ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ALIEN | SEKAI.KAIHUN CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #2 : ALIEN 01 | SENTINEL 50%

    • อัปเดตล่าสุด 12 พ.ย. 57


     

     





    © themy butter



     

    มนุษย์ชอบที่จะมีทางเลือก

    แต่พวกเขาไม่เคยให้ทางเลือกนั้นกับใคร

     

     

    1

     

     

     (คำแนะนำ : เปิดคลิปดูด้วยนะคะ)

     

     

     

     

    คุณเป็นอย่างไรบ้างในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา?

    รู้สึกปลอดภัยขึ้นไหม? มั่นใจขึ้นหรือไม่?

    เพราะว่าพวกเราใช้เวลา 50 ปีมานี้ทำให้คุณรู้สึกแบบนั้น

    Trask Industries รู้ว่าไม่มีอะไรที่มีค่ามากไปกว่านี้

    ไม่มีอะไรที่จะมีค่าพอให้ต่อสู้เท่านี้อีกแล้ว

    และในอนาคตอันใกล้นี้ อนาคตของพวกเรา

    นี่คืออนาคตอีก 50 ปีของเรา

    Trask Industries จะแก้ไขปัญหาของอนาคตในวันนี้’

     

    “โครงการเซนทิเนล”

     

    ใบหน้าคมเบือนจากทีวีจอยักษ์หันมามองเสี้ยวหน้าของวิศวกรหุ่นยนต์ร่างเล็กที่เพิ่งจะหยิบคุกกี้โฮมเมดใส่ปากหลังจากพูดจบ ดวงตาเรียวรีนั่นยังคงจับไปที่ภาพเคลื่อนไหวตรงหน้า ทว่าในความคิด ไม่สิ สมองประมวลผลของเขามันถอดรหัสออกมาได้เป็นคำว่า ว่างเปล่า ในดวงตาคู่นั้น ริมฝีปากเล็กราวกับจะพูดอะไรออกมาซักอย่าง อันที่จริงเขาอยากจะรู้เกี่ยวกับมัน แต่มารยาททางสังคมที่ดี หากตนกำลังเป็นผู้ฟังอยู่ก็ไม่ควรเป็นอย่างยิ่งที่จะพูดขัดขึ้นมา เพราะอย่างนั้นเขาจึงนิ่งเงียบและไม่เอ่ยปาก ทำได้เพียงแค่รอให้เข็มยาวของนาฬิกาที่ติดอยู่บนผนังเดินผ่านตัวเลขไปเรื่อยๆ

     

    “สวยดีใช่ไหมล่ะเจ้าองครักษ์ตัวนั้น...ถึงจะแก่แต่ฉันก็ชอบรูปแบบของรุ่นแรกที่สุด” วิศวกรตัวเล็กหันไปพูดอวดคนที่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟารับแขกพลางเอื้อมไปมือหยิบคุ้กกี้มาใส่ปากอีกชิ้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นอมยิ้มให้หุ่นยนต์พี่เลี้ยงสาวที่เพิ่งจะยกชาคาร์โมมายด์ในแก้วกระเบื้องใบโปรดมาเสิร์ฟให้

     

    “ขอบใจมากนะไอยู นั่งด้วยกันก่อนสิ” พูดพลางตบเบาะเรียกให้หุ่นยนต์สาวนั่งลงบนที่ว่างข้างๆ

     

    “ขอบ-คุณ-ค่ะ-แบคฮยอน” เธอตอบรับผ่านเครื่องแปลงสัญญาณที่คอก่อนจะค้อมหัวนอบน้อมแล้วทิ้งตัวลงนั่ง

     

    “มันสวยใช่ไหมไอยู” ร่างเล็กหันไปพูดกับหุ่นยนต์สาวพลางพยักเพยิดไปทางจอพลาสม่า

     

    “มัน-สวย-ค่ะ-แต่-น่า-กลัว” วิศวกรหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นม่านตาของหุ่นยนต์พี่เลี้ยงขยายขึ้นยามเมื่อมองไปยังเจ้าหุ่นเซนทิเนลในทีวีที่เขาเป็นออกแบบและสร้างมากับมือ

     

    “ทำไมน่ากลัวล่ะ?” แบคฮยอนถามยิ้มๆ

     

    “เพราะ-มัน-ถูก-สร้าง-ขึ้น-เพื่อ-ทำ-ลาย-เรา”

     

    คำตอบที่ได้ทำเอาวิศวกรร่างเล็กชะงักไป ใช่...ที่เป็นอย่านั้นก็เพราะว่าบยอนแบคฮยอนเป็นหนึ่งในทีมวิศวกรหุ่นยนต์ที่ปั้นโครงการเซนทิเนลนี้ขึ้นมา แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นอย่างที่ไอยูพูดทั้งหมดหรอก โครงการเซนทิเนลนี้ก่อตั้งขึ้นเพื่อจัดการกับหุ่นยนต์ AI* ที่ตั้งตัวเป็นกบฏก็เท่านั้น ไม่ได้จะกวาดล้างหุ่นบริสุทธ์ตัวอื่นมั่วซั่วซะที่ไหน

     

     

    [ *1 AI : ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือ เอไอ (AI) หมายถึงความฉลาดเทียมที่สร้างขึ้นให้กับสิ่งที่ไม่มีชีวิต ปัญญาประดิษฐ์เป็นสาขาหนึ่งในด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ และวิศวกรรมเป็นหลัก แต่ยังรวมถึงศาสตร์ในด้านอื่นๆอย่างจิตวิทยา ปรัชญา หรือชีววิทยา ซึ่งสาขาปัญญาประดิษฐ์เป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการการคิด การกระทำ การให้เหตุผล การปรับตัว หรือการอนุมาน และการทำงานของสมอง]

     

    “ดิ-ฉัน-รู้-สึก-กลัว-มัน-ค่ะ” แบคฮยอนหัวเราะจนปากเป็นรูปสี่เหลี่ยมเมื่อได้ยินหุ่นยนต์สาวพูดขึ้นอีกครั้ง เขารู้ว่าเธอไม่มีหรอกความรู้สึกกลัวอะไรนั่น เพราะงั้นมันถึงได้ฟังดูน่ารักยังไงล่ะ บางทีตอนที่สมองของเธอประมวลผลคำว่าน่ากลัว สัญญาณไฟฟ้าอาจจะกำลังแปลงให้เธอเห็นภาพตัวเองตอนที่แบตใกล้จะเสื่อมก็เป็นได้

     

    “ฮ่าฮ่าฮ่า ดูเธอพูดเข้าสิ...แล้วนายล่ะกลัวไหม?” ไม่ลืมที่จะหันมาถามคนที่นั่งเงียบเป็นผู้ฟังที่ดีมาตั้งแต่ต้น แบคฮยอนเลิกคิ้วมองใบหน้าคมที่ค่อยๆ เปลี่ยนสีหน้าจากเรียบเฉยเป็นอมยิ้มจางๆ

     

    “คุณชานยอลต้องกลัวแน่ๆ...ใช่ไหมคะ?”  ไม่ทันที่คนถูกถามจะตอบอะไร เสียงเล็กๆ ก็ดังแทรกขึ้นมา เด็กสาวผมยาวประบ่าในชุดนอนค่อยๆ โผล่หน้าออกมาจากหลังบานประตู 

     

    “ดานี...พี่คิดว่าเรานอนแล้วซะอีก” แบคฮยอนเอ่ยทักน้องสาวสุดที่รักด้วยน้ำเสียงงุนงง ก่อนจะตบตักตนเป็นเชิงเรียก

     

    “ก็เข้านอนแล้วค่ะ แต่ว่าตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำแล้วได้ยินที่คุยกันพอดี” เด็กสาวพูดพลางหันไปค้อมหัวขอบคุณหุ่นยนต์พี่เลี้ยงที่ลุกขึ้นมาช่วยพยุงแขนตัวเองให้เดินไปนั่งบนตักพี่ชายได้ถนัดยิ่งขึ้น “คุณชานยอลรู้สึกกลัวเหมือนที่ดานีเข้าใจใช่ไหมคะ?”

     

    คุณชานยอลยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อได้ยินคำถามจากเด็กสาว เขาเอื้อมแขนไปวางมือบนศีรษะเล็กๆนั่นด้วยความอ่อนโยน “คงจะต้องเป็นอย่างที่คุณว่า” 

     

    “แน่นอนอยู่แล้ว! ก็คุณชานยอลเป็นนีโอ-ฮิวแมนนอยด์*นี่นา” บยอนดานีเอื้อมมือไปวางทับบนหลังมือที่ทำจากเยื่อพอลิเมอร์สังเคราะห์ขั้นสูงจนคล้ายกับผิวมนุษย์ที่วางอยู่บนหัวตนแต่แรก เธอส่งยิ้มให้กับคุณหุ่นยนต์ใจดีที่มักจะแวะมาเยี่ยมเยียนเป็นแขกประจำของที่บ้าน “แต่คุณชานยอลไม่ต้องกลัวนะคะ พวกเขาไม่มีทางจับได้แน่ว่าคุณชานยอลเป็นฮิวแมนนอยด์ ถ้าจะห่วง ควรห่วงไอยูของเรามากกว่าค่ะ”

     

     

    [*2 ฮิวแมนนอยด์โรบอท (humanoid robot) – คือหุ่นยนต์ที่ออกแบบขึ้นมาโดยมีพื้นฐานมาจากร่างกายมนุษย์ หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์เป็นหุ่นยนต์อัตโนมัติ เนื่องจากมันสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมหรือตัวมันเอง และยังคงทำงานต่อเพื่อบรรลุเป้าหมาย สิ่งนี้เป็นข้อแตกต่างหลักระหว่างฮิวแมนนอยด์และหุ่นยนต์ชนิดอื่น เช่นหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ที่ใช้ปฏิบัติภารกิจในสภาพแวดล้อมที่มีโครงสร้างชัดเจนมาก ในบริบทนี้ ความสามารถของหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์อาจรวมถึง แต่ไม่จำกัดแค่สิ่งเหล่านี้:

    -          ดูแลรักษาตัวเอง (เติมพลังงานให้ตัวมันเอง)

    -          เรียนรู้อัตโนมัติ (เรียนรู้หรือได้มาซึ่งความสามารถใหม่ ๆ โดยไม่ต้องได้รับความช่วยเหลือจากภายนอก, ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ตามสิ่งแวดล้อม และปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ใหม่ ๆ)

    -          หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่จะเป็นอันตรายต่อมนุษย์ ทรัพย์สิน และตัวมันเอง

    -          โต้ตอบกับมนุษย์และสภาพแวดล้อมอย่างปลอดภัย ]

     

     

    “ดิ-ฉัน-รู้-สึก-หวาด-กลัว-ยิ่ง-กว่า-เดิม-ค่ะ-ดานี”

     

    เสียงแปร่งๆ ที่ดังมาจากเครื่องแปลงสัญญาณบนลำคอหุ่นยนต์สาวทำให้แบคฮยอนหัวเราะก๊าก ดูเอาเถอะ พอรู้จักคำว่ากลัวก็พูดใหญ่ ต่างจากคนร่างสูงที่นั่งอมยิ้มฟังบทสนทนาแสนประหลาดนี้อย่างผ่อนคลายโดยสิ้นเชิง ก็แหงล่ะ...จะไม่ต่างได้ยังไง ในเมื่อไอยูของเขาเป็นหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์รุ่นเก่าตกกระป๋องที่เขาซื้อมาในราคาถูกจากเว็บขายของเก่า เอามาปรับเปลี่ยนดัดแปลงใส่โน่นเพิ่มนี่ตั้งมากถึงจะเป็นได้อย่างทุกวันนี้

     

    แต่กับชานยอล หมอนี่น่ะ พิจารณาเอาจากรูปลักษณ์ภายนอกอย่างเดียวไม่ได้หรอกนะ ถ้าใช้แค่ตามองเขาก็ไม่ต่างอะไรจากมนุษย์เดินดินคนนึงเลยด้วยซ้ำ สาเหตุที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่าเขาคือฮิวแมนนอยด์รุ่นใหม่ที่ถูกพัฒนาต่อยอดให้มีความคล้ายคลึงกับมนุษย์มากที่สุดน่ะสิ

     

    แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...ยิ่งใกล้เคียงคำว่า มนุษย์ มากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้มนุษย์บางกลุ่มเกิดการต่อต้าน อืม...จะเรียกว่าอิจฉาก็ได้ เพราะหุ่นยนต์น่ะ ไม่มีวันเจ็บ ไม่มีวันป่วย ไม่มีวันตาย (เว้นแต่ว่าจะสั่งปิดเครื่องถาวร) พออุตสาหกรรมฮิวแมนนอยด์เริ่มผลิตหุ่นออกมามากขึ้น ผู้คนพวกนั้นก็ยิ่งโหมไฟจากความอิจฉาจนเพิ่มพูนเป็นความริษยา คนที่คิดได้ก็ดีไป แต่บางคนที่คิดไม่ได้ก็กลัวไปต่างๆ นานา ปากต่อปากกันไปเรื่อยจนถึงขนาดสร้างข่าวลือว่ามี นีโอ-ฮิวแมนนอยด์ ฆ่านายจ้างตาย อะไรอย่างนี้...

     

    สุดท้ายก็เพราะว่าความหวาดกลัวพวกนั้นนั่นเองที่ทำให้เกิด โครงการเซนทิเนลขึ้น โครงการที่รัฐบาลก่อตั้งเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม เป็นหลักประกันให้กับมนุษย์ปุถุชนธรรมดาได้สบายใจว่าถ้าหากมีฮิวแมนนอยด์ตัวใดคิดกบฏ หรือทำร้ายมนุษย์ขึ้นมาพวกเขาจะสามารถยับยั้งพวกมันได้ทันท่วงที

     

    นั่นแหละที่ทำให้วิศวกรหุ่นยนต์ในบริษัทเอกชนอย่างเขาตัดสินใจสอบเข้าเพื่อทำงานในโครงการที่แสดงเจตนาว่าต้องการกวาดล้างปัญญาประดิษฐ์ ราวกับว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ตอนที่ได้รับเงินเดือนก้อนแรกแล้วรู้ว่ามันมหาศาลขนาดไหน...ถามว่าดีใจไหม ใช่ เขาดีใจที่จะได้ซื้อเตียงใหม่ให้ดานี เพราะน้องสาวของเขาทนนอนบนเตียงแข็งๆ มานานมากแล้วนับตั้งแต่เธอเริ่มเดินไม่ไหว แต่ถามว่ารู้สึกผิดกับวิชาชีพของตนไหม?

     

    ตอบได้เลยว่ารู้สึกผิดมาก แต่ถึงอย่างนั้น ชีวิตของน้องสาวเขาก็จำเป็นต้องมาก่อน

    ดานีป่วยมานานมากแล้ว และอีกไม่นานเธอจะหายขาด เขาเชื่ออย่างนั้น

    ใช่ อดทนอีกนิดเดียว บยอนแบคฮยอน

     

    “พี่คะ?”

     

    เสียงเล็กจากคนบนตักเรียกให้วิศวกรหนุ่มตื่นจากภวังค์ แบคฮยอนเลิกคิ้วมองน้องสาวที่เอี้ยวตัวหันมาหา “ว่ายังไงเรา”

     

    “พี่แบคฮยอน...” เด็กสาวเบะปากคว่ำ “หัวเราะอยู่ดีๆ ก็เงียบไปอย่างนั้นหนูตกใจหมด” 

     

    “อ๋อ” แบคฮยอนหัวเราะออกมาเบาๆ “ขอโทษนะคะ พี่เผลอคิดเรื่องงานเฉยเลย...ขอโทษนายด้วยนะชานยอล”

     

    “ไม่เป็นไรค่ะ...เนอะคุณชานยอล” เด็กสาวหันไปพยักพเยิดหน้ากับอีกคน หุ่นยนต์หนุ่มทำเพียงแค่ยิ้มตอบแล้วยกมือขึ้นมองที่นาฬิกาข้อมือของตน

     

    “คุณตื่นมา 10 นาทีแล้วดานี ถ้าหากนานกว่านี้สมองจะบอกให้คุณตื่นจนถึงเช้า” ร่างสูงพูดด้วยใบหน้านิ่งเฉยหากในแววตาคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน บยอนดานีเบะปากเล็กๆ นั่นอย่างเสียดาย “ว้า...คุณชานยอลนี่เป๊ะเรื่องเวลาตลอดเลย” 

     

    “พวกเราเที่ยงตรงเสมอ” ชานยอลพูดพลางหันไปมองหุ่นยนต์สาวพี่เลี้ยง

     

    “ถ้าอย่างนั้นก็นอนเถอะค่ะดานี ช้ากว่านี้เดี๋ยวสมองบอกให้ตื่นสาย แต่งตัวไม่ทันครูซอนฮวามาสอนนี่แย่เลยนะ” วิศวกรร่างเล็กหันไปอมยิ้มใส่ฮิวแมนนอยด์หนุ่มที่เขาเพิ่งจะพูดแซว ก่อนจะออกแรงพยุงน้องสาวขึ้นจากตัก ทว่าหุ่นยนต์พี่เลี้ยงดูเหมือนจะรู้หน้าที่มากกว่าใคร เธอรีบเข้ามาพยุงที่แขนขวาของเด็กสาวทันที

     

    “แบคฮยอน-อยู่-คุย-กับ-คุณ-ชานยอล-ต่อ-เถอะ-ค่ะ”

     

    “เอาอย่างนั้นหรอ” ร่างเล็กทำหน้าลังเลได้ไม่นานก็ต้องเปลี่ยนเป็นอมยิ้ม เพราะน้องสาวสุดที่รักเอื้อมมือเล็กๆ ของเธอมาแนบที่แก้มทั้งสองข้างของเขาน่ะสิ

     

    “เอาอย่างนั้นล่ะค่ะ หนูอยากให้พี่ไอยูกล่อม อีกอย่างพี่เหนื่อยมาทั้งวันแล้วนั่งพักผ่อนคุยกับคุณชานยอลเถอะนะคะ” ใบหน้าขาวของวิศวกรหนุ่มส่ายไปมาเพราะสองมือเล็กๆ นั่น เขาเม้มริมฝีปากแล้วถอนหายใจดังเฮือก

     

    “ก็ได้ๆ...พี่ชายคนนี้มันเล่านิทานไม่เก่งเท่าไอยูนี่คะ? แต่ก็เอาเถอะ ฝันดีนะยัยตัวแสบ” พูดจบก็กดศีรษะเล็กนั่นลงมาให้อยู่ในระดับสายตาแล้วกดจูบเบาๆบนหน้าผากบาง ดานีหัวเราะคิกคักกับไรหนวดจางๆ ของพี่ชายที่ทิ่มผิวตัวเอง ก่อนจะเอี้ยวตัวหันมาหาร่างสูงที่นั่งนิ่งจากโซฟาตัวข้างๆ แล้วจุดนิ้วชี้ลงบนคางของตน

     

    “คุณชานยอลขา...ระหว่างที่คุยกับพี่ช่วยเกลี้ยกล่อมให้เขาไปโกนหนวดทีนะคะ...หนูไม่ชอบเลย”

     

    ชานยอลมองไปที่ใบหน้าขาวของร่างเล็ก มองไรหนวดที่เพิ่งจะแทงผิวเนื้อเนียนขึ้นมาได้ไม่ถึง 1 เซนติเมตรอย่างชั่งใจก่อนจะยกมือแกร่งขึ้นแตะเบาๆ ที่คางของตนบ้าง 

     

    “อยากมีบ้างหรอหนวด? นายไม่มีน่ะดีแล้วจะได้ไม่ต้องหมั่นโกนแบบฉัน” แบคฮยอนที่มองการกระทำของหุ่นนีโอ-ฮิวแมนนอยด์ร่างสูงมาตั้งแต่ต้นพูดกลั้วหัวเราะ ไม่แปลกหรอกที่ชานยอลอาจจะอยากมีหนวดกับเขาบ้าง เพราะนั่นจะทำร่างสูงเข้าใกล้ความเป็นมนุษย์มากยิ่งขึ้น แต่ก็อีกล่ะ ตอนพวกเราสร้างหุ่นยนต์ ไม่มีใครใส่ใจเท่าไหร่นักหรอกว่าหุ่นยนต์ควรจะมีหนวดไหม จะเรียกว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่จงใจไม่ใส่รายละเอียดก็ว่าได้

     

    ดานีเข้านอนไปแล้วแถมปิดประตูล็อกซะแน่นหนา น้องสาวเขานี่ยังไงกันนะ กลัวว่าพี่ชายจะย่องเข้าไปนอนกล่อมอย่างที่ตัวเองห้ามไว้หรือยังไง? แบคฮยอนส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับร่างสูงที่ยังนั่งลูบคางตัวเองอยู่ เห็นอย่างนั้นก็เกิดนึกอะไรขึ้นมาได้ มือเล็กคว้าหมับเข้าที่ข้อมือหนาแล้วออกแรงฉุดให้อีกฝ่ายเดินเซตามตัวเองเข้ามาในห้องน้ำทันที

     

    “พื้นที่ในห้องน้ำเล็กเกินไปสำหรับผู้ชายสองคน” แบคฮยอนมองหุ่นยนต์หนุ่มที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังผ่านกระจก เขาเอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูมาซับหน้าเปียกๆ ของตัวเองแล้วหยิบเครื่องโกนอัตโนมัติออกมาจากลิ้นชัก ดึงใบมีดด้านในอันเก่าทิ้งลงถังขยะ ก่อนจะหยิบใบมีดใหม่มาผ่านน้ำอุ่นลวกๆ

     

    “อยากลองโกนหนวดให้ฉันไหม?” เปลี่ยนใบมีดให้เครื่องโกนหนวดเสร็จวิศวกรหนุ่มก็หมุนตัวกลับไปหาร่างสูงที่ยืนมองการกระทำของเขามาตั้งแต่ต้น ใบหน้าขาวเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

     

    ฮิวแมนนอยด์หนุ่มส่ายหัวช้าๆ “ผมไม่เคยเรียนรู้เกี่ยวกับมัน” 

     

    “ไม่ยากหรอก” แบคฮยอนพูดยิ้มๆ เขาเงยหน้าสบตากับหุ่นยนต์หนุ่มที่ยืนเต็มความสูง “ถือว่าเป็นการป้อนคำสั่งใหม่ไปในตัวก็ได้...เขยิบเข้ามาสิชานยอล” พูดจบก็เอื้อมไปดึงข้อศอกของอีกฝ่ายให้ชิดเข้ามา ก่อนจะจับฝ่ามือนั้นนาบลงที่แก้มขวา กดปลายนิ้วชี้ที่มีลายนิ้วมือแตกต่างจากตนลงบนสันกราม ก่อนจะลากลงมาบรรจบที่ด้านปลายของคางตน

     

    “เริ่มจากแก้มสองข้างก่อน แล้วค่อยโกนเหนือริมฝีปากกับคาง” พูดจบก็บีบเจลเนื้อโฟมลงบนมือ แล้วถูเบาๆ บริเวณที่มีไรหนวดจางๆ ขึ้น “เร็วสิ...ไม่ยากเกินความสามารถนายหรอก” 

     

    ดวงตาคมมองเจ้าเครื่องโกนหนวดอัตโนมัติในมือตัวเองก่อนจะเงยขึ้นสบตากับคนที่ส่งเสียงเร่ง “แต่คุณอาจจะเจ็บหากผมทำพลาด”

     

    วิศวกรหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อได้ยินอย่างนั้น จะเรียกว่าความกลัวก็ไม่ใช่...เขารู้ดีอยู่แก่ใจเสมอว่าชานยอลไม่มีทางรู้จัก ความกลัว นั่นจริงๆ หรอก สิ่งที่หุ่นยนต์หนุ่มรู้สึกตอนนี้คงจะเป็นการอนุมานว่าจะพลาดเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ต่างหากล่ะ “เอาล่ะฉันไม่กลัวเจ็บ เพราะงั้นเลิกลังเลซักทีชานยอล” 

     

    แบคฮยอนหวังด้วยใจว่านี่จะเป็นการเกลี่ยกล่อมครั้งสุดท้ายระหว่างเขากับหุ่นยนต์หนุ่ม ดังนั้นร่างเล็กจึงใช้สองมือยกตัวเองขึ้นนั่งบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าแล้วเอื้อมมือไปกดเปิดสวิตซ์เจ้าเครื่องโกนหนวดไฟฟ้าก่อนจะจับมืออีกฝ่ายให้จรดมันลงบนหน้าตนทันที

     

    “อย่างนั้นแหละ” แบคฮยอนพูดทั้งสบตากับหุ่นยนต์หนุ่ม น่าตลกดีที่ตอนนี้ชานยอลกำลังดูขะมักเขม้น ทั้งๆที่ปกติใบหน้าคมนี่ดูติดจะเรียบเฉยตลอดเวลาแท้ๆ

     

    “แบคฮยอน” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า แม้จะยอมนั่งนิ่งเชิดหน้าให้เขาโกนหนวดจางๆนั่นออกแต่โดยดี ทว่ามือของอีกฝ่ายกลับอยู่ไม่สุข หุ่นยนต์หนุ่มหยุดมือที่ลากเจ้าเครื่องโกนไฟฟ้าลงแล้วก้มมองกระดุมเสื้อตนเองที่ถูกปลดออกทีละเม็ด

     

    “ว่ายังไงชานยอล” วิศวกรหนุ่มว่ายิ้มๆ

     

    “ผมรู้ว่าคุณต้องการอะไร” หุ่นยนต์หนุ่มใช้มือซ้ายข้างที่ว่างอยู่รวบข้อมือเล็กทั้งสองนั่นไว้ก่อนจะปิดสวิตซ์เครื่องโกนแล้ววางมันไว้บนเคาน์เตอร์  ดวงตาคมจ้องคนตัวเล็กที่ยังไม่ละสายตาจากหน้าเขา “แต่ขอความกรุณา...ช่วยนั่งนิ่งๆ ยังเหลือแก้มอีกข้างและคาง ผมต้องการทำมันให้เสร็จ...ดานีสั่งมา”

     

    “เพราะดานีสั่งหรอ? ฮ่าฮ่าฮ่า” จากที่หัวเราะน้อยๆแบคฮยอนถึงกับปล่อยก๊าก ร่างเล็กเอี้ยวตัวไปหยิบที่โกนมากดเปิดสวิตซ์แล้วยัดใส่มือแกร่งอีกครั้ง “รู้จักคำว่า ซื้อใจไหมชานยอล?”

     

    “ซื้อใจคุณหมายถึงอะไร?”

     

    “ซื้อใจก็คือ....ทำให้ฉันพอใจแล้วนายถึงจะได้สิ่งที่ต้องการยังไงล่ะ” 

     

    ชานยอลกระพริบตาลงหนึ่งครั้ง ร่างสูงยืนนิ่ง ประมวลรหัสคำที่แบคฮยอนเพิ่งจะสอนตนไปหมาดๆ ดูเหมือนเขาจะได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยรู้จักจากวิศวกรหนุ่มตรงหน้านี้อีกแล้ว

     

    “ถ้าหากนี่คือการซื้อใจ แล้วผมจะได้อะไรตอบแทน?” ชานยอลถามออกไป เขายังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคำนี้ดีนัก

     

    “ได้ทำตามที่ดานีสั่งไงล่ะ”  แบคฮยอนตอบกลั้วหัวเราะ เขารู้สึกดีทุกครั้งที่ได้เป็นคนป้อนคำศัพท์ใหม่ๆให้กับฮิวแมนนอยด์คนนี้ รู้สึกสนุกและเหนือกว่าเล็กๆ ยามที่ดวงตาคมนั่นฉายแววสงสัยใคร่รู้

     

    “ถ้าอย่างนั้น ผมควรทำยังไง?”

     

    ว่าแล้วว่าชานยอลจะต้องถามอะไรประมาณนี้ ให้ตายเถอะ...หมอนี่มันน่ารักจริงๆ

     

    “ทำให้ฉันพอใจสิ”  แบคฮยอนเม้มริมฝีปากแล้วมองต่ำลงไปยังเครื่องโกนหนวดในมือชานยอล

     

    “.......”

     

    “แล้วนายจะได้ในสิ่งที่นายต้องการ”

     

    _______________________
    A  L  I  E  N
    _______________________

    50% - TBC

     

    ก่อนอื่นเลยต้องขอขอบคุณรายชื่อหนังต่อไปนี้
    Alien , The Matrix , AI , I robot , X-men

    คือไม่ได้ไปเอาเขามาทั้งหมดนะ 5555 บ้าไปแล้ว  จะบอกว่าหนังพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นแรงบันดาลใจให้เรา

    เรื่องนี้เขียนยากจริงๆค่ะ มันอาจดูไม่มีอะไรเลย แต่สำหรับเรา

    เราเขียน บุรุษที่ 1 มานานมากแล้ว แทบจำไม่ได้แล้วว่าควรเขียนยังไง มองยังไงในมุมมองแบบบุรุษที่ 3

    ต้องขอขอบคุณ @_oharha กับ @mstxxz มากที่ช่วยดูภาษาให้เรา กิ๊งช่วยเรามากในเรื่องพลอต

    ขอบคุณมากจริงๆค่ะ โปสเตอร์สวยๆนั่นก็กิ๊งทำให้ ไม่คิดว่าจะมีใครสนใจเลย
    เรากะเขียนในเพราะความชื่นชอบเอเลี่ยน +
    AI โดยส่วนตัวแท้ๆ

    ถ้าเรื่องนี้อ่านแล้วไม่เข้าใจ งง ยังไงถามเราได้นะ เราพยายามจะสื่อออกมาให้ดีที่สุด

    ขอบคุณที่รอติดตามนะคะ

     

    ชอบเรื่องนี้ อยากให้กำลังใจคนเขียน พูดถึงในทวิตติดแท็ก #AlienKH นะคะ <3

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×