คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : การพบกันครั้งแรก 50%
มาเฟียพ่ายรัก
1
การพบกันครั้งแรก
-กริ้ง-
เสียงอ๊อดของโรงเรียนดังขึ้น นักเรียนก็ต่างเดินออกจากห้องด้วยความรวดเร็ว และเอะอ่ะกันอย่างมาก เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเรียนของเทอมแรก นักเรียนจึงรู้สึกตื่นเต้นกันอย่างมาก แต่คงจะมีแต่ฉันนี้มั่งที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับพวกเขาเลย
“นี่ๆๆ มินา วันนี้เราไปร้องคาราโอเกะกันดีกว่าน่ะ”
“จริงด้วยวันนี้วันสุดท้ายแล้ว อีกตั้งเป็นเดือนกว่าจะได้เจอกันอีกน่ะ ไปกันน่ะ”
ยัยเพื่อนของฉันก็จะตื้อให้ฉันไปให้จงได้
“เอาไว้วันหลังแล้วกันน่ะ”
“วันหลังอะไรกันล่ะ นี้เธอไม่ได้ฟังที่ฉันพูดเลยใช่ไหม ว่าเราต้องไปวันนี้เพราะมันเป็นงาน ฉลองปิดเทอมไปวันอื่นมันจะไปมีความหมายอะไรกันล่ะ”
แล้วยัยมิโดริก็บ่นไม่หยุด แต่อย่าคิดว่าฉันจะสนใจน่ะ อยากจะบ่นก็บ่นไปเถอะ ยังไงวันนี้ฉันก็ไม่ไป ที่จริงแล้ววันไหนฉันก็ไม่ไปทั้งนั้นแหละ
“งั้นก็ตามใจ ปล่อยยัยนั้นไปเถอะ เราไปสนุกกันแค่นี้ก็พอ”
ยัยซากุระว่าอย่างเซ็งๆๆ ก่อนจะลากพวกที่เหลือออกไปแล้วปล่อยฉันไว้ ฉันไม่ได้ไม่อยากไปน่ะ แต่วันนี้มันรู้สึกแปลกๆๆ เหมือนจะมีอะไรบ้างอย่างถ้าให้ยัยพวกนี้อยู่ใกล้แล้วมันอาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับยัยพวกนี้ก็ได้ งั้นวันนี้รีบกลับบ้านดีกว่า แต่ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ ทำไมเท้าเจ้ากรรมถึงเดินมาหยุดที่สวนสาธารณะได้ก็ไม่รู้เหมือนกัน ที่จริงแล้วที่นี้เป็นที่ที่ฉันชอบมานั่งเล่นเพราะว่าวิวของที่นี่น่ะสุดยอยดไปเลยล่ะ ธรรมชาติสุดๆยิ่งตอนเย็นๆจะเห็นพระอาทิตย์ตกท้องฟ้าที่ส่องประกายเป็นสีส้มอมแดงน่ะถ้าได้เห็นซ่ะครั้งก็อยากที่จะลืมได้เลยแหละ
ฉันอยู่ที่นี่จนท้องฟ้าที่เคยสีส้มกลายเป็นที่สีฟ้าครามฉันเลยรู้สึกว่าควรจะกลับได้แล้วแต่ไม่ใช่เพราะพ่อกับแม่จะว่าเอาน่ะ พ่อกับแม่ฉันไม่ได้อยู่กับฉันเลยไม่ต้องทนฟังเสียงบ่น แต่อย่าพึงคิดว่าฉันเป็นเด็กกำพร้าน่าสงสารอะไรล่ะ เพราะว่าอันที่จริงแล้วน่ะพ่อแม่ฉันไปทำงานอยู่ที่ต่างประเทศนานๆถึงจะกลับมาสักทีแต่ก็น่ะ ก็พ่อกับแม่ไปทำงานหาเงินมาให้ฉันนี่(คงว่าไม่ได้)แต่ละเดือนที่ฉันอยู่ได้อย่างสุขสบาย(ถึงจะไม่เท่าไรก็เถอะ)ก็เพราะท่านส่งเงินมาให้ทุกเดือนอย่างไม่ขาดเลย (นี่ก็เป็นเรื่องราวของฉันล่ะน่ะ)
“อ่ะ อือ อา”
แหละระหว่างที่ฉันเดินคิดอะไรไปเรื่อยเปิ่อยก็ได้ยินเสียงอะไรแปลกๆๆ ก็เลยจะฟังว่ามันเป็นเสียงของอะไรกันแน่ แต่ไม่ว่าจะฟังหรือจ้องมองแค่ไหนก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรเลย หรือว่าที่ฉันได้ยินนั้นมันจะเป็นเสียงของผะ..ผีๆๆ แต่ว่าจะเป็นไปได้ไงเหล่าก็ ผงผีอะไรนั้นมันไม่มีจริง(หรอกมั่ง) ฉันว่าทางที่ดีฉันควรจะรีบกลับบ้านอาบน้ำนอนแล้วก็ลืมมันไปจะดีกว่าน่ะเนี๋ย
“อ่ะ ชะ ช่ววววว ช่วยด้วยยยยยย”
ไม่ผิดแน่ นี่มันเสียงของผีแน่ๆๆเลย ไม่ได้การแล้วฉันไม่อยู่ด้วยแล้วววว
แต่ว่าลึกๆแล้วฉันก็อยากเห็นว่าผีมันมีจริงอย่างงั้นเหรอ ฉันเลยค่อยๆมองไปทางที่ได้ยินเสียงอย่างหวาดกลัวววว แล้วถ้าผีออกมาจริงๆฉันจะทำไงล่ะเนี๋ยยย แหละเมื่อสายตาของฉันเริ่มจะชินกับความมืดฉันก็เห็นเงาตระครุ่มๆฉันเลยเดินเข้าไปใกล้อีกแล้วก็
-กริ้ดดดดดดดดดดดดด-
ผะๆๆ ผีจับแขนฉันอ่ะ ตายฉันต้องตายแน่ๆๆเลย
“คุณผีค่ะอย่างมาหลอกมาหลอนกันเลยน่ะค่ะ ฉันจะทำบุญทำทานไปให้น่ะค่ะ ฮือๆๆๆ”
“นี่เธอจะบ้าไปแล้วหรือไงหา มาร้องโหวกเหวงอะไรเนี๋ยหา น่ารำคาญจริงๆเลย แล้วโลกนี่น่ะมันมีผีซ่ะที่ไหน”
อยู่ๆคุณผีก็ด่าฉันซ่ะเป็นชุดเล่นเอางงเลยน่ะเนี๋ย แล้วที่เค้าพูดว่าผีไม่มีจริงเนี๋ยแล้วฉันกำลังพูดอยู่กับใครอ่ะ(เธอคนนี่ยังเฉิ่มไม่เลิก)
“คุณไม่ใช่ผีเหรอ”
“นี่เธออายุเท่าไรแล้วเนี๋ยยังจะเชื่อว่าโลกนี้มีผีอีก”
“เชอะ มันก็เรื่องของฉันนี่ นายไม่เชื่อก็เรื่องของนายสิ”
“เอาเถอะฉันเบื่อทีจะเถียงกับเธอแล้ว”
โธ่คิดว่าฉันอยากคุยกับนายหรือไง เออ คนที่ฉันคิดว่าเขาเป็นผีน่ะที่จริงแล้วเขาเป็นคน(เขารู้กันหมดแล้วมีแต่เธอนั้นแหละ) เป็นผู้ชายหน้าตาก็คงจะดูได้ล่ะมั่งเพราะขนาดที่นี่ทั้งมืดทั้งเหม็น..แต่ก็ยังเห็นถึงความหล่ออยู่ อ่ะที่ฉันบอกว่าที่นี่ทั้งมืดทั้งเหม็นคงเพราะว่าตอนนี่เราสองคนกำลังนั่งคุยกันอยู่ที่จุดทิ้งขยะน่ะสิ มันเป็นบรรยากาศที่ดีมากเลยแหละ ซ่ะเมื่อไรเล่า แล้วทันใดนั้นฉันก็เหลือบไปเห็นน้ำอะไรเยิ้มๆ ก็เลยเพ่งสายตา ละ ละ เลือดดด
“นี่นาย นี่มันเลือดนิ นายเป็นอะไรอ่ะ”
“มันเรื่องของฉัน”
เป็นไงล่ะ ไปยุ่งกับคนไม่ควรยุ่งด้วยซ่ะแล้ว ขนาดถามดีๆว่าเป็นอะไร ดันจะมากวนประสาทอีก มันน่าจะปล่อยให้นอนเลือดไหลหมดตัวซ่ะจริงๆ
“ฉันก็ไม่อยากยุ่งเรื่องของนายน่ะหรอก แต่ฉันยังมีมนุษยธรรมอยู่บ้างคงจะปล่อยให้นายนอนตายอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก แต่ถ้านายยังคงกวนประสาทฉันอยู่ล่ะก็นอนจมกองเลือดอยู่อย่างนี่แหละ”
“...”
แปลกแฮะ ว่าไปตั้งขนาดนี่คิดว่าจะโดนว่าแล้วแต่กับเงียบสงสัยจะไม่กล้าหือกับเรา
-พรืบ-
อยู่ๆมือที่นายนั้นจับฉันไว้ก็ร่วงลงไปเฉยๆหรือว่านายนั่นจะ..
“นี่นาย นาย นี่”
ฉันเรียกนายนั่นอยู่นาน ทั้งเรียกทั้งเขย่าก็ไม่เห็นจะมีทีท่าว่าจะรู้สึกตัวเลย ก็น่ะเลือดไหลออกมาเยอะขนาดนั้นยังหายใจได้เนี๋ยก็เก่งแล้ว
“นี่อย่ามาตายตรงนี่น่ะเดี๋ยวฉันกลายเป็นฆาตกร”
“...”
“นี่ อย่าเงียบสิ ฉันกลัวน่ะ”
แล้วนี่ฉันควรจะทำยังไงดีล่ะเนี๋ย เรียกคนมาช่วยเหรอ แถวนี่เงียบจะตาย จะมีคนผ่านมาไหมเนี๋ย<._. >< ._.><._. >< ._.> เฮ้อๆมืดขนาดนี่น่ะไม่มีใครหรอก เอ๋เดี่ยวก่อน ทำไมฉันไม่เรียกตำรวจกับรถพยาบาลล่ะ ฉันนี่โง่จริงๆเลย เมื่อคิดได้ฉันเลยเริ่มค้นกระเป๋าของตัวเองอย่างจริงจังขอย้ำว่าจริงจังเพราะในกระเป๋ารกมากกก แต่ในที่สุดก็เจอจนได้โทรศัพท์ เออเบอร์อะไรน่ะ
ตุ๋ด ตึด ตุด เสียงกดโทรศัพท์
-หมับ-
“โอ้ยยย”
“เธอจะทำอะไรน่ะ”
“อ้าวนี่นายยังไม่ตายเหรอ”
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรซ่ะหน่อย ฉันแค่ขี้เกียจคุยกับเธอก็เท่านั้น”
“เฮ้อ.. งั้นถ้านายไม่เป็นอะไร ฉันไปล่ะไม่อยากคุยกับนายเหมือนกัน”
คนบ้าอะไรก็ไม่รู้ คนจะช่วยแท้ๆ กับพูดจาไม่ได้เข้าหูเลย งั้นก็นอนเล่นอยู่ข้างกองขยะนั้น ไว้เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยซื้อหนังสือพิมพ์มาอ่านว่านายนั่นตายหรือยัง
กลับบ้านดีกว่าเสียเวลาทำมาหากิน ถ้านายนั่นตายมันก็ไม่ใช่ความผิดฉันน่ะ ฉันไม่ได้ใจร้ายด้วยนายนั่นต่างหากที่ไม่ดีเอง
“นี่พวกแกยังไม่เจอมันอีกเหรอ มันโดนยิงขนาดนั่นจะไปไหนได้ไกลหา”
“ยังเลยครับนาย พวกผมหากันมานานแล้วก็ยังไม่เจอเลยครับ”
“แค่นี่ก็ทำไม่สำเร็จ มันอยู่แค่คนเดียวพวกแกอยู่กันเป็นฝูงทำอะไรมันไม่ได้ ไปตายซ่ะไป”
“ขอโทษครับลูกพี่”
“ไปหามันให้เจอไม่งั้นพวกแกตาย”
“ครับ”
แล้วพวกนี้เป็นใครกันอีกล่ะเนี๋ย วันนี้ฉันเจอแต่พวกน่ากลัวๆทั้งนั้นเลยแฮะ แล้วจะเอายังไงดีเนี๋ยออกไปตอนนี่มีหวังโดนมันฆ่าแน่ เอ๋โดนฆ่าเหรอ
‘นี่พวกแกยังไม่เจอมันอีกเหรอ มันโดนยิงขนาดนั่นจะไปไหนได้ไกลหา’
จริงด้วยงั้นคนที่พวกนั่นพูดถึงก็คือนายนั่นน่ะสิ แล้วทำไงดีล่ะพวกนั้นเดินไปทางที่นายนั่นอยู่แล้วด้วย มีหวังคราวนี้ได้ตายจริงแน่ ฉันที่ตอนแรกเดินหนีนายนั่นมาแล้ว ได้ยินแบบนี้ก็ต้องกลับไปเตือนนายนั่นแล้วล่ะ
“อ่ะ อ้าว ไม่อยู่แล้ว ไม่จริงอ่ะ อย่าบอกน่ะว่านายนั่นโดนเก็บไปแล้วอ่ะ”
แล้วฉันก็เดินมาหานายนั่นเพื่อบอกให้รีบหนี แต่นี่อะไรไม่อยู่แล้ว โดนพวกโจรพวกนั้นเก็บไปแล้วเหรอเนี๋ย
“เฮ้ย พวกแกไปดูทางนั้นดิหาให้ทั่วน่ะโว้ย”
“ครับลูกพี่”
“ลูกพี่ครับทางโน่นไม่มีครับ”
“อะไรว่ะ มันหายไปไหน งั้นไปทางนั่น”
“ครับ”
ไอ้ลูกพี่น่าโหดกับไอ้ลูกน้องน่าเหี้ยมมันกำลังหากันใหญ่เลย งั้นก็หมายความว่ายังไมเจอตัวนายนั่นน่ะสิ โล่งอกไป แล้วทำไมฉันต้องเป็นห่วงนายนั่นด้วยล่ะ
-โครม-
ฉันดันเผลอเตะกองสังกะสีข้างโกดังเข้าให้ แล้วอย่างที่คิดเมื่อมองไปทางลูกพี่ลูกน้องผู้โหดเหี้ยม ก็เห็นพวกมันกำลังจะเดินเข้ามาทางฉันแล้วทำไงดีล่ะทีนี่มีหวังฉันจะเป็นฝ่ายตายแทนที่จะเป็นนายนั้นน่ะเนี๋ย ใกล้เข้ามาแล้วอ่ะ ตายแน่เลยฉันTT^TT
-อุ๊บ-
อยู่ๆก็มีมือใหญ่ๆมาปิดเข้าที่ปากฉัน(อาจจะใหญ่เกินจนปิดไปถึงจมูกแล้ว หายใจไม่ออกอ่ะ
“อ่ะ อ่อยอั้นอ่ะไอ้อ้า”(อ่ะ ปล่อยฉันน่ะไอ้บ้า)
“...”
“อั้นออกใอ้อ่อย”(ฉันบอกให้ปล่อย)
ฉันทั้งดิ้นทั้งกระทืบแต่ไอ้หมอนี่ก็ไม่มีที่ท่าว่าจะปล่อยฉันเลยอ่ะ ใครก็ได้ช่วยด้วยยยยย
“อ่ะ อือ”
“นี่เธออยู่เฉยๆสิ อยากให้มันจับได้หรือไง”
“อาย”(นาย) ยังโดนปิดปากอยู่
“แล้วก็อยู่เฉยๆด้วย ฉันไม่มีแรงจะจับเธอแล้วน่ะ”
นายนั่นพูดแล้วก็ค่อยๆปล่อยฉันให้เป็นอิสระ หลังจากที่ปิดปากฉันจนเกือบตายเพราะมันปิดไปถึงจมูก พูดอีกอย่างคือมือนายนั่นปิดเกือบทั้งหน้าฉันอ่ะ เราทั้งสองคนยืนกันนิ่งเพราะว่าเจ้าพวกนั้นกำลังจะเดินมาหาแล้วฉันกลัวจนทำอะไรไม่ถูกได้แต่หลับตาปี้ ==^==
“เจอแล้วครับนาย”
“ไหน มันอยู่ไหน ฉันจะเป็นคนเก็บมันเอง”
ฉันกลัวจนไม่รู้จะทำยังไงเลยหันไปกอดคนที่อยู่ใกล้ที่สุด แล้วจะเป็นใครไปได้เล่า ถ้าไม่ใช่นายนั่น แต่ตอนนี้ไม่สนใจแล้ว ก็คนมันกลัวนี่น่า แต่เอ๋นี่ฉันรู้สึกไปเองหรือเปล่าน่ะทั้งๆที่เมื่อกี้พวกนั่นเข้ามาจนจะถึงอยู่แล้วแต่ทำไมตอนนี้ยังไม่มาถึงอีกล่ะ แถมรู้สึกเหมือนพวกนั้นเดินออกไปไกลอีกตั้งหาก ฉันเลยค่อยคลายอ้อมกอดจากนายนั่นออกแล้วหันไปดู แล้วก็เป็นอย่างที่ฉันคิดไม่มีผิดเลย พวกมันเดินออกห่างจากพวกเราสองคนไปไกลแหละ โธ่อีตาบ้านี่ก็ไม่บอกฉันปล่อยให้ฉันยืนกอดนายตัวสั่นอยู่ได้ เจ้าลูกน้องที่บอกว่าเจอ คงจะเจอกองเลือดที่นายนั่นตอนแรกไปนอนอยู่น่ะ เพราะอยู่ข้างกองขยะกันทั้งกลุ่มเลย แล้วเมื่อลูกพี่มันเห็นว่ามีแค่กองเลือดก็ตบกบาลลูกน้องซ่ะลั่น สมน้ำหน้า <^V^>
“พวกแกนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆเลยว่ะ”
“ขอโทษครับลูกพี่”
“ไอ้เจ้าเคียวยะ แกอย่าให้ฉันเจอตัวแกน่ะ คราวหน้าฉันฆ่านายแน่ เฮ้ยกลับได้แล้ว คราวนี่ยังไม่ถึงคราวตายของมัน”
พวกนั้นพูดจบก็เดินจากออกไปอย่างสงบ แต่คนที่ดูไม่สงบน่ะน่าจะเป็นคนข้างหลังฉันมากกว่า ยืนตัวสั่น กำมือแน่น สงสารคงจะโกรธที่ลูกพี่นั่นว่าเอามั่ง ฉันไม่รู้หรอกน่ะว่านายนั่นไปมีเรื่องอะไรกัน แต่ถึงกับต้องฆ่ากันเลยนี่มันก็ออกจะหนักไปน่ะ น่าจะคุยกันดีๆแท้ๆ ประเทศชาติมันยิ่งวุ่นวายอยู่ไม่ไหวเลยคนสมัยนี้
“นี่นาย เป็นอะไรไหม”
“...”
ทำไมนายนั่นต้องชอบเงียบด้วยน่ะรู้ไหมว่าฉันเหมือนคนบ้าพูดคนเดียวตลอดมันน่านัก
“นี่นายฉันถามไม่ได้ยินหรือไงเล่า”
“ได้ยิน แล้วไง ทำไมฉันต้องตอบเธอด้วย”
เอาแล้วไง พอนายนั่นไม่พูดฉันก็โกรธพอแล้ว แต่พูดออกมาฉันยิ่งขึ้นเข้าไปใหญ่
“ได้ไม่พูดก็อย่าพูด เป็นใบ้ไปเลยได้ยิ่งดี”
ฉันเริ่มไม่สงสัยแล้วล่ะว่าทำไมพวกนั่นต้องการฆ่านายนั่นก็เป็นมันแบบนี้น่ะ ขนาดฉันอยู่ด้วยแค่แป๊บเดี๋ยวยังรู้สึกอยากจะฆ่าให้ตายซ่ะจริงๆๆ
-ตึง ตึ่ง ตึ้ง ตึง ตึ่ง –
ฉันกับนายนั่นมองกันอย่างตกใจเพราะเสียงที่ดังมาจากกระเป๋าของนายนั่นมันร้องซ่ะดังลั่น นายนั่นก็ดูเหมือนจะตกใจรีบหาโทรศัพท์มาปิดเสียง แต่มันจะทันไหมล่ะ เสียงดังขนาดนั่น ถึงพวกนั่น จะเดินไปกันแล้ว แต่ก็ได้ยินอย่างชัดแจ๋ว
“นี่นาย ทำบ้าอะไรเนี๋ย”
“แล้วฉันเป็นคนทำให้เสียงมันดังขึ้นมาหรือไงเล่า”
และแล้วเสียงนั่นมันก็ดังไปจนถึงหูพวกนั้นจนได้ เพราะพวกนั้นเดินกันมาแล้ว โทรศัพท์ก็มาดังได้จังหวะเหลือเกิน ฉันจะรอดอยู่แล้วเชียว
(ติดตามตอนต่อไปด้วนนะค่ะ)
ความคิดเห็น