ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    CONNECT (KRISBAEK | CHANBAEK)

    ลำดับตอนที่ #1 : ` 연결 ★ baekhyun ____( ไม่เคย )

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ย. 56


     

     

     

    เคยมีคนบอกผมว่า...คนเป็นแฟนกัน พอคบกันมาถึงจุด ๆ หนึ่งความสัมพันธ์มันจะเริ่มเปลี่ยนไป

    จืดจาง ...อิ่มตัว....น่าเบื่อ  

    ห่าเหวอะไรหลายอย่าง  ที่สะท้อนว่าทุกสิ่งที่ผมกำลังเป็นอยู่ตอนนี้... 

     

    มันเข้าใกล้คำว่า เลิกกัน เต็มที...

     

     

     

     

     

     

    C O N N E C T
    krisbaek  :  chanbaek

     

    1

    BAEKHYUN

     

     
     

     

    ผมล้วงกุญแจพวงใหญ่ออกมาจากกระเป๋าโน้ตบุ๊ค  วางข้าวของพะรุงพะรังที่ติดมือมาลงบนพื้น ก่อนจะเลือกกุญแจดอกเล็ก ๆ จากในพวงนั้นไขประตูบานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า...

     

    ผมนึกด่าเจ้าของห้องนี้ทันทีที่ก้าวขาเข้ามา ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศแผ่ซ่านไปทั้งห้อง ทั้งๆที่ด้านนอกฝนก็ตกเหมือนห่าลง  เดินไปที่รีโมทแอร์  เห็นเลขบนจอแล้วแทบจะขว้างทิ้ง  18 องศา! มันบ้ารึเปล่าเนี่ย อยู่ไปได้ยังไงกันหนาวขนาดนี้...

     

    จะว่าหงุดหงิดมันก็หงุดหงิดนะ แต่ก็ชินซะแล้วกับนิสัยแปลก ๆ ของแฟนคนนี้  กดปิดแอร์เสร็จก็ย้ายตัวไปที่โต๊ะอาหาร วางถุงผลไม้ที่ยังไม่ได้ปอกเอาไว้ ก่อนจะถือถุงที่มียาลดไข้ ยาแก้แพ้ แล้วก็เจลแปะหัวเข้าไปในห้องนอน

     

    “ฮยองนิม....”  ผมเรียกคนที่นอนซุกไออุ่นคลุมโปงเป็นหนอนชาเขียวให้ตื่นขึ้นมา  เขย่าร่างนั้นอยู่นาน แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น เลยต้องเล่นท่าไม้ตาย กระตุกผ้านวมมันออกทั้งยวง  คนป่วยเลยได้ฤกษ์สะลึมสะลือ เมาขี้ตาลุกขึ้นมานั่งจ้องหน้าผมเสียที

     

    “แบคฮยอน ?” ผมกรอกตาไปมาเมื่อได้ยินน้ำเสียงแบบนั้น...   ยังมีหน้ามาสงสัยอะไรอีก  เวลาหวัดแดกแบบนี้ก็เป็นผมทุกทีที่มาดูแล     

     

    “กินยาเลยครับ...” 

     

    ผมเอื้อมไปหยิบขวดน้ำแร่ยี่ห้อโปรดของแฟนที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงมาเปิดฝา ยัดยาใส่มือหนาๆนั่น แล้วคะยั้นคะยอให้กระเดือกยากำนั้นลงไป ก่อนจะดันร่างสูงให้ล้มตัวลงนอน แปะเจลไว้บนหน้าผาก ห่มผ้าให้ถึงอก ปิดโคมไฟ แล้วเดินออกมาจากห้องนั้นทันทีที่เสร็จสิ้นภารกิจ...

     

    มิชชั่นคอมพลีท...

     

    ผมนั่งลงกับโต๊ะกินข้าวอีกครั้ง หลังจากถือวิสาสะไปรื้อค้นจานชามมาจากเคาน์เตอร์โซนครัว ได้อุปกรณ์เรียบร้อยก็ลงมือปอกผลไม้ที่ดั้นด้นไปหาซื้อที่ตลาดเย็น ทั้งๆที่พายุเข้าแบบนี้...

     

    เหตุผลน่ะหรอ?

    ง่าย ๆ เลย.... 

     

    เวลาอู๋อี้ฟานไม่สบาย...พี่แกจะไม่ยอมกินข้าว...

     

    เออดิ ให้มันได้แบบนี้...  ไม่ยอมกินจริง ๆ นะเออ จะข้าวต้ม โจ๊ก อะไรก็แล้วแต่ ไม่มีแตะ ไม่ให้อะไรตกถึงท้องได้นอกจากผลไม้ ... 

     

    ก็เลยต้องลำบาก บยอน แบคฮยอนแบบนี้... 

     

    ผมหัวเราะในใจ ...แค่ในใจนะ  หัวเราะเสียงดังเดี๋ยวคนในห้องเสือกได้ยินอีก แล้วถ้าได้ยินขึ้นมาล่ะเป็นเรื่อง จะมาหาว่าผมไปหัวเราะเขาเวลาไม่สบายอีก   รับรองมีบ่นกันเซ็ตใหญ่อะ...

     

    เพราะพี่แกแพ้อากาศอย่างหนัก ขนาดอากาศเปลี่ยนนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ไม่สบายยกใหญ่ไปได้ แล้วผมเคยไปหัวเราะเขาไว้ไง มันเลยเป็นปมด้อยเล็ก ๆ ของคนตัวใหญ่ขี้ใจน้อย เรื่องความอ่อนแอของอู๋อี้ฟานนี่ห้ามเลยนะ.... ห้ามเล่าให้เพื่อนหรือใครฟังเด็ดขาด ขนาดสาวๆที่พี่แกควงยังไม่มีใครรู้ เพราะงั้นหน้าที่ เมียทาสก็เลยตกเป็นของผมไปโดยปริยาย

     

    ...มีผมคนเดียวที่เห็นเฮียอ่อนแอได้

    ก็น่าดีใจอยู่หรอก... ล่ะมั้ง

     

    ผมส่ายหัวกับตัวเอง ลุกขึ้นจากโต๊ะเอาผลไม้ในทับเปอร์แวร์ที่เพิ่งปอกเสร็จใส่ตู้เย็น  ว่าจะอาบน้ำล้างคราบโคลนที่กระเซ็นใส่เสื้อตอนเดินเข้าคอนโดซักหน่อย แต่ก็ต้องหมดอารมณ์ เมื่อหาเสื้อตัวโปรดของผมในตู้เสื้อผ้าของพี่แกไม่เจอ...

     

    “ฮยองนิม....ฮยองนิม!

     

    ผมก้าวฉับ ๆ กลับมาที่ห้องนอนอีกครั้ง คราวนี้ไม่เกรงใจ ตะโกนเรียกสรรพนามเฉพาะเสียงดังลั่น พี่แกงัวเงียลืมตาตื่นขึ้นมาช้า ๆ “โหวกเหวกอะไรอีก...”

     

    “เสื้อตัวน้ำตาลของผมอยู่ไหน....ฮยองนิมส่งซักไปหรอ?” 

     

    ผมไม่อาจรู้ได้ว่าตอนนี้ผมทำหน้าแบบไหน แต่เดาได้ลางๆว่าคงไม่น่ารักนักหรอก ไม่อย่างนั้นพี่แกคงไม่ปั้นหน้าเบื่อโลก แล้วล้มตัวลงซุกผ้าห่มทันทีแบบนั้น

     

    “ยกให้คนอื่นไปแล้ว...” 

     

    เปรี้ยง !

     

                เสียงฟ้าผ่าลั่นที่ตรงข้างหน้าต่าง  แสงสลัวตีเข้าหน้าผมทันที เหมือนกับคำที่อี้ฟานเพิ่งพูดเมื่อครู่ มันตีแสกหน้าผมเข้าอย่างจังเลยล่ะ...   ยกให้คนอื่น ? คนอื่นล่ะคนไหน ? ใช่ผู้หญิงที่มานอนทอดกายให้พี่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วหรือเปล่า ?

     

                            อยากจะถามแบบนี้น่ะนะ...แต่ก็รู้แก่ใจว่าพี่แกจะตอบแบบไหน ผมเลยได้แต่ข่มอารมณ์ไว้  หมุนตัวกลับออกไปทันที....  

     

                            .

                            .

                            .

     

     

                            ผมกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้งหลังจากสงบสติอารมณ์เรียบร้อย  กระโดดขึ้นเตียงนอนมองแผ่นหลังกว้างของแฟนที่ไม่มีทีท่าว่าจะหันกลับมากอด หรือแสดงความรักอะไรทั้งสิ้น ! นอนตะแคงอย่างนั้นอยู่นานถึงได้ขยับตัวมานอนหงาย แล้วเอามือก่ายหน้าผากแทน

     

                            ผมขยุกขยิกอยู่ซักพัก  รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่เวลาที่นอนเตียงนี้  เตียงที่พี่แกพาใครต่อใครมานอนกก  รวมถึงผมด้วย....   ใช่ครับ...คอนโดนี้จริง ๆ แล้วไม่ใช่ที่อยู่ของพี่เขาหรอก  แต่ซื้อเอาไว้เวลาพาคนมาได้เสียก็แค่นั้นเอง...

     

                            ผมเคยขอไปที่บ้านอี้ฟานอยู่หลายครั้งเหมือนกัน แต่ทุกครั้งพี่แกก็จะเงียบ แล้วทำเหมือนไม่ได้ยิน ทำหูทวนลมไปดื้อ ๆ....

                           

                            สรุปแล้วเป็นแฟนกันมาสามปี...ไม่เคยจะได้รู้อะไรนอกจากที่พี่แกบอก สั่ง หรือให้ปฏิบัติตามเลยซักนิด....   

     

                            “นอนนิ่ง ๆ ไม่ได้หรือไงแบคฮยอน”

     

                            เสียงทุ้มติดจะแหบ ๆ พูดขึ้นมาผมเลยได้รู้ว่าพี่แกยังไม่หลับ แต่กลับมาทำให้บรรยากาศที่เหมือนจะดีแย่ลงไปเนี่ย หลับ ๆ ไปก็ได้นะครับอี้ฟาน... ผมเบะปากก่อนจะเขยิบเข้าไปหา  เอื้อมมือไปกอด เอาหัวซุกแผ่นหลังนั่น แต่ก็อยู่ได้ไม่ถึงวินาทีด้วยซ้ำ เพราะเจ้าของห้องปัดมันออกหมด พร้อมหันหน้ามาทำตาถลึงใส่ผมอีก

     

                            “ทำไมไม่ใส่เสื้อ !” 

     

                            วันนี้ผมใส่แค่บ็อกเซอร์นอน  ใช่ ! บ็อกเซอร์ตัวเดียวเท่านั้น ! ไม่ได้มายั่วใครอะไรทั้งสิ้น แต่คนมันหงุดหงิดนี่หว่า.... เสื้อของผมหลายตัวกลายเป็นที่ระลึกในการได้เสียของอี้ฟานกับนางเล็ก ๆ ที่มานอนห้องนี้เกือบจะทุกครั้ง แถมตัวนี้เป็นเสื้อตัวโปรดของผมอีก พี่แกก็ยังทำกันได้ ผมก็เลยประชด ไม่สงไม่ใส่แม่งเลย เสื้อผ้า.... 

     

                            เหมือนพี่แกจะจับความรู้สึกผมได้ แววตาดุ ๆ นั่นอ่อนแสงลงเล็กน้อย  “อย่างี่เง่าสิ....แค่เสื้อตัวเดียวเดี๋ยวซื้อให้ใหม่ก็ได้”

     

                            “ฮยองนิมพูดแบบนี้มากี่ครั้งแล้ว....” 

     

                            ไม่ได้จะเปิดประเด็นดราม่านะครับ แต่อากาศ สายฝน และคนอย่างเรา นำพาไปสู่บทสนทนาแบบนี้ ผมเห็นอี้ฟานทำหน้าเซ็งโลกแล้วก็นึกอยากจะลุกออกไปจากตรงนี้ เอาของในตู้เย็นที่ซื้อมาพะเน้าพะนอมัน เหวี่ยงลงพื้นแล้วเหยียบให้เละทั้งหมด แต่ก็นั่นแหล่ะ....ความคิดก็คือความคิด ผมเลยได้แต่นอนมองหน้าพี่แกอยู่แบบนั้น แล้วค่อย ๆ เขยิบเข้าไปกอดร่างสูงเอาไว้

     

                            “ผมขอโทษ ขอโทษ....เดี๋ยวจะไปใส่เสื้อผ้าแล้ว โอเคนะ ?”

     

                            ไม่ต้องเล่าต่อก็ได้ แต่ก็อยากบอกให้รู้ไว้ว่าตอนจบของบทสนทนานี้คือ ผมยอมเขาอีกครั้ง...

     

                       ผมลุกขึ้นจากเตียงอย่างเศร้า ๆ ดูเหมือนเขาจะยังไม่ละสายตาไป และเมื่อผมหย่อนขาลงเตียงเท่านั้นแหละ  เสียงทุ้มของคนที่นอนอยู่ก็ดังขึ้นมา...

     

                            แต่มันดันไม่ใช่ประโยคอย่างที่ผมอยากฟังหรอกนะ...

     

                            “คืนนี้นอนที่โซฟาแล้วกัน...นอนที่เตียงเดี๋ยวจะติดหวัดพี่ซะเปล่า”

     

                            .

                            .

                            .

                           

                            ตอนนี้ผมก็เลยอยู่ที่โซฟา.... 

     

                            ยังแอบงงอยู่เหมือนกันว่าสถานะแบบนี้คืออะไร...คนเป็นแฟนกันอีท่าไหน? ทำไมไม่อยากนอนกอดกัน... ทำไม่อยากอยู่ด้วยกัน ทำท่าเหมือนรังเกียจผมด้วยซ้ำไป... 

     

                            ผมนอนห้อยหัวดูทีวีจอพลาสม่าที่อยู่ตรงหน้า  แต่มันดึกแล้วก็เลยมีแต่รายการเพลง แถมมีแต่เพลงเฮิร์ท ๆ  แบบว่าแฟนไม่สนใจ....ไม่เข้าท่า ผมเลยเปลี่ยนช่อง  เจอข่าวเช้าวันใหม่....ฆ่ากันตั้งแต่หัววันเลยหมดอารมณ์ ไม่ดูอะไรทั้งสิ้น.... นอนห้อยหัวอยู่พักใหญ่ท้องผมก็ร้องโครกครากเสียงดัง คงจะเป็นกรรมตามสนองที่ผมปฏิเสธไม่ไปกินต๊อกโปกีกับพวกซูโฮเมื่อหัวค่ำ เพราะจะรีบกลับมาเอาใจแฟนล่ะมั้ง ผมเลยต้องมานอนทนหิวแบบนี้...    

                           

                            ทีแรกก็ว่าจะแอบกินผลไม้ของคนป่วยหรอกนะ แต่ว่าซื้อมาแค่พอกินก็เลยไม่แย่งดีกว่า... 

     

                            “เฮ่อออออ” 

     

                            ผมม้วนตัวกลับมานั่งท่าคนปกติ  มองขวดน้ำแร่ยี่ห้อโปรดของอี้ฟานที่แอบเอามาดวดประทังความหิว เพราะในตู้เย็นไม่มีอะไรอยู่พักนึงเลยตัดสินใจ ย่องเข้าไปในห้องนอนอีกครั้ง...

     

                            คนป่วยหลับสนิท  หลับเหมือนตายเลย แต่ตอนที่ผมค่อย ๆ รูดซิปกระเป๋าโน้ตบุ๊คจะหยิบ            แบงค์หมื่นออกมาจากกระเป๋าตังเท่านั้นแหละ  หันหลังกลับมาอีกที พี่แกก็นอนลืมตามองอยู่แล้วเรียบร้อย

     

                            “จะไปไหน....” 

     

                            “ไปหาอะไรกินครับ...”

     

                            “แล้วทำไมไม่หาอะไรกินตั้งแต่หัวค่ำ .......^$@&##%*@&

     

                            บ่นกันอยู่ชุดใหญ่ ทั้งเรื่องดึกแล้วทำไมไม่นอน เรื่องความสะเพร่าของผม เรื่องที่ว่ากลางคืนแล้วมันอันตราย เรื่องคอนวิเนียนอยู่ไกล ลามไปถึงอาหารแช่แข็งที่ผมจะออกไปซื้อ  พอบ่นเสร็จ หนำใจคนป่วยเลยเพิ่งสังเกตได้ล่ะมั้ง ว่าผมไม่เถียงอะไรออกมาเลยซักคำ เขาถึงได้หยุดบ่น  อี้ฟานกวักมือเรียกผมเข้าไปหาใกล้ ๆ ก่อนจะยัดกระเป๋าตังของเขาทั้งอันมาไว้ในมือ...

     

                            “เอาตังพี่ไปซื้อ แล้วรีบไปรีบกลับด้วยล่ะ....” 

     

                            เขาสั่งแค่นั้น....แค่นั้นจริง ๆ แล้วก็ล้มตัวนอนไปอีก...  ผมล่ะสงสัยจริง ๆ ว่ากลไกการหลับของเขามีปัญหาหรือไง  ทำไมถึงได้สะดุ้งตื่นมาถูกจังหวะทุกที....  

     

                            .

                            .

                            .

                            .

     

                           

                            ผมหอบถุงคอนวิเนียนถุงเบ้อเริ่มเดินเข้าคอนโดสบายใจเฉิบ...

                           

                            แอบสงสารกระเป๋าตังของฮยองนิมเหมือนกัน แต่สมแล้วล่ะ ! อยากทำผมหงุดหงิดหัวใจเองนี่หว่า ผมเลยช้อปหมดไปหลาย เล่นเอาแบงค์ฟ่อน ๆ ของพี่แกหายวับไปค่อนนึง.... นาทีนั้นไม่นึกอะไรแล้วทั้งสิ้น ช้อปแหลกมันอย่างเดียว ! ซื้อมาจะได้กินรึเปล่าก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าหมั่นไส้เจ้าของกระเป๋า !

     

                            สรรพนาม ฮยองนิม นี่ก็ไม่ถูกใจเขานักหรอกนะ แต่ที่ยอมให้ผมเรียก ก็เพราะว่าผมเป็นอภิสิทธิ์ชนน่ะสิ....  

     

                            ผมหัวเราะกับตัวเอง ถอดเสื้อกันฝนออกจากตัวทันทีที่เข้าไปในลิฟต์   กดชั้นที่ต้องการก่อนจะขยำเจ้าเสื้อกันฝนเปียก ๆ ลงไปไว้กับพวกขนมในถุง 

     

                            เดินฮัมเพลงสบายใจ ไขกุญแจห้องเปิดประตูเรียบร้อย.... แต่ทว่า...     

     

                            “ทำไมไม่กางร่มไป...”

     

                         คุณพระช่วย ! เขานั่งอยู่ที่โซฟา... 

     

                            “เห็นมันปรอย ๆ แล้ว..ไม่คิดว่าจะตกหนักลงมาอีก.....”   ผมแก้ตัวก่อนจะหิ้วถุงใบใหญ่ไปวางไว้บนโต๊ะอาหาร  จริง ๆ มันไม่ได้ปรอย ๆหรอก ก็ตอนนั้นมันแอบหงุดหงิด เลยกะเดินฝ่าฝนเป็นพระเอกเอ็มวีบ้างอะไรบ้างก็เท่านั้น

     

                            “แล้วซื้ออะไรมาเยอะแยะ...” พี่แกลุกขึ้นมาจากโซฟา แล้วเดินมาทางผม  ชำเลืองมองของในถุงเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวกลับ

     

                            “..........”

     

                            “สระผมใหม่ก่อนนอนด้วย....เดี๋ยวเป็นหวัด”  

     

                            เขาเดินกลับเข้าห้องนอนของเขา ปิดประตูดังปังแล้วไม่มีทีท่าว่าจะออกมาอีก....    แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...การกระทำของเขาน่ะ.....

     

                            ทำให้ผมอมยิ้ม....  

     

                            เฮ้ย...สาบานจริง ๆ ว่าอมยิ้ม....    อี้ฟานมารอผมเพราะเห็นว่าผมลืมกางร่มไปหรอ.... ให้ตายเถอะ! นี่ผมสามารถเข้าข้างตัวเองได้ใช่ไหม ว่านี่เป็นความโรแมนติคแรกในรอบหลายเดือนที่พี่เขาแสดงออกมา 

     

                            ให้ตายเถอะ.....ผมยิ้มจนปวดแก้มไปหมดเลย....

                            ยิ้มซะจนรู้สึกได้ถึงอะไรเค็ม ๆ ที่ไหลลงมาเปื้อนหน้า....

     

                           

                  ยิ้มทั้งน้ำตาเลยก็ว่าได้....

     

     

    ________________________________

    TALK

     

    เดี๋ยวนะ นี่มันฟิคอะไร...

    ไร้สาระมาก 555อยู่ดีๆ ก็อยากเขียน

    บ้าบอมากเลยค่ะ อ่านแล้วชอบ หรืออ่านแล้ว ไม่เข้าใจก็คุยกันได้นะ

    อารมมันงง ๆ ไปรึเปล่าหว่า 5555+   ขำขำนะ คอมเม้นแก้ไขได้นะจ้ะ 

     

     เราชอบอ่านคอมเม้น 5555+

    ถ้าไม่งั้น ถ้าจะมอยกันในทวิต ก็รบกวนติดแท็ก  #ฟิคคอนเนค

    ด้วยเด้อ...ไว้เข้าไปส่อง อิอิ

     









                           

                            

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×