชื่อเขาก็ตอนที่เจ้าเด็กนั่นขออนุญาตไปทำงานพิเศษ...
“ผมไม่เรียนแล้วได้ไหม...กวดวิชาอะไรนั่น”
จงอินฟังแล้วขมวดคิ้วมุ่น
“ไม่ได้”
“แต่...”
“บอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้!” ผ่อนลมหายใจออกมาเป็นรอบที่สามของวัน จงอินมองน้องชาย มองครอบครัวเพียงคนเดียวของเขาเขม็ง จงใจให้ความรู้สึกและคำพูดในวินาทีสุดท้ายของแม่ตีขึ้นมากระทบคลื่นความคิดของคนตรงหน้า “จำไม่ได้เหรอว่าแม่พูดอะไรก่อนไป? แม่บอกให้เราสอบเข้ามหาลัยโซลให้ได้ใช่ไหม?”
“แต่จงอินเหนื่อยมาก...เงินที่ผมใช้อยู่ทุกวันนี้จงอินก็หาอยู่คนเดียว”
“ไม่ต้องสนใจได้ไหม? แค่ตั้งใจเรียนอย่างเดียวก็พอแล้วจินกู...”
“แต่...”
“ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องเงิน ที่ผ่านมาเราก็อยู่กันมาได้ตลอดนี่? ขอร้องล่ะ อย่าทำให้พี่หนักใจกว่าที่เป็นได้ไหม? แค่ตั้งใจเรียนแล้วสอบให้ติดมหาลัยโซล ทำได้ไหมจินกู?...”
คิมจินกูก้มหน้าลงมองพื้นเบื้องล่าง เขาไม่อยากเป็นภาระให้จงอิน ไม่อยากให้พี่ชายเพียงคนเดียวของเขาต้องมาใช้เวลาทั้งหมดเพื่อหาเงินส่งเสียเขาโดยที่เจ้าตัวแทบไม่ได้มีเวลาเป็นของตัวเอง เขาเคยขออีกฝ่ายไปทำงานพิเศษหลายครั้ง แต่จงอินก็ปฏิเสธทุกครั้ง จริงอยู่ว่ามหาลัยที่จงอินเรียนไม่ใช่ SKY แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพี่ชายของเขาไม่ควรที่จะได้รับสิทธิ์ในการใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นเหมือนกับคนอื่น ๆ
ทุกวันนี้จงอินทำงานหนักมาก... หนักเกินไปจนเขาละอายที่จะต้องอยู่เฉย ๆ แล้วอ่านหนังสือเตรียมสอบไปวัน ๆ อย่างที่เป็นอยู่นี่
“จินกู?” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปร่างโปร่งก็เปล่งเสียงเรียกซ้ำ จงอินเข้าใจดีว่าในใจของน้องคิดอะไร แต่นี่มันไม่ใช่หน้าที่ที่จินกูจะต้องมาแบกรับภาระไว้บนบ่า จินกูเรียนเก่งกว่าเขามาก นั่นหมายความว่าเจ้าเด็กนี่จะมีอนาคตที่ไกลกว่าหากเขาสาวสายป่านได้ยาวกว่าที่เป็น
คิมจินกูแลบลิ้นเลียริมฝีปากแห้งผากของตนเอง และเมื่อเห็นท่าทีอย่างนั้น คนเป็นพี่จึงสำทับความคาดหวังที่มีต่อน้องชายคนดีของตนอีกรอบ
“จินกู...สัญญาสิว่าจะไม่พูดเรื่องนี้อีก สัญญาสิว่าจะคิดแต่เรื่องเรียน”
“...”
“เราเป็นความหวังของพี่นะ จินกู”
มาอีหรอบนี้แล้วจะปฏิเสธได้อย่างไร? จงอินก็ยังเป็นจงอินอยู่วันยังค่ำ ไม่เคยมองว่าเขาโตพอที่จะรับรู้ปัญหาของครอบครัวเลยซักครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้ว่าเป็นเพราะจงอินรักเขามาก ที่เสียงแข็งใส่กันอยู่อย่างนี้ เพราะพี่ชายคนนี้จะไม่ยอมให้เขาลำบากเหมือนกับที่ตัวเองต้องลำบาก
คิดได้อย่างนั้นเด็กหนุ่มจึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองครอบครัวเพียงคนเดียวของตนตาละห้อย
“ครับ...ผมจะตั้งใจเรียน”
________________________________________________
________________________________________________
Mild Seven มวนยาวถูกบดลงบนที่เขี่ยเซรามิคสีไข่ไก่ทันทีที่เป้าหมายมีการเคลื่อนไหว นัยน์ตากลมดุจ้องมองร่างโปร่งที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ อยู่หลังไมค์โครโฟนตั้งพื้นบนเวทีเตี้ย เขาค่อย ๆ ปล่อยกลุ่มควันจางออกทางจมูก ก่อนจะลุกขึ้นสาวเท้าเดินตามเจ้าของผิวสีแทนที่ยกขาตั้งไมค์เดินหายไปหลังเคาน์เตอร์บาร์
“คุณปาร์ค!”
ชานยอลหันไปเลิกคิ้วมองสาวสวยในชุดวาบหวาม เจ้าหล่อนพุ่งมากอดเข้าที่แขนข้างขวาเขาเสียแน่น แน่นจนต้องละความพยายามในการก้าวไปถึงเคาน์เตอร์บาร์ก่อนที่ผู้ชายผมทองอีกคนจะเข้าไปเสียบแทนที่นั่งที่เขาเล็งไว้ตั้งแต่เมื่อหลายนาทีก่อน
“ครับ?”
ชายหนุ่มระบายลมหายใจออกทางจมูกอย่างเซ็ง ๆ เหลือบตามองหาเจ้าของผิวสีแทนสะดุดตานั่น แต่ก็ต้องกลอกตามองเพดานเบื่อ ๆ เมื่อเป้าหมายของเขาคลาดสายตาไปอีกแล้ว
“โธ่...ทำไมทำเสียงเข้มอย่างนั้นล่ะคะ?” เจ้าหล่อนเพิ่มแรงรัดให้แขนของเขาถูเบา ๆ กับหน้าอกอวบอิ่ม “จะหนีไปนั่งบาร์อย่างนี้ แล้วใครจะสั่งดริ๊งให้ฮวาซองล่ะคะ?”
“...”
“กลับไปนั่งโซฟากับฮวาซองต่อเถอะนะคะ...ถึงเพื่อนคุณปาร์คจะไม่มาก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวฮวาซองนั่งเป็นเพื่อนเอง นะนะ”
“เอ่อ...”
ปาร์คชานยอลกลืนน้ำลายลงคอ รู้แก่ใจว่าเหตุผลที่มาที่ LION นี่ไม่ใช่เพราะติดสาวนั่งดริ๊ง หรือต้องมาคุยธุรกิจแต่อย่างใด เป็นเวลาเกือบเดือนกว่า ๆ ที่พอเลิกงานแล้วต้องตรงดิ่งมาที่นี่ หามุมที่จะสามารถมองเห็นคาน์เตอร์บาร์ได้อย่างชัดเจน สั่งออนเดอะร็อคหนึ่งแก้ว ทนจิบวิสกี้รสขื่นคอทั้งที่ไม่ได้ชอบมันเท่าไหร่นัก
เหตุผลมีอย่างเดียว
คือเด็กคนนั้น...
“คิมจงอิน!”
ใบหน้าคมหันไปตามเสียงเรียก ชานยอลมองเลยสันกรามจากรูปหน้าด้านข้างไปหยุดอยู่ที่ชายคนหนึ่ง หมอนั่นกำลังกวักมือไหว ๆ อยู่ตรงทางเข้าหน้าห้องน้ำ เจ้าของผิวสีแทนนั่นคงไม่รู้หรอกว่าตัวเองโดดเด่นแค่ไหน ถึงจะทำค้อมตัวเหมือนจงใจไม่ให้ใครเห็น แต่ถึงอย่างนั้นก็ลอดสายตาเขาไปไม่ได้หรอก
“ฮวาซอง ผมขอตัวก่อนนะ”
ชานยอลพูดพลางหันไปแกะข้อมือเล็กของคนที่รัดต้นแขนตนแน่น สายตาก็มองตามหลังไว ๆ ของอีกฝ่ายที่หายเข้าไปในห้องน้ำ แล้วให้ตายเถอะ! นี่เขาต้องออกแรงมากกว่าเดิมและเสียเวลาไปอีกเกือบครึ่งนาที เพราะดูท่าวันนี้เจ้าหล่อนคงไม่ยอมปล่อยให้เขาไปง่าย ๆ เหมือนเมื่อวานแน่
“แต่...”
“ฮวาซอง...อย่าให้ผมต้องพูดซ้ำ”
เมื่อใช้ไม้อ่อนไม่ได้ ก็ต้องเล่นไม้แข็ง ชานยอลนิ่งดูปฏิกิริยาของสาวนั่งดริ๊งคนที่ตนใช้บริการบ่อยที่สุดหลังจากส่งเสียงดุ ๆ ออกไป หล่อนทำเพียงแค่เม้มริมฝีปากเคลือบลิปแวววาวก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ ด้วยความเสียดาย
“ก็ได้ค่ะ”
________________________________________________
________________________________________________
“กูว่าพี่เขาชอบมึงว่ะ”
เสียงพูดปนหัวเราะดังขึ้นหลังจากที่อีแทมินละมือจากกลอนประตู จงอินพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ทันที ชายหนุ่มทำหน้าเหม็นเบื่อเมื่อได้ยินอะไรน่าขนลุกแบบนั้นอีกเป็นครั้งที่ร้อยของเดือน
“ตลกแล้ว กูเห็นเขานั่งกับฮวาซองตลอด จะมาชอบกูได้ไง”
“ก็เพราะมึงดูแมนไง ไม่รู้หรอว่าพวกเกย์ก่อนจะตะครุบเหยื่อที่เป็นชายแท้ต้องมีลองเชิงกันก่อน”
“ฟ้าผ่าเหอะ หล่อขนาดนั้นไปเดินแถวบาร์เกย์ให้คนมาเสนอตัวไม่ง่ายกว่าหรอวะ คนระดับนั้นจะมาสนคนอย่างกูได้ยังไง”
“หึ มึงไม่รู้อะไร คนผิวแทนก้นตอบ ๆ แน่น ๆ อย่างมึงน่ะเขาเรียกเซ็กซี่ ขยี้ใจเกย์”
คนพูดยักไหล่ พลางหัวเราะออกมาเบา ๆ แต่เท่านั้นก็มากพอที่จะทำให้คนถูกล้อเลียนทำหน้าเซ็งโลกไปได้ทั้งคืน มือเรียวล้วงบุหรี่มวนสุดท้ายในซองออกมาจากกระเป๋ากางเกง พริบตาเดียวเท่านั้นกลิ่นเมนทอลก็ลอยอวลไปทั่วทั้งห้อง หอมซะจนคนที่อยู่ข้าง ๆ ต้องกลืนน้ำลายเสียงดัง
“บ้างดิ” พูดไปก็คาบบุหรี่มาจ่อที่ปลายมวนของเพื่อน คนถูกล้อพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อเติมเชื้อให้
“...”
“เงินอะ ?”
จุดบุหรี่เสร็จก็ยื่นมือมาหาจนแทบจะแทงตากันอยู่แล้ว ‘อีแทมิน’ เพื่อนที่สนิทที่สุดของเขาในตอนนี้กำลังทำหน้าเหมือนเจ้าหอขอทวงหนี้ เห็นแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้เลยควักแบงค์หมื่นวอนเป็นฟ่อนออกมาตีแรง ๆ ที่หัวเหม่งของมัน
“เห้ย เอามาตีเล่นได้ไง เดี๋ยวเทพแห่งความมั่งคั่งก็บินหนีพอดี” แทมินรับเงินมานับลวก ๆ พอมั่นใจว่าครบแล้วก็แบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนนึงหมอนั่นเก็บเข้ากระเป๋าด้านในสูทมิดชิด อีกส่วนนึงก็ยัดใส่มือเขาเรียบร้อย “อะ...ส่วนแบ่ง”
จงอินมองแบงค์หมื่นวอนปึกใหญ่ในมืออย่างมึนงง น่าจะซัก 5 แสนได้...
“ทำไมคราวนี้มันเยอะนักวะ ?” พูดไปนับเงินไป แทมินมองเพื่อนรักที่ทำหน้าเหมือนถูกหวยแล้วหัวเราะออกมา
“งานมันเสี่ยงขึ้น...แต่ก็คุ้มไม่ใช่รึไง ?”
ร่างโปร่งมองเงินในมือนิ่ง ใช่...งานนี้มันเสี่ยงพอสมควร แต่ถ้าแลกกับได้เงินในจำนวนที่มากขนาดนี้ บางทีเขาอาจจะตัดสินใจทำ ‘มัน’ ต่อไปก็ได้
“แล้วจะเอายังไงต่อ จะลักกินขโมยกินแบบนี้มันไม่ได้นะ...อย่างน้อยถ้ามึงจะทำก็ควรเข้าหาผู้ใหญ่ไหม?”
แทมินพูดพลางขยี้ก้นบุหรี่ที่เผาตัวเองจนหมดกับพื้น ใบหน้าติดตลกนั่นอยู่ ๆ ก็จริงจังขึ้นมา ไม่คุ้นเอาซะเลย
“ขอเวลากูไปคิดดูก่อน”
จบคำพูดก็สูบกลุ่มควันเข้าปอดเฮือกใหญ่ เวลานี้หันไปทางไหนก็จนหนทางจริง ๆ ก็ต้องขอบคุณแทมินมันนั่นแหละที่ช่วยเอาสว่านเจาะกำแพงหนาทึบที่ปิดทางเขาอยู่ ถ้าไม่ได้มันตอนนั้นก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน
เข้าใจนะว่าตอนนี้มันคงลำบากใจที่ต้องยื่นเท้าเข้ามาแส่เรื่องของเขาที่อาจจะพามันไปนรกตอนไหนก็ได้ เพราะอย่างนั้นใช่ไหมถึงได้พูดเรื่องที่ว่าควรทำให้มัน ‘จริงจัง’ ขึ้นมาแบบนี้
“จริง ๆ กูก็ไม่อยากให้มึงทำหรอกนะจงอิน...” แทมินยังคงสีหน้าแบบเดียวกับเมื่อครู่ และนั่นทำให้เขาอึดอัดหัวใจยิ่งกว่าเดิม “แต่ถ้าคิดจะจริงจัง ก็อย่าคิดนานนักล่ะ”
“...”
“กูกลัวว่ามึงจะซวยเอา...เพราะไม่ว่าเขตไหนก็มี ‘คน’ คอยดูแลอยู่ทั้งนั้นแหละ”
“อืม”
มันพูดพลางเอื้อมมือมาตบเบา ๆ ที่บ่า แต่นั่นไม่ได้ทำให้จงอินรู้สึกดีขึ้นแม้แต่น้อย ชายหนุ่มทิ้งก้นบุหรี่มวนสุดท้ายที่เขามีแล้วขยี้มันจนกลายเป็นเถ้าติดพื้นก่อนจะก้มลงมองชะตากรรมของบุหรี่รสเมนทอลที่ตนชอบที่สุด
ถึงจะชอบยังไง สุดท้ายพอมันสูบต่อไม่ได้ก็ต้องโดนทำลายก่อนที่จะกลายเป็นเชื้อเพลิงสินะ ?
________________________________________________
________________________________________________
“พี่เขายังไม่กลับไปอีกว่ะ”
เสียงทุ้มกระซิบที่ข้างหูพลางพยักเพยิดให้หันไปมองที่ร่างสูงหน้าบาร์ตัวยาว อนยูบาร์เทนเดอร์ที่เพิ่งจะเลิกกะยิ้มแซวเป็นนัย แต่จงอินไม่เห็นจะสนใจอะไร ร่างโปร่งเพียงแค่ยักไหล่แล้วก้มลงผูกเชือกที่รองเท้าให้แน่นขึ้น
“สงสัยพี่เขาจะรอกลับพร้อมมึงหรือเปล่าวะ จงอิน”
อีกเสียงเป็นของอีแทมิน และนั่นทำให้เจ้าของชื่อถึงกับทำหน้าเหม็นเบื่อขึ้นมาเป็นรอบที่สองของวันเมื่อลุกขึ้นจากพื้นแล้วหันไปเจอกับสายตาแวววับจากคนที่ถือแก้วออนเดอะร็อคไว้ในมือ ดวงตาคมกริบนั่นจ้องมองมาราวกับว่าเขาเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก มันตลกดีที่พอจินตนาการว่าหากดวงตาของหมอนั่นเป็นมือ ทั้งตัวเขาคงโดนล้วงควักจนไม่เหลืออะไรติดตัวแล้ว
ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอเบา ๆ
“แล้วนี่ไม่ต่อกะสองหรอวะ”
แทมินทักขึ้นเมื่อเห็นเขาเอื้อมมือไปหยิบเป้มาสะพาย
“ไม่อะ มีนัด”
เอาเป็นว่ารู้กันตอนที่ได้ยินคำว่า ‘มีนัด’ แทมินถอนหายใจแล้วยักไหล่เบา ๆ ในเป้ของจงอินคงเต็มไปด้วยไอซ์ราคาแพงที่มันเตรียมจะไปส่งให้เด็กมหาลัยโซล ลูกค้าวีไอพีชั้นเยี่ยมที่ยอมจ่ายให้หน้าใหม่ไร้เครดิตอย่างเพื่อนเขา เห็นจงอินมันเก็บของเตรียมจะกลับแล้วก็ไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ภาวนาในใจว่าอย่าให้มันต้องเจอกับพวก ‘เจ้าถิ่น’ เลย
สังหรณ์ใจไม่ดีมาตั้งแต่หัววันแล้ว...
________________________________________________
________________________________________________
“คราวหน้าขอเพิ่มเป็นยี่สิบจีได้ป่ะวะ”
จงอินเงยจากแบงก์หมื่นวอนในมือขึ้นมองคนตรงหน้า ใบหน้าของคนพูดดูกวนตีนจนอยากจะจัดให้ซักหมัด แต่เพราะเด็กมหาลัยโซลทุนหนาสายป่านยาวคนนี้เป็นลูกค้าลำดับต้น ๆ ของเขา จึงทำให้จำเป็นต้องส่ายหน้าเบา ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกันนิ่ม ๆ
“พกมาเยอะมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เสี่ยง”
นึกถึงคราวที่เกือบถูกจับเพราะเดินผ่านสุนัขตำรวจแล้วก็เสียวสันหลังวาบ ยังดีที่ก่อนจะถึงที่นัดเขาแวะเล่นกับลูกแมวและตั้งใจจะพามันกลับบ้านไปด้วย เลยพอเป็นข้ออ้างขึ้นมาได้บ้างว่าหมามันวิ่งไล่เจ้าตัวเล็กในอ้อมกอด
“ได้ไง? ถูกที่สุดก็ของมึงแล้วนะจงอิน...คราวหน้ากูให้ล้านห้าเลยก็ได้”
“ไม่เอาว่ะ มันเสี่ยง...ถ้ามึงอยากได้เพิ่มก็ลองไปหาคนอื่นดูสิ กูให้มึงได้มากสุดแค่หกแสนเท่านั้นน่ะ จะเอาไหม?”
“โธ่...มึงก็รู้ว่าสายตรวจช่วงนี้มันเยอะ จะให้หาคนกลางปล่อยของถูก ๆ อย่างมึงมันก็ลำบาก อีกอย่างอาทิตย์หน้ากูจะมีปาร์ตี้ด้วย”
“...”
“นะจงอิน กูจ่ายเพิ่มให้ก็ได้...เป็นล้านแปดมึงว่าไง?”
“ไม่ได้...กูมีให้แค่เท่าที่เอามาให้ทุกที มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
จงอินยังยืนยันจะย้ำคำเดิม ชายหนุ่มถอนหายใจอกมาเบา ๆ แค่ออกมาส่งให้ถึงมือในที่ชุมชนอย่างนี้ก็เสี่ยงจะแย่ หมอนี่มันคิดได้ยังไงที่ให้เขาขนไอซ์ยี่สิบกรัมไปไหนมาไหนด้วยตลอดทั้งคืนจนกว่าจะมาเจอกัน? แล้วให้ตายเหอะ จำนวนที่มันสั่งมานั่นถึงจะเป็นเงินล้านกว่าวอนที่โคตรล่อตาล่อใจ แต่เพราะช่วงนี้พวกตำรวจอยู่ ๆ ก็เอาจริงขึ้นมายิ่งกว่าเดิมงานมันเลยเสี่ยงมากยิ่งขึ้น แล้วไม่ต้องคิดถึงตอนถูกจับเลยนะ ถ้าโดนขึ้นมาก็อาจจะโดนระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตพร้อมยึดแม่งทุกอย่างในชีวิต...
ทีนี้ล่ะ เอาแค่ให้จินกูมันเรียนพ้นม.ปลายไปอย่างคนปกติยังทำไม่ได้เลยมั้ง
ไม่ต้องฝันถึงมหาลัยโซลเลยครับพี่น้อง
เพราะเป็นหน้าใหม่จึงง่ายกับการขน แต่อยู่อย่างนี้ต่อไปอีกไม่นาน ถึงไม่เจอจัง ๆ เข้าให้กับตำรวจ ก็ต้องโดนคนคุมเขตซิวกลับบ้านเก่าก่อนวัยอันควรเป็นแน่
เขายังมีน้องชายวัยหัวเลี้ยวหัวต่อต้องดูแล เรื่องอะไรจะต้องมาเสี่ยงขนาดนี้? มีให้เท่าไหร่ก็ให้ได้แค่เท่านั้นแหละ แถมช่วงนี้ของยังขาดมืออีก จะขนทั้งหมดมาลดแลกแจกแถม เทหมดหน้าตักรักหมดใจให้คงไม่ได้หรอก
“เฮ้ย อย่าทำตัวมีปัญหาน่า มึงก็เห็นอยู่ว่าเพื่อนกูมีตังจ่าย”
อย่างหนึ่งที่เสี่ยงพอ ๆ กับการโดนจับก็คือต้องต่อรองกับพวกขี้ยานี่แหละ จงอินมองผ่านคนตรงหน้าไปยังเพื่อนปากดีของมันที่ยืนคุมเชิงอยู่ข้างหลัง นอกจากแม่งจะพูดไม่รู้เรื่องแล้วยังแสดงความกระสันอยากอย่างน่าสมเพชแบบนั้นออกมาอีก ดูสีหน้าหาเรื่องนั่นสิ พอเขาย้ำว่าไม่ มันก็ถลึงตาจนแทบถลน มองขู่มายังกับดูสารคดีสัตว์ป่าตอนตัวผู้แย่งตัวเมียกันในฤดูผสมพันธุ์อยู่ก็ไม่ปาน
น่ากลัวตายห่าเลยมั้ง ไอ้เหี้ย
“บอกว่าไม่ก็ไม่ กูมีแค่นี้ ถ้าไม่เอาก็จบ ไปหาคนอื่นเถอะนัมจุน”
“....”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว กูกลับล่ะ”
จงอินยื่นคำขาดให้คนตรงหน้าพร้อมบอกลา เขาเริ่มไม่เห็นประโยชน์กับการที่เอาแต่ส่ายหน้าปฏิเสธคู่ค้าชั้นดีอย่างนัมจุนแล้ว ในเมื่อเพื่อนของหมอนั่นยังไม่ยอมหุบปากแล้วยังทำท่าเหมือนจะพุ่งเข้ามาทุกครั้งที่เขาพูดว่า ‘ไม่’ อยู่อย่างนี้ นึก ๆ ดูก็คงไม่คุ้มเท่าไหร่ถ้าจะยืนให้มันยกตีนขึ้นมาฟาดหน้าก่อนที่จะเอ่ยปากปฏิเสธอีกรอบ
พื้นคอนกรีตตรงหน้าชื้นแฉะ มันเป็นทางเดินในตรอกเล็ก ๆ ระหว่างตึกแถวห้องเช่าของพวกคนทำงานกลางคืนในย่านนี้ ใบหน้าคมแหงนขึ้นมองท้องฟ้า ดูจากตรงนี้แล้วแทบมองไม่เห็นดาวซักดวง ไม่ใช่แค่เพราะแสงไฟที่สว่างจ้าจากเสาไฟต้นที่อยู่ใกล้ที่สุดหรอกนะ แต่เพราะกางเกงในกับเสื้อในที่ตากเรียง ๆ กันอย่างแออัดจากระเบียงห้องที่ยื่นออกมาต่างหาก
ล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงกะว่าจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบแก้เซ็ง แต่ก็ลืมว่ามวนสุดท้ายเพิ่งจะแบ่งให้แทมินเพื่อนรักไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน...
เซ็ง...
กึก!
แต่ไม่ทันที่จะได้เอี้ยวตัวไปดึงกระเป๋าสะพายที่อยู่ด้านหลังมารูดซิปเปิดเอาอมยิ้มในกระเป๋าส่วนหน้าก็มีอันต้องตัวแข็งทื่อ คิมจงอินตาโตขึ้นมาทันทีที่สัมผัสได้ถึงวัตถุเย็นเยียบรูปร่างทรงกระบอกที่กำลังกดจ่ออยู่บนหลังคอตัวเอง
“ค่อย ๆ หันมา”
จงอินไม่ได้อยากจะทำตามคำสั่งเลย แต่ขามันไปเอง! เขาค่อย ๆ หมุนตัวกลับไปตามคำสั่ง และแม่งโคตรเซอร์ไพร์ส! เมื่อสายตามองไปเห็นคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเจ้าของกระบอกปืนไม่รู้ชื่อยี่ห้อ (เพราะตรงนี้มืดพอสมควร) ให้ตายเหอะ! พวกเหี้ยที่ยืนทำหน้าเหมือนกำชัยชนะไว้ในมือนั่นคือคนพลพรรคนักพี้ยาเพื่อนของลูกค้าชั้นดีเด็กมหาลัยโซลคิมนัมจุนคนนั้น!
“มึงรับของมาจากไหน! รู้ไหมว่าเขตนี้ใครคุม!”
เสียงตะโกนดังเกิน 70 เดซิเบลทำให้จงอินถึงกับต้องผงะถอยไปหนึ่งก้าว ชายหนุ่มแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองเมื่อนึกคำพูดของเพื่อนรักที่มักจะเตือนเรื่องคนคุมเขต คำโป้ปดอะไรก็แล้วแต่มันไม่มีความหมายเลยเมื่อเหลือบตามองต่ำแล้วเห็นนิ้วของอีกฝ่ายเกี่ยวไกปืนไว้อย่างมั่นคง
เอาไงดี เอาไงดีวะ!
ได้แต่ตะโกนกู่ร้องในใจ มองไปทางไหนตรงนี้ก็มีแต่ความชิบหาย ก็อย่างที่ว่า ตรอกนี้เป็นที่อาศัยของคนทำงานกลางคืน แล้วนี่มันก็กลางคืนใครจะอยู่ฟังเสียงปืนลั่นแล้วมาพบเขานอนบาดเจ็บเพราะถูกยิงเข้าที่ท้อง? ความวังเวงของตรอกนี้ทำให้จงอินจินตนาการไปถึงภาพตัวเองนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น โดนหนูบ้านตัวเท่าควายแทะจนหน้าเละก่อนจะมีคนมาเจอศพเมื่อเดินออกมาเก็บกางเกงในนอกระเบียงตอนเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้
“อ...เอ่อ...”
ไม่รู้เพราะปืนมันจ่อติดคอหอยเกินไปหรือเปล่าถึงทำให้ความสามารถในการเปล่งเสียงของชายหนุ่มลดลงจนถึงขีดสุด จงอินรู้สึกได้ถึงเหงื่อกาฬที่ซึมออกมาจาก มันทั้งแฉะแล้วก็เย็น แถมยังกระหน่ำผุดออกมาเป็นเม็ดจนเปียกไปหมดทั้งหลังเหมือนหยดน้ำข้างแก้วตอนระบายความร้อนก็ไม่ปาน
เขาจะต้องดับอนาถเพื่อไปพาดหัวข่าวเหี้ย ๆ อย่างนี้จริงๆ หรอวะ
จริง ๆ หรอวะ!!!!
ปล่อยให้คุยกับตัวเองจนหอมปากหอมคอแล้วก็ออกแรงแนบกระบอกปืนกับลำคอสีแทนนั่นให้สนิทกันยิ่งกว่าเดิม จงอินกลืนน้ำลายคงคออย่างยากลำบากเมื่อปากของเขามันไม่ประสานกับประสาทส่วนไหนซักอย่าง และดูท่าคนที่ถามประโยคงี่เง่าตรงหน้าคงจะเริ่มหมดความอดทนกับการรอคอยแล้วมันถึงได้ปลดเซฟตี้แล้วทำท่าจะเหนี่ยวไกยิงทะลุคอหอยเขาอย่างนั้น!!
ปัง!
จงอินตาเหลือกยกมือขึ้นกุมคอหอยตัวเองทันที ในหนังเวลาโดนปาดคอจะต้องล้มลงพร้อมกับเลือดสาดทะลักแดงฉานไปทั่วทั้งตัวอย่างนั้นใช่ไหม? แต่เขาไม่! เขายังยืนตัวตรงตั้งฉากอยู่กับพื้นโลกเหมือนเมื่อครู่โดยไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย
ไม่ได้โดนยิงนี่หว่า!!
แล้วเมื่อกี้....
“วิ่ง!!! วิ่งเดี๋ยวนี้!!!!”
ไม่รอให้สอดส่ายสายตาหาคำตอบใดๆ อยู่ ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นพร้อมกับลั่นไกปล่อยกระสุนแหวกอากาศออกมาอีกนัด สำหรับชายหนุ่มที่ยืนทือมะลืออยู่ตรงนั้น รู้ตัวอีกทีใครบางคนที่หลบอยู่ในมุมมืดก็วิ่งเข้ามากระชากแขนเขาให้ถลาออกไปด้วยกันแล้ว!
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงกระสุนยังคงดังสวนมาพร้อมคำสบถด่าอย่างต่อเนื่อง และแน่ล่ะจงอินวิ่งอยู่ด้านหน้าผู้มีพระคุณที่ขี่ม้าขาวเข้ามาช่วยเขาให้รอดพ้นจากปลายกระบอกปืนไม่ทราบยี่ห้อนั่น พวกเราใส่เกียร์หมาชนิดที่ว่าเหมือนเพิ่งสำเหนียกได้ว่าชาติที่แล้วคงเคยเป็นนักกีฬาวิ่งเร็วในโอลิมปิก! ลัดเลาะออกซอยนั้นเข้าตรอกนี้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และนาทีที่เห็นถนนหลักชัดเจนอยู่ตรงหน้า ร่างทั้งร่างก็เหมือนถูกกระชากลงหลุมมหัศจรรย์อีกครั้ง....
ไม่ใช่เหมือนสิ...กระชากกันไม่ยั้งแรงเลยต่างหากล่ะ!
ไม่งั้นคงไม่มายืนอยู่ท่ามกลางผู้คนในถนนคนเดินอย่างนี้หรอก
“ก้มต่ำเอาไว้”
น้ำเสียงทุ้มหูกับแรงกดเบา ๆ ที่ต้นคอทำให้จงอินต้องทำตามอย่างจำใจ ชายหนุ่มอยากจะหันไปมองใบหน้าของผู้มีพระคุณให้ชัด ๆ แต่มือหนานั่นก็กดหลังเขาให้ค้อมลงทำท่าเหมือนคนค่อมแห่งนอทเทอร์ดาม
“เดี๋ยวก้าวเร็ว ๆ ถึงตรอกตรงหน้าที่ขายต่างหูก็เลี้ยวเข้านะ เข้าใจที่พูดไหม?”
ตอนนี้ชายหนุ่มได้แต่พยักหน้ารับคำสั่งของอีกฝ่ายเท่านั้น ดวงตาคมหรี่มองตรอกที่ว่านั่น แม่ค้ากับลูกค้ากำลังยืนต่อรองราคากันหน้าดำคร่ำเครียด เขาถือโอกาสเอี้ยวตัวหันไปมองตอนที่ผู้มีพระคุณยืดตัวขึ้นเล็กน้อยแล้วสาวเท้าเร็ว ๆ นำเข้าไป ตายโหง! พวกมันยังไม่เลิกตามมาอีก!
นั่นทำให้จงอินสาวเท้าเร็วขึ้น เร็วขึ้น! และทันทีที่กำลังจะก้าวเลยผ่านตัวตรอกไปเพราะมัวแต่ระแวงมองมองพวกด้านหลัง ร่างทั้งร่างก็ถูกกระชากอย่างแรงอีกครั้งโดยเจ้าของมือหนาคนเดิม คราวนี้ไม่ใช่นิ่มนวลแบบธรรมดา แขนเขาแทบจะหลุดออกมาเพราะอีกฝ่ายกำรอบมันเสียแน่น!
“คุณ!!! คุณ!!! หยุดก่อน พวกมันไม่ตามมาแล้ว”
จงอินพูดเบา ๆ เมื่อเห็นว่าผู้มีพระคุณของเขาออกแรงลากให้เดินตามถนนลึกเข้าไปเรื่อย ๆ จนไร้ความจำเป็น และเมื่อถึงทางตันข้างร้านซุนแดที่เปิดเฉพาะกลางวัน ร่างสูงชะลูดก็ปลดพันธนาการพร้อมหมุนตัวหันมายิ้มมุมปากชวนสยองใส่...
มันจะไม่น่าสะพรึงกลัวเลยถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่...
ลูกค้าประจำที่บาร์ คนที่ชอบสั่งออนเดอะร็อคแล้วมองหน้าเขาเหมือนจะกลืนเข้าไปคนนั้น!!!!
“ค...คุณ!!!”
ตายห่า ตายห่า ตายห่า!! จงอินมีแต่คำนี้วนซ้ำไปมาในหัวเหมือนป้ายโฆษณาดิจิตอลตัวแดง ๆ ที่สี่แยกคังนัม นี่จะเรียกว่าหนีเสือปะจระเข้ได้ไหม? ในเมื่อเขาเพิ่งจะหนีจากพวกคนคุมเขตพ้นแต่กับต้องมาเจอลูกค้าที่ทำท่าเหมือนจะอัดถั่วดำกันได้ตลอดเวลาเมื่อสบจังหวะอย่างนี้!
“สวัสดีคิมจงอิน” แม่มึงเอ้ย! พูดชื่อถูกด้วย!
หมอนั่นเอ่ยด้วยสีหน้าที่เขาคาดเดาอะไรไม่ได้ ชายหนุ่มหันรีหันขวาง มองหาลู่ทางในการวิ่งหนีอย่างหมดอารมณ์จะเนียน แต่พอจะส่ายหน้าทำท่าไม่อยากรู้จัก ตั้งใจจะวิ่งแล้วหนีไปซะให้พ้นจากตรงนี้ เสียงบางอย่างก็ดังกริ๊ก ขึ้นมาในความเงียบ...
ความจงอินก้มลงมองมือทั้งสองข้างที่ถูกใส่กุญแจมือไว้เรียบร้อย...
“ค...คุณ”
“…”
“ป...เป็นพวกซาดิสม์หรอ?”
คนตัวสูงตรงหน้าระเบิดหัวเราะออกมาทันทีที่ได้ยินเรื่องหน้าขันจากปากเด็กตรงหน้า บางทีคิมจงอินคงอยากหนีความจริงมากซะจนมองไม่เห็นว่ากุญแจมือที่ใส่อยู่ ไม่ใช่แบบแฟชั่นมีขนฟรุ้งฟริ้งหรือประดับหนังคาดสีดำที่พวกซาดิสม์นิยมใช้กันเหมือนในหนัง
แต่เป็นกุญแจมือสีเงินใหม่เอี่ยมที่เขาเพิ่งเบิกมาได้ต่างหาก...
“ไม่ใช่...ผมเป็นตำรวจน่ะ”
“...”
“คุณถูกจับแล้ว...ข้อหามียาเสพติดในครอบครองเพื่อจำหน่าย”
“...”
“คุณมีสิทธิ์จะไม่พูดอะไรตอนนี้ แต่พอถึงโรงพักผมก็ต้องถามคุณอยู่ดี”
________________________________________________
________________________________________________
TALK
จริง ๆ ช่วงนี้หายหัวเพราะทำเล่มให้ #ficbetter อยู่
แต่วันก่อนตอนนั่งทำงานอยู่ ๆ กิ๊งบอกว่าอยากอ่านเรื่อง NICOTINE ที่เคยเขียนไว้ ให้เขียนต่อพร้อมทำโปสเตอร์กับเปิดเรื่องให้เสร็จสรรพ
เราก็เลยเอาที่เคยเขียนไว้มาแปลงแล้วเขียนเพิ่มนิดหน่อยตอนแอบอู้ -//- ฮิฮิ
จริงๆตอนแรกจะลงตอนเขียนครบสามตอน แต่กิ๊งก็อยากเห็นฟีดแบ็คเหมือนกัน
ชอบก็ให้กำลังในแท็ก #ficbaddog ได้นะคะ ♥
ความคิดเห็น