ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    POISON IVY (BAEKDO | CHANSOO)

    ลำดับตอนที่ #10 : p o i s o n i v y | 09

    • อัปเดตล่าสุด 11 มี.ค. 58


    M





















     

     

     

    คยองซูไม่ได้คุยกับแบคฮยอนมาหลายอาทิตย์แล้ว

     

    เด็กหนุ่มถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยเมื่อมองไปบนโต๊ะเขียนหนังสือแล้วเห็นโทรศัพท์วางทับกระดาษทิ้งไว้อย่างนั้น

     

    พี่ลู่หานโทรมาหาเขาหลายรอบ บอกเขาว่ามีอะไรก็ควรจะเคลียร์กัน ยังไงก็มีกันแค่สองคน ใช่ว่าจะไม่อยากให้วันเวลาเดิม ๆ ย้อนกลับมา แต่สำหรับเขา มันช่างเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวดเหลือเกิน มันเจ็บเกินกว่าที่จะให้แบคฮยอนมาเดินอยู่ข้าง ๆ ได้อีก

     

    ระหว่างเขากับแบคฮยอนมันเหมือนมีกำแพง

    เหมือนมีไม้เลื้อย มีหนามแหลม มันทิ่มแทงเขาทุกครั้งที่คิดจะปีนข้าม

     

    ใช่ว่าเขาอยากจะถอนหายใจทิ้งอยู่อย่างนี้ แต่แบคฮยอนรู้แล้ว...หมอนั่นรู้แล้วว่าเขารัก แล้วอย่างนั้นจะให้เขากล้าเดินเข้าไปหา ไปบอกว่าคิดถึงได้อีกหรอ คยองซูรู้สึกแย่ เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนที่ทรยศต่อความรู้สึกของแบคฮยอนมาตั้งแต่แรก

     

    บางทีก็คิดนะ...ว่าที่เจ็บอยู่อย่างนี้มันคงสมควรแล้ว

     

    ร่างบางเหม่อมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง ภาพนกพิราบฝูงหนึ่งที่บินผ่านไป ชวนให้เขารู้สึกคิดถึงคุณแม่ที่อยู่โตเกียวจับใจ ป่านนี้คุณแม่จะทำอะไรอยู่ จะคิดถึงเขาไหม รู้สึกแย่ที่ทิ้งคุณแม่ให้ไปอยู่ที่โน่นคนเดียว รู้สึกแย่ที่พอไม่มีใครแล้วก็คิดถึงคนที่บ้านขึ้นมา

     

    ทุกครั้ง...เป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่พอเหนื่อยใจกับแบคฮยอนเขาก็มักจะนึกถึงคุณแม่

    เขาเป็นลูกที่แย่ เขารู้...

     

    แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่รู้จักห้ามใจ

     

    ทำตัวเหมือนเด็ก ๆ ไปได้...

     

    _______________________________________________________________

     

     

    นิ้วเรียวเขี่ยปากกาให้หมุนไปมาอยู่บนโต๊ะทำงาน บางทีเขาควรจะหาอะไรทำที่ดีกว่านี้ แต่อารมณ์มันดิ่งจนไม่นึกอยากจะทำอะไรมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงตอนนี้ แบคฮยอนก็ยังไม่นึกอยากจะลุกกระดิกตัวไปไหนเลยซักนิด

     

     เรื่องเมื่อคืนยิ่งนึกยิ่งทำให้เขาต้องคิดมาก หลังจากลอยตัวทำเฉย ๆ มาเป็นสัปดาห์ ทั้ง ๆ ที่ไม่ควรจะต้องคิดอะไรให้มาก ทั้ง ๆ ที่สิ่งที่ทำก็สาแก่ใจเขาดีอยู่แล้ว แต่ถึงจะแสร้งทำเป็นคิดอย่างนั้น แบคฮยอนก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความรู้สึกผิดที่เกาะเป็นหินปูนอยู่ในใจมันทำให้เขารู้สึกแย่อยู่ไม่น้อย

     

    ยิ่งได้ฟังความคิดของ แฟน คนปัจจุบัน ที่นัดกันไปดินเนอร์มาเมื่อคืนยิ่งเจ็บในอก...

    ดูเหมือนจะไม่ใช่พี่ลู่หานคนเดียวซะแล้ว ที่รู้จักตัวเขา มากกว่าที่เขารู้จักตัวเอง...

     

     

    เธอแน่ใจหรอแบคฮยอน ว่าเธอรักฉัน”

     

                เสียงเยียบเย็นเอ่ยถามขึ้นมาในขณะที่ใบหน้าสวยยังคงจดจ้องอยู่กับแผ่นกระดาษในมือ คืนนี้แบคฮยอนขี่รถเรื่อย ๆ เรื่อยมาจนถึงโรงพยาบาลที่แทยอนต้องขึ้นวอร์ดอยู่ ถึงตัดสินใจซื้ออเมริกาโน่เย็นสองแก้ว แล้วขึ้นไปหาทั้ง ๆ ทั้งยังอยู่ในชุดนอน

     

    พี่สาว...ไม่เอาน่า ทำไมช่วงนี้ถามแบบนี้บ่อยจัง”

     

    แบคฮยอนหัวเราะลั่น เด็กหนุ่มเอนตัวพิงกับกำแพง เราทั้งคู่เงียบกันอยู่พักใหญ่ จนพี่แทยอนหันกลับมามองเขาด้วยสายตาว่างเปล่านั่นล่ะ ตอนนั้นเองที่แบคฮยอนเริ่มจะรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมันผิดปกติไป  พี่แทยอนเพียงแค่ส่ายหน้าเบา ๆ พร้อมกับจุดยิ้มบางขึ้นมาที่มุมปาก

     

    “พูดมาเถอะน่า...เราเป็นแฟนกันนะครับ”

     

     “แฟนหรอ?” แทยอนยักไหล่ไม่ยี่หระ “แต่เธอก็ไม่เห็นจะทำให้ฉันรู้สึกว่าอยากอยู่ด้วยเลยนี่?...ไม่มีอะไรที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าอยากจะอยู่กับเธอตลอดไปเลย...”

     

    “...”

     

    “พวกผู้หญิงน่ะ...ไวต่อความรู้สึกนะ รู้ไหม? แบคฮยอน”

     

    “โธ่...”

     

    ร่างหนาก้าวเข้าไปใช้แขนโอบหญิงสาวจากทางด้านหลังทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น เขาพักใบหน้ากับไหล่เล็กบอบบางนั่น ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ

     

    ก็ผมชอบพี่...แค่นั้นมันไม่เพียงพอหรอครับ...ทำไมพี่สาวเป็นผู้หญิงโลภมากจัง”

     

     “อย่ามาปากหวานหน่อยเลยแบคฮยอน...เธอไม่ได้ภูมิใจแล้วหรือไง ที่ได้คบกับฉัน?”

     

    “...”

     

     “ตอนแรกที่ฉันคบกับเธอ ฉันคิดว่าไม่มีทางเลยนะ...ที่คนสองคนจะเหมือนกันได้ทั้งที่แตกต่างกันขนาดนั้น”

     

     “…”

     

    “แต่พออยู่ ๆ ไป...รู้ไหมฉันรู้สึกว่าเธอกับชานยอลน่ะ เหมือนกันมาก” แทยอนหันไปยิ้มให้แฟนหนุ่มรุ่นน้องที่กำลังยิ้มค้าง “ดูเหมือนฉันจะคิดผิดนะว่าไหม?”

     

     “โธ่...พี่สาว ผมกับเขาจะไปเหมือนกันได้ยังไง...” ได้สติก็กระชับกอดให้แน่นยิ่งขึ้น แม้จะไม่มีแรงขืนใด ๆ แต่แบคฮยอนกลับรู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิม

     

    เธอไม่รู้ตัวเองหรอกแบคฮยอน....”

     

    “...”

     

    “ว่าเธอน่ะเย็นชาขนาดไหน”

     

     

    เขาไม่รู้ตัวงั้นหรอ? ทำไมล่ะ? ทุกอย่างที่เขาทำก็ทำแบบที่คนรักเขาต้องทำกันไม่ใช่หรือไง ทั้ง ๆ ที่พี่แทยอนก็ดูมีความสุขดี ทั้งดอกไม้ ทั้งขนม ทั้งเดทของเรา ทั้ง ๆ ที่เธอก็ดูมีความสุขอยู่ดีแท้ ๆ แต่แล้วทำไมวันหนึ่ง ทำไมถึงเกิดมีความคิดอะไรอย่างนี้ขึ้นมาได้?

     

    สรุปว่าคืนวันนั้นก็หนีไม่พ้นคำพูดที่ประมาณว่า ‘ถ้าทะเลาะกับเพื่อนก็ควรจะดีกันซะ’ กลายเป็นว่าพี่แทยอนมองเขาเสียทะลุปรุโปร่ง หล่อนบอกว่าไม่สนุกเลยสักนิด ที่ยังต้องเดทกับแฟนที่มัวแต่นึกถึงคนอื่นตลอดเวลา....

     

    ใช่...เขายอมรับว่าคิดมาก

    คิดแต่เรื่องคยองซูอยู่ตลอดเวลา

     

    แต่แล้วมันจะสำคัญตรงไหน?

    ในเมื่อเขาไม่เคยบกพร่องในหน้าที่ของ แฟน เหมือนอย่างที่ ปาร์คชานยอลเป็น?

     

     

    _______________________________________________________________

     

    ที่ห้องสโมสรยุ่งวุ่นวายกันยกใหญ่ เมื่อผู้ใหญ่ของมหาวิทยาลัยไว้วางใจให้ทีมกรรมการเป็นคนดำเนินงานเรื่องการประชุมหารือระหว่างคณะแพทย์ของมหาวิทยาลัยรัฐขนาดใหญ่ชื่อดัง  5 แห่งของเกาหลีใต้

     

    คยองซูเลยต้องกลับมาหัวหมุนอีกครั้งเพราะหนนี้เขาต้องเข้าประชุมรวมกับพวกทีมสโมฯของคณะแพทย์ด้วย และในทุกตำแหน่งจำเป็นต้องทำงานควบกันสองคน นั่นยิ่งทำให้ปวดหัวหนักเข้าไปใหญ่ เพราะเหรัญญิกคู่ของเขาแทบจะไม่ทำอะไรเลย กลายเป็นว่างานมหาศาลต้องโหลดมาที่เขาเกือบทั้งหมด

     

    และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่คยองซูจำต้องอยู่ถึงเย็น เพราะบัญชีรายงานค่าใช้จ่ายพวกอาหารเครื่องดื่มที่เขาต้องจัดสรรยังไม่เสร็จ แถมต้องรีบวิ่งวุ่นไปรับขนมมาเพื่อเป็นของว่างให้พวกผู้เข้าประชุมทานอีก

     

     “คยองซู...เมื่อกี้ร้านขนมญี่ปุ่นโอโตยะโทรมา...บอกให้เข้าไปเอาขนมที่สั่งไว้” พี่อี้ชิงที่เป็นเลขาประธานโบกมือตะโกนบอกเขาเสียงดัง ก่อนจะเรียกให้เข้าไปหาเพื่อจดเบอร์ร้านขนมที่สโมฯสั่งไว้มาทดลองชิม

     

     “เอ้านี่...ไปเป็นแน่นะ ? นั่งรถประจำทาง ไอ้สีเขียว ๆ สาย 456 ต่อเดียวก็ถึงเลย”

     

     “.....ครับ”

     

    คยองซูเม้มริมฝีปากมองแผนที่ในมือตาปริบ ตกปากรับคำรุ่นพี่เสียเรียบร้อยแล้วแต่ก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะไปถูก นี่ก็ถือเป็นอีกหน้าที่นึงที่เขาต้องรับผิดชอบ จริง ๆ เขาไม่จำเป็นต้องเดินทาง ไปแบกขนมเป็นร้อย ๆ ชิ้นกลับมาคนเดียวเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะคู่หูของงานนี้อีกคนเพิ่งโทรมาลาป่วยเมื่อตอนเช้า ทำให้ภาระทั้งหมดจึงต้องตกเป็นของเขาโดยปริยาย

     

    ร่างบางเดินมาเรื่อย ๆ จนถึงหน้าป้ายรถเมล์ ตลกดีที่จู่ ๆ ที่พอนึกไปถึงวันที่เมาเรื้อนใบหน้าก็ร้อนขึ้นมาโดยอัตโนมัติ คยองซูพยายามปัดไล่ความรู้สึกกระดากอายยามที่นึกไปถึงฉากรักอันแสนหวานในความฝัน หากยิ่งคิดแก้มทั้งสองข้างก็ยิ่งเหมือนจะหลอมละลายได้ด้วยตัวเอง

     

    เขาทำอย่างนั้นลงไปได้ยังไง? ที่คนอื่นบอกว่าเหล้ามันอันตรายเห็นทีจะจริงจนปฏิเสธไม่ได้ ร่างบางอยากจะบ้าตาย เมื่อคิดว่าตัวเองทำสีหน้ายังไงให้รุ่นพี่คนนั้นได้เห็น แม้แต่แบคฮยอนยังไม่เคยได้ยิน ยังไม่เคยหน้ามองหน้าเขาตอนที่บอกรักตรง ๆ แล้วรุ่นพี่ชานยอลเป็นใคร? ทำไมเขาถึงกล้าทำไปได้ถึงขนาดนั้น?

     

     “คยองซู โดคยองซู !”

     

    หันไปตามเสียงเรียกก็ต้องประหลาดใจ เมื่อคนที่อยู่ในห้วงคิดเมื่อครู่มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า ร่างสูงที่อยู่ในรถนิสสันเทียน่ากวักมือเรียกเขารัว ๆ ตะโกนดังเสียจนคนที่อยู่แถวนั้นพากันหันมามองกันหมด ไม่หนำใจรถประจำทางคันที่เขากำลังรอก็บีบแตรไล่เสียงดัง

     

    คยองซูโค้งให้รถประจำทางเป็นเชิงว่าให้รออีกนิด ก่อนจะรีบก้าวเร็ว ๆ แล้วชะโงกหน้าไปหาคนที่นั่งเปิดแอร์เย็นฉ่ำอยู่ในรถ

     

     “พี่ชานยอล? มีอะไรหรือเปล่าครับผมรีบ” เด็กหนุ่มหันรีหันข้างว่าอย่างร้อนรนเมื่อรถประจำทางทำท่าจะขับออกไป

     

     “จะไปรับขนมใช่ไหม ?” คนที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับถามเสียงเรียบ

     

     “ใช่ครับ มีอะไรอีกหรือเปล่า เขารอผมนานแล้ว” คยองซูบอกใบ้โดยการชี้ไปด้านหลัง ชานยอลหันไปมองพร้อมกับพยักหน้ารับ

     

     “ขึ้นมาเลย วันนี้ฉันมาแทนเด็กคณะแพทย์คนนั้น”

     

     “......ครับ ?”  ร่างบางขมวดคิ้ว

     

    “ขึ้นมาเร็ว ๆ รีบอยู่ไม่ใช่หรอ?”

     

    ไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากปฏิเสธอะไรออกไป รถประจำทางคันนั้นก็แล่นผ่านหน้าเขาไปเสียแล้ว

     

    คยองซูถอนหายใจออกมาเบา ๆ เด็กหนุ่มไม่อยากจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เลย แต่มันจำใจเพราะรถคันนั้นไปแล้ว แต่จะให้รอนานกว่านี้ก็คงจะไม่ได้อีก  มือบางเปิดประตูอีกข้างแล้วลดตัวลงไปนั่ง ก่อนจะรัดเข็มขัดอย่างเงียบเชียบ

     

    กลายเป็นชานยอลที่ตกที่นั่งลำบาก ทั้ง ๆ ที่หาเรื่องละจากงานมาแล้วแท้ ๆ แต่ก็ไม่รู้จะคุยอะไรดี ได้แต่ลอบมองใบหน้าเฉยชาของอีกฝ่ายจากด้านข้าง แต่พอร่างบางหันกลับมาหาบ้าง เขาดันเสหน้ามองทางอื่น ทำเป็นไมได้มองอีกฝ่ายซะงั้น

     

    เรื่องที่เข้าใจยากแบบนี้ พอเอาไปถามพี่อี้ฟานรายนั้นก็ตกใจเสียยกใหญ่ หมอนั่นทำยังกับว่าเขาเพิ่งมีความรักเป็นครั้งแรก ไม่รู้สิ ชานยอลไม่คุ้นเคยเอาซะเลยกับสถานการณ์แบบนี้ บอกให้อธิบายมาอย่างละเอียด พี่อี้ฟานเอาแต่พูดว่าเขากำลังตกหลุมรัก ตกหลุมรัก 

     

    แล้วก็ตกหลุมรัก...

     

    ก็ได้...อันที่จริงก็ไม่ปฏิเสธหรอกว่าสนใจเด็กคนนี้ ยิ่งหลังจากที่ได้เห็นสีหน้าเจ็บปวดของคยองซูตอนที่ปฏิเสธเขาแล้วยิ่งเก็บเอามาคิด เขาไม่รู้หรอก แล้วก็ไม่สนใจด้วยว่าเด็กคนนี้จะรู้สึกยังไงกับบยอน แบคฮยอน แต่ที่แน่ ๆ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก เวลาที่เห็นเขาเข้าใกล้เด็กคนนี้

     

    เพราะความสัมพันธ์แบบนั้นที่เชื่อมโยงเขากับคยองซูให้ดึงดูดเข้าหากัน ทั้ง ๆ ที่คยองซูก็ไม่ได้ดูโดดเด่นอะไรนัก ทั้ง ๆ ที่มันก็ควรจะจบไปได้แล้ว เพราะเขาไม่ใช่คนดีอะไรขนาดนั้น...

     

    แต่เรื่องที่อยากเห็นเด็กคนนี้ยิ้มเพราะเขาบ้าง...

    มันกระตุ้นบางอย่างในใจเขาให้เต้นแรงขึ้นทุกที

     

     “ขนมร้านนี้อร่อยดีนะ...”

     

     “ครับผมกับพี่อี้ชิงชิมแล้ว ถึงตกลงกันว่าควรจะสั่งมาเป็นของว่าง” คยองซูหันไปมองคนที่เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา พี่ชานยอลยังคงมองไปที่ถนนด้านหน้า แต่ความรู้สึกของเขามันกลับบอกว่าอีกฝ่ายยังมีอะไรที่ต้องการพูดมากกว่า ขนมอร่อยดี

     

    แล้วชอบมากรึเปล่าล่ะ” พี่ชานยอลถามออกมาเสียงเรียบ

     

    “ครับ...มันก็อร่อยดี” นึกไปถึงขนมรสนุ่มละมุนลิ้นแล้วถึงตอบ คยองซูเคยกินขนมญี่ปุ่นแบบนี้บ่อย ๆ เพราะคุณแม่ของเขาชอบส่งมาให้ และถึงแม้ร้านนี้จะตั้งอยู่ในเกาหลี แต่เขาก็คิดว่ารสชาติของมันดีเหมือนกับของต้นตำรับเลย

     

    “หมายถึงแบคฮยอนน่ะ”

     

    คยองซูหันขวับไปหาคนขับทันที ดวงตากลมโตมองเสี้ยวที่ได้ชื่อว่าเป็นรุ่นพี่นิ่ง เด็กหนุ่มจ้องอยู่อย่างนั้นนานพอสมควร แต่ก็ไม่มีท่าทีที่อีกฝ่ายจะหันกลับมาจ้องตอบ

     

     “…ผมรักครับ”

     

    เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่สนใจอยู่กับทางข้างหน้า คยองซูถึงได้ตัดสินใจตอบออกไปแบบนั้น เขาไม่ได้สนใจอีกแล้วว่าพี่ชานยอลจะมองกลับมาหรือไม่ ไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะมีท่าทีอย่างไร ในเมื่อสิ่งที่เขาตอบมันเป็นเรื่องจริงที่เขากำลังรู้สึกอยู่ในตอนนี้

     

    “แล้วถ้าฉันขอให้ลืมเขาละ”

     

     รถหยุดชะงักลงพร้อม ๆ กับใบหน้าของคนทั้งคู่ที่หันมาสบตากัน คยองซูหรี่ตามองพี่ชานยอลที่จ้องมาที่เขาด้วยสายตาแบบที่เดาไม่ออก เขาไม่รู้ว่าร่างสูงกำลังคิดอะไรอยู่ อะไรกันนะที่ดลใจให้พี่ชานยอลพูดแบบนี้ออกมาได้?

     

     “ที่พูดแบบนี้เพราะนายทำหน้าแบบนั้น”

     

    พูดจบชานยอลก็เอื้อมมือไปดึงกระจกที่ติดอยู่บนเพดานให้เปิดออกมาส่องหน้าของคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ภาพที่สะท้อนกลับมาทำให้คยองซูเข้าใจอะไรได้มากขึ้น นอกเหนือจากใบหน้าของเขาเอง...เขาเห็นใครบางคนที่กำลังทำสีหน้าแบบคนอมทุกข์อยู่
     

    “ไม่รู้สิ พอเห็นนายทำหน้าแบบนี้ทีไร...ฉันก็คิดทุกทีว่าทำไมนายถึงไม่ยิ้ม”

     

    “...”

     

    “หรือถ้ายิ้มไม่ได้เพราะแบคฮยอน...ก็เปิดใจให้ฉันเป็นคนทำให้นายยิ้มได้ไหม?”

     

    คนนอกอย่างรุ่นพี่ที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับแบคฮยอนยังรู้สึกได้ถึงขนาดนี้ แล้วมีหรอ แบคฮยอนที่ดูเขาออกมาตั้งแต่แรกจะไม่รู้เลยว่าเขาต้องรู้สึกแย่แค่ไหน กับสิ่งที่แบคฮยอนตัดสินใจทำมาตลอด

     

    มันเหมือนกับจงใจแกล้งกัน....

     

    ถ้าอย่างนั้น...” ร่างบางพูดเบา ๆ หลับตาลงปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาเงียบ ๆ “...ถ้าอย่างนั้นเราลองมาคบดูกันไหมครับ...”

     

     “...”

     

    “ผมก็อยากจะรู้เหมือนกัน”

     

    “...”

     

    “ว่าความรักแบบที่ไม่ใช่รักข้างเดียวน่ะ มันเป็นยังไง”

     

    _______________________________________________________________

    TBC

     

    สวัสดีค่ะ มาต่อให้แล้วนะ #พซอว

    ขอบคุณที่ยังรอเรา เราไม่รู้จริงๆว่ามีคนรอขนาดนี้ ;_ ;

     

    ขอสารภาพบาป ;_ ;

     

    สำหรับตอนหน้าคงอีกสี่-ห้าวัน ขอเราเคลียร์ ๆ งานให้จบ ๆ ไปก่อนนะคะ

    แล้วเจอกัน

     

    ปล. อ่านคอมเม้นแต่ละคอมเม้นแล้วแบบ น้ำตาจะไหล มีคนรอเรามากขนาดนี้จริง ๆ หรือ ;_ ;

    ชอบเรื่องนี้ก็แท็ก #พซอว นะร้ะ
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×