คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : - { B I G B O S S } ★ 00 ; INTRO
เคยเห็นแต่พวกมาเฟียในหนังมาทั้งชีวิต
แต่ไม่เคยคิดว่าวันนึงจะต้องกลายเป็น....
‘ของเล่น’ ของมาเฟีย
BIG BOSS | ボス
I N T R O
กลิ่นเมนทอลฉุนกึกลอยอวลไปทั่ว ซึ่งต้นเหตุของมันก็ไม่ได้อยู่ไกลมากนัก ถ้าให้จงอินเดา เขาคิดว่ามันน่าจะมาจากเงาทะมึนที่นั่งไขว่ห้างสบายอารมณ์อยู่ด้านหลังม่านรางโค้ง ชายหนุ่มภาวนาให้คุณหมอและพยาบาลสาวที่กำลังยืนล้อมวงรอบเตียงพูดวินิจฉัยอาการของตัวเองช้าลง ในหัวของเขาตอนนี้ หมออ้าปากเปล่งเสียงเป็นภาพสโลว์โมชั่น 5 รอบต่อวินาทีเท่านั้น ทั้งๆที่ความเป็นจริงนั้นคุณพยาบาลสาวกำลังทำท่าจะเดินไปเปิดม่านเตรียมส่งเขาไปบูชายัญให้ซาตานอยู่รอมร่อ
“ดะ...เดี๋ยวครับหมอ....ผมยังเจ็บท้ายทอยอยู่เลย โอ้ย...ทำไมจำใครไม่ได้เลย นี่ผมอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ นี่สายอะไร ใช่สายน้ำเกลือหรือเปล่า โอ้ย! สมองผมต้องตายแล้วแน่ๆ ผมเป็นความจำเสื่อมใช่ไหมครับหมอ” จงอินกระเด้งตัวขึ้นทั้งๆที่คอยังใส่เฝือก มือเรียวเอื้อมไปคว้าชายเสื้อกาวน์ของคุณหมอเจ้าของไข้เอาไว้ แล้วทำหน้าเหมือนลูกหมาขอให้หมอพูดเห็นด้วยกับตัวเองสุดชีวิต
ชายวัยกลางคนส่งยิ้มแหยมาให้ “ทำใจให้สบายนะครับคุณจงอิน นั่นเป็นแค่ผลกระทบจากอาการบาดเจ็บของคุณ หมอสแกนสมองคุณแล้วไม่มีปั.....”
“เมื่อไหร่จะเสร็จซักที”
เสียงนิ่งๆแต่ทรงอำนาจพูดกึ่งตวาดสวนคุณหมอหัวล้านที่กำลังยืนกำผ้าเช็ดหน้าตัวเองอยู่ ไม่ทันจบคำพูดของคุณหมอเจ้าของไข้ด้วยซ้ำ ม่านรางโค้งก็ถูกกระชากออกกว้างโดยชายชุดดำที่เพิ่งถอยออกไปยืนกุมมือทำหน้านิ่งๆ เผยให้เห็นร่างสูงโปร่งที่นั่งกอดอกไขว่ห้างเริ่มต้นจุดบุหรี่ตัวที่สองขึ้นสูบ ดวงตาเรียวที่มองปราดมาพาให้ขนแขนมันสแตนอัพลุกเกลียวไปหมดทั้งตัว ในห้องคนป่วยพิเศษไม่มีใครพูดอะไรออกมาซักคำ จนคุณหมอเจ้าของไข้ได้สตินั่นแหละ ถึงได้ค่อยๆเรียบเรียงคำ เอ่ยเสียงตะกุกตะกักออกมา
“อะ...เอ่อ...เสร็จเรียบร้อยแล้วล่ะครับ ประธานโอ”
“เสร็จแล้วก็ดี...ผมมีธุระต้องคุยแบบส่วนตัวกับคนไข้ของคุณหมอซักหน่อย” ส่งเสียงเย็นๆมาพร้อมกลุ่มควันลอยจางในอากาศ พูดทั้งๆที่ดวงตายังไม่วางจากคนไข้บนเตียงแม้วินาที
“เอ่อ...ขอประทานโทษด้วยครับ ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้”
คุณหมอไม่แม้แต่จะหันมาสนใจคนไข้ที่นั่งตาโตปากแห้งคนนี้เลยด้วยซ้ำ ไอ้บ้าหัวล้านนั่นรีบโค้งให้คนที่มันเรียกว่า ‘ประธานโอ’ จนตัวแทบจะติดพื้น ก่อนจะรีบคว้าแขนนางพยาบาลวิ่งตับแล่บออกไปทันที
ทีนี้ก็เหลือแต่คิมจงอินผู้น่าเวทนา... นั่งทำหน้าโง่งี่เง่าอยู่บนเตียงคนเดียวแล้วสินะ
ถ้าแกล้งตายตอนนี้จะทันหรือเปล่าวะ....
“เข้าเรื่องเลยดีกว่า”
ไม่รอให้คนป่วยจะล้มตัวนอนอีกครั้ง อยู่ๆคนที่นั่งไขว่ห้างก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ ขาเรียวยาวนั่นย่างสามขุมมาหาจงอินช้าๆ
“ข...เข้าเรื่องอะไร”
จงอินพูดตะกุกตะกัก ไม่รู้ว่าหมอนี่ต้องการอะไรกันแน่ ทั้งๆที่เมื่อไม่กี่วันก่อนยังส่งคนมาขู่จะฆ่าให้ตายด้วยซ้ำ แต่วันนี้กลับเป็นคนที่ชุบชีวิตเขาขึ้นมาจากกองขยะ เอามาใส่ตะกร้า ฉีดน้ำล้างซะจนสะอาดเอี่ยม แล้วพามารักษาตัวในโรงพยาบาลที่ขึ้นชื่อว่าแพงหูฉี่ขนาดนี้
“ห้องพิเศษที่นี่อยู่สบายดีใช่ไหม”
ไม่พูดเปล่า ‘ประธานโอ’ ของคุณหมอเจ้าของไข้ยังพ่นคาร์บอนไดออกไซด์ 100% ใส่หน้าเขาซะจนหายใจหายคอแทบไม่ทัน ดวงตาเรียวรีนั่นกวาดมองตั้งแต่หัว เฝือกที่คอ ต่ำลงไปจรดปลายเท้า จงอินไม่ได้คิดไปเอง แต่สายตานั่นกำลังสมเพชเขาแน่ๆ แต่ที่ไม่แน่ใจคือเขาไม่รู้ว่าไอ้มาเฟียหน้าวอกนี่ต้องการอะไรถึงได้ทำใจเย็นอยู่อย่างนี้
“....ต้องการอะไรก็พูดมาดิวะ” จงอินกลั้นใจถามออกไป “จะเอาอะไรก็ว่ามาเลย อย่ามาเล่นสงครามประสาทแบบนี้”
ร่างสูงโปร่งทอดสายตามองต่ำ ในสายตาตอนนี้ คิมจงอินเป็นแค่มดดำในกำมือเขาแท้ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายยังไม่เจียมสังขารตัวเอง ยังกล้ามาพูดจาต่อปากต่อคำ ทั้งๆที่คอยังดามเฝือกแข็งอยู่เลยด้วยซ้ำ
จงอินเม้มริมฝีปากเมื่อเห็นรอยยิ้มเย็นเยียบจากอีกฝ่าย พยายามถดตัวถอยจนชิดหัวเตียงหวังว่าจะสร้างความรู้สึกปลอดภัยได้ แต่เปล่าเลย ยิ่งถอยหลังกลับยิ่งเหมือนจะลงคลองไปทุกที
“ก็ได้...” เจ้าของไข้พยักหน้าช้าๆ มือเรียวควักเอาโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่เอี่ยมขึ้นมากดอะไรบางอย่าง ก่อนจะวางลงบนเตียง
“นั่นอะไร” จงอินลมแทบจับ มองตัวเลข 8 หลักที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ของอีกฝ่ายแล้วรู้สึกเหมือนเส้นประสาทที่หน้าจะชาเป็นเหน็บ
ไม่นึกเลยว่าชีวิตนักศึกษาธรรมดาๆอย่างเขาจะได้สัมผัสอะไรแบบนี้ในชีวิต....
แบบที่ในหนังเขาเรียกว่า ‘ไถเงิน’ นั่นน่ะ...
“หนี้ทั้งหมดที่แกต้องจ่าย”
คนพูดยังคงน้ำเสียงเย็นเยียบเอาไว้ แต่จงอินเห็น เห็นเต็มสองลูกกะตาว่ามันกำลังกระตุกยิ้ม ไม่ใช่ยิ้มอ่อนโยนนะครับคุณ ยิ้มแบบเยาะเย้ยถากถางกันเต็มที่ เห็นแบบนี้แล้วคิ้วกระตุก เขาคว้ามือถือที่นอนนิ่งอยู่ตรงหน้ามาดูอีกรอบ
“หนี้? ผมไปติดหนี้คุณตั้งแต่เมื่อไหร่วะ!”
ยิ่งพูดยิ่งเข้าตัว ตอนนี้เหมือนหัวสมองเขาจะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนักจริงๆเสียแล้ว จงอินจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่านอกจากโดนซ้อมไปเมื่อคืน เขายังจะไปมีหนี้ที่ไหนกับไอ้มาเฟียตัวเผือกนี่ได้อีก ตอนนี้ระดับอารมณ์ของเขาพุ่งสูงปรี๊ด อยู่ดีๆจะมาโบ้ยหนี้ที่เขาไม่ได้ก่อให้ชดใช้ไม่ได้นะโว้ย ! ทนายอยู่ไหน คิมจงอินต้องการทนาย!!
“หึ” เจ้าของโทรศัพท์หัวเราะในลำคอ รู้สึกสมเพชเวทนาคนที่ได้ชื่อว่าเป็นศัตรูหัวใจขึ้นมานิดหน่อย ถ้าไม่สาธยายความเสียหายของเงินในบัญชีเขาออกมาให้อีกฝ่ายได้รู้ ก็ดูจะใจร้ายเกินไปล่ะมั้ง เพราะดูจากท่าทีแล้ว คิมจงอินคงไม่รู้ตัวจริงๆว่าไปทำอะไรเอาไว้ และต้องชดใช้อะไรบ้าง “ค่ารักษาพยาบาล ค่าความเสียหายที่แกไปพังบาร์เขาเอาไว้ ค่าแมนชั่นที่แกไม่ได้จ่ายมาสามเดือนจนเขาขนของๆแกมาวางประจานที่หน้าห้อง”
“......”
“ทั้งหมดนั่น....ฉันเคลียร์ให้หมดแล้ว”
จงอินตาโต พยายามอย่างยิ่งที่จะนึกเรื่องเมื่อคืนให้ออก แต่พอนึกไปนึกมาก็เจอแต่ภาพตัวเองถูกรุมกระทืบจนหน้าเขียวตาปูด
ให้ตายเหอะ นี่มันเวรกรรมอะไรของคิมจงอินวะ แค่โดนจับได้ว่าไปล่อเมียเจ้าพ่อมาเฟียนี่ก็แย่พอแล้ว ยังโดนตามรังควานตามล้างตามผลาญอะไรขนาดนี้ นี่กะไม่ให้ผุดไม่ให้เกิดกันเลยใช่ไหม โอ เซฮุน !
“..........”
“ฉันมีเวลาให้สองวัน แกต้องจ่ายคืนให้ครบทั้งหมดก่อนเที่ยงคืน”
“เวลาแค่นั้นจะไปหาจากไหนมาให้ได้วะ!” อย่าว่าเขาพาลเลย แต่อารมณ์นี้มันต้องตะโกนจริงๆ นี่มันเหมือนกับโดนยัดขี้ใส่มือเลยนี่หว่า “ไหนล่ะหลักฐาน”
ไม่ใช่แค่ทำหน้ากวนตีนใส่ แต่จงอินยังยื่นมือไปหาคนตรงหน้าเพื่อเรียกหาหลักฐาน เอาสิ ถ้าไม่มีหลักฐานมาเขาก็ไม่จ่ายอะไรทั้งนั้นนั่นล่ะ
ในขณะที่เขายิ้มย่องกระหยิ่มในใจ ชายชุดดำคนที่แหวกม่านในตอนแรกก็สาวเท้าก้าวเข้ามาหาอย่างรู้หน้าที่ มือใหญ่ดึงกระดาษปึกหนาหน้าตาเหมือนใบแจ้งหนี้ออกมาจากกระเป๋าหนังสีดำที่ถืออยู่ จงอินรีบถลาเข้าไปหากระดาษปึกนั้น ค่าเสียหายร้อยเจ็ดประการที่โอเซฮุนว่า รวมถึงค่าหอ ค่าน้ำ ค่าไฟที่เขาค้างจ่ายมานานถูกบันทึกพร้อมตีตราว่าชำระค่าใช้จ่ายหมดแล้วเรียบร้อย....
“ไม่จริง...” จงอินครางออกมาเสียงอ่อน ไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่ไอ้มาเฟียหน้าวอกพูดจะเป็นจริง “ล...แล้วถ้าหามาคืนไม่ได้ภายในสองวันล่ะ...”
“ตัดปอดกับไตแกไปขายยังไม่พอจ่ายด้วยซ้ำ”
“..บ้าไปแล้ว!” ได้ยินอย่างนั้นก็รีบห่มผ้าจนมิดคอตัวเองทันที “ผมไม่มีจ่ายตอนนี้ ไม่มีซักกะแดง ”
“งั้นให้คนที่บ้านช่วยดีไหมล่ะ สละปอดกับไตให้แกคนละข้าง”
จงอินตาเหลือกส่ายหัวรัวดิกๆ ดูท่าทางโอเซฮุนจะไม่ได้พูดเล่นๆแล้วล่ะ ”เฮ้ย!! ไม่ได้ ไม่นะ อย่ายุ่งกับคนที่บ้านผม!”
“งั้นจะเอายังไง” เจ้าของไข้ที่เป็นเจ้าหนี้อีกต่อยกแขนขึ้นมองนาฬิกาข้อมือ “ฉันมีเวลาไม่มาก รีบๆเลือกมา ระหว่างขายอวัยวะแกมาใช้หนี้....”
เสียงพูดเงียบไป ก่อนร่างสูงโปร่งจะพยักเพยิดหน้า ส่งสัญญาณให้ชายชุดดำเดินเข้ามาวางกระดาษสัญญาไว้ตรงหน้าคิมจงอิน
“หรือจะยอมเซ็นนี่ แล้วยอมรับชะตากรรมของแกซะ”
คนป่วยมองกระดาษขนาด A4ที่วางแหมะไว้ตรงหน้าตัวเองอย่างไม่ไว้ใจ มือเรียวเอื้อมไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมากวาดสายตาอ่านช้าๆ....
สัญญาทาส
สัญญาฉบับนี้ทำขึ้น ณ ตึก N’ Power ถนนกาโรซูกิล เขตกังนัม, โซล ,เกาหลีใต้
เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ.2014
ระหว่าง นาย โอเซฮุน ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ผู้มีพระคุณ” ฝ่ายหนึ่ง และ นาย คิมจงอิน ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ทาส” ฝ่ายหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงตามสัญญาจ้างงานฉบับนี้ไว้ดังนี้
1. กำหนดระยะเวลาที่ทาสจะต้องทำงานให้ผู้มีพระคุณเป็นระยะเวลา 52 สัปดาห์
2. ทาสจะได้รับเงินเดือนตามค่าแรงขั้นต่ำและสวัสดิการเหมือนพนักงานของผู้มีพระคุณทุกประการ แต่เงินเดือนในแต่ละเดือนนั้น จะต้องหักมาใช้หนี้ 50% ของเงินที่ผู้มีพระคุณจ่ายให้
3. ทาสจะต้องไม่หยุด ไม่ลา ไม่ขาด ไม่ตาย ไม่สาย ไม่มีข้อแม้
4. ทาสจะต้องทำตามที่ผู้มีพระคุณสั่งทุกประการ ไม่ว่าจะบุกน้ำลุยไฟฝ่าดงกระสุนที่ไหน ทาสไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ
5. ในช่วงระยะเวลาตามสัญญา หากทาสผิดสัญญา ทาสจะต้องรับผิดชอบโดยการจ่ายเงินค่าเสียหายเป็นสองเท่าของหนี้ทั้งหมดที่ทาสค้างชำระเอาไว้
สัญญานี้ทำขึ้นโดยสองฝ่ายต่างอ่านและทำความเข้าใจข้อความในสัญญานี้ โดยถูกต้องครบถ้วนแล้ว จึงได้ลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญ
ลงชื่อ โอเซฮุน ผู้มีพระคุณ
ลงชื่อ .......................... ทาส
คิมจงอินเงยหน้าขึ้นจากคำสุดท้ายที่สายตาอ่านแล้วจับใจความได้ ใครมันเป็นคนคิดสัญญาบ้านี่วะ! ให้ตายเหอะพระเจ้า! มือที่ถือกระดาษแผ่นนี้มันสั่นไปหมด แต่ว่าทำอะไรไม่ได้ ขัดขืนอะไรไม่ได้เลย ถ้าหากเขาไม่จำใจเซ็นลงไปคนที่บ้านเขาจะเป็นยังไง จะใช้ชีวิตด้วยปอดข้างเดียวได้ยังไง!!!
เห็นสีหน้าซีดกับไหล่สั่นๆของคนบนเตียงแล้วอยากจะขำ โอเซฮุนทอดสายตายืนกอดอกมองปฏิกิริยาเหมือนหมาจนตรอกของคิมจงอินด้วยความสะใจ จริงๆอยากจะกระทืบให้ตายเอาปอดกับไตไปขายให้รู้แล้วรู้รอด ก็นะ เขาไม่ได้ใจดีอะไรนักหรอก แต่แบบนี้มันสาแก่ใจกว่ากันเยอะ...
“ผมไม่เซ็น” เงยหน้าพูดเสียงแข็ง ยังไม่รู้ตัวอีกนะ ว่าไม่มีทางเลือกแล้ว “ผมจะผ่อนจ่ายเท่านั้น...จะไม่เซ็นสัญญาบ้าๆนี่แน่ๆ”
“หึ ผ่อนจ่ายทั้งชาติยังไม่หมดเลยมั้ง....เหม็นสาบคนจน” เซฮุนพึมพำยักไหล่ไม่หยี่ระ ก่อนจะพยักหน้าให้มือขวาของเขาจัดการตามแผนทันที
“สวัสดีครับ นั่นบ้านคิมใช่ไหม....ขอเรียนสายกับคุณคิมจองกุ๊กครับ” จงอินตาโตเมื่อได้ยินชายชุดดำพูดชื่อพ่อของเขา เฮ้ย! มันเอาเบอร์บ้านเขามาจากไหน โทรไปจริงๆหรอวะ!!!
จนถึงตอนนี้คนป่วยเริ่มออกอาการนั่งไม่ติดเตียงแล้ว สัญญาในมือมันสั่นเหมือนกำลังเรียกร้องให้เขาตัดสินใจจรดปากกาเซ็นลงไปเสียที นั่งขบความคิดตัวเอง ปล่อยเวลาผ่านไปสองสามนาทีก็ปล่อยลมหายใจออกมาแรงๆ...
“ผม....ตกลงก็ได้”
“ดีมาก” เซฮุนพูดทั้งยังหน้านิ่ง แต่สายตานี่เหมือนกับว่าโลกทั้งใบของคิมจงอินกลายเป็นของมันไปแล้วเรียบร้อย “ชานยอล เอาปากกาให้มันเซ็นสัญญา”
ชายชุดดำที่ชื่อว่าชานยอลหยิบปากกาหมึกซึมราคาแพงออกมาจากด้านในของสูท บริการอย่างดีด้วยการเปิดปอกปากกาให้เสร็จสรรพ ก่อนจะยัดใส่มือข้างขวาที่ว่างอยู่ของคิมจงอิน
ไม่มีทางเลือกแล้ว... ร่างโปร่งบอกตัวเองในใจในขณะมือก็ขยับยุกยิก เขาเซ็นชื่อตัวเองลงไปทั้งที่ใจมันโหวงๆ ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันแล้วว่าคิมจงอินจะรอดจากสถานการณ์เลวร้ายนี้ หากว่าไม่ยอมตกลงปลงใจเซ็นสัญญาไปตามที่โอเซฮุนต้องการ
“ดีมาก”
ยังไม่ทันยกปากกาออกจากกระดาษสัญญาด้วยซ้ำ กระดาษแผ่นนั้นก็ถูกกระชากออกไปจากมือแทบจะในทันที จงอินมองรอยยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจของ ‘ผู้มีพระคุณ’ ดวงตาละห้อย..
“สัญญานี้จะมีผลภายในสามวัน หลังจากแกออกจากโรงพยาบาล”
“.........”
เซฮุนยิ้มพลางใช้นิ้วเคาะขมับตัวเองเบาๆ “แล้วก็จำใส่กะโหลกหนาๆของแกเอาไว้ด้วย”
“............”
“แกเป็นของฉันแล้ว”
_______________________________________
TBC – [1]
ไม่ได้เขียนบุรุษที่ 3 นาน ขอโทษน้าถ้าจะติดขัดหน่อย
อิอิอิอิ โอเซฮุนเป็นยังไงบ้างน้า
อยากได้ปอดได้ไตขนาดนั้นเลย...
ประโยคเหม็นสาบคนจนคุ้นๆไหมคะ 5555 ฮา
ขอบคุณน้าที่สนใจฟิคเรื่องนี้ T_T
รักเรื่องนี้ ชอบเรื่องนี้ เวลาสครีมอย่าลืมติดแท็ก #ficbigboss นะคะ
’ cactus
ความคิดเห็น