ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BIG BOSS | ボス (sekai kaihun chanbaek)

    ลำดับตอนที่ #2 : - { B I G B O S S } ★ 01 ; ของๆมาเฟีย ยังไงก็เป็นของๆมาเฟีย

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.ย. 57



     

    “ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้!

     

    เสียงตะโกนโหวกเหวกดังสะท้อนไปทั่วทั้งชั้นแปดของคอนโดที่ได้ชื่อว่าแพงหูฉี่แห่งนึงในย่านกังนัม ไม่ต้องสงสัยเลย ใครฟังดูก็รู้ว่านี่มันคดีผัวเมียทะเลาะกันชัดๆ มันก็เรื่องปกติของคนรักกันนั่นล่ะ ลิ้นกับฟันมันของคู่กันยังไงก็ต้องได้กระทบกันบ้าง แต่จะมันประหลาดกว่าเหตุการณ์ปกติก็ตรงอารมณ์ ของคนที่กำลังออกปากไล่นั่นล่ะ มันดูเหมือนกับจะฆ่าอีกฝ่ายให้ตายคามือได้เลยเดี๋ยวนั้น

     

    “โอ้ย เดี๋ยว คยองซู ใจร่มๆนะ อย่าปาข้าวของเลยนะ ใจร่มๆ”

     

    “ไอ้ดำปากเป็ด ไอ้สารเลว”

     

    ร่างโปร่งในชุดเสื้อยืดกับบ็อกเซอร์กรังๆวิ่งหลบแจกันออกมาจากประตูได้อย่างหวุดหวิด แต่ยังไม่หมดเท่านั้น พอคนตัวคล้ำตีลังกาหมุนไปล้มลุกคลุกคลานอยู่หน้าห้อง ร่างเล็กที่กำลังเสียสติก็วิ่งถือลำโพงสเตอร์ดิโอโคตรเพชรทำท่าจะทุ่มตามหลังมาทันที

     

    “ที่รักจ๋า...อย่า อย่าปาอันนั้น มันแพ๊ง!!! อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก”   จงอินกรีดร้องเมื่อคยองซูแฟนคนปัจจุบันของเขาทุ่มลูกรักลงพื้นตรงหน้าอย่างไม่ใยดี นี่คยองซูยังผ่อนให้เขาไม่หมดเลยนะ ยังผ่อนไม่หมดเลย จะโกรธจะโมโหกันทำไมต้องลงกับข้าวของแพงๆที่ซื้อให้เขาด้วย!!!

     

    “รักแบคฮยอนมากใช่ไหม รักมากก็กลับไปหามันเลย ไป!” คยองซูตวาดเสียงสั่น ก็รู้หรอกนะว่าไอ้จงอินมันโคตรเจ้าชู้ประตูดิน ไอ้เรื่องจะไปมีกิ๊กมีกั๊กที่ไหนเขารับได้หมด แต่ต้องไม่ใช่บ่นคิดถึงน้ำพริกถ้วยเก่าอย่างบยอนแบคฮยอนคนนั้นทั้งเช้าทั้งเย็น! ล่าสุดตอนมันนอนกับเขา ก็ยังละเมอหาไอ้บ้านั่น

     

    แบบนี้มันต้องตาย ต้องตายเท่านั้น!

    คนอย่างคยองซู ฆ่าได้ แต่หยามไม่ได้! จำเอาไว้!

     

    คิมจงอินไม่มีแม้แต่เวลาจะตั้งตัวด้วยซ้ำ พอหน้าแทนๆเงยมาจะคลานเข่าเข้าไปกอดขาแฟนคนปัจจุบันที่กำลังโมโห ของในมือคยองซูที่ดูเหมือนจะเป็นรีโมททีวีก็ลอยละลิ่วมากระแทกหน้าเขาอย่างจัง....

     

    “โอ้ย!!!” 

     

    คิมจงอิน Has left the game.

     

     

     

     

    BIG BOSS | ボス

    ONE | ของๆมาเฟีย ยังไงก็เป็นของๆมาเฟีย

     

     

     

    “กินให้ตาย ไม่ตายอย่ากิน!!

     

    เสียงจังหวะเพลงแด๊นซ์ยังสู้เสียงตะโกนของคนที่ยืนชูขวดเบียร์อยู่กลางฟลอร์ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ร่างโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยืนส์ตัวเก่ง ฉีดน้ำหอมพร้อมไปด้วยฟีโรโมนตอนนี้กำลังเต้นท่าปลาโลมาหาคู่เด้งไปรอบๆตัวสาวๆหนุ่มๆหน้าสวยที่กำลังเมามันส์กับดีเจบนเวที ถึงไม่บอกก็รู้ว่าหมอนี่เพิ่งจะเลิกกับแฟนมาหมาดๆ อาการที่แสดงมาแต่ละฉากนี่มันสำหรับคืนฉลองคนโสดเลยแท้ๆ

     

    “ว้าย...อย่าเข้าไปใกล้นะ คนบ้าหรือเปล่าก็ไม่รู้”

     

    คิมจงอินขมวดคิ้วทันทีที่เพื่อนของสาวสวยที่เขากำลังส่งยิ้มให้วิ่งเข้ามาดึงแขนเธอให้ออกห่างจากตัวเอง ร่างโปร่งยืนงงๆท่ามกลางเสียงเฮของผู้คนที่หันไปให้ความสนใจกับดีเจคนใหม่ ยืนมึนอยู่ซักพักแสงไฟวิบวับที่วิ่งพล่านไปทั่วทั่งผับก็กลายเป็นสีชมพูโทนม่วงอ่อนๆ ผู้คนรอบข้างค่อยๆหันไปเข้าคู่ของตัวเองเมื่อเพลงแด๊นซ์กลายเป็นทำนองหวานซึ้ง รู้ตัวอีกทีจงอินก็ยืนโดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางสมรภูมิเพื่อการสืบพันธุ์ของมนุษย์หญิงชายหลายๆคนไปเสียแล้ว....

     

    “น้อง เอาอีกขวด”

     

    ยืนก็แทบจะไม่ไหวแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ยังลากสังขารตัวเองกลับมาที่บาร์จนได้ ร่างโปร่งฟุบหน้าลงกับโต๊ะทันทีที่ย้ายก้นขึ้นมาสัมผัสกับเก้าอี้ตัวสูง แขนยาวปัดป่ายไปทั่ว ปากก็ร้องแต่ว่าอยากได้แอลกอฮอล์มาใส่ปากตัวเองอีก โวยวายซะจนคนแถวๆนั้นพากันถอยห่างไปหมด

     

    “น้องงงงงงง” 

     

    “น้องครับเอาให้เขาขวดนึง” 

     

    เสียงพูดเนิบๆแทรกขึ้นเมื่อเห็นว่าคนร่างโปร่งตะโกนดังกว่าเดิม กลิ่นน้ำหอมคุ้นจมูกทำให้จงอินเงยหน้าขึ้นจากบาร์ที่ตนฟุบอยู่ ใบหน้าเลือนรางในความทรงจำเด่นชัดขึ้นมาอีกครั้ง บางทีเขาอาจจะกำลังฝันอยู่ก็ได้ ถึงได้เห็นภาพหลอนของแบคฮยอนมานั่งยิ้มอยู่ข้างๆ แบบนี้

     

    “ไง” 

     

    “.....แบคฮยอน” 

     

    จงอินแค่ครางเบาๆเขาไม่ได้เอ่ยทักทายตอบ ชายหนุ่มเอื้อมมือไปแตะเบาๆที่แก้มของคนข้างๆ รอยยิ้มนั้นไม่ได้จางหายไปแม้เขาจะกำลังออกแรงหยิกเนื้อเนียนของอีกฝ่าย อ่า...คงฝันอยู่จริงๆสินะ

     

    “เมาหนักเลยนะจงอิน” 

     

    เขาฟุบลงไปอีกครั้ง ไม่อยากให้แบคฮยอนหายไปจากความฝันตอนนี้หรอก เพราะงั้นถึงได้กำลังพยายามตั้งสติให้ดี อย่าเมาสิวะจงอิน อย่ามึน ลุกขึ้นมา ลุกขึ้นมาบอกแบคฮยอนว่าโคตรคิดถึงแค่ไหน...

     

    “จงอิน....” มือเล็กเขย่าหัวไหล่เจ้าของชื่อจนหัวกลมๆนั่นโงนเงนไปตามแง แต่คนถูกเรียกก็ใช่จะตื่น จงอินยังคงจมอยู่กับความฝันของตัวเอง และคิดว่าเขาเป็นภาพที่ตาสร้างขึ้นอยู่อย่างนั้น 

     

    แบคฮยอนถอนหายใจออกมาเบาๆ อันที่จริงเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาเจอจงอินเลยด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ว่าโชคชะตากำลังเล่นตลกอะไรอยู่กันแน่ ถึงได้ส่งหมอนี่มาในวันครบรอบ 1 เดือนของเขากับแฟนใหม่....

     

    ใช่ บยอน แบคฮยอนนัดพบกับแฟนใหม่ที่บาร์แห่งนี้เพื่อฉลองด้วยกัน

    ไม่ได้มาเพื่อเจอคิมจงอิน แฟนเก่าที่เมาหยำเป๋แบบนี้

     

    ทั้งๆที่กำลังจะลืมได้แล้วเชียว...

     

    “คิดถึงแบคฮยอน....ฉันคิดถึงนาย” 

     

    จงอินไม่ได้ตอบคำถามที่ภาพสมมติของแบคฮยอนถาม เขากระเด้งตัวขึ้นมาขยี้ตาแทน ร่างโปร่งออกแรงดันบาร์ที่อยู่ตรงหน้า หมุนตัวเองให้ตรงกับแบคฮยอนที่กำลังนั่งส่งยิ้มให้กับเขา 

     

    “ฉันคิดถึงแบคฮยอน....คิดถึงมาก....ฉันผิดเอง ฉันแย่ ฉันนอกใจแบคฮยอน ฉันขอโทษ” 

     

    คำพูดมากมายที่ไม่ได้บอกตอนเลิกกันพรั่งพรูออกมาจากปากจนหมด จงอินเอื้อมมือไปกุมมือบางนั่นไว้ นึกไปถึงตอนที่เลิกกันก็เป็นเขาเองที่เลวระยำ เขานอกใจแบคฮยอนทั้งๆที่อีกฝ่ายยอมเขาทุกอย่าง แต่สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่โผไปหาคนอื่น....

     

    ตั้งแต่นั้นมาจนถึงตอนนี้ที่เขาคบกับคยองซูมาระยะหนึ่ง เขาถึงได้รู้ว่าตัวเองคิดถึงใคร ชอบใครมากที่สุด ซึ่งคำตอบก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คนที่หัวใจบอกว่าใช่ก็คือแบคฮยอนที่กำลังนั่งยิ้มอยู่ตรงหน้าเขานั่นแหละ พอรู้ตัวอีกทีก็สายไปซะแล้วสินะ อีกเดี๋ยวแบคฮยอนก็จะสลายไปแล้ว เหมือนกับเวลาที่เขาชอบฝัน เพราะเอาแต่คิดถึงเรื่องของแบคฮยอนนั่นล่ะ

     

    “จงอิน เมามากแล้วนะ พอได้แล้วมั้ง”

     

    จงอินส่ายหัวให้กับภาพสมมติที่กำลังเอื้อมมือมาแย่งขวดเบียร์ไปจากมือเขา และก่อนอีกฝ่ายจะทันรู้ตัว เขาก็ฉกจมูกลงบนแก้มเนียนใสของอีกฝ่ายซะแล้ว คนในจินตนาการไม่ได้ตอบโต้อะไร แบคฮยอนแค่เบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดเท่านั้น แต่นั่นก็มากพอแล้วที่จะทำให้เขารู้สึกโหวงๆในใจ

     

    “ขนาด...ในฝัน...ยังไม่อยากให้กอดเลยหรอ แบคฮยอน”

     

    จงอินว่าเสียงเศร้า สาบานได้ว่าตั้งแต่คบกันมาแบคฮยอนไม่เคยเห็นจงอินที่เป็นแบบนี้ จะว่ายังไงดีล่ะ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะกำลังสำนึกผิดกับสิ่งที่เคยทำไว้กับเขาขึ้นมาจริงๆ ทั้งๆที่คนอย่างจงอินไม่เคยยอมรับความผิดของตัวเองง่ายๆ ต้องรอให้จวนตัวก่อนทุกทีถึงจะยอมเออออแล้วขอโทษตาม

     

    แต่จะบอกอะไรให้อย่างนะจงอิน...มาเสียใจตอนนี้มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วล่ะ...

     

    ถึงจะเคยชอบมาก ชอบถึงขนาดยอมไม่เป็นตัวของตัวเองเพื่อคนๆนี้ แต่นั่นมันก็แค่อดีต วันนี้เขาเริ่มต้นใหม่แล้ว บยอน แบคฮยอนได้เจอกับคนที่เข้าใจ และชอบอะไรเหมือนๆกันแล้ว...

     

    Rrrr Rrrrrr

     

    พูดถึงก็โทรมาเลย 

     

     มือบางปัดมือของจงอินออกจากการเกาะกุม แบคฮยอนหมุนตัวออกไปหลบมุม หาที่ที่เสียงเพลงจะดังเข้ามารบกวนเสียงของปลายสายน้อยที่สุด ก่อนจะกดรับสายแล้วกรอกเสียงลงไป

     

    “เซฮุน” แบคฮยอนพูดทั้งที่ตาก็ยังคงจับภาพของแฟนเก่าที่กำลังนั่งกอดขวดเบียร์พึมพำอยู่คนเดียว

     

    [“อยู่ที่ไหน”]  ปลายสายว่าเสียงเรียบ โทรมาก่อนแบบนี้ถ้าให้ทายน่าจะกำลังติดธุระ

     

    “รออยู่ที่ร้านแล้ว”

     

    [“อืม...รออีกซักชั่วโมงได้ไหม”] นั่นไง....

     

    “เคลียร์งานอยู่หรอ” แบคฮยอนก้มหน้าลงมองที่เท้าของตัวเอง เอาอีกแล้ว ไม่ว่าเมื่อไหร่เซฮุนก็เห็นงานสำคัญกว่าทุกอย่างเสมอ เอาเถอะ เขาชินซะแล้วล่ะ อย่างน้อยๆก็ยังมีเรื่องบางเรื่องที่เราสามารถแชร์ให้กันได้ ก็ยังดีกว่าคนบางคนที่ไม่เคยคิดจะแชร์อะไรกับเขาเลย

     

    [“อืม เสร็จแล้วเดี๋ยวรีบ.....”]

     

    หูของแบคฮยอนไม่ทันฟังเสียงทุ้มของปลายสายจนจบ เด็กหนุ่มก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อเห็นว่าแฟนเก่าของเขาล้มลงไปทั้งๆที่ยังนั่งกอดขวดเบียร์หน้าตามึนงง หัวทุยๆนั่นฟาดทั้งบาร์และเก้าอี้นับเป็นสองเด้งตาหน้าต่อตา และให้ตายเถอะ หมอนั่นยังลุกขึ้นมากระดกเบียร์ได้หน้าตาเฉย!

     

    “เซฮุน แค่นี้นะ เดี๋ยวโทรกลับ” แบคฮยอนรีบกดโทรศัพท์วางสายแล้วปิดเครื่องทันที ไม่ใช่ว่าอยากมีความลับอะไรนักหรอก แต่เพราะเขารู้ว่าแฟนใหม่ตัวเองเป็นคนยังไง ถ้าเผลอเปิดโทรศัพท์เอาไว้มีหวังโทรจิกจนสายไหม้แน่ๆ

     

    ส่วนหมอนี่.... แบคฮยอนทอดสายตามองจงอินที่นั่งดวดขวดเบียร์พิงอยู่กับบาร์ เห็นทีจะไม่ได้การ ถึงจะไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว แต่แบคฮยอนก็ถือว่าตัวเองยังมีมนุษยธรรมพอที่จะไม่ปล่อยให้แฟนเก่าต้องอยู่ในสภาพน่าอับอายอย่างนี้ เด็กหนุ่มวิ่งถลาเข้าไปประคองจงอินที่กำลังทำท่าจะขย้อนของเก่าลงบนพื้นของผับ ก่อนจะยกแขนอีกฝ่ายขึ้นพาดบ่า หันไปจ่ายเงินแล้วรีบพาออกมาจากตรงนั้นทันที....

     

     .

    .

    .

     

    “อืม....” 

     

    ร่างโปร่งบนเตียงขยับตัวยุกยิกเมื่อรู้สึกได้ถึงแสงไฟสว่างวาบที่แทงตาเขาทั้งยังหลับ มือเรียวสีแทนเอื้อมไปทุบหัวไหล่ ล้วงเข้าไปเกาพุงตามนิสัยเดิมๆตอนใกล้จะตื่น แต่ทำเท่าไหร่ก็ยังรู้สึกไม่สบายตัวแปลกๆ จนเริ่มกลิ้งไปกลิ้งมานั่นล่ะถึงได้สติ ดวงตาคมเบิกโพลงขึ้นทันที

     

    “ที่นี่...” 

     

    แหงนหน้ามองเพดานแล้วพยายามนึก มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะกลับมายังห้องตัวเองทั้งที่ยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเมื่อคืนกินอะไรเข้าไปบ้าง แล้วที่นี่ที่ไหน ห้องของใครกันแน่ จงอินกระพริบตาถี่ๆ ยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตาตัวเองแล้วออกแรงตบที่แก้มสองข้างเบาๆเพื่อสั่งให้สมองตื่น

     

    “นี่ห้องฉันเอง”

     

    เสียงตอบรับทักทายดังขึ้นจากด้านหลัง คิมจงอินกระเด้งตัวหันขวับไปทางต้นเสียงทันที และเขาจะไม่รู้สึกวูบในใจแปลกๆเลย ถ้าคนที่เดินถือกะละมังน้ำพาดผ้ามากับบ่าเป็นแค่สาวสวยคนนึงที่เขาเมาแล้วเผลอลากเธอกลับมาวันไนท์แสตนด้วย.... 

     

    ใช่...คนตรงหน้าเป็นอะไรที่มากกว่านั้น

    เซอร์ไพร์สชิบหาย

     

    “แบค...ฮยอน?”  

     

    “วันนี้นายเรียกชื่อฉันไปกี่ครั้ง...”  คนพูดหัวเราะเบาๆพลางจุ่มผ้าลงไปในอ่าง บิดให้หมาดแล้วเขยิบตัวเอื้อมมือแปะผ้าเย็นๆลงบนแขนของคนร่างโปร่ง “รู้ไหมว่ารวมกันแล้วมันมากกว่าที่นายเคยเรียกฉันตอนเราคบกันซะอีก” 

     

    “....นี่...เรื่องจริงใช่ไหม”  จงอินเอ่ยถามทั้งๆที่ดวงตายังจับจ้องแบคฮยอนอยู่ ร่างโปร่งนิ่งมองมือบางที่กำลังลากผ้าชื้นๆไปตามร่างกายของเขาอย่างชำนาญ แบคฮยอนไม่ได้ตอบอะไรนอกจากรอยยิ้ม ทว่าการกระทำที่แสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยมันทำให้บางอย่างในใจของชายหนุ่มปะทุขึ้นมา

     

    “นายน่ะเมาเละเทะเลยนะ ออกมากินแบบนี้คยองซูเค้าไม่ว่าบ้างหรือไง เดี๋ยวฉันเช็ดตัวให้เสร็จแล้วก็นอนต่ออีกพักนะ ตื่นแล้วจะได้กลับไป.....”

     

    “แบคฮยอน” จงอินคว้าข้อมือที่กำลังลากผ้าเย็นๆลงบนแก้มซ้ายของเขาไว้ แบคฮยอนที่กำลังพูดอะไรบางอย่างชะงักค้างไป  “นายกลับมาหาฉันใช่ไหม”

     

    ยิ่งเห็นว่าแบคฮยอนไม่ตอบอะไรในใจมันยิ่งปวด แต่ที่มากกว่านั้น แทนที่แบคฮยอนจะยิ้มเหมือนเคย ร่างบางกลับทำสีหน้าเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทั้งๆที่ตาคู่นั้นยังมองเขาอย่างห่วงใยอยู่เลย แล้วจะปฏิเสธยังไง ทำไมไม่ตอบอะไรกลับมาบ้าง

     

    “........”

     

    “นายกลับมาหาฉันใช่หรือเปล่า” จงอินสูดลมหายใจเข้าปอดเมื่อเอ่ยประโยคเดิมซ้ำอีกครั้ง เขาจ้องหน้าแบคฮยอนนิ่ง ตั้งใจจะสื่อความรู้สึกที่จริงจัง อยากให้รู้ว่าคิดถึงแค่ไหน เสียใจแค่ไหน แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่พยายามเข้าใจอะไรเขาเลย

     

    “พูดอะไรน่ะจงอิน” ร่างบางพยายามสะบัดข้อมือตัวเองให้หลุดออกจากการเกาะกุม “ฉันจะกลับมาหานายทำไม ในเมื่อเป็นนายเอง ที่ไล่ให้ฉันไปไกลๆ”

     

    ใช่...จงอินนั่นแหละที่เป็นคนขอเลิก....

    จงอินนั่นแหละที่เป็นคนไล่เขาให้ไปไกลๆ จงอินนั่นแหละที่บอกว่าเขามันเป็นคนน่าเบื่อ

    จงอินนั่นแหละ.....ที่ต่อให้ผ่านเวลามากี่เดือน ก็ยังทำใจลืมไม่ได้ซักที  

     

    เพราะจงอินคนเดียว...

     

    “ฉันขอโทษ” ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกผิด เห็นดวงตาของแบคฮยอนที่พยายามมองสบตาเขากลับมายิ่งรู้สึกแย่ นี่เขาทำอะไรลงไปวะ ทำให้คนๆนึงต้องเจ็บเพราะความเห็นแก่ตัวของเขาเพียงคนเดียว จงอินเม้มริมฝีปากเข้าหากันก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือบางนั้นมาไว้ที่หน้าตักตัวเอง “ฉันขอโทษจริงๆ....”

     

    “.........”

     

    “....เพิ่งรู้ว่าตัวเองชอบใครน่ะ....แต่คงสายไปแล้วใช่ไหม” 

     

    “..........อืม”  แบคฮยอนตอบกลับเป็นเสียงครางเบาๆในลำคอ ใบหน้าน่ารักนั่นหันหนีจงอินอีกครั้ง และนั่นทำให้ร่างโปร่งคิดว่าเริ่มจะทนไม่ได้

     

    “แบคฮยอน” ร่างโปร่งเอื้อมไปแนบมือเรียวสีแทนของตัวเองบนแก้มนิ่มทั้งสองข้างของอีกฝ่าย ออกแรงเพียงนิด แบคฮยอนก็หันกลับมาสบตากับเขาแล้ว “อย่าเมินได้ไหม.....”

     

    จงอินพูดเหมือนคนเหม่อลอย อีกครั้งที่เขาพยายามรั้งแบคฮยอนให้เขยิบชิดเข้ามา ใบหน้าคมยื่นเข้าไปหา ตั้งใจจะมองริมฝีปากเล็กที่เคยเรียกชื่อเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เปล่าเลย สิ่งที่จงอินได้ยินหลังจากนั้นมันเสียดแทงหัวใจเขาเหลือเกิน

     

    “อย่าทำแบบนี้จงอิน ฉันมีแฟนใหม่แล้วนะ” แบคฮยอนขืนตัวออก ทว่ายิ่งออกแรงมากเท่าไหร่ ดูเหมือนคนเมาจะยิ่งรั้งเขาเข้าไปใกล้มากขึ้นอีก “จงอิน!

     

    ใบหน้าของจงอินที่อยู่ห่างไปไม่ถึงนิ้วช่างดูอ้อนวอน แววตาคู่นั้นจ้องเข้ามาในดวงตาของแบคฮยอน ราวกับว่ากำลังหาพื้นที่ที่ตัวเองจะสามารถเข้าไปยืนอยู่ได้อีกครั้ง และนั่นทำให้คนใจอ่อนอย่างแบคฮยอนรู้สึกแย่.... ทั้งๆที่มีแฟนแล้ว แต่ก็ยังเผลอไผลไปกับสัมผัสเก่าๆ

     

    “จงอิน...อย่า....มันไม่ถูกต้อง”

     

    จงอินยื่นหน้าใกล้เข้ามาอีก ใกล้จนริมฝีปากรูปกระจับนั่นจ่อชิดริมฝีปากของเขา แบคฮยอนทั้งดันทั้งผลัก ออกไปมากเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล ยิ่งทำแบบนั้น ยิ่งเหมือนเสือกไสตัวเองให้จมเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของจงอินมากขึ้น

     

    “มีแฟนแล้วทำไม มีแล้วก็เลิกได้....กลับมาหาฉันเถอะ...ฉันจะดีกับนาย จะรักนายให้มากๆ กลับมาหาคิมจงอินเถอะนะแบคฮยอน” 

     

    คิมจงอินฮุกหมัดตรง เขาไม่รีรอให้แบคฮยอนเอ่ยปากพูดถึงแฟนใหม่ซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง มือเรียวสีแทนนั่นประคองใบหน้าของอีกฝ่ายรั้งให้เชิดขึ้นก่อนจะบดขยี้ริมฝีปากลงไปทันที ตอนนี้แบคฮยอนก็กลับมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว เรื่องอะไรที่เขาจะปล่อยแบคฮยอนไปหาใครก็ไม่รู้ คิมจงอินไม่อยากฟังไม่อยากเข้าใจอะไร อยากให้แบคฮยอนอยู่กับเขาคนเดียวก็พอ

     

    “อื้อม์” เสียงที่ประท้วง กับมือที่พยายามจะดันเขาให้ออกห่างยิ่งทำให้รู้ว่าแบคฮยอนยังคงหลงเหลือเยื่อใย จงอินรวบมือสองข้างที่ทุบเบาๆตรงอกตัวเองเอาไว้ แล้วออกแรงรวบคนร่างบางให้ย้ายมาอยู่ภายใต้ร่างเขาแทน

     

    “แบคฮยอน......” เสียงกระซิบแหบพร่าเรียกให้แบคฮยอนลืมตาขึ้น คิมจงอินค่อยๆก้มหน้าลงมากดจูบเบาๆที่ขมับของเขา มันช่างอ่อนหวาน  “เป็นของฉันเถอะนะ กลับมาเป็นของฉันอีกครั้ง”

     

    วินาทีนั้นแบคฮยอนไม่รู้อะไรอีกแล้ว ไม่รู้แม้กระทั่งว่าตัวเองจูบตอบริมฝีปากหนานั่นไปตอนไหน รู้แค่ว่าหัวใจมันแรงจนในอกเจ็บไปหมด....

     

    “อืม.....จงอิน”

     

    และแล้วคืนนั้นจงอินก็ทำให้ได้รู้ว่า ...

    สำนวน ถ่านไฟเก่า มันทรงอานุภาพแค่ไหน



    ________________________________________________________




    เสียงฝีเท้าเก้าหนักๆดังสะท้อนไปทั่วทั้งบริเวณโถงทางเดินของชั้น 50 ขายาวเร่งฝีเท้าให้เร็วมากขึ้นอีกเมื่อเห็นว่าประตูบานใหญ่ของห้องในสุดยังคงเปิดค้างไว้ไม่ต่างอะไรจากตอนที่เขาออกมา ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำยี่ห้ออาร์มานี่ผลักบานประตูเข้าไปทั้งยังกำผ้าก็อตในมือแน่น

     

    “ก็แค่ถากๆน่า หมอจะพิถีพิถันอะไรกับมันนักหนา”

     

    น้ำเสียงแหบทุ้มดังขึ้นหลังจากที่เขาก้าวผ่านตัวประตูเข้ามา ภาพตรงหน้าคือชายหนุ่มร่างสูงโปร่งกำลังนอนเอนตัวอยู่บนเก้าอี้บุนวมตัวโปรด ดวงตาเรียวยังคงจับจ้องอยู่กับชายในชุดกาวน์ที่กำลังเย็บสดบาดแผลตรงหัวไหล่ของตนอย่างระมัดระวัง จนเขาเดินเข้าไปใกล้แล้วยื่นผ้าก๊อตสีขาวสำหรับปิดแผลให้คุณหมอประจำตัวนั่นล่ะ บอสถึงได้เงยหน้าขึ้นมอง

     

    “มาแล้วก็ดี ต่อสายแบคฮยอนติดหรือยัง” 

     

    “คุณบยอนปิดเครื่องครับบอส”  

     

    ได้ฟังคำตอบแล้วถึงกับถอนหายใจออกมาแรงๆ ถ้าเป็นปกติบอสของเขาคงไม่ไล่ให้ไปโทรจิกร่างบางนั่นขนาดนี้หรอก แต่เพราะว่านี่เป็นเหตุการณ์ฉุกเฉิน อยู่ๆคุณบยอนแฟนของบอสก็หายไปในช่วงที่บอสถูกลอบทำร้ายจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ยังดีที่กระสุนแค่ถากๆ แต่นั่นก็ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้ว แถมก่อนจะวาง ปลายสายยังทำเสียงเหมือนกับรีบร้อนอีก ก็เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่คนรักกันอย่างบอสจะเป็นกังวลอย่างนี้

     

    โอเซฮุน หรือที่ชายในสูทสีดำเต็มยศเรียกว่า บอส พยุงตัวขึ้นจากเก้าอี้

     

    “เอาโทรศัพท์มา เดี๋ยวโทรเอง”

     

    ชานยอลวางโทรศัพท์มือถือลงบนมือของบอสตามคำสั่ง ร่างสูงโปร่งนั่นเอนตัวลงกับโซฟาอีกครั้ง ก่อนจะหันไปยกมือปรามคุณหมอประจำตัวให้หยุดการรักษาก่อน

     

    คิ้วเรียวขมวดหากันแน่น แสดงออกถึงความกังวลด้วยการเดาะปากตัวเองจนเกิดเสียงดัง ดวงตาคมทอดมองออกไปยังด้านนอกของหน้าต่างบนชั้น 50 ท้องฟ้าก็ให้จะสางแล้ว ถ้ารอบนี้ยังโทรไม่ติด เขาจะส่งคนไปตามหาแบบที่แบคฮยอนไม่ชอบให้ทำเดี๋ยวนั้นเลย

     

     

    ________________________________________________________






    TRrrrrr  TRrrrrrr

     

    เป็นอีกครั้งที่คิมจงอินต้องสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาในคืนนี้ มันจะไม่น่าหงุดหงิดเลยถ้าเสียงโทรศัพท์ที่แบคฮยอนเสียบชาร์จไว้บนโต๊ะกินข้าวดังเตือนเพียงแค่ครั้งเดียว นี่มันรอบที่ 5 แล้วนะโว้ย ดวงตาคมหรี่มองไปที่นาฬิกาแขวนบนผนัง  เพิ่งจะตีห้าแท้ๆ นี่ก็โทรมาจัง ไม่มีมารยาทเลยรึไงวะ !

     

    ร่างโปร่งผุดลุกขึ้นจากเตียงด้วยอาการมึนงง เขาพยายามจะมองหาร่างบางที่เคยนอนอยู่ด้วยกันตั้งแต่เมื่อคืนเพื่อปลุกให้ตื่นไปรับโทรศัพท์ แต่เสียงซ่าที่ดังมาจากห้องน้ำก็เป็นคำตอบที่ดีอยู่แล้วว่าแบคฮยอนคงกำลังอาบน้ำและไม่ได้ยินเสียงอะไรจากด้านนอกทั้งสิ้น คิดอย่างนั้นก็เลยลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปหยุดมองเจ้าโทรศัพท์มือถือที่เพิ่งจะตัดสายรอบที่ 5 ไปเมื่อครู่

     

    TRrrrr TRrrrrrr

     

    จงอินสะดุ้งสุดตัวเมื่อโทรศัพท์ที่เขายืนสัปหงกมองสิ่งที่แผดร้องขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ร่างโปร่งจะไม่ยอมให้มันดับไปต่อหน้าต่อตาอีกแล้ว เขาเอื้อมมือไปหยิบมัน กดรับแล้วแนบกับหูตัวเอง 

     

    [“บยอนแบคฮยอน!]

     

    เสียงปลายสายที่ตวาดลั่นอย่างคนกำลังมีอารมณ์ทำให้จงอินขมวดคิ้ว นี่ตกลงใครควรจะโกรธใครแน่วะ จะมาทำขึ้นเสียงอะไร ตัวเองโทรมาหาชาวบ้านเขาซะเช้าตรู่ ไก่ยังไม่ทันโก่งคอโห่เลยด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าคนอื่นเค้าจะหลับจะนอนบ้างหรือไง

     

    “แบคฮยอนไม่อยู่ ไปอาบน้ำ มีอะไรก็ฝากมา” ตอบกลับไปด้วยเสียงมึนง่วงโดยไม่สนใจว่าปลายสายจะอยากคุยกับแบคฮยอนมากแค่ไหน ไม่สนโว้ย ยิ่งถ้าเป็นแฟนใหม่ยิ่งไม่สน ดีซะอีก จะได้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย ว่าคนเก่าหรือคนใหม่ คนไหนจะแน่กว่ากัน

     

    [“นั่นใคร”] ถามแบบนี้ออกมาแสดงว่าคนปลายสายแม่งเป็นคนใหม่ของแบคฮยอนจริง คิมจงอินดึงโทรศัพท์ออกจากใบหูตัวเอง แล้วหรี่ตามองตัวอักษรเล็กๆบนหน้าจอ.... แฟนใหม่แบคฮยอนชื่อเซฮุนหรอเนี่ย

     

    “แฟนแบคฮยอนโว้ย มีอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีจะไปนอนแล้ว”

     

    [“เดี๋ยว”]

     

    “อะไรอีก”

     

    [“แกอยู่ไหน”]

     

    “...ปัญญาอ่อนจริง ก็อยู่คอนโดแบคฮยอนสิโว้ย” คิมจงอินยิ้มเยาะแฟนใหม่แบคฮยอนอยู่ในใจก่อนจะกดตัดสายอีกฝ่าย แล้วโยนโทรศัพท์ไว้แถวๆนั้น

     

    ร่างโปร่งเดินลากขากลับมาที่เตียงนุ่มอีกครั้ง เขาทิ้งตัวลงกับผ้านวมนิ่มๆ นอนยิ้มอยู่คนเดียวเมื่อนึกถึงสีหน้าของแฟนใหม่แบคฮยอนตอนที่ได้ยินว่าเขาอยู่ที่ไหน หึ ของใหม่ยังไงก็ไม่เร้าใจเท่าของเก่าหรอกโว้ย แล้วฟังดูเสียงไอ้กากปลายสายเมื่อกี้สิ ยังเด็กอยู่เลยด้วยซ้ำ ท่าทางจะม.ปลายหรือเพิ่งเข้ามหาลัยกำลังวัยกรุบกริบเลยทีเดียว แต่จะบอกให้นะไอ้ละอ่อน ของแบบนี้มันวัดกันตรงลีลาโว้ย ไม่ใช่ว่าสดใหม่แล้วจะคว้าเอาหัวใจของแบคฮยอนไปได้!

    .

    .

    .

    .

     

    “จงอิน!...นายรับโทรศัพท์ฉันหรอ” 

     

    เป็นอีกครั้งที่คิมจงอินต้องตื่นขึ้นมาทั้งๆที่เพิ่งข่มตาหลับไปได้ไม่ถึง 20 นาที คราวนี้อะไรอีกล่ะ... เขากระเด้งตัวลุกจากที่นอนนิ่มๆมานั่งประจันหน้ากับแบคฮยอนที่ยื่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองมา ใกล้จนหน้าของเขาแทบจะรวมร่างกับโทรศัพท์อยู่แล้ว

     

    “อืม......”  

     

    แบคฮยอนเม้มริมฝีปากแน่น เมื่อเห็นว่าจงอินไม่มีท่าทีกระตือรือร้นจะตอบคำถามของเขาเลยแม้แต่น้อย ร่างโปร่งยังคงนั่งหลับตาทั้งๆที่เขาเอื้อมมือไปเขย่าไหล่กว้างนั้นเป็นครั้งที่สอง

     

    “จงอิน ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้ บอกมาว่านายรับโทรศัพท์ใช่ไหม” 

     

    จงอินหรี่ตามองร่างบางที่กำลังเป็นเดือดเป็นร้อนจนแทบจะบ้า จะอะไรกันนักกันหนา กับอีแค่โทรศัพท์สายเดียวที่เขารับทำไมต้องมาทำหงุดหงิดกับคนที่กำลังง่วงกันด้วย หรือที่เป็นกังวลขนาดนี้เพราะกลัวไอ้หญ้าอ่อนนั่นมันจะทิ้งเอา

     

    “....ใช่ แล้วจะทำไมล่ะ” จงอินทำเบะปาก “หวงโทรศัพท์เหลือเกินนะ กลัวแฟนใหม่จะโทรเข้ามาหรือไง”

     

    “ก็ใช่น่ะสิ!” แบคฮยอนแหวขึ้นมา ในใจนี่มันร้อนเหมือนมีไฟมาสุมอยู่ในอก “แล้วได้พูดอะไรไปบ้าง” 

     

    “......”

     

    “ตอบสิจงอิน” แบคฮยอนเขย่าคนร่างโปร่งตรงหน้า พยายามกดดันให้จงอินบอกออกมาให้หมด ว่าพูดอะไรกับเซฮุนไปบ้าง.... ภาวนาให้จงอินง่วงเกินกว่าที่จะไปโอ้อวดอะไรใส่หมอนั่น....

     

    แต่ดูเหมือนพระเจ้าจะใจร้ายกับเขาไปหน่อย...

     

    “หึ....ก็บอกไปว่าเป็นแฟนนาย” 

     

    “ห๊ะ!....”

     

    “แล้วก็บอกว่านอนกับนาย อยู่คอนโดนาย...หึ ทำไม มันจะทำอะไรได้ อย่ากลัวไปเลยน่.....”

     

    ไม่รู้ว่าแบคฮยอนคิดไปเองหรือเปล่า แต่เหมือนกับว่าท้องฟ้าที่เคยสว่างไสวทอแสงสีทองเป็นประกายอ่อนๆในยามเช้ากลับกลายเป็นมืดมิดลงทันทีที่เขารู้ว่าไอ้ดำนี่ไปพูดจาสามหาวกับแฟนใหม่ของเขายังไง ร่างบางพ่นลมหายใจออกช้าๆ พยายามตั้งสติให้มั่น

     

    “หยุด” แบคฮยอนยกมือขึ้นแปะที่หน้าผากแทนนั่นแรงๆ   

     

    “อะไร” 

     

    “ใส่เสื้อผ้านายเดี๋ยวนี้!”  แบคฮยอนคว้าโทรศัพท์กดดูเวลาสุดท้ายที่โทรศัพท์เขากดรับสายเซฮุน “ไม่สิ ไม่ทันแล้วแน่ๆ เอาเสื้อผ้านายไปใส่ข้างนอกนะ เร็วสิจงอิน เร็วๆ”

     

    ไม่พูดเปล่าร่างบางยังพยุงคนเมาง่วงให้ลุกขึ้นจากเตียง หันซ้ายหันขวาเก็บเสื้อผ้าที่กองระเกะระกะอยู่บนพื้น ก่อนจะรวบทุกอย่างมาวางไว้บนมือสองข้างของคนตรงหน้าที่ตอนนี้ถลึงตามองมาแบบงงๆ

     

    “เดี๋ยว....อะไรกันเนี่ยแบคฮยอน” จงอินหันขวับกลับมาหาร่างบางที่พยายามดันหลังเขาให้ตรงไปที่หน้าต่างบานที่ใกล้ที่สุด  “ทำอย่างกับว่ามันจะพาพวกมารุมกระทืบฉันอย่างนั้นล่ะ”

     

    แบคฮยอนครางในลำคอด้วยความหงุดหงิด ร่างบางรีบวิ่งนำไปเปิดหน้าต่างบานสีขาวตรงหน้าให้กว้างพอที่คนหนึ่งคนจะมุดออกไปได้ ก่อนจะหันมาเร่งคนตัวดำที่ยังง่วนกับการใส่บ็อกเซอร์ตัวซีดโดยที่ไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองเลยแม้แต่น้อย

     

    “โอ้ย ไว้ค่อยใส่ได้ไหมจงอิน  รีบปีนออกหน้าต่างไปเลย เร็วสิจงอิน! เร็.......”

     

    ปัง!!!!

     

    บานประตูไม้สีเข้มถูกถีบเข้ามาอย่างแรง เผยให้เห็นร่างสูงโปร่งที่เพิ่งจะวางขาข้างขวาลงกับพื้น มือเรียวยาวนั่นปัดฝุ่นบนกางเกงสแล็คสีดำเบาๆ ก่อนจะยกขึ้นดึงแว่นคริสเตียนดิออร์รุ่นล่าสุดออกจากกรอบหน้า พอมองไปเจอดวงตาเรียวดุจเหยี่ยวที่สบกลับมาก็ทำให้แบคฮยอนรู้สึกว่านรกอยู่ไม่ไกลแค่เอื้อม

     

    “เซฮุน.....”

     

    “........”

     

    “บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าใช้ปืนยิงประตูห้องฉันอีก”   

     

    นั่นไม่ใช่ประเด็น แต่แบคฮยอนก็ยังนำมาเข้าเป็นประเด็น อันที่จริงแล้วเขาควรสนใจมนุษย์ที่พยายามจะใส่กางเกงยีนส์ทั้งที่ยังยืนตัวสั่นอยู่ด้านหลังมากกว่า แทนที่จะมานั่งเครียดเรื่องที่เซฮุนกับลูกน้องพังประตูคอนโดเขาเป็นรอบที่ห้าของเดือน


     “ถ้าฉันไม่พัง ป่านนี้ชู้ของนายคงหนีไปแล้ว” 
     

     ร่างบางเดินเข้าไปประจันหน้ากับชายหนุ่มในชุดดำที่เพรียบพร้อมไปด้วยลูกน้องด้านหลักอีกนับสิบ มือบางยกขึ้นคล้องแขนยาวนั้น ฉุดให้ก้มต่ำลงมาเพื่อที่จะแนบริมฝีปากลงบนแก้มอย่างเอาใจ

     

    “ทีหลังก็เคาะเรียกดีๆสิ”

     

    “ไม่มีทีหลังแล้วแบคฮยอน” เซฮุนยกมือขึ้นชี้นิ้วไปทางคนที่ยืนเอากางเกงยีนส์กุมเป้าอยู่ตรงหน้า ไม่ต้องมีคำสั่งใดๆลูกน้องที่เป็นดั่งฝูงหมาป่าก็พร้อมจะเข้าล่าลูกแกะทันที 

     

    “จัดการมัน” 

     

    ________________________________________________________
    TBC – 2

    555 มาแล้ว ไม่รู้สนุกรึเปล่านะ

    ยังคงบอกว่าภาษาอาจจะตึงๆหน่อยเราไม่ได้เขียนบุรุษที่สามนานแล้ว

    ขอบคุณและขอโทษที่อาจจะทำให้ใครผิดหวังนะคะ  

     

    รักเรื่องนี้ ชอบเรื่องนี้ เวลาสครีมอย่าลืมติดแท็ก #ficbigboss นะคะ

     







    ’ cactus
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×