ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    POISON IVY (BAEKDO | CHANSOO)

    ลำดับตอนที่ #8 : p o i s o n i v y | 07

    • อัปเดตล่าสุด 10 มี.ค. 58


    M





















     

     

     

    งานวิชาการจบลงด้วยรอยยิ้ม เป็นที่น่าดีใจที่คณะการจัดการของเขาได้รับคำชมเชยจากผู้ใหญ่ และไว้วางใจให้เป็นแม่งานในการจัดการประชุมตัวแทนมหาวิทยาลัยในภูมิภาคที่จะถึงในอีกไม่นานนี้ ทุกคนหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง แต่คนที่ดูจะปลื้มปิติที่สุด ก็เห็นจะเป็น อู๋ อี้ฟาน ประธานปีสี่นั่นแหล่ะ

     

                    “เอ้า !! พวกมึง ลุก ๆ ๆ ลุก ให้หมดเลย ห่า ! ทำงานเหนื่อยแทบตาย แบบนี้ต้องเลี้ยง !!

     

                    ตะโกนลั่นตั้งแต่ยังไม่เดินเข้ามาถึงในห้อง มือเรียวที่กำแผ่นกระดาษตีลงกลางกระหม่อมน้อง ๆ ที่นอนหมดอาลัยตายอยากขณะที่เดินผ่าน ก่อนจะใช้เท้ายันประธานปีสามที่นั่งเขม็งอยู่หน้าจอคอมฯ

     

                    “ชานยอล มึงอะตัวดีเลย ลุก ๆ เป็นตัวอย่างให้น้องมันหน่อย” 

     

                    “ผมไม่อยากเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี”

     

                    พูดจบก็เรียกเสียงหัวเราะดังครืนในห้องได้เป็นอย่างดี ชานยอลยิ้มกว้างในขณะที่รุ่นพี่หน้าหล่อถลึงตาใส่ให้ รุ่นพี่ชานยอลในวงล้อมพี่ ๆ น้อง ๆ ช่างดูห่างไกลเสียเหลือเกิน  คยองซูที่มองภาพตรงหน้าก้มลงมองเอกสารในมืออีกครั้ง เขานั่งอยู่ตรงนี้ ห่างแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่ราวกับอยู่คนละโลก

     

                ไม่ว่ายังไงก็หาจุดเชื่อมโยงกันไม่ได้เลย... 

                   

               ชานยอลละสายตาจากคอมพิวเตอร์มาร่วมวงกับคนอื่น ๆ ที่กำลังออกความคิดว่าจะไปกินเลี้ยงกันที่ไหน หางตาก็เหลือบไปสบกับเจ้าของดวงตากลม ที่มองมาทางเขาพอดี

     

               คยองซูก้มหน้าทันทีที่ดวงตาคมคู่นั้นสบตอบกลับมา มือบางจากที่บรรจงเก็บข้าวของ ก็กลายเป็นกวาดทั้งหมดลงกระเป๋าอย่างรวดเร็ว ท่าทีดูลุกลี้ลุกลนซะจนคนที่มองอยู่อดนึกน้อยอกน้อยใจไม่ได้ ทำไมถึงต้องทำท่าเหมือนอยากจะไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดด้วย.... อยู่ที่เดียวกันกับเขามันน่าอึดอัดมากนักหรือยังไง

     

                คยองซูสะพายกระเป๋าพาดบ่าทันที ไม่รอให้คนที่กำลังก้าวมาหาคว้าเอาไว้ทัน ช่วงเวลาที่ผ่านมา หลังจากที่เขาพูดความต้องการออกไปตรง ๆ วันเวลาแบบเก่า ๆ ก็กลับมาอีกครั้ง ไม่มีการพูดคุย ทักทาย หรือ ถามไถ่อะไร มีบ้างที่เขาโค้งหัวให้ และ ร่างสูงก็พยักหน้าตอบ เขาทั้งคู่กลับมาสู่โลกแห่งความจริง กลับมาทำตัวแบบเดิม....  

     

                ทว่าวันสองวันมานี้... เขากลับรู้สึกได้ถึงสายตาที่ดวงตาคมคู่นั้นทอดมองมา บางครั้งที่เขาถูกเรียกเอาไว้ ก็หาทางหนีทีไล่ได้เกือบทุกครั้ง พยายามหลบจากสายตา และหาทางที่จะอยู่กันมากว่าสองคน ทำทุกอย่างที่จะรู้สึกผิดกับแบคฮยอนน้อยที่สุด...

     

                แต่สำหรับรุ่นพี่...มันไม่ใช่

     

                กลายเป็นว่ายิ่งหนี เหมือนยิ่งไล่ทัน ยิ่งหลบ ดวงตาคู่นั้นกลับยิ่งมองหา และมีบางทีที่ดวงตานั้นมองมาด้วยสายตาเว้าวอน ร้องขออะไรที่คยองซูก็ไม่อาจรู้ได้  และไม่อยากรับรู้....

     

                หนักใจ...

     

                “เฮ้ย....ไม่ไปด้วยกันหรอคยองซู”

     

               จงอินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเท้าคางกับโต๊ะทำงานของเขา แล้วพูดเสียงค่อยเสียที่ไหน คนอื่น ๆ ในสโมฯ พอได้ยินเข้าก็หันมาล้อมเขาไว้ พูดแต่ว่า ‘ไม่ไปไม่ได้นะ’ ‘เบี้ยวมาหลายครั้งแล้วนะ’ เซ็งแซ่ไปหมดจนปวดหัว ต้องพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ เมื่อคนอื่นตกลงสถานที่กันได้แล้ว ก็แยกย้ายกันไปที่ของตัวเอง ก่อนจะนัดเจอกันอีกทีตอนสามทุ่ม

     

               คยองซูถอนหายใจเบา ๆ  ใบหน้าขาวเงยขึ้นมา เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องมาทางตนเอง...  รอยยิ้มจากอีกคนที่อยู่อีกโต๊ะ ส่งมา ทำให้ในหัวมันอื้ออึงแปลก ๆ เมื่อรับรู้ได้ว่าคงหนีไม่พ้นอีกต่อไปแล้ว..

     

                ________________________________________________

     

     

                [“เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้....”]

     

                โทรศัพท์มือถือคู่ใจหล่นลงพื้นกระเบื้องข้างตัวทันทีที่ได้ยินข้อความเดิม ๆ เป็นหลายสิบครั้ง ที่วันนี้เขาพยายามโทรหาคยองซู แต่หมอนั่นกลับปิดเครื่อง เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขาเลยซักครั้ง และไม่เข้าใจด้วย ว่าทำไมต้องเป็นวันนี้

     

                เข็มนาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว แต่ร่างหนายังคงนอนคุดคู้อยู่บนโซฟาบุนวม กดเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อย ฆ่าเวลารอใครบางคนโทรมาหา

     

                Rrrrr Rrrrrrrrr

     

                เสียงเรียกเข้าที่ดังลั่นไปทั่วห้อง เรียกให้แบคฮยอนสะดุ้งสุดตัว เอื้อมมือคว้ามือถือเครื่องโปรดมากดรับสายก่อนที่จะมองหน้าจอเสียอีก แต่แล้วปลายสายก็ต้องทำให้เขาผิดหวัง เพราะเจ้าของเสียงไม่ใช่... ไม่ใช่คนที่เขาอยากคุยที่สุดในตอนนี้

     

                [Happy Birthday บยอน แบคฮยอน สุขสันต์วันเกินเว้ยยยย ฮู้วววววว”]

     

                แบคฮยอนจำได้ดีว่าเจ้าของเสียงนั่นคือใคร แต่ก็ยังหมุนหน้าจอโทรศัพท์กลับมาดู เผื่อว่าอาจจะเป็นคยองซูก็ได้

     

                “พี่ลู่หาน”  พูดเสียงเรียบก่อนจะล้มตัวลงนอนกับโซฟาอีกครั้ง

     

                [“เฮ้ย ไอ้นี่ ทำน้ำเสียงให้มันร่าเริงหน่อยดิวะ นี่มันวันเกิดนะเว้ยยย ! ฉลองอยู่ที่ไหนวะ เดี๋ยวกูตามไปกินด้วย ”]

     

                ดวงตาเรียวหรี่มองรอบ ๆ ห้องตัวเอง บนโต๊ะกินข้าวมีบรรดาอาหารสด คาว หวาน วางไว้มากมาย รวมถึงเบียร์หลายขวดที่แช่ไว้ในตู้เย็น กะว่าวันนี้จะดื่มกับคยองซูซะให้หนำใจ ทดแทนที่พี่แทยอนต้องขึ้นวอร์ด*วันนี้ 

     

    หากแต่มองไปทางไหนก็เห็นเพียงความว่างเปล่า บรรยากาศเงียบเหงาโรยตัวอยู่ข้าง ๆ เขาแบบนี้มานานหลายชั่วโมงแล้ว

     

                “อยู่ที่ห้อง...”

     

                [“ห้องคยองซูมันอะนะ ? ...เดี๋ยวกูตามไป ”]

     

                “เปล่าหรอก...วันนี้ผมไม่สบาย”

     

                [“เอ้า !ไม่สบายเป็นไรมากป่าววะ ”]

     

                “ไม่เป็นไร ขอบคุณพี่มากจริง ๆ ยังไงผมขอไปนอนก่อนนะ” กรอกเสียงลงไปจนจบ ก็ตัดสายทิ้งทันที

     

    เป็นอันรู้กันว่าวันเกิดตั้งแต่สมัยม.ปลายมา เขาไม่เคยต้องฉลองคนเดียว เพราะทุกครั้งเพื่อน ๆ จะแห่ไปรวมตัวกันที่บ้านคยองซูโดยไม่ได้นัดหมาย และถึงแม้จะเป็นวันเกิดเขา แต่คุณแม่ของคยองซูก็มักจะทำอะไร อร่อย ๆ ให้กินเสมอ จนเมื่อแม่ของคยองซูไปอยู่โตเกียว ก็ยังมีคยองซูที่อยู่ข้าง ๆ เขาในวันสำคัญแบบนี้

     

                แล้ววันนี้ล่ะ.... 

                ในวันสำคัญแบบนี้ คยองซูหายไปไหน...

     

               แบคฮยอนนึกไม่ออกว่าคนอย่างคยองซูจะมีเพื่อนที่ไหนอีกนอกจากคิมจงอิน แต่โทรไปหลายครั้งแล้วหมอนั่นก็ไม่ยอมรับสาย ถึงได้ส่งข้อความไปแทน จนอีกชื่อหนึ่งผุดขึ้นมานั่นแหล่ะ....

     

                ขออย่าให้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย..... 

     

                เพราะบางที...เขาอาจจะทำอะไรลงไปก็ได้

     

                ติ๊ด !

     

                เสียงข้อความดังขึ้นแทรก ทำให้แบคฮยอนต้องหยุดคิดเรื่องปวดหัวสักพัก หากพอได้อ่านข้อความนั้นแล้ว สิ่งที่คิดกลับยิ่งมาตีรวนในหัวสมองจนยุ่งเหยิง ร่างหนาลุกพรวด กวาดกระเป๋าเงิน กับกุญแจรถแล้วออกจากห้องไปทันที....

     

                คุณกำลังได้รับข้อความ :

                จงอิน “อยู่ที่ร้าน XXX กับพวกสโมฯ คยองซูมันกลับได้ เดี๋ยวให้ติดรถพี่ชานยอลไป”

     

    ________________________________________________

     

                เสียงดนตรีเบา ๆ ดังคลอไปกับเสียงอันไพเราะของนักร้องสาวที่นั่งดีดกีต้าร์อยู่บนเวที เรียกเสียงเฮให้กับหนุ่มนักศึกษากลุ่มใหญ่ที่ลากเก้าอี้มานั่งต่อกันจนยาวเป็นหางว่าวได้เป็นอย่างดี ขวดเหล้าเบียร์นานาชนิด กับแกล้มหลากหลายก็พร่องไปเยอะ หากแต่คนที่คุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้น้อยที่สุดอย่างคยองซู ก็ยังไม่ฟุบหลับไปคาโต๊ะอย่างที่ใคร ๆ ปรามาสไว้

     

                “เฮ้ยยยย....อีกแก้วดิวะ โห่...อยากเห็นโด คยองซูตอนเมาบ้างว่ะ”

     

                เพื่อน ๆ บนโต๊ะต่างก็แย่งกันเติมเหล้าให้คยองซูใหญ่ เชียร์ให้หมดแก้ว หมดแก้วท่าเดียว ทำให้คนที่ถือเหล้าเพียว ๆ อยู่ในมือต้องหันไปขอความช่วยเหลือเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

               

                “พอแล้ว ๆ ...เดี๋ยวกูต้องพาคยองซูมันกลับบ้านอีก ถ้ามันเมาแล้วใครจะลากมันกลับวะ !”จงอินตะโกนแข่งเสียงเชียร์  แต่แทนที่จะเงียบกลับยิ่งตะโกนดังขึ้นเรื่อย ๆ พร้อม ๆกับโห่ไล่เจ้าคนจุ้นจ้านให้กระดกเพียว ๆ เป็นเพื่อนคยองซูอีก

     

                “โหยยยยอะไรรรร วันนี้มันวันเสาร์นะโว้ยยย จะเมาก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่หว่า !!!

     

                “ใช่ ๆ ! จงอินมึงนี่ไม่ใจเลย ไปกระดกกับคยองซูมันเลย เอ้า !

     

                “โอเค...กูกับคยองซูแดกแก้วนี้เสร็จก็ให้มันกลับบ้านเลยแล้วกัน”

     

               จงอินรับแก้วเป๊กมาถือในมืออย่างเสียไม่ได้ หันไปพยักเพยิดกับร่างบางที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามให้รีบ ๆ ดื่มเสียให้หมด ไอ้พวกปากปีจอจะได้ปล่อยกลับบ้านไปซักที แต่ไม่ทันที่ใครจะได้กระดกเหล้าเพียวเป๊กนั้นเข้าไป แก้วใสที่มือเรียวของร่างบางก็ถูกแย่งไปเสียก่อน

     

                “เฮ้ย !!

     

              เสียงอุทาน และทุกสายตาหันมาให้ความสนใจกับร่างสูงที่ยืนอยู่เหนือคยองซูขึ้นไป รุ่นพี่ชานยอลนั่นเองที่เข้ามาแย่งเหล้าในมือของร่างบาง กระดกรวดเดียวหมด แถมแย่งขวดที่อยู่ในมือรุ่นน้องข้าง ๆ ที่ทำท่าจะเติมให้คยองซูตลอดเวลามากระดกเสียให้หมดทีเดียว

     

                “หมดแล้วนะ....ถ้างั้น”  เสียงนุ่มเอ่ยกับทุกคน ก่อนท้ายประโยคจะก้มลงมองคนร่างบางที่กำลังเงยหน้ามองเขาอยู่ “ขอเวลาเดี๋ยวนะ ?”

     

    ________________________________________________

     

               คยองซูเดินตามหลังร่างสูงออกมาจนถึงด้านนอกของร้าน บรรยากาศโรแมนติกไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ที่ประดับตามต้นไม้ใหญ่ สีฟ้าขาวสลับกันไป กับลมเย็น ๆ ที่พัดมาพอควร เหล่านี้ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นเลยซักนิด หากใบหน้ากลับร้อนผะผ่าวไปหมด ลามลุกเหมือนจะไหม้ไปถึงลำคอ... 

     

                ทำอะไรไม่ถูก....

     

                “...เอ่อ.....”

     

    “ครับ ?”

     

                ใช่ว่าคยองซูคนเดียวเสียที่ไหนที่ทำอะไรไม่ถูก  ร่างสูงที่อึกอัก พูดอะไรไม่ออกก็เป็นเช่นกัน แต่หลายวันที่ผ่านมานี้ เขาคิดดีแล้ว และอยากจะเคลียร์กับร่างบางนี่เสียที ทำอะไรอย่างที่ใจอยากทำบ้าง แทนที่จะทำตามครรลอง เหมือนที่ผ่าน ๆ มา

     

                เผื่อจะมีอะไรดีขึ้นบ้าง....

                อย่างน้อย ๆ ก็กับจิตใจของเขา...

     

                “ที่นายเคยถาม....ว่า...ฉันรู้จัก ‘รัก’ ไหม...นั่นน่ะ.....” 

     

                “...............”

     

                “ฉันอยากจะลองดู”

     

                ได้ผล.. คยองซูไม่หลบตาเขาเหมือนทุกครั้ง เวลาที่เขามองไป หากแต่ตอนนี้นัยน์ตาคู่สวยนั่นจ้องกลับมาเหมือนจะหาคำตอบอะไรบางอย่างในตัวของเขา  แต่กลับเป็นตัวเขาที่ได้คำตอบ สายตาไม่แน่ใจ สับสน ว้าวุ่นทั้งหมดรวมกันอยู่ที่ในดวงตาคยองซู...

               

                “ฉันหมายถึง...อยากจะลองรักใครซักคนดู....คิดว่านายคงจะช่วยสอน...”

     

                “ผม.....”  คยองซูสวนขึ้นมา “ผมสอนพี่ไม่ได้หรอกครับ....”

     

                “.......”

     

                “แม้แต่ตัวเอง...ผมยังเอาไม่รอด...แล้วอย่างนี้จะไปสอนพี่ได้ยังไงล่ะครับ...” หัวเราะเบา ๆ ด้วยความสมเพช  สงสารตัวเองเหลือเกิน

     

                “คยองซู....”

     

                “ผมมีรักข้างเดียวครับ...เพราะงั้น..ผมไม่รู้จักหรอก ความรักอะไรนั่น...ผมก็แค่ถามพี่ เผื่อว่าพี่จะรู้ว่าการรักใครซักคนมันควรต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง.....”

     

                “.......”

     

                “ผมไม่เข้าใจว่าการมีความสุขจากความรักที่ใจตรงกันมันเป็นยังไง ผมรู้แค่ว่ามีความสุขเวลาที่คนที่ผมรักมีความสุขก็แค่นั้น....แล้วพี่จะต้องการเรียนรู้ไปทำไมล่ะครับ บทเรียนที่ต้องเจ็บปวดอยู่แบบนี้”

     

               คยองซูไม่รู้สึกอะไรแล้ว แม้แต่หัวใจของเขาก็เหมือนจะด้านชา ชินไปกับการเวลา แต่วันนี้ ตอนนี้ แล้วทำไม เขาไม่เข้าใจว่าทำไม ต้องต่อหน้าคน ๆ นี้ หัวใจชาชินกลับเต้นเร้า บีบแน่น ทำให้เขาเจ็บได้ขึ้นมาอีก แม้แต่ลำคอแห้งผากกลับปวดหนึบไปหมด

     

                คนตรงหน้าร้องไห้เหมือนจะขาดใจ แต่คนเก่งอย่างชานยอลกลับทำอะไรไม่ได้เลย ไม่รู้แม่แต่วิธี ที่จะทำยังไงให้ผู้ชายคนหนึ่งหยุดร้องไห้ได้  ได้แต่เฝ้าถามตัวเอง ว่าใครกันที่โชคดี ทำให้คน ๆ หนึ่งรักหมดใจได้ขนาดนี้.... 

     

                มือใหญ่สองมือเกี่ยวรัดเอวคอดให้ค่อย ๆ เข้ามาแนบชิดลำตัว ก่อนจะลูบปลอบประโลมแผ่นหลังสั่นเทานั่น ให้คลายความเสียใจ ใช้ภาษากายบอกอีกฝ่ายว่ายังมีเขาอยู่ตรงนี้ ใช้วิธีแบบนี้ แม้อีกฝ่ายจะเป็นผู้ชายเหมือน ๆ กัน แต่แค่นี้ก็ทำให้ชานยอลเข้าใจได้แล้ว ว่าเขาไม่ได้แคร์อะไรเลยกับที่คยองซูเป็นผู้ชาย

     

                ไม่แคร์แม้จะมีใครมองเห็น ว่าเขาสองคนคือผู้ชายสองคนที่ยืนกอดกัน....

     

                ไม่แคร์...แม้คน ๆ นั้น....

     

                คือแบคฮยอน....

     

     

                ________________________________________________

     

                TBC

     

           

           แท็ก #พซอว นะคะ  
           สุขสันตว์วันปีใหม่ทุกคนเลยนะคะ ><  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×