คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : p o i s o n i v y | 05
“แบคฮยอน...แบคฮยอน.....”
เสียงตะโกนเรียกดังไปทั่วระเบียงทางเดิน เจ้าของชื่อที่เดินลิ่วๆนำหน้าไม่สนใจคนที่ตามมาซักนิด ร่างหนาทำแค่ก้าวขาที่ยาวกว่าไปเรื่อยๆ จนร่างบางเข้ามาประชิดตัวได้นั่นแหละ คยองซูถึงรีบเอื้อมมือไปคว้าแขนเสื้อของแบคฮยอนเอาไว้แน่น ร่างบางงอตัวหอบแฮ่ก ก่อนจะหยัดยืนขึ้น มองคนที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์อย่างไม่เข้าใจ
“ตามมาทำไม” แบคฮยอนบ่นงุบงิบด้วยความหงุดหงิด ใบหน้าเสหันไปอีกทาง
“....โกรธอะไร ?” คยองซูถาม ทำไมเข้าจะไม่รู้ว่าแบคฮยอนกำลังโกรธ เพียงแต่ไม่รู้ว่ากำลังโกรธด้วยเรื่องอะไร ทำไมถึงได้หงุดหงิดขนาดนี้..
“ไปสนิทสนมกับชานยอลมันมาตั้งแต่เมื่อไหร่”ถามเสียงห้วน ในขณะที่ก็ยังจ้องมองใบหน้าขาว แบคฮยอนไม่คิดจะเรียกบุคคลที่สามว่าพี่ ไม่เคยคิด และไม่คิดจะทำด้วย เพราะงั้นคยองซูถึงได้ทำสีหน้าแบบที่เขาไม่เคยได้เห็นเมื่อพูดถึงชื่อนั้น มันเหมือนกับตอนที่เขาไปเจอทั้งคู่กำลังอยู่ด้วยกันที่ทางหนีไฟสองต่อสอง แววตาเป็นกังวล สับสนของคยองซูทำให้เชื่อได้ยาก ถ้าบอกว่าไม่ได้สนิทอะไรกันนัก...
แล้วเหตุการณ์ที่เจอชานยอลเมื่อเช้าที่คอนโด กระเป๋าสตางค์ แถมยังที่เรียกเพื่อนเขามาเจอพูดถึงแต่เรื่องอะไรที่เขาไม่เข้าใจนั่นอีก... มันคืออะไร... ?
ไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่ชานยอลจะเข้ามาวุ่นวายกับคนข้างตัว
เพราะงั้นถึงได้เกิดความรู้สึกแบบนี้...
ไม่ชอบ....
“ไม่ได้สนิท...” คยองซูหลบตาเรียว ที่จ้องใบหน้าของตนนิ่ง ร่างบางเสหันไปอีกทาง ไม่อยากจะนึกถึงรุ่นพี่คนนั้นอีก ...เพราะมันพาลให้นึกไปถึงเหตุการณ์ที่ไม่มีใครต้องการให้เกิด....
เหตุการณ์ทีตอกย้ำ... ว่าเขารักแบคฮยอนจนหน้ามืด...
รักซะจนเก็บเอาไปฝัน....
จนมันกลายเป็นฝันร้ายที่กัดกินหัวใจของเขาอยู่อย่างนี้
แบคฮยอนกระชับใบหน้าเล็กให้เงยขึ้นสบตากับตน จนแล้วจนรอดร่างบางก็ยังเสมองไปที่ทางอื่น “ฟังนะคยองซู...นายเป็นเพื่อนสนิทของฉัน...เพื่อนสนิทแค่เพียงคนเดียวที่ฉันมี.” นั่นยิ่งทำให้คิ้วที่ขมวดอยู่แล้ว พันกันยุ่งเหยิงไปหมด
แบคฮยอนต้องการอะไร....
“กับพี่ชานยอลก็ไม่ได้สนิทอะไรขนาดนั้น....” เหมือนเข้าใจอะไรมากยิ่งขึ้น คยองซูตอบ หากน้ำเสียงแผ่วลง แบคฮยอนคงแค่กลัวว่าเขาจะยื่นมือไปหาใครได้อีกนอกจากตัวเอง...
ผิดแล้วล่ะบยอนแบคฮยอน....
คยองซูจะยื่นมือไปหาใครได้อีก.... แค่เอื้อมไปให้ถึงคนที่อยู่ข้าง ๆ ตัวเองยังไม่กล้า....
แล้วจะกล้ารักใครใหม่ได้อีกหรือ?...
“งั้นหรอ...แล้วไอ้ที่มันมานอนค้างบ้านนายเมื่อคืนมันอะไรกันล่ะ !”
แบคฮยอนรู้สึกหงุดหงิดจนตวาดเสียงดังโดยไม่รู้ตัว มองคนตรงหน้าที่เงยหน้าขึ้นตามแรงมือแต่ไม่ยอมสบตากับตัวเอง นี่คืออะไร? ไม่มองหน้ากันแบบนี้มันคืออะไรกันโดคยองซู ! ร่างหนาไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันต่อยอดไปจนเกือบจะถึงคำว่า ‘โมโห’ รู้แต่ว่าตัวเองกำลังหงุดหงิด ถึงได้ข่มท่าทีเอาไว้ เพราะแม้แต่ตัวเองยังไม่เข้าใจเท่าไหร่ ว่าทำไมถึงได้หงุดหงิดได้ขนาดนี้
ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าแค่โกรธคยองซูที่ไปทำตัวสนิทสนมกับคนที่ไม่ชอบขี้หน้าเขาเท่านั้น..
ก็เท่านั้น...
“พี่อี้ฟานฝากเขาขึ้นรถมาด้วย แต่เมื่อคืนพี่เขาเมามาก จำทางกลับบ้านไม่ถูกเลยต้องพาไปนอนที่ห้อง.....แค่นั้นเอง”
แค่นั้นเอง....?
แค่นั้นสำหรับคยองซู
แต่สำหรับแบคฮยอนมันไม่ใช่ ‘แค่นั้น’
ไม่รู้ว่าร่างบางรู้ตัวรึเปล่า... แต่ตั้งแต่คบกันมา คยองซูไม่ใช่คนที่จะให้ ใคร หน้าไหนมาค้างด้วยง่าย ๆ ทั้งที่ไม่ได้สนิทสนมกันดี....
“............” ร่างหนาเงียบปาก รอดูคนตรงหน้า ที่กำลังพยายามจะเอ่ยอะไรบางอย่างออกมา คยองซูหลบสายตาเขาอีกแล้ว....
ครั้งที่สามของวัน....
คยองซูไม่เคยเป็นแบบนี้....
แล้วจะไม่ให้หงุดหงิดยังไงไหว...
“....แบคฮยอน.....”
“........อะไร”
“....อย่าโกรธเลยนะ”
แบคฮยอนกลอกตา พยายามจะกดความรู้สึกหงุดหงิดลงไป ถอนหายใจ เป่าปากลดอุณหภูมิในหัวสมองตัวเอง ก่อนจะเอื้อมมือไปจับที่ไหล่ลาด ที่กำลังสั่นเล็ก ๆ ปลอบใจตัวเองว่าคงไม่มีอะไรหรอก เขาคงหงุดหงิดหัวเสียไปเอง ที่เห็นคนตรงหน้าอยู่กับคนที่เขาเกลียดขี้หน้า...
คยองซูก็เป็นแบบนี้เสมอแบคฮยอนรู้ดีที่สุด ร่างบางน่ะเอะอะอะไร ‘ก็ไม่เป็นไร’ ‘ไม่เป็นไร’ ปฏิเสธใครไม่ค่อยจะเป็น เวลาต้องทะเลาะกับใครก็อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ปล่อยให้คนอื่นเค้าคิดมากมายไปต่าง ๆ นานา ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองซักเท่าไหร่
เพราะงั้นใจเย็น ๆ บยอนแบคฮยอน....
ความรู้สึกแบบนี้ ก็แค่หวงเพื่อนเท่านั้นแหล่ะ
“โอเค โอเค..” ในที่สุดก็ทำลายความเงียบลง ริมฝีปากหยักเอ่ยออกมาเสียงอ่อน ก่อนจะเอื้อมมือไปวางที่ไหล่บางของคนตรงหน้า ดวงตาเรียวมองสบตากลม จ้องเขม็ง ออกอาการจริงจังอย่างที่ไม่ค่อยจะได้แสดงออกมาบ่อยครั้ง “แต่ถ้าเป็นไปได้ อย่าไปสนิทกับหมอนั่นนักเลย นายก็รู้ว่าเขาไม่ชอบขี้หน้าฉัน แล้วฉันก็ไม่อยากรู้สึกเหมือนถูกแย่งเพื่อนด้วย ยังไงก็แล้วแต่นายเป็นเพื่อนที่สำคัญที่สุด.....นะคยอง ?”
คยอง...
เอาอีกแล้ว แบคฮยอนเรียกเขาแบบนี้ด้วยน้ำเสียงแบบนี้อีกแล้ว คยองซูเม้มริมฝีปากแน่น....อยากจะใช้ฟันซี่เล็กขบให้เจ็บ ไอ้รู้สึกที่กักเอาไว้จะได้ไม่ฟุ้งซ่านขึ้นมาอีก เพราะทุกครั้งที่แบคฮยอนเรียกเขาแบบนี้มันทำให้ร่างบางรู้สึกว่าตัวเองน่ะ...สำคัญเสียเต็มประดา
‘แย่งเพื่อน’ อีกคำที่สะกิดใจคยองซู เขาไม่รู้ว่าแบคฮยอนจงใจจะทำร้ายด้วยคำพูดแบบนี้อีกนานแค่ไหน ด้วยสีหน้าเอาใจใส่ ไหนจะน้ำเสียงนุ่มเชิงขอร้องแกมบังคับนั่นอีก...
คยองซูพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ ขณะที่อีกคนอมยิ้ม สิ่งที่เขากลัวจะไม่มีวันเกิดขึ้น คยองซูจะเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว และจะเป็นแบบนั้นตลอดไป
ตลอดไป....
________________________________________________
“โอ้ย...เหนื่อยโว้ยยยยย”
อี้ฟานตะโกนลั่นไปทั้งห้องสโมสรฯ รุ่นน้องสี่ห้าคนที่นั่งเย็บเอกสารงานวิชาการหันมาหัวเราะคิกคัก แล้วก็ต้องเงียบเสียงลงเมื่อโดนถลึงตาใส่ รุ่นพี่ใหญ่ที่สุดในห้องไถตัวเองไปกับเก้าอี้ทำงานแบบถูก ๆ ไปยังโต๊ะประธานปีสาม ที่เจ้าของตำแหน่งยังคงนั่งนิ่ง ทอดสายตามองที่จอคอมอยู่ ตั้งแต่ก่อนเขาจะลงมือพิมพ์รายงานเสียอีก...
“เฮ้ย ๆ..ดินเนอร์นี้ไปจัดไก่บอนชอนแกล้มเบียร์กับพวกกูป่าว....”สะกิดถามคนตรงหน้าให้มาสนใจตัวเอง
ชานยอลเงยขึ้นมองรุ่นพี่หน้าเหวอ “...เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะครับ”
“...กูถามว่าเย็นนี้ไปกินไก่ทอดกับพวกกูมั้ย...ไอ้จงแด อี้ชิง ลู่หาน มินซอกก็มา” อี้ฟานทวน รู้สึกเซ็ง นิด ๆ ที่มันไม่ได้ยินที่เขาพูด แต่ก็เถอะ รู้สึกช่วงนี้ชีวิตมันจะหนักหนาสาหัสเกินไป ควรจะมีสิ่งบันเทิงใจเข้ามาประเทืองอารมณ์บ้าง
“ไม่ล่ะครับ..งานปิดงบยังไม่เสร็จ คงสั่งบะหมี่มากินที่นี่” ชานยอลพูดทั้ง ๆ ที่ตายังจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ นิ้วเรียวสวยแบบที่น่าอิจฉากดแป้นพิมพ์ไม่หยุด สลับกับนวดคลึงขมับตัวเองไปด้วย
“เฮ้ย...ไม่เอาน่า ปิดงบก็ต้องรอเอกสารจากคยองซูมันอีกไม่ใช่หรอ” ได้ผล พอพูดชื่อเด็กนั่นชานยอลนิ่งไปพักหนึ่ง “กำหนดก็ตั้งมะรืน...คืนนี้มึงไปกินกับพี่ดีกว่าน่า”
“ไม่เป็นไร พวกพี่ไปเถอะครับ”
ชานยอลปฏิเสธอีกครั้งอย่างนุ่มนวล แต่ในสายตาอี้ฟานนั้น การปฏิเสธแบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับที่ชานยอลใช้ชีวิตในแบบเดิม ๆ จืดจางในหมู่เพื่อนฝูง แม้มันจะมีดีกรีเป็นประธานสโมฯ หรือเดือนคณะอะไรก็ตาม แต่ทำแบบนี้อีกหน่อยก็คงวนกลับไปสู่จุดเดิม ๆ อีก ...
“มึงลืมแทยอนได้แล้วนะชานยอล...หรือถ้ามึงลืมไม่ได้ มึงควรเอาเวลาอันมีค่าไปง้อเขา ดีกว่ามานั่งทำบ้าอะไรอยู่ตรงนี้....”
“ผมลืมเธอได้แล้ว...” ชานยอลสวนขึ้น เงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น... สีหน้าเหมือนวันแรกที่โดนบอกเลิก ปรากฏให้อี้ฟานได้เห็นอีกครั้ง
“....งั้นมึงก็ไปกินกับพวกกู...” ร่างสูงใช้อำนาจของรุ่นพี่ออกคำสั่ง แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความรั้นของคนตรงหน้า
“...ผมยังไม่อยากไปไหนทั้งสิ้นครับ...ขอโทษจริง ๆ”อี้ฟานกรอกตาไปมา... รู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นรุ่นน้องคนสนิทเป็นแบบนี้...
“งั้นก็ตามแต่ใจมึง...จะบอกให้นะ กูไม่แปลกใจเลย ว่าทำไมแทยอนเขาขอเลิกกับมึง.....”
พูดจบก็หันหลัง กวาดข้าวของที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานตัวเองลงกระเป๋าเป้ใบโปรด แล้วผลุนผลันออกจากห้องไป
มือใหญ่ลูบหน้าตัวเองแรง ๆ ก่อนจะกดขมับแล้วนวดคลึงเพื่อคลายความอึดอัดในใจ ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้เขากับแทยอนเลิกกัน แต่กลับหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นเธอเดินคู่เด็กปีหนึ่งคนนั้น ด้วยสีหน้าที่ไม่เคยแสดงให้เขาเห็น เขาเข้าใจ ว่าทุกอย่างมันเป็นเพราะเขาเอง...
แต่ก็เกลียด.....
เกลียดบยอน แบคฮยอน...
________________________________________________
บ่ายคล้อยกว่าแล้ว แสงอาทิตย์ที่ลอดส่องเข้ามาจากด้านนอกเป็นสีส้มอมแดง ปลุกให้คนที่ฟุบหลับอยู่บนโต๊ะทำงานต้องลืมตาขึ้น คยองซูหลับตาลงอีกครั้ง ก่อนกระพริบเปลือกตาถี่เพื่อไล่ความงุนง่วง เอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดดูสายที่ไมได้รับ แค่หวังว่าจะมีมาถึงเขาบ้าง แต่ตอนนี้แม้สักข้อความ ก็ยังไม่ได้รับจากแบคฮยอน....
ทั้ง ๆ ที่เป็นคนนัดเขาเอง บอกให้รออยู่ที่ห้องแท้ ๆ...
ติ๊ด ด ด !
ทันใดนั้นเอง ราวกับได้ยินเสียงในใจ เสียงข้อความก็ดังขึ้น เล่นเอาคนที่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยถึงกับสะดุ้งสุดตัว คยองซูชื้นในใจ อย่างน้อยก็ไม่ต้องให้เขารอนานมากเกินไปกว่านี้...
คุณได้รับข้อความ :
‘เจอกันที่ร้านไก่ทอด พี่แทยอนไปด้วยนะ ?’
อีกครั้งแล้วที่แบคฮยอนทำลายรอยยิ้มของเขาโดยไม่รู้ตัว หน้าอกด้านซ้ายเหมือนจะปวดมากกว่าทุก ๆ ครั้ง และยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นอีก เมื่อทุก ๆ อย่างในชีวิตที่เคยแค่มีเขากับแบคฮยอน เริ่มมีอีกชื่อหนึ่งเพิ่มเข้ามา
คุณกำลังส่งข้อความ :
‘วันนี้ไม่ไปแล้วนะ ต้องปิดงบของสโมฯ’
ตัดใจกดส่งข้อความนั้นออกไป ก่อนจะวางโทรศัพท์มือถือไว้ที่เดิม คว้ากระเป๋าสตางค์ กับผ้าพันคอที่พาดอยู่ที่ปลายเตียง แล้วผลุนผลันออกจากห้องไปทันที...
ทิ้งความอึดอัดใจเอาไว้ในห้อง พร้อมกับโทรศัพท์มือถือ ที่ส่งเสียงดังไม่หยุด ไม่หย่อน หลังจากที่ออกไป...
________________________________________________
เสียงแป้นพิมพ์ดังรัวขึ้นเป็นพัก ๆ คลอไปกับเสียงดนตรีคลาสสิคที่บรรเลงเพียงแค่เบา ๆ หากเรียกความสนใจของคนที่กำลังจะทรุดตัวลงนั่งกับเก้าอี้ได้เป็นอย่างดี คยองซูผุดลุกขึ้นอีกครั้ง คนแรกที่อยู่ในหัว ที่คิดว่าเป็นเจ้าของเสียงเหล่านั้นไม่ใช่ใครที่ไหน....
“จงอิน...ทำอะไ......”
ตะโกนออกไป ก่อนได้ถึงตัวคนที่มาดหวังตั้งใจให้เป็นเสียอีก แต่กลายเป็นว่าต้องหน้าแตกดังเพล้ง เพราะคนที่อยู่หลังจอคอมพิวเตอร์ ที่ชะโงกหน้าขึ้นมาตามเสียงเรียกนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน...
“สวัสดีครับ....รุ่นพี่” คยองซูเบิกตาโพลงเมื่อริมฝีปากหนานั่นเหมือนจะจุดยิ้มบาง ๆ เป็นการล้อเลียน เสียงแป้นพิมพ์หยุดลง กลายเป็นเสียงรองเท้าหนังมันเงากระทบกับพื้นแทน
ชานยอลก้าวมาถึงตัวของร่างบาง ที่เพิ่งจะผ่านเข้ามาทักทายเขาในความคิดเมื่อครู่ หากไม่กี่อึดใจเท่านั้น ตัวจริงก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าซะแล้ว
“เอ่อ...ผมไม่ได้ตั้งใจจะรบกวน” คยองซูเลิกลั่ก เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาของร่างสูง ที่มองต่ำลงมาไม่วางตา
“...เย็นแล้ว” ใบหน้าคมหันไปมองทางนอกหน้าต่าง
“ครับ....”
“แล้วมาทำอะไร ตอนนี้?” ชานยอลกำลังรู้สึกสนุก อยู่ดี ๆ คนเฉื่อยชากับความรู้สึกอย่างเขาก็รู้สึกสนุก ก็แต่ตั้งแต่เมื่อกลางวันที่ได้เห็นแววตาในแบบต่าง ๆ ภายในใบหน้านิ่ง ไม่แสดงอาการของคยองซู ยิ่งอยากทำให้เห็นสีหน้าในหลาย ๆ แบบมากยิ่งขึ้น
“มาเอาเอกสารครับ...”
“ไม่ได้มาหาฉันหรอ ?” ชานยอลหัวเราะออกมาเบา ๆ ร่างบางส่ายหน้าทันที ทั้ง ๆ ที่เขายังพูดไม่จบด้วยซ้ำ
“....เดี๋ยวก็จะไปแล้วครับ” พูดตัดรอนจบคำร่างบางก็ลนลาน วุ่นวานอยู่กับเอกสารบนโต๊ะตัวเอง ยิ่งหายิ่งกระจัดกระจาย แถมยังหันมามองที่เขาแวบ ๆ เหมือนกล้า ๆ กลัว ๆ อีก
“....ไม่อยากคุยกัน....ขนาดนั้นเลยหรอ....” ชานยอลเดินเอื่อยมาหยุดอยู่ที่โต๊ะที่ร่างบางกำลังหาเอกสารอยู่ ร่างสูงกอดอกพิงกับผนังข้าง ๆ ดวงตาคมทอดมองเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า
“...เปล่าครับ....ผมจะรีบเอากลับไปทำจริง ๆ”
“งั้นหรอเอกสารอะไรล่ะ....” เดินเข้าใกล้ยิ่งขึ้นอีก โน้มใบหน้าใกล้ไหล่ลาด จนได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของแชมพูจากเรือนผมสีน้ำตาล
“...เอกสารขอทำเรื่องปิดงบ....เอ่อ ครับ” คยองซูไม่ทันได้ระวังหันหน้ากลับมาตอบทันที ก่อนนัยน์ตาเรียวจะเบิกโพลง ถอยตัวหนีอัตโนมัติ เมื่อได้รับรู้ว่าใบหน้าของเขากับรุ่นพี่ใกล้กันขนาดไหน ใกล้เสียจนรู้สึกถึงรสมินต์จากลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดแก้ม
ร่างสูงจุดยิ้มที่มุมปาก ยกมือทั้งสองขึ้น ก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองเพื่อหยิบอะไรบางอย่าง ใบหน้าคมชะโงกหน้า โชว์แผ่นกระดาษที่คยองซูหาอยู่นานสองนานขึ้น โบกพลิ้วไปมาเหนือหัว
“นี่ใช่ไหม ? ....ที่หาอยู่...” คยองซูพยักหน้ารัว
“เอ่อ...ผมขอด้วยครับ จะได้รีบกลับเอาไปทำ”
“....ไม่ได้หรอก...เพราะฉันทำอยู่...เอายังไงล่ะ จะให้ฉันทำให้เสร็จ หรือนายจะอยู่ทำด้วยกัน ?”
คยองซูขมวดคิ้ว งานนั้นเป็นงานของเขาแท้ ๆ แต่ร่างสูงคนนั้น ทั้ง ๆ ที่เป็นประธาน ไม่ต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งทำงานนี้ กลับมาอยู่ที่ห้องสโมฯเพื่อทำงานของเขา ...
นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้เรื่องรึเปล่านะ ?
งานของเขา เขาก็ต้องสานต่อให้เรียบร้อยสิ ....
ตาคมจ้องร่างบางที่กำลังทำสีหน้าครุ่นคิด ใบหน้าขาวนั่น เดี๋ยวก็นิ่งเฉย เดี๋ยวก็เลิ่กลั่ก แล้วเมื่อกี้ยังทำเหมือนสับสนอะไรบางอย่างขึ้นมาอีก...
ยิ่งดูยิ่งสนุก...
“....ทำครับ....” สุดท้ายก็ตัดสินใจได้ คยองซูลากเก้าอี้ทำงานของตัวเองไปข้าง ๆ โต๊ะของประธานปีสาม ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่ง สีหน้าแบบที่ไม่ปรุงแต่งนิ่งงัน แต่นั่นทำให้ประธานร่างสูงรู้สึกละสายตาไม่ได้....
ชานยอลหันมองตามหลังร่างบางที่เดินผ่านเขาไป ดวงตาคู่นั้นจ้องมาที่เขา ส่วนเจ้าตัวก็นั่งนิ่งเหมือนรอคำสั่งอะไรอยู่ แต่ก่อนจะได้คิดอะไร ปากก็ถามออกไป ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับงานเลยแม้แต่น้อย...
“.....กินบะหมี่ดำด้วยกันไหม ?”
________________________________________________
TBC
แท็ก #พซอว นะคะ
55555 มาลงให้สองตอนแล้วนะ อย่างที่สัญญา วันปีใหม่นี้ก็ขอให้มีความสุขกันถ้วนหน้านะคะ สำหรับเรื่องนี้ก็ยังมาอัพให้นะ พรุ่งนี้สอบละ ขอกำลังใจหน่อยนะ <3
ความคิดเห็น