ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    POISON IVY (BAEKDO | CHANSOO)

    ลำดับตอนที่ #2 : p o i s o n i v y | 01

    • อัปเดตล่าสุด 10 มี.ค. 58


    M





















     

     

     

             นับเป็นวันแรกของฤดูหนาวที่ได้สัมผัสกับไอแดดอุ่นในยามอัสดง แสงสีส้มที่สาดไปทั่วท้องฟ้าดูงดงามเสียจนนึกอยากจะยกโทรศัพท์มือถือถ่ายเก็บภาพเอาไว้ อย่างน้อยๆก็ช่วยแต่งเติมชีวิตที่เหี่ยวเฉาของ โดคยองซูได้แค่ช่วงนึงก็ยังดี

     

                คยองซูฟุบบนโต๊ะไม้เก่าสีมะเดื่อที่เต็มไปด้วยกองเอกสารมากมาย  แหงนหน้ามองท้องฟ้าอยู่นาน คิดอยู่อย่างเดียวตอนนี้ว่าบางทีมันอาจจะมีอะไรดีขึ้นมากว่าเดิม อย่างเช่นกองเอกสารข้างหน้านั้น จะมีคนแบ่งเบา เอามันออกไปบ้าง

              

                “เอ้า..ทำไมมานอนฟุบอยู่นี่ ไม่กลับหอรึไง ?”

     

                เสียงทุ้มนุ่มของคิม จงอินดังขึ้นมาจากประตูด้านนอก ไม่นานนักก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้ามาถึงตัวของ  คยองซู ร่างบางดันตัวเองขึ้นจากโต๊ะทำงาน ปล่อยปากกาน้ำเงินที่กำเอาไว้ให้เป็นอิสระ แล้วส่ายหน้าเบา ๆ เป็นคำตอบ

     

                “ไม่ล่ะ..ยังเคลียร์เอกสารไม่หมดเลย”

     

                จงอินเบะปากทันทีเมื่อได้ยินดังนั้น มือเรียววางเล่มเอกสารอีกปึกทับลงไปบนของเดิมที่สูงเกือบจะถึงอกเขาอยู่แล้ว  คยองซูดูอิดโรย แต่สาเหตุอะไรที่ทำให้เจ้าตัวยังคงนั่งเคลียร์งานอยู่ที่ห้องสโมสรฯนั้น เขาคิดว่ารู้ดี

     

     

                “รอแบคฮยอนอยู่ ?”

              

                “อืม...วันนี้เซ็คแบคฮยอนเลิกช้า”

     

                เป็นอันรู้กันในสโมสรฯว่าคยองซูกับแบคฮยอนสนิทกันขนาดไหน ทั้งสองมักจะตัวติดกันตลอดเวลา ไม่ว่าจะกินข้าว นั่งเรียน หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ จะหาว่าหมอนี่โลกแคบก็ได้ที่ยึดติดอยู่กับเพื่อนคนเดียว  นั่นทำให้ คยองซูแลดูเพื่อนน้อยไปถนัดถ้าเทียบกับแบคฮยอน ก็เพราะจงอินรู้ดีว่าแบคฮยอนมีเพื่อนมากมาย เยอะแยะมากกว่าคยองซูหลายเท่า

     

                “แน่ใจนะว่าไม่ไปงานเลี้ยงด้วยกัน?” จงอินถามเสียงอ่อน

     

                “ไม่ล่ะ....ขอบใจ”

     

                “โอเค ๆ ...งั้นฉันไปก่อนนะ....เออ ส่วนเอกสารนี่พี่ชานยอลบอกให้ปิดงบได้อาทิตย์หน้า...ไม่ต้องรีบก็ได้เดี๋ยวไม่มี’ไรทำ”

     

                คยองซูโบกมือบอกลาจงอินที่กลับหลังหันเดินออกจากห้องไปแล้ว จงอินเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งในเอกฯ เจอกันครั้งแรกก็โดนโหวตให้มาแบกภาระงานสโมฯด้วยกัน เลยสนิทกันไวกว่าเพื่อนคนอื่น ๆ อีกทั้งจงอินยังเป็นเพื่อนที่เกือบจะรู้ใจเขาทุกเรื่องรองจากแบคฮยอนเลยทีเดียว

     

                จะว่าไปตอนนี้ก็4เดือนกว่าแล้ว นับจากวันที่เขาตัดสินใจขอแม่เรียนในม.เอกชน แม่ไม่พูดอะไรมากนัก นอกจากคำปลอบใจ แล้วบอกให้ใช้ชีวิตดี ๆ

     

                 ชีวิตในมหาลัยแตกต่างจากช่วงเวลาในม.ปลายโดยสิ้นเชิง เวลาว่างเกือบทั้งหมดของคยองซูใช้ไปกับกิจกรรมรับน้องซะมาก เหตุเป็นเพราะเขาถูกโหวตให้เป็นเหรัญญิกของเอกโดยที่ไม่ได้อยากเป็นเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ต้องก้มหน้ารับภาระอันหนักอึ้งนี้ไว้ เพราะไม่มีโอกาสได้พูดอะไร ใคร ๆ ก็เห็นว่ามันดีแล้วทั้งนั้น

     

                แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เวลาว่างเกือบทั้งหมดถึงจะไม่ค่อยมีมากเท่าไหร่ อย่างน้อย ๆ ในช่วงเย็นของทุกวัน ก็จะต้องแบ่งเวลาไว้กินข้าว ดูหนัง เล่นเกมบ้างบางครั้งกับแบคฮยอน เพราะเจ้านั่นไม่ค่อยชอบออกไปไหนซักเท่าไหร่ จึงตัดตัวเลือกที่จะกินข้าวนอกบ้านไป เพราะเขาต้องเป็นคนซื้ออาหารเข้ามากินเท่านั้น

     

             มีเวลาอยู่ด้วยกันอย่างที่เขาคิด แต่ก็แลกมาด้วยความรู้สึกผิดต่อครอบครัว...

     

                Rrrr RRrrrr

     

                เสียงโทรศัพท์คู่ใจดังลั่นไปทั่วทั้งห้องสโมฯ ทำเอาน้ำเสียงออดอ้อน เวลาอยากได้สิ่งที่ต้องการของแบคฮยอนในความคิดของคยองซูหายวับ มือเรียวเอื้อมมือไปคว้าต้นเสียงที่กำลังสั่นครืดอยู่บนโต๊ะ มองมันอย่างชั่งใจซักพักก่อนจะกดรับสาย

     

                “...แบคฮยอน ?” กรอกเสียงลงไปอย่างเบา  ปกติแบคฮยอนจะไม่โทรหา แต่จะมาถึงที่นั่นล่ะมั้ง ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ

     

     

                .

                .

                .

                .

     

                สายลมเย็นพัดผ่านปะทะใบหน้าขาวจัด ครั้งแล้ว ครั้งเล่า  ริมฝีปากที่เคยซีดเพราะอาการไข้หวัดที่ถามหา กลับกลายเป็นสีแดงจัด ราวกับว่าความอบอุ่นทั้งหมดพร้อมใจกันมารวมอยู่ที่หน้าของเขา เพื่อที่อย่างน้อยก็จะได้รู้สึกถึงไออุ่นบ้าง

     

                นึกโทษตัวเองเป็นครั้งที่ไม่รู้กี่สิบของวัน จะเป็นอะไร นอกจากโรคขี้หลงขี้ลืมของ โด คยองซู ที่แม้จะตั้งใจวางผ้าพันคอไหมถักสุดรักไว้บนตู้วางรองเท้าแล้ว แต่ก็ไม่วายลืมอีกจนได้

     

                “เฮ้ ! คยองซู”

     

                หันไปตามเสียงเรียกของเพื่อนรัก แบคฮยอนวิ่งเหยาะ ๆ เข้ามาหาเขาพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม ริมฝีปากที่เพิ่งเอ่ยชื่อเขา เผยอหอบเอาอากาศเข้าปอดอย่างเร็วทั้ง ๆ ที่มือสองข้างยังไม่ยอมวางถุงกระดาษอย่างดีที่หิ้วพะรุงพะรังไว้ในมือทั้งสองข้าง

     

                “วางถุงก่อนดีมั้ย ?”

     

                แบคฮยอนส่ายหน้ารัว “เดี๋ยวเจ้าของถุงมาเห็นจะบ่นเอา”

     

                “เจ้าของ ?.....ถุง...?”

     

                “แบคฮยอน !”

     

                ไม่ทันขาดคำเลยด้วยซ้ำ เสียงหวานใสของใครอีกคนก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง  เขาไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าแบคฮยอนยิ้มแบบไหน  รู้แค่ว่าแบคฮยอนยิ้ม เผลอแปบเดียวตัวเขาเองก็หันหลังไปยิ้มให้ร่างบอบบางที่ตอนนี้อยู่ตรงหน้าเขาบ้างแล้ว

     

                “สวัสดีค่ะ”

     

                เจ้าของคำทักทายยิ้มหวาน  คำเอ่ยทักทำให้คยองซูต้องทักตอบอย่างเสียไม่ได้  ทำได้ก็แค่ส่งสายตาฉงนไปหาเพื่อนรักที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เท่านั้น

     

                “อ่า...นี่พี่แทยอน.....เอ่อ....พี่แทยอนครับ...นี่คยองซูเพื่อนสนิทผมเอง”

     

                แบคฮยอนผายมือมาทางเขา วูบนั้นเองที่รู้สึกได้ว่า สายลมของฤดูหนาวปีนี้ เย็นเยือกกว่าปกติ ทั้ง ๆ ที่หญิงสาวคนเดียวในที่นี้กำลังยิ้มหวานมาให้เขา เอ่ยทักทายด้วยคำสุภาพ ทั้ง ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้ ส่วนเขาน่ะหรอ ก็ทำแค่ผงกหัว ยิ้มตอบ ทักตอบแบบสุภาพเท่านั้น...

     

                ภาพสองคนตรงหน้ามันทำให้หัวใจรู้สึกย่ำแย่  พี่แทยอนแย่งถุงจากแบคฮยอนมาถือเอง สักเดี๋ยวแบคฮยอนก็แย่งกลับไป หมอนั่นแสดงความเป็นสุภาพบุรุษน่าดูเวลาอยู่กับรุ่นพี่คนสวย หากแววตาคู่นั้นยังดูอ่อนโยนซะจนเขาอดรู้สึกอิจฉาไม่ได้..

     

                ทว่าเหตุผลที่ทำให้หัวใจของเขารู้สึกอัดอั้นอยู่อย่างนี้ไม่ใช่แค่เพราะแบคฮยอน...

    แต่เป็นเพราะพี่แทยอนคนนั้น...

              

                คยองซูรู้จัก คิม แทยอนครั้งแรกเมื่อฤดูใบไม้ผลิ ช่วงแรกที่เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นเหรัญญิกของสโมฯนั้นต้องทำความรู้จักกับผู้คนมากมาย หากเพียงคน ๆ เดียวที่สามารถจดจำได้ง่ายดายอย่างที่สุดเป็นใครไม่ได้เลย... นอกจาก

     

                ปาร์ค ชานยอล

     

                ใช่..รุ่นพี่ชานยอลคนนั้นแนะนำตัวในฐานะประธานสโมฯ ปี 3 และข้างกายของเขาในทุก ๆ ที่ ๆ ก็เป็นที่ของหญิงสาวผู้เพียบพร้อมคนหนึ่ง พวกเรารู้จักเธอดี...

     

                คิม แทยอน...

     

     

    ___________________________________________________________

     

     

                “เฮ้ย ๆ ชานยอลมึงค่อย ๆ กินก็ได้”

     

                น้ำเสียงเป็นห่วงจากรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเตือนเบา ๆ หลังจากร่างสูงตรงหน้าเริ่มเปลี่ยนอากัป จากกระดกเป็นดวดเบียร์จากขวด มือหนาวางขวดแก้วสีเขียวนั่นลงบนโต๊ะอย่างแรงทันทีที่ของเหลวในนั้นหมดลง  ดวงตาเรียวปรือมองรุนพี่ของตัวเองที่ตอนนี้นวดขมับโดยขนาบข้างด้วยรุ่นน้องสาวสวยสองสามคน

     

                “ผม..ยังไม่เมาครับพี่”

     

                คนฟังยิ้มแหย “นี่มึงไม่เมา...หรือมึงไม่รู้ตัวกันแน่วะ ?..ชานยอล”

     

                “ยังหรอกครับ..ผมยังอยากดื่ม”

     

                อี้ฟานถอนหายใจเฮือก ! นี่มันยังคิดจะดื่มอีกหรอ ตั้งแต่หัวค่ำที่งานเลี้ยงของสโมฯ เริ่มขึ้นเขาก็ไม่เห็นว่าชานยอลมันจะเดินไปกินอะไรนอกจากนั่งกระดกเบียร์อยู่ที่บาร์ตรงนี้ แล้วในฐานะรุ่นพี่จะไม่ให้เป็นห่วงได้ไงวะ

     

                “กูว่านะ..มึงหาแถวนี้กลับบ้านไปด้วยซักสองสามคน...รับรอง ! ลืมคนเก่าของมึงสิ้นซาก !”

     

     ___________________________________________________________

     

                 “ฮัดเช่ย !!”

     

                เสียงจามเรียกให้คนที่เดินนำอยู่ด้านหน้า หันหลังกลับมามองด้วยแววตาเป็นห่วง คยองซูเพียงแค่ยิ้มแหย ๆ ให้เพื่อนรัก ใช้นิ้วกดจมูกตัวเองแน่น ก่อนที่จะจามอีกครั้ง

     

                “คยองซู...เป็นหวัดหรอ ?” แบคฮยอนขมวดคิ้ว ก่อนจะดึงผ้าพันคอสีหม่นจากลำคอของตนออก  หากผ้าพันคอสีสดของคนข้างตัวเขากลับไปอยู่ในมือของคยองซู ก่อนที่จะได้ยื่นของตัวเองให้เสียอีก

     

                “ลำคอคุณควรอุ่นเข้าไว้...ไม่งั้นจะไม่สบายหนักกว่าเดิม” เสียงหวานเอ่ยออก แบคฮยอนมองหญิงสาวข้างกายเขานิ่ง  นิ่งพอ ๆ กับคยองซู ที่ไม่นึกว่าจะได้รับความห่วงใยจากรุ่นพี่สาว ทั้ง ๆ ที่ผ้าพันคอที่อยู่ในมือของเขาแลดูจะเป็นของรักของเธอก็ตาม

     

                ดวงตากลมไร้สีแต่งแต้มของหญิงสาวมองมาที่เขา  คยองซูเดาไม่ออกว่าเธอกำลังคิดอะไร หากคำพูดที่เอ่ยขอบคุณนั้นดังออกไปด้วยสัญชาตญาณล้วน ๆ ร่างบางรู้สึกลำบากใจไม่น้อยที่ต้องรับผ้าพันคอผืนนั้นมา แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ด้วยเช่นกัน

     

                มือบางกระชับผ้าพันคอให้เข้าที่ “...ขอบคุณครับ”

     

                “ไม่เป็นไรค่ะ” รอยยิ้มที่ส่งมาทำให้ใจชื้นก็จริงอยู่ แต่คยองซูก็รู้ดีกว่าควรต้องตัดใจเสียให้ขาด...

     

                 แบคฮยอนมีคนที่ดีอยู่ข้างกายแล้ว...

                ผู้หญิงที่ดีขนาดนี้...

     

                Rrrr Rrrrrr

     

                เสียงโทรศัพท์มือถือในโค้ทกรีดร้องลั่น เล่นเอาคนที่เป็นเจ้าของถึงกับสะดุ้งกึก มือบางล้วงเอาต้นเสียงขึ้นมา เบอร์ที่คุ้นเคยโชว์หราอยู่ที่หน้าจอ คยองซูชั่งใจ เขาควรจะกดรับสายไหม ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ใกล้จะถึงร้านอาหารแล้ว...

     

                เขาควรกดรับสายสิ... อย่างน้อย ๆ ก็ใช้คนในสายให้เป็นประโยชน์ ดีกว่าต้องมาทนอึดอัดใจอยู่อย่างนี้  จะไปกับพวกแบคฮยอนทำไม รู้ทั้งรู้ว่าต้องนั่งอยู่คนเดียว ฝืนยิ้ม หัวเราะ ทำตัวให้เป็นปกติ ในเมื่อหัวใจยังกระตุกอยู่แบบนี้...

     

                แล้วจะไปทำไม ?

     

                “ว่าไงจงอิน..”

     

                [“ไม่มาด้วยกันจริง ๆ หรอ ?”]

     

                คยองซูกลืนน้ำลาย ส่งสายตาไปทางแบคฮยอนที่มองมาทางเขานิ่ง ราวกับจะถามว่าคนในสายเป็นใคร แต่ไม่ทันที่จะได้คิดอะไร คำพูดที่ติดอยู่ที่ปากก็ดันเปล่งออกไปแล้ว ก่อนที่จะได้นึกว่าอะไรจะตามมาหลังจากนี้ด้วยซ้ำ...

     

                “ไป.....”

                ___________________________________________________________

     

                “เฮ !!!!  คัมปายยยย”

     

                พอจบคำ ทุกคนในวงล้อมก็เปล่งเสียง ฮู้ว.... ก่อนจะยกแก้วเบียร์ แก้วเหล้าตามอัธยาศัยของตัวเองขึ้นกระดกรวดเดียวหมดเกลี้ยง นั่นก็รวมถึงคยองซูด้วย เขาค่อย ๆ ละเลียดเบียร์สดในแก้วลงคออย่างลำบาก

     

                ขื่นปากไปหมด แต่เพราะสายตาของรุ่นพี่ที่ใหญ่ที่สุดในสโมฯ อู๋ อี้ฟาน มองมาทางเขา ก็ต้องจำใจดื่มให้หมดอย่างเสียไม่ได้

     

                “เอ้า ๆ ...คืนนี้ไม่เมา ไม่กลับ !!!”

     

                เสียงตะโกนโหวกเหวกลั่นไปทั่วทั้งร้าน ทุกคนรอบ ๆ ข้างดื่มกินกันอย่างสนุกสนานอยู่แล้ว หลังจากที่ คยองซูตามมาถึง กวาดสายไปก็เจอแต่เพื่อนในสโมฯ มากหน้าหลายตา แต่ที่เห็นจะสะดุดตาที่สุดก็คงเป็น รุ่นพี่ชานยอลที่นั่งดื่มคนเดียวเงียบ ๆ ที่เคาน์เตอร์หน้าบาร์

     

                “เฮ้ย...ไม่สนุกหรอวะ” จงอินกระทุ้งศอกมาที่ท้องเขา แค่เบา ๆ เท่านั้น ก็เหมือนอาหารทั้งหมดที่กินทั้งวันจะมารวมกระจุกอยู่ที่ลำคอโดยมิได้นัดหมาย

     

                “....”

     

                “เฮ้ย ๆ ...ใจเย็น อย่าเพิ่งอ้วกนะเว้ย....”

     

                จงอินเห็นท่าไม่ดีล่ะมั้ง ถึงจับศอกเขาให้เดินตามออกมาที่ห้องน้ำหลังบาร์  เขาก้มหน้า จับท้องตัวเอง ก้าวย่อง ๆ ยังไม่ทันผ่านหลังรุ่นพี่คนสำคัญ ก็ต้องก้มหัวตัวเองให้ต่ำลงกว่าเก่า เป็นการให้ความเคารพกับรุ่นพี่ เพราะปาร์ค ชานยอลดันหันมาเจอเขากับจงอินเข้าพอดี

     

                “.....อ่อก...”

     

                พอถึงห้องน้ำชาย มือหนาของเพื่อนรักก็บรรจงลูบขึ้นเพื่อให้เขาขย่อนของเก่าออกมาได้ง่ายมากขึ้น และตามคาด... ทั้งหมดของวัน ตีขึ้นมาจุกที่ลำคอก่อนจะผ่านปากเขาลงชักโครกอย่างง่ายดาย  จนหมดแรงนั่นแหล่ะ ก็เล่นเอาคนหวังดีเกือบอ้วกตามไปด้วย

     

                “...กลับบ้านดีไหมวะคยองซู?”

     

                เขาจำไม่ได้ว่าพยักหน้าไปกี่ครั้ง แต่รู้ตัวอีกที หลังจากที่เพื่อนเอ่ยถาม ตัวเองก็มานั่งหงอย ๆ อยู่ที่ม้านั่งยาวเลยร้านเหล้ามาเกือบสิบเมตรแล้ว  จงอินวางกระเป๋าของเขาเอาไว้ให้ข้าง ๆ เมื่อแน่ใจว่าเขายังมีสติดีอยู่ ก็ขอตัวกลับไปสนุกต่อในร้านก่อนที่จะโดนแม่โทรตามให้กลับบ้านเสีย

     

                มองที่นาฬิกาข้อมือเป็นครั้งแรกของช่วงเย็น เข็มนาฬิกาตีไปเกือบถึงเลขสิบเอ็ด ทั้งที่รู้สึกเหมือนเพิ่งจะก้าวเข้าร้านเหล้าไปเมื่อกี้ด้วยซ้ำ  เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน... เร็วพอ ๆ กับที่ พอรู้ตัวอีกที แบคฮยอนก็มีใครมาข้างกายเสียแล้ว ..

     

                ไม่ต้องรอนานเลย...

     

                “....เฮ้ย...เดินดี ๆ สิวะ...แล้วบอกไม่เมา ไม่เมา...ไอ้นี่นี่”

     

                คยองซูเลิกคิ้วเมื่อภาพที่เห็น คือรุ่นพี่อี้ฟานที่หิ้วปีกใครอีกคนเดินเข้ามาใกล้ ในระยะที่เขาอยู่เรื่อย ๆ เสียงบ่นดังไม่ขาด ทุกครั้งที่ร่างสูงที่ถูกหิ้วเดินเซ หากใบหน้าหล่อเหลายังดูดี แม้จะหมดสภาพแล้วก็ตามที ร่างบางลุกขึ้น เดินเข้าไปช่วยรุ่นพี่หนุ่มสัญชาติจีนพยุงคนเมาอีกข้าง ก่อนถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อวางร่างสูงให้สามารถนั่งอยู่บนม้านั่งที่เขาเพิ่งลุกออกมาได้

     

                “ขอบใจ ขอบใจ”  รุ่นพี่อี้ฟานเอ่ยขอบคุณ

     

                เขาโค้งตอบ “ไม่เป็นไรครับ”

     

                อู๋อี้ฟานมองรุ่นน้องร่างบางที่ใจดีเข้ามาช่วย “จะกลับแล้วหรอเนี่ย...ไม่อยู่สนุกด้วยกันก่อน ?”

     

                “เอ่อ..ผมรู้สึกว่าเมาแล้วน่ะครับ..อยากกลับบ้านไปนอน”

     

                คำตอบที่ได้ทำให้รุ่นพี่พยักหน้าตอบ ก็ยังดีที่มันรู้ตัว ดีกว่าไอ้บ้าที่เขาแบกมา ทั้งหนัก ทั้งพูดไม่รู้เรื่อง เสียเวลาหลีหญิงชะมัด

     

                อี้ฟานมองร่างบางตั้งแต่หัวจรดเท้า ดู ๆ ไปไอ้เด็กคนนี้ก็ไม่น่ามีพิษสงอะไร...

     

                “...งั้น ฝากพาชานยอลมันขึ้นแท็กซี่กลับบ้านได้มั้ยวะ....พี่ยังต้องอยู่ที่งานต่อ แต่มันไม่ไหวแล้วว่ะ ถือว่าพี่ขอร้องแล้วกันนะ”

     

                คยองซูตาโพลงทันทีที่ได้ยิน แต่ก็พยักหน้ารับไปเสียแล้ว เข้าทีรุ่นพี่หน้าหล่อเสียล่ะ รายนั้นยัดเงินให้ ใส่ในมือเขาเรียบร้อย โบกมือลากันเสร็จสรรพ ก็วิ่งเยาะ ๆ ออกไปไกล....

     

                ไกลเกินกว่าจะถามแล้ว ... ว่าบ้านรุ่นพี่ชานยอล...อยู่ที่ไหนกัน...

                คยองซูมองคนที่นั่งสัปหงก พิงเสาต้นใหญ่ข้างม้านั่งยาวอย่างชั่งใจ.....

     

     

    ___________________________________________________________

     

    TBC

     

     

     

     

                แท็ก #พซอว นะคะ
               ฟิคความดราม่าระดับ 7.5 ริกเตอร์  หน้าสั่นกันไปกับความน่าหมั่นหน้าของพี่บยอนเลยนะคะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×