ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    POISON IVY (BAEKDO | CHANSOO)

    ลำดับตอนที่ #7 : p o i s o n i v y | 06

    • อัปเดตล่าสุด 10 มี.ค. 58


    M





















     

     


                

                  

     

     “แบคฮยอน...แบคฮยอน” 

     

                    เสียงหวานร้องเรียกคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ดวงตาเรียวยังคงเหม่อลอยออกไปด้านนอก  จนกระทั่งเธอต้องเอื้อมมือไปสะกิดนั่นแหละ อีกฝ่ายถึงได้กลับมาสนใจกัน  ร่างหนามองพนักงานที่กำลังเสิร์ฟอาหารทีละจาน ทีละจานบนโต๊ะ ก่อนจะผายมือให้คนตรงหน้า 

     

                    “อาหารมาแล้ว...กินกันเถอะครับพี่” 

     

                   แบคฮยอนหยิบช้อนส้อมขึ้นมาชูที่ระดับสายตา  แววตาหม่นสีเมื่อครู่กลับมาดูซุกซนอีกครั้งเมื่อเขามองหน้าเธอ แต่แทยอนรู้ว่าชายหนุ่มมีอะไรต้องคิดอยู่ในใจ อะไรที่ไม่สามารถบอกคนที่อยู่ในฐานะแฟนอย่างเธอได้ อะไรที่ทำให้เขาต้องคอยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดข้อความทุก ๆ สิบนาที....

     

                    อะไรทั้งหมดนั้น...ที่ทำให้เธอรู้สึกแย่...

     

                    “คิดอะไรอยู่เมื่อกี้นี้....” พูดพลางหันชิ้นเนื้อเข้าปาก เธอไม่ได้มองหน้าเขาหรอก แต่ก็รู้ว่าแบคฮยอนทำหน้าแบบไหน เมื่อส้อมที่ม้วนเส้นสปาเก็ตตี้หยุดชะงักลง แต่เพียงแวบเดียวเท่านั้นแหล่ะ พอเธอเงยหน้าขึ้นมา เขาก็ปั้นหน้าปกติเหมือนเดิม

     

                    “เปล่านี่ครับ....ก็แค่มองดูอะไรเรื่อยเปื่อย....” แบคฮยอนก้มลงไปหยิบถุงกระดาษที่อยู่บนเก้าอี้ตัวข้าง ๆ เขาขึ้นมา แล้วเลื่อนมาไว้ตรงหน้าเธอ “อันนี้คยองซูเขาฝากมาคืน”

     

                แทยอนวางมีดกับส้อมลง ยกผ้าขึ้นมาเช็ดริมฝีปาก “....กับคยองซูนี่ สนิทกันมานานเท่าไหร่แล้วหรอ ?”

     

                   ถ้าถามว่าคิดดีแล้วหรือที่ถามแบบนี้....คงต้องตอบว่า ใช่ วันนี้เธอได้เห็นสีหน้าหลากหลายของ บยอน แบคฮยอน จอมทะเล้น มากขึ้น และอยากเห็นให้มากขึ้นอีกจึงพูดถึงชื่อนั้นออกไป... แล้วก็จริง นอกจากแววตาหม่นสี ใบหน้าหงุดหงิด อาการแปลก ๆ แบคฮยอนแสดงให้เธอเห็นเสียหมด ไม่รู้ว่าเผลอหรืออะไร แต่ทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นเพราะชื่อเพียงชื่อเดียว...

     

                    คยองซู...

     

                    “ก็นานครับ....” แบคฮยอนหยุดพูด เคี้ยวสปาเก็ตตี้ในปากตุ้ย ๆ “ตั้งแต่ม.ปลายแหน่ะ”

     

                    “แล้วเขาไม่มีแฟนหรอ ?” แบคฮยอนเงยหน้ามองผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนเขาอยู่ตอนนี้ หล่อนยิ้มที่มุมปากเล็ก ๆ พลางเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม 

     

                    “ไม่มีหรอกครับ” 

     

                    “....งั้นหรอ...แล้วคนที่ชอบล่ะ...ไม่มีหรือไง ?”

     

                    “พี่อยากจะรู้ไปทำไมหรอครับ ?”   แบคฮยอนสวนขึ้นมาเสียงห้วน เด็กน้อยเอ๋ย...คงไม่รู้ตัวเองสินะว่กำลังแสดงท่าทีแบบไหน.... นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงแบบนี้ น่าตลกดีจริง ๆ กับคนที่นัยน์ตาทะเล้น ขี้เล่น และดูท่าทีว่าจะไม่มีใครตามไล่ทันแบบแบคฮยอน กลับมาแสดงอารมณ์หงุดหงิดใส่เธอ ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนจีบเธอแท้ ๆ

     

                    แต่ไม่ถึงนาที ก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ตัวว่าเผลอพูดออกไปด้วยน้ำเสียงแบบไหน ถึงยื่นมือมากุมมือเธอเอาไว้  ริมฝีปากก็ฉีกยิ้มเหมือนไม่มีอะไร... 

     

                    “ก็ผมหวงพี่นี่นา....จะอยากรู้เรื่องคยองซูไปทำไมกัน...พี่สนใจเขามากกว่าผมหรอครับ”

     

                    “ฉันก็แค่ถาม....”  แทยอนมองเรียวมือที่กุมมือเธอไว้ แรงบีบเบา ๆ กับดวงตาแวววาวนั่นกลับมาเป็นแบบเดิมอีกครั้ง

     

                    “อย่าไปสนใจเขาเลยครับ....หมอนั่นมีคนที่ชอบอยู่แล้วล่ะ...” แบคฮยอนหัวเราะกับตนเอง ก่อนจะยิ้มให้รุ่นพี่สาวสวยดีกรีนักศึกษาแพทย์ที่เขาตามจีบอยู่นานสองนาน  เอื้อมมือไปตักซุปผักโขมไปให้หล่อน ก่อนจะชวนคุยเรื่องอื่น ๆ แทนที่เรื่องของคยองซู...

     

    เรื่องของคยองซูไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจ... ก็แค่เรื่องของคนที่แอบชอบเพื่อนตัวเอง.. 

     

    ใช่ เพราะฉะนั้นเพื่อนรักอย่างเขา จะต้องพาคยองซูคนเก่าที่ตัวเองคุ้นเคยกลับมาให้ได้ เพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้งอย่างสนิทใจ...

     

                  เพราะ คยองซูควรจะรู้เอาไว้

                       ว่าการที่ชอบผู้ชายด้วยกันมันผิด...

     

    ________________________________________________

     

     

                    “แล้วตรงนี้....ต้องเขียนว่าอะไรครับ...”

     

                   คยองซูหันไปถามคนที่ยังคงรัวแป้นพิมพ์อยู่ข้าง ๆ ดูเหมือนเจ้าของโต๊ะจะไม่ได้ยินที่เขาพูดเลยแม้แต่น้อย เพราะสายตาคมยังจับจ้องอยู่ที่ตัวอักษรยาวเป็นพรืดในจอคอมพิวเตอร์ รูปหน้าเรียว ดวงตาคม จมูกที่โด่งเป็นสัน แถมริมฝีปากหนานั่นอีก...

     

                    ไม่รู้ว่าพระเจ้าปั้นออกมาได้ยังไง รุ่นพี่ชานยอลเกินคำว่าดูดีไปมาก ทั้งบุคลิก ลักษณะท่าทาง การพูด น้ำเสียง อะไร ๆ ก็ดูเหมือนจะเพอเฟ็คไปหมด เมื่อเทียบกับเขาแล้ว ยังไม่ติดฝุ่นเลยด้วยซ้ำ....

     

                    “...พักก่อนดีมั้ย” น้ำเสียงทุ้มเรียกให้ตื่นจากภวังค์ ราวกับจะบอกว่าเขากำลังจ้องใบหน้าของเทพบุตรนานเกินไปเสียแล้ว นานจนร่างสูงรู้ตัว สีหน้าของรุ่นพีเหมือนไม่รู้จะปั้นออกมาให้เป็นอารมณ์แบบไหนกำลังมองมาทางนี้ คยองซูก็เหมือนกัน ร่างบางไม่รู้ว่าควรจะทำหน้าแบบไหนดี ในเมื่อความร้อนมันแผ่ซ่านไปหมดจนถึงลำคออยู่แบบนี้

     

                    “เอ่อ...งั้นทานบะหมี่กันดีไหมครับ ?”

     

                   คยองซูเดินไปหยิบชามบะหมี่ดำที่มาส่งให้ตั้งแต่เมื่อสามชั่วโมงที่แล้ว ฉีกพลาสติกซีนชามทั้งสองชามออก แล้วเลื่อนไปให้คนที่นั่งมองเขาอยู่ทุกการกระทำ ส่วนของตัวเอง ก็วางไว้ตรงหน้า ยังกินไม่ได้ เพราะรุ่นพี่ไม่ยอมละสายตาไปซักที....

                   

                “..............”

     

    พี่อยากพูดอะไรรึเปล่าครับ....”

     

                    กลั้นใจถามออกไป ทั้ง ๆ ที่พยายามเลี่ยงการปะทะแบบนี้มาตั้งแต่ตอนกลางวัน คยองซูพยายามปั้นหน้าให้นิ่งที่สุด เขารู้ว่ารุ่นพี่ชานยอลจะพูดอะไรหากเขาถามคำถามนี้ออกไป แต่เขาก็ยังถาม....เพราะบรรยากาศแบบนี้มันไม่ดีเท่าไหร่

     

    ......ยิ่งโดยเฉพาะเวลาที่อยู่ด้วยกันแค่สองคน

     

                    “เอ่อ.....” ชานยอลอ้ำอึ้ง เม้มริมฝีปากหนาแน่น ก่อนจะตัดสินใจพูดคำถามเหมือนที่ใจสงสัยออกไป

     

                    “...........”

     

                    “ทำไม....ถึง...ร้องไห้ ?”

     

                   คยองซูนิ่ง ไม่ผิดเลย คำถามที่เขาต้องการเลี่ยงมาตลอด

     

                “...ไม่มีอะไรครับ”

     

                “โด คยองซู”  น้ำเสียงทุ้มนั้นราวกับจะเอ็ดเบา ๆ โทษฐานที่เขาโกหกกันหน้าด้าน ๆ คยองซูแค่รู้สึกว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะขุดคุ้ยเรื่องที่มันผ่านไปแล้วขึ้นมาพูดกันอีก พูดไปก็รังแต่จะทำให้อึดอัดซะเปล่า ๆ

     

                “ไม่มีอะไร ก็คือไม่มีอะไรจริง ๆ ครับ”

     

                “พี่รู้ว่านายโกหก” 

     

                ชานยอลมองหน้าคนร่างบาง พยายามค้นหาคำตอบในดวงตากลมที่เงยขึ้นสบกัน แต่หาไม่เจอ.....หาไม่เจอจริง ๆ ....เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไม คนร่างบางต้องร้องไห้ ไม่เข้าใจสายตาคู่นี้ ที่เหมือนกับว่ามีอะไรมาทำให้ต้องปิดกั้นตัวเองจากการมองเห็นของคนอื่นอยู่ตลอดเวลา....

     

                อยากรู้.....อยากเข้าใจ....

     

    “...พี่เคย....รู้จักคำว่ารักไหมครับ ?” เงียบอยู่นาน คนร่างบางก็เป็นฝ่ายทำลายกำแพงลง คยองซูถามเป็นคำตอบ เล่นเอาคนที่ฟังอยู่ถึงกับขมวดคิ้ว ถามตัวเองอยู่บ่อย ๆ ว่าความรักคืออะไร เขาก็สงสัยเหมือนกัน ว่าความรักคืออะไร ทำไมใครบางคนที่เขาพร่ำบอกคำนี้ให้ ถึงได้ทิ้งมันไป....

     

    ทั้ง ๆ ที่เขาก็พยายามแล้ว...

     

                    “...............”  เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบ ร่างบางจึงพูดต่อ

     

                    “ผมอึดอัด...ผมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่พี่ต้องมารับผิดชอบอะไร พี่อาจจะไม่ได้ชอบผู้ชายเลยด้วยซ้ำ ที่พี่ทำไปมันเป็นแค่เรื่องผิดพลาด” เม้มริมฝีปากแน่น “ผมไม่อยากให้มันเลยเถิด...เราควรจะลืมมันไป เพราะมันเป็นแค่เรื่องผิดพลาด....”

     

    ฉันไม่ได้รังเกียจผู้ชาย...”

     

                “....................”

     

                “ฉันหมายความว่าอย่างนั้นจริง ๆ ไม่ได้รังเกียจเรื่องพวกนี้ด้วยซ้ำ”

     

                “.....พี่ชานยอลครับ....” ร่างบางหลุบตาต่ำลง มองปลายเท้าตัวเอง ที่ผมหมายถึง....คือเราไม่ได้รักกัน....เราผิดพลาด”  ชานยอลนิ่งงันไปพัก รู้สึกเหมือนโดนไม้เบสบอลหวดเข้ากลางศีรษะ

     

                    “แต่...ถึงอย่างนั้น....” 

     

                    “พี่ไม่ควรจะมานั่งรู้สึกผิดอะไรเลย” คยองซูสวน  “อย่าทำแบบนี้เลยดีกว่าครับ..ก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องขึ้น ผมกับพี่ไม่มีอะไรเชื่อมโยงกันเลย ทำให้มันเป็นเหมือนเมื่อก่อนเถอะครับ....” 

     

                    ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ บรรยากาศสีเทาโรยตัวลงรอบบริเวณ ช้า ๆ หากแต่ยิ่งทวีความน่าอึดอัด ยิ่งอยู่ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก ลมหายใจเหมือนขาดห้วงทุกทีที่มองหน้ารุ่นพี่ที่เคารพ

     

                    พูดออกไปแล้ว... ทั้งที่ควรจะโล่งใจ แต่กลับกลายเป็นว่า พอได้เห็นสีหน้างุนงงของร่างสูงกลับยิ่งพูดอะไรไม่ออก...

     

                    รุ่นพี่ชานยอลทำสีหน้าเหมือนไม่เขาใจว่าเขากำลังต้องการจะพูดอะไร ทั้ง ๆ ที่เขาได้พูดทั้งหมดออกไปแล้ว เราไม่ได้รักกันเลย แล้วอย่างนั้นจะคบกันไปทำไม เขาไม่ใช่เกย์ และถ้าจะมีใคร ที่เขารู้สึกชอบ

     

                    คน ๆ นั้นก็คือแบคฮยอน...

                   แบคฮยอน แค่คนเดียว...

     

                เคยเข้าใจว่าความรักเป็นเรื่องที่สวยงาม แต่ขณะเดียวกันมันก็ทั้งเจ็บแสบ เหมือนมีหนามแหลมรัดหัวใจ กรีดลงบนกล้ามเนื้ออ่อนให้ค่อย ๆ คายความสุขออกมาทีละน้อย....

     

                เพราะงั้นคยองซูถึงได้เข้าใจดี...

                ความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคน....

     

                หรือไม่ก็คน ๆ เดียว...

                ฝ่ายเดียว.... 

     

                รุ่นพี่ชานยอลไม่ควรต้องมาจมปรักอยู่กับเรื่องที่เราทั้งสองคนก็ต่างไม่ได้ตั้งใจ ....

     

    มือเรียวใช้ตะเกียบคีบเส้นบะหมี่ดำในชามตรงหน้า เพียงแค่สองสามคำเท่านั้น ก็คว้าทั้งชามเดินไปทิ้งที่ถังขยะ ก่อนจะหันมารวบเอกสาร เก็บข้าวของทั้งหมดลงกระเป๋า ทิ้งให้ร่างสูงนั่งมองอยู่อย่างนั้นนิ่ง ๆ

     

                    บางทีรุ่นพี่คงจะคิดอะไรจากที่เขาพูดไว้ได้บ้าง......

     

    ________________________________________________

     

                            TBC

      

     

           

                แท็ก #พซอว นะคะ
               ขอบคุณนะคะ สำหรับคำอวยพร ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง 


              จริง ๆ แล้ว ฟิคเรื่องนี้ไม่คิดว่าจะมีคอมเม้น มีคนอ่านขนาดนี้เลย ดีใจมาก มีความสุขที่ได้เห็นคอมเม้นดี ๆ + ฟีดแบ็คใน Twitter ขอบคุณมากนะคะ ถือเป็นของขวัญสำหรับทุก ๆ วันให้มีกำลังใจในการเขียนต่อเลย แฮ่ ๆ  

               แล้วก็
    สุขสันต์วันปีใหม่ล่วงหน้า ถ้วนหน้า เลยนะคะ <3  จะพยายามให้มากขึ้นกว่านี้ค่ะ   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×