ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องสั้นตามใจฉันวัน(ตัน)จัด

    ลำดับตอนที่ #3 : Moon nightmare > 03 > Yaoi novel

    • อัปเดตล่าสุด 23 ส.ค. 55






    บทที่ 3


        หมาป่าหนุ่มต่างเผ่าทำให้คนแตกตื่นกันไปทั้งหมู่บ้านเมื่อเขากลับมาพร้อมกับใบหน้าแดงก่ำที่เหมือนพร้อมจะปล่อยหยดน้ำตาอยู่ทุกเมื่อ ดวงตาคู่โศกคลอฉ่ำหยาดน้ำ เดินไม่พูดไม่จา ไม่มองหน้าสบตาใครตรงไปยังบ้านท่านหัวหน้าเผ่าซึ่งตั้งอยู่ใจกลางหมู่บ้าน

             เมสผลักบานประตูเข้าไปด้วยแรงอารมณ์  ก่อนจะระเบิดคำพูดทันทีโดยไม่สนใจว่าจะมีใครอยู่ตรงนั้นบ้าง

     

             “ท่านลุง !!!  ข้าไม่แต่งกับกอร์ณ  กาเซียร์เด็ดขาด !!!   ข้าจะไม่มีวันแต่งงานกับเขา !!

     

     

                      ท่านหัวหน้าเผ่าการ์เซียร์คนปัจจุบันถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆก็ถูกระเบิดอารมณ์ใส่  และเมื่อตั้งสติได้ก็รีบเข้าไปหาหมาป่าหนุ่มที่ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ปกติ  เก็นกอดร่างย่อมและต่ำกว่าหลวมๆเป็นการปลอบเพราะเห็นแล้วว่าบุตรชายของสหายต่างเผ่ายามนี้สั่นไปทั้งตัว...

     

       “เดี๋ยวก่อนนะเมส....ใจเย็นๆก่อน    เกิดอะไรขึ้น?”

     

     

       “ข้าไม่แต่งงาน.....”

     

                เมสไม่ยอมให้คำตอบ หมาป่าขนเทาย้ำแค่คำเดิมด้วยเสียงสั่นเครือ จนเก็นฉุกคิดสงสัยขึ้นมาทันที...

     

              กอร์น.....เจ้าลูกวายร้ายทำอะไรกับเมสกันแน่   เขาผิดเองที่ไว้ใจให้เมสไปเจรจาตามลำพัง....

     

       เสียงถอนหายใจยาวดังตามมา  หัวหน้าเผ่าสุนัขขนดำตีสีหน้ายุ่งยาก   ทางนึงก็ลูก  ทางนึงก็นับเป็นหลานที่เอ็นดู                                                                      

              กอร์นยืนยันมาดมั่นว่าจะไม่แต่งกับใครที่ไหนทั้งสิ้นนอกจาก  หมาป่าขนเทาที่ชื่อเมส  ลานูฟ   แต่ที่เห็นอยู่นี่คนที่บุตรชายท่านอยากร่วมหอลงโรงด้วยไม่ได้คิดแม้เศษเสี้ยวเลยว่าจะเออออด้วย....

               ฝืนใจไปหรือก็คงจะไม่ดีนัก...ถ้าอย่างนั้นก็คงต้อง....

     

                        “อาวละๆ    ไม่อยากแต่งก็ไม่ต้อง.....”

     

                      “ถึงไม่อยากก็ต้องแต่ง  !!

     

        ยังไม่ทันพูดได้จบคำด้วยซ้ำเสียงห้าวดุก็ดังขัดขึ้น ทั้งเมสและเก็นเหลียวไปพร้อมกันก็สบเข้ากับร่างสูงใหญ่บึกบึนและดูท่าทางจะอยู่ในอารมณ์ไม่ดีนัก...

               กอร์น   การ์เซียยืนอยู่ตรงทางเข้าประตู  วางศอกข้างหนึ่งลงบนขอบประตูไม้โค้งมน  สบมองดวงตาสีดำที่มองตอบเขาอย่างหวาดหวั่น

     

     

         “แล้วก็ต้องคนนี้เท่านั้นนะ.....คนอื่นข้าไม่เอา..”

     

     

       พลันเสียงขู่คำรามของเมสก็ดังตามมา  เก็นที่เห็นอาการหมาป่าหนุ่มแห่งลานูฟต้องรีบคว้าร่างผอมเพรียวที่ตั้งท่าจะเล่นงานลูกชายคนรองของเขาเต็มที่  เมสไม่ใช่คนเลือดร้อนและออกจะเรียบร้อยเสียด้วยซ้ำ  หวังว่าไอ้คนที่ทำให้เมสลุกขึ้นมาสติแตกได้แบบนี้คงจะไม่ใช่ลูกชายตัวดีของท่านหรอกนะ...

     

        “กอร์น...หยุดพูดจาเอาแต่ใจอย่างนั้นซะที  เจ้าไม่เห็นรึว่ากำลังทำให้น้องกลัว....แล้วนี่เจ้า..ไปทำอะไรน้องน่ะฮะ....พ่อบอกแล้วใช่ไหมว่าให้คุยกับน้องดีๆ”....

     

             ท้ายประโยคท่านหัวหน้าเผ่าการ์เซียเบาเสียงลงแทบเป็นกระซิบดุๆ  หากเป็นกับหมาป่าตนอื่นๆในเผ่าคงได้กลัวหงอไปแล้ว  หากแต่ไม่ใช่กับกอร์น  เขาทรงพลังเกินไปมากกว่าจะมีใครข่มได้ลงแม้แต่ผู้เป็นบิดาก็เถอะ  ทว่าก็ยังดีหน่อยที่กอร์นก็ยังพอจะรู้ว่าควรอ่อนน้อมกับใคร

            หมาป่าหนุ่มร่างหนายักไหล่ก่อนตอบยิ้มๆ..

     

            “จูบ....”

     

           “แก !!!!

     

               เก็น  การ์เซียต้องเพิ่มแรงของตนเข้าไปอีกในการที่จะรั้งร่างของเมสเอาไว้   นี่ถ้าเมสตัวโตกว่านี้อีกนิดเดียวท่านผู้นำการ์เซียก็อดคิดไม่ได้ว่าจะรั้งเอาไว้อยู่หรือเปล่า...

     

           “แล้วก็....ลูบๆ คลำๆอีกนิดหน่อย...”

     

            “กอร์น !!  พอได้แล้วนะ !!

     

                 หากว่าเสียงตวาดนั้นจะไม่ดังขึ้นซะก่อน  บุตรชายคนรองของเก็น  การ์เซียก็คงจะไม่เงียบเสียงลงได้  นั่นเพราะว่าเจ้าของเสียงนั้นคือสตรีที่กอร์นเกรงใจที่สุดในโลกนั่นเอง..

     

         “ท่านแม่.....”

     

           เสียงที่เปี่ยมด้วยความเคารพครางเรียกหญิงวัยกลางคนที่ดูจะอ่อนกว่าอายุอยู่มาก  ใบหน้าของนางดูงดงามและเต็มไปด้วยอำนาจโดยเฉพาะแววตาที่จ้องมองผู้เป็นลูกไม่วางตาก่อนจะละไปมองยังอาคันตุกะต่างเผ่าด้วยแววตาที่ต่างออกไป  เรียวแขนอ้อนแอ้นอ้าออก  รอยยิ้มมีเมตตาส่งไปให้  เมสลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ผละจากท่านลุงเก็นเข้าไปหานาง...สวมกอดร่างอ่อนนุ่มอบอุ่นเอาไว้

     

         “ท่านป้าเอลิเชีย..”

     

     

           เอลิเชียเป็นบุตรสาวของเผ่าหมาป่าที่มีผู้หญิงเป็นผู้นำ  นางจึงแข็งแกร่งไม่ต่างจากบุรุษทั้งจิตใจและฝีมือการรบ   หลังจากแต่งงานเข้ามาในเผ่าการ์เซียนางจะยอมลดบทบาทของตนเองลงบ้างเพื่อผู้เป็นสามี แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าเอลิเชียมีอำนาจเพียงใด เพียงแต่นางไม่เคยอวดบารมีของตนเท่านั้นได้แต่ใช้สิ่งที่ตนมีหนุนหลังผู้เป็นสามีอยู่เงียบๆ

     

         “จะพูดจะจาอะไรก็หัดเกรงใจกันบ้าง....แม่ไม่เคยสอนเจ้ารึว่าควรรักษามารยาทต่อหน้าผู้ใด...”

     

                 หากเอลิเชียเป็นหญิงที่กอร์นให้ความเกรงใจที่สุดในโลก  มาทาร์ก็เป็นหญิงที่กอร์นให้ความเคารพเชื่อฟังมากที่สุดในโลกด้วยเช่นกัน...

          แม้จะเป็นมารดาชาวมนุษย์แต่มาทาร์ก็วางตัวได้น่ายำเกรงได้มากพอที่จะควบคุมกอร์นได้  รวมถึงการที่นางเลี้ยงดูพี่ชายต่างสายเลือดของเขาอย่าง กิล  การ์เซียได้ไร้ที่ติ นั่นยิ่งทำให้กอร์นเทิดทูนบูชานางเทียมเท่ามารดาของตนเลยทีเดียว

     

         “ทราบครับท่านแม่ใหญ่    แต่ไหนๆเมสก็จะมาเป็นคนในครอบครัวของเราแล้ว   ข้าไม่เห็นว่าจะมีเรื่องอะไรที่จะต้องปิดบังกันนี่ครับ...”

     

         “ใครจะไปเป็นครอบครัวเดียวกันกับเจ้า !!  อย่ามาพูดพล่อยๆนะ !!

     

            เมสแหวใส่เสียงเขียว  และกอร์นก็สวนกลับมาทันควันอย่างไม่ยอมแพ้กันเลยทีเดียว

     

         “เจ้าไง !   อย่าทำมาเป็นจำไม่ได้เชียวนะ  ข้าไม่ลืมแน่ๆว่าเจ้าตกลงอะไรกับข้าไว้   หรือว่าลานูฟคิดจะผิดคำพูดล่ะหา”

     

         เมสเถียงไม่ออกได้แต่ทำตาแดงๆ  เรื่องนี้นับเป็นความผิดเขาเต็มประตูที่เผลอใช้อารมณ์จนตกปากรับคำออกไป  และจะเอามันคืนกลับมาตอนนี้ก็ไม่ได้เสียด้วย

     

        “ข้าไม่เคยผิดคำพูดกับใคร !!

     

         “ดี....”

     

        ชายหนุ่มทำเสียงพออกพอใจที่ทำให้เมสถลึงตาอย่างโกรธแค้น

     

       “ได้ยินกันแล้วนะครับท่านแม่ทั้งสอง  ถ้าอย่างนั้นกรุณาจัดให้ข้านอนห้องเดียวกับเมสด้วยเถอะครับ..”

     

                      และยังหันไปพูดหน้าตายกับแม่ๆทั้งสองอีกด้วย

                แน่นอนว่าเมสคงไม่ยอม  หนุ่มหมาป่าขนเทาทำตาโตตกใจก่อนจะหันไปทำสายตาอ้อนวอนหญิงสาวที่ตนกอดเอาไว้แน่น  เป็นตายร้ายดีอย่างไร เรื่องที่เจ้าการ์เซียร้ายกาจคนนั้นพูดออกมามันจะต้องไม่เกิดขึ้นโดยเด็ดขาด

     

       “กอร์น...”

     

            เอลิเชียออกโรงอีกครั้ง  ทำเสียงปรามลูกชายตัวโตที่กำลังเริ่มตีหน้าขุ่นขึ้นมาแล้ว

     

       “เอาแต่พอดีไม่ได้รึไง  ยังไม่ได้แต่งกันจริงๆสักหน่อย  จะค้างห้องเดียวกันไม่เหมาะหรอกนะ  คืนนี้เมสไปนอนที่ห้องรับรองแล้วกันนะลูก...”

     

         สิ้นคำคนที่ไม่สบอารมณ์เลยกับการตัดสินใจนั้นก็จำต้องสงบปากอย่างที่ทุกคนในที่นั้นกำลังต้องการให้มันเกิดขึ้นเป็นเพราะว่าคำพูดเฉียบขาดที่เอ่ยดุกับเขาและหันไปตัดบทเรื่องห้องกับเมสทันที  แน่นอนว่ากอร์ณไม่ได้รู้สึกพอใจในคำตัดสินนั้นอยู่แน่ๆแต่เขาก็แย้งไม่ออกเช่นกัน จึงได้แต่ทำหน้าฮึดฮัดและดวงตาขวางเหมือนเด็กที่ถูกขัดใจแต่กลับงอแงไม่ได้

              ส่วนเมสไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหนุ่มลานูฟโล่งใจมากแค่ไหน ดูได้จากรอยยิ้มสว่างไสวที่หันไปส่งให้กับภรรยาคนแรกและคนรองของหัวหน้าเผ่าการ์เซียซึ่งทั้งสองก็รีบยิ้มตอบมาอย่างมีเมตตาและเข้าอกเข้าใจ

          ปัญหาทุกอย่างที่ตรงนั้นคลี่คลายลงด้วยดี ไม่มีการต่อความยาวสาวความยืดไปถึงโต๊ะอาหารในมื้อค่ำที่เมสได้ร่วมโต๊ะกับครอบครัวหัวหน้าเผ่าการ์เซียเป็นครั้งแรก แม้ว่าคู่หมั้น(ที่เขาแสนเกลียด)อย่างกอร์ณจะพยายามหาเรื่องอยู่ตลอดเวลาแต่คำพูดของเจ้าคนร่างยักษ์นั่นก็ถูกตีตกประเด็นไปทุกครั้งด้วยฝีมือภรรยาทั้งสองของท่านลุงเก็นที่ได้แต่นั่งอมยิ้มมองสิ่งที่เกิดขึ้นเงียบๆ

                 จบมื้ออาหารค่ำเมสก็ถูกนำทางไปยังห้องพักรับรองของบ้าน  ห้องพักที่เมสได้รับเกียตริให้เข้าพักนี้นับว่าเป็นห้องที่หรูหราที่สุดในเผ่าการ์เซียก็ว่าได้  มันถูกสร้างไว้เพื่อรับรองแขกคนสำคัญๆของเผ่าโดยเฉพาะ

              ขนาดของห้องเท่ากับห้องนอนธรรมดาสามห้องรวมกัน  มีส่วนอาบน้ำแยกต่างหาก  เตียงใหญ่โตปูด้วยที่นอนสีขาวและปูทับด้วยหนังเสือและผ้าห่มก็เป็นผ้าห่มขนนกชั้นดี  นอกจากนี้เครื่องเรือนก็ล้วนแต่เป็นของดีที่คาดว่าน่าจะซื้อหามาจากดินแดนของพวกมนุษย์ และเมสก็ไม่ได้คาดเดาผิดนักเพราะห้องนี้เป็นฝีมือการตกแต่งของมาร์ทาหญิงชาวมนุษย์ภรรยาเอกของ เก็น  การ์เซียร์นั่นเอง

                  ผู้ที่นำทางเมสมายังห้องพักเป็นหญิงสาวที่เอลิเชียส่งมา เด็กสาวหน้าตาคมที่คงจะอ่อนกว่าเมสไม่กี่ปีชื่อของเธอคือ ชาช่า

         ชาช่ามีผมยาวดำตรงสลวยเหมือนกลุ่มเส้นด้ายดำมันจรดบั้นเอว รูปร่างค่อนข้างบางหากแต่สัดส่วนกลับโค้งเว้าได้น่ามองยิ่งนักโดยเฉพาะเมื่อเธอสวมชุดที่ช่วยขับผิวสีเข้มและความเด่นของรูปร่างออกมาอย่างชนิดที่รู้ว่าควรจะ “อวด” แบบไหน

         จริงอยู่ว่าชาช่าอาจจะไม่ได้ถึงกับแลดูน่าทนุถนอมเท่ากับมียาน้องสาวคนสวยของเมส หากเธอก็ได้ความคมเช่นชาวการ์เซียและความสวยจัดจ้านเข้ามาทดแทน แน่นอนว่าความยวนตาต่อผู้มองและความน่าค้นหาจากดวงตาที่นิ่งเรียบย่อมมีมากกว่ามียาแน่นอน

                     ท่านลุงเก็นแนะนำว่าชาช่าเป็นลูกพี่ลูกน้องห่างๆกับกอร์ณที่ทุกคนในครอบครัวการ์เซียให้ความเอ็นดู เธอมักจะมาช่วยดูแลทำความสะอาดที่บ้านนี้เสมอ และน่าสงสัยสำหรับเมสเหลือเกินว่าในเมื่อมีหญิงสาวมากเสน่ห์ขนาดนี้มาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ เจ้าคนบ้านั่นกลับมองข้ามไปได้ยังไง ?

     

       “อาบน้ำเสร็จแล้วหรือคะ  ท่านเมส?”

     

       เมสที่ก้าวออกมาจากห้องอาบน้ำที่ทำจากหินส่งยิ้มน้อยๆให้หญิงสาวเจ้าของคำทักทายที่กำลังจัดปูที่นอนรอให้แขกในคืนนี้ได้พักผ่อน

     

         “สบายตัวหรือเปล่าคะ...”

     

             เสียงหวานๆยังคงถามต่อไป

     

        “น้ำอุ่นทำให้รู้สึกดีมากๆ  ช่วยคลายความเมื่อยล้าจากการดินทางได้มากเชียว ขอบคุณมากเลยชาช่า”

     

              หมาป่าหนุ่มแห่งเผ่าขนเทาทิ้งน้ำหนักลงบนเตียงที่ปูเสร็จแล้วและเจ้าของฝีมือปูเตียงตึงเป๊ะก็ถอยออกไปยืนอยู่ที่ปลายเตียงดวงตาสีดำอมเทาจ้องมองมาคล้ายกับสังเกตโดยที่เมสไม่รู้สึกตัวหรือเอะใจต่อการจ้องมองของนาง

     

        “จะเข้านอนหรือยังคะ ?..”

     

         “ก็ว่ายังนะ...เอ....เจ้ามีอะไรหรือเปล่า  ท่าทางเจ้าเหมือนมีเรื่องอยากจะพูดกับข้า”

     

              และเมสก็รู้สึกจนได้ว่าหญิงสาวที่ทำหน้าที่ของตนเสร็จแล้วตามมารยาทก็ควรจะขอตัวกลับไปและปล่อยให้แขกได้พักผ่อน  หากแต่ที่เธอยังคงซักนู่นซักนี่เขาอยู่ก็ทำให้เมสพอจะเดาได้ว่าเธอคงมีเรื่องที่ต้องการพูดกับเขา...

       เมสมองดวงตาคมสวยซึ่งจับจ้องเขานิ่งๆมันเต็มไปด้วยความนัยมากมาย และเมื่อเมสเอ่ยปากเช่นนั้นก็เหมือนกับการได้อนุญาตให้นางปล่อยทุกสิ่งที่ต้องการพูดออกมา

     

        “ข้าพูดได้แน่หรือคะ ?...”

     

               เสียงถามคล้ายหยั่งเชิงมากกว่าจะถามเอาความเห็นจริงๆ  และเมสก็ไม่เข้าใจดวงตาเป็นประกายของนางเลยหากเขาก็พยักหน้าตอบรับออกไปอย่างที่คิดว่านางคงต้องการอย่างนั้นอยู่แล้ว

     

        “กรุณากลับลานูฟเถอะนะคะ...”

     

        “เอ๊ะ.....”

     

               เสียงอุทานของเมสมีทั้งความตกใจและแปลกใจ  หัวคิ้วของเขาขมวดมุ่นนั่นเพราะถูกไล่ให้กลับ แม้จะมีมารยาทมากแค่ไหนแต่นั่นก็เป็นคำไล่อยู่ดี ซึ่งจะบอกว่ามันน่าฟังรื่นหูคงเป็นไปไม่ได้แน่ๆ หมาป่าหนุ่มทำท่าจะโต้แย้งหากเขายังไม่ได้พูดอะไรหมาป่าสาวแสนงามก็เอ่ยออกมาอีก

     

         “ข้ารักท่านกอร์ณค่ะ   รักมานานตั้งแต่เล็กๆ  และข้าเชื่อว่าตัวข้าเองเหมาะสมกับท่านกอร์ณมากกว่าท่านด้วย...ดังนั้น  กรุณาหลีกทางให้ข้าจะได้ไหมคะ ?...”

     

        เมสถึงกับอึ้งไปชั่วขณะด้วยความรู้สึกเหมือนถูกตีด้วยค้อนเข้าที่แสกหน้าจังๆ  ผู้หญิงคนนี้พูดได้ตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมเลยสักนิดเดียว  และเมสก็ไม่ปฏิเสธว่ามันตรงกับสิ่งที่เขาต้องการ แต่สิ่งที่ทำให้ลานูฟหนุ่มไม่ผลีผลามตกปากรับคำออกไปเพราะความรู้สึกเหมือนถูกถูกตบหน้าเข้าอย่างจังเนี่ยล่ะ

       อารมณ์กรุ่นเล็กๆจึงปะทุขึ้นมาในอารมณ์ เมสทำคอแข็งและมีสีหน้าเย็นชาลงทันทีเช่นเดียวกับสายตาที่มองชาช่า ความรู้สึกเอ็นดูในตอนแรกละลายลงไปในทันที

     

       “ข้าดีใจที่ชาช่าพูดตรงไปตรงมา  แต่ข้าก็อดคิดไม่ได้ว่าควรหรือที่เจ้าจะมาเอ่ยปากกับข้าตรงๆเช่นนี้  ใช่  ถูกอย่างที่เจ้าพูด ข้าคงไม่เหมาะสมกับท่านกอร์ณคนดีของเจ้าและข้าก็เข้าใจว่ารักคงล้นอกเจ้านักหนา  แต่สงวนท่าทีเอาไว้บ้างจะทำให้เจ้าดูงามกว่านี้รึเปล่า ?”

     

        นางหมาป่าสาวต่างเผ่าทำหน้าเหมือนสะอึกเมื่อถูกหมาป่าหนุ่มหน้าสวยตอกเอาซึ่งหน้าอย่างนั้น  ชาช่าเม้มปากแน่นไม่พอใจที่ทุกอย่างดูจะไม่เป็นดังหวัง...

              ใช่ซิ..นางเฝ้าเก็บงำความรู้สึกและความไม่พอใจจนเป็นริษยาไว้มากแค่ไหนไม่มีใครเคยรู้ อกนางแทบจะระเบิดอยู่แล้วเมื่อได้เห็นท่านกอร์ณที่ปกติแล้วจะเย็นชาจนถึงขั้นไม่แยแสผู้คน กลับกลายเป็นอีกคนต่อหน้าหนุ่มต่างเผ่าผู้นี้

           เธอหลงรักเขา   ปารถนาในตัวเขายิ่งกว่าผู้ใด  แม้ท่านกอร์ณจะให้ความเอ็นดูนั่นก็เพียงในฐานะน้องสาวเท่านั้น หากชาช่าก็เชื่อว่าเสน่ห์ที่มีคงมากพอที่จะมัดใจเขาไว้ได้เช่นเดียวกับความดุดันของเขาที่มัดใจเธอไว้แนบแน่น

        ทว่าเธอได้รู้แล้วในวันนี้ในยามที่เห็นเมส  ลานูฟ  ความมั่นใจทั้งหมดที่มีถูกสั่นคลอนจนโคลงเคลงไปหมด  ความงามของเมสนั้นไม่ใช่สิ่งที่น่าไว้วางใจ  และที่ร้ายกว่าอะไรคือท่าทีของท่านกอร์ณที่แสดงออกอย่างเปิดเผยว่าสนใจในตัวของผู้เป็นคู่หมั้นอย่างเปิดเผย....ไม่  เธอยอมรับไม่ได้..มันจะจบแบบนี้ไม่ได้ !!

     

        “ค่ะ..ข้าเป็นคนตรงไปตรงมาอย่างนี้แหละค่ะ  อาจจะมีอะไรที่ดูไม่เหมาะสมในสายตาท่านเมสไปบ้างก็ต้องขออภัย   แต่ข้าก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองพูดอะไรผิดเลยซะทีเดียว  เรื่องที่ว่าข้าเหมาะสมกว่าท่านนั่นข้าพูดจริงนะคะ    เพราะอย่างน้อย....”

     

               สาวหมาป่ากดรอยยิ้มหยัน  กวาดดวงตาคู่เข้มมองเมสตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ไล่ขึ้นและลง  ถ้าตาไม่ได้ผาดไปเมสก็คล้ายจะเห็นประกายเหยียดหยามในดวงตาคู่นั้นอย่างชัดเจน

     

         “ข้าก็ไม่ได้แปดเปื้อนมลทินใดๆอย่างท่าน”

     

                สิ้นคำแล้วเมสรู้สึกเหมือนมีเข็มนับพันเล่มพุ่งเข้าปักที่หัวใจ  เขาได้แต่ยืนนิ่งอึ้งไปอย่างนั้น  เมสรู้ดีว่าข่าวของเขานั้นเล่าลือไปไกลทั่วทั้งในและนอกเผ่า หากก็ไม่เคยคิดว่าจะมีใครกล้ายกมันมาเสียดสีเขาซึ่งหน้าเช่นนี้  ในขณะที่เมสตะลึงจนลืมคำพูดไปชั่วขณะ

            ชาช่าก็รู้ว่าตนเองได้เปรียบเธอขยับเตรียมจะพูดคำต่อไป แต่แล้วใบหน้าระรื่นของหมาป่าสาวก็กลับกลายเป็นซีดเผือดเหมือนที่เมสกำลังเป็น  แต่สาเหตุนั้นไม่ได้เกิดมาจากลานูฟหนุ่มหากเป็นเพราะประกายตาเหี้ยมดุของชายหนุ่มที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังเมสนั่นต่างหาก !

     

       “ข้าไม่คิดว่าจะมีใครที่ตัดสินเรื่องความเหมาะสมได้ดีกว่าตัวข้าหรอกนะ ...ชาช่า....”

     

          เมสสะดุ้งๆ เสียงดุๆเรียกเขาให้ได้สติคืนมา หมาป่าหนุ่มรีบเหลียวไปทางต้นเสียงทางประตูห้องก็เห็นร่างของกอร์ณยืนอยู่ตรงนั้นกำลังส่งสายตาทรงอำนาจที่แทบจะทำให้ชาช่ายอบลงไปกองกับพื้นด้วยความกดดัน

     

      “ท่านกอร์ณ...”

     

            เสียงสั่นๆของหญิงสาวร้องเรียกแล้วก้าวถอยหนีชายหนุ่มที่ขยับเข้ามายืนตระห่านอยู่ปลายเตียงที่เมสนั่งอยู่เวลานี้ ไม่ต้องเห็นแววตาของเขาชาช่าก็พอจะรู้ได้ว่าท่านกอร์ณกำลังมองมาที่เธอด้วยแววตาน่ากลัวชนิดไหน  กลิ่นอายของเขาบอกมันอย่างชัดเจน...

     

          “ว่าไง   ชาช่า   เจ้ามีความเห็นยังไงอีก  ไหนบอกข้าทีซิ....”

     

           “ไม่มี   ไม่มีค่ะ !

     

               เสียงเล็กๆร้องปฏิเสธปากคอสั่นอย่างน่าสงสาร

     

          “...หรือว่าเจ้าคิดว่าข้าตาต่ำจนมองไม่ออกว่าใครเหมาะสมไม่เหมาะสม ?..”

     

     

                 ใครจะไปกล้าคิดกัน !!   ชาช่าแทบจะตะโกนก้องออกมา

     

                “เปล่าค่ะ  ข้าเปล่า !

     

         เธอให้คำตอบแล้วส่ายหัวเป็นการใหญ่ ท่าทางนั้นบอกว่าเธอกลัวชายหนุ่มที่กำลังยิงคำถามใส่เธอไม่หยุดมากแค่ไหน  จนเมสที่เห็นใบหน้างามกำลังเลือนสีลงไปเรื่อยๆอดนึกสงสารขึ้นมาไม่ได้

     

        “ถ้าอย่างนั้นก็ดี  หากคราวหน้าเจ้ามีปัญหาในเรื่องนี้อีกก็ให้มาพูดกับข้าตรงๆ ไม่ต้องไปรบกวนคนอื่น  เข้าใจรึเปล่า ?”

     

        “ค่ะๆ  ข้าเข้าใจแล้วค่ะ  ท่านกอร์ณ  ข้า...”

     

                  ชาช่าเอ่ยรับคำแทบไม่เป็นประโยค   และก่อนที่เธอจะเอ่ยคำขอโทษ กอร์ณก็ตัดบทเสียงเข้ม

     

         “กลับไปได้แล้ว....”

     

                   นางหมาป่าสาวก้มหน้าไม่กล้าเงยขึ้น สายตาของท่านกอร์ณที่เห็นเพียงแวบเมื่อครู่เกือบทำให้เธอแข็งเป็นหิน  เธอยอมรับว่าชายหนุ่มมีดวงตาน่ามองหากคงไม่ใช่กับยามที่เขาใช้มองเธออย่างร้ายกาจแบบนี้

     

        “อ้อ...ชาช่า...”

     

             ปลายเท้าที่กำลังก้าวเร็วเพื่ออกจากห้องชะงักลงใบหน้างดงามหันกลับมาอีกครั้งเพราะเสียงเรียก

     

            “ในบรรดาหญิงสาวของการ์เซียทั้งหมดข้ารู้สึกเอ็นดูเจ้ากว่าใคร....จงถนอมฐานะของเจ้าให้ดี  อย่าให้ความรู้สึกอื่นก้าวเข้ามาแทนที่ได้  เพราะคนอย่างข้า..หากรักก็รักจริง    หากชังก็ชังแน่จะไม่หวนมารักอีก....”

     

     

                     ชาช่าแทบน้ำตาร่วงกับคำนั้น เธอรู้ว่าท่านกอร์ณไม่เคยรักษาน้ำใจใคร หากเขาก็มอบความวางใจให้เธอมากที่สุด  แต่เมื่อได้ฟังคำนี้แล้วก็เหมือนความหวังทั้งหมดที่เธอมีต่อเขาถูกดับลงแล้วโดยสิ้นเชิง  หญิงสาวหมุนกายกลับและวิ่งออกไปทั้งๆน้ำตาที่นองอาบใบหน้า..เธอรู้แล้วว่าเธอไม่ควรรักเขาอีกต่อไป...

     

         ยังคงเหลือแต่เมสที่มองผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา  กอร์ณเองก็เลื่อนสายากลับมามองเมสเงียบๆเช่นกัน  ครู่หนึ่งเขาจึงเดินเข้าไปทรุดกายนั่งบนเตียงใกล้ๆร่างที่ไม่ไหวติงเคลื่อนใบหน้าเข้าไปหาสบดวงตาใสแจ๋วสีดำสนิทในระยะใกล้  คำพูดมาพร้อมรอยยิ้มที่เมสคิดว่ามันไม่ควรอยู่กับชายคนนี้เลย  เพราะถึงมันจะเป็นรอยยิ้มมันก็ดูเยาะหยันน่ารังเกียจเป็นที่สุด !

     

         “จะไม่บอกขอบคุณข้าซักคำหรือ เมส ?”

     

        ไม่ต้องให้บอกเมสก็คิดจะขอบคุณอยู่แล้วและกำลังชั่งใจว่าจะใช้คำพูดแบบไหนดีเมื่อได้ฟังลานูฟหนุ่มก็เกิดอาการคอแข็งขึ้นมาทันทีมองเจ้าคนกวนประสาทด้วยสายตาไม่พอใจต่อคำทวงบุญคุณนั่นนัก

     

        “ข้าไม่ได้ขอให้ช่วย !

     

          “ฮืม....อันที่จริงเจ้าก็พูดถูก.....ข้าแส่เองแหละ”

     

        ประโยคยอมรับทำเอาเมสต้องมองหน้าคมคายแบบชัดๆอีกครั้งและอดคิดไม่ได้ว่าที่พูดแบบนี้ออกมาเจ้าการ์เซียตัวนี้ต้องการให้เขามีความรู้สึกผิดใช่ไหม  เมินเสียเถอะ !

     

        “เข้ามาทำไมไม่ทราบ.....”

     

              แต่กระนั้นเสียงที่ถามออกไปก็ยังฟังกำกวมอยู่ระหว่างบึ้งตึงกับใส่ใจ นั่นก็เพราะถึงจะบอกว่าเมินเมสก็ยังอดที่จะมีความรู้สึกผิดนิดๆไม่ได้  ช่วยไม่ได้เผ่าลานูฟถูกสั่งสอนมาเป็นอย่างดีเรื่องการตอบแทนผู้มีพระคุณนี่นา

     

       “...ก็แค่อยากจะมาบอกราตรีสวัสดิ์....”

     

                 ตากลมโตของเมสเบิกกว้างอย่างคาดไม่ถึง  แต่เมื่อรู้สึกตัวเขาก็รีบกลบเกลื่อนท่าทีด้วยการตีหน้ายักษ์เช่นเดิม

     

        “เมส...”

     

              แม้จะยังทำหน้าดุและทำท่าไม่ใยดีหากแปลกที่เมสกลับรู้สึกว่าหัวใจเขามีปฏิกิริยาตอบรับต่อเสียงเรียกชื่อนั้น จนหมาป่าหนุ่มต้องดุตัวเองแทบไม่ทัน  มันก็แค่ความรู้สึกประทับใจนิดๆที่เมื่อกี้ผู้ชายคนนี้ออกหน้าปกป้องเขาเท่านั้นเอง  ไม่ได้มีอะไรเกินกว่านั้น...

     

        “อะไร.....”

     

            เสียงที่แสร้งฝืนเย็นชาฟังทั้งปร่าและแปร่งหูจนกอร์ณต้องกดยิ้มมุมปากด้วยความรู้สึกพอใจ..

     

        “พรุ่งนี้....ไปเที่ยวกับข้าไหม..”

     

        “ไปเที่ยว...กับเจ้า...”

     

                   ความระแวงปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยซึ้งทันที ถึงจะเริ่มรู้สึกประทับใจเมสก็ยังไม่ได้ลืมไปหรอกนะว่าเมื่อเย็นที่ผ่านมาเขาถูกหยามไปถึงไหนต่อไหน ไอ้เรื่องที่จะทำเป็นปกติและไม่ใส่ใจกับมันย่อมต้องเป็นไปไม่ได้แน่ๆ

     

       “ข้าก็บอกเจ้าไปแล้วนี่ว่าขอโอกาส..ให้ข้าได้ทำความสนิทสนมกับเจ้านะเมส..แล้วเจ้าก็....”

     

       “ข้ารู้ !  ข้ารับปากเจ้าแล้ว !

     

             เมสตะโกนสวนกก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดเรื่องที่ทำให้เขาโมโหขึ้นมาอีก นั่นทำให้กอร์ณหลุดหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ  เมสทำสายตาดุใส่ในทันทีแต่กอร์ณไม่ได้สนใจเขาพูดต่อทันที

     

        “ที่ภูเขาหลังหมู่บ้านมีที่สวยๆข้าอยากให้เจ้าได้เห็นที่นั่น.......มันสวยงามมาก....ไปกับข้านะเมส..”

     

               น่าแปลกดีนะ  เจ้าการ์เซียนี่ใช้คำพูดปกติๆทั่วๆไปก็ได้ด้วย  นึกว่าใช้คำพูดคุกคามข่มขู่เป็นอย่างเดียวซะอีก  และสิ่งที่เมสรู้สึกจากท่าทางและคำพูดแบบนี้ของกอร์ณก็คือมันทำให้เจ้าหมอนี่ดูอ่อนโยนลงตั้งมาก..

       และมากพอที่จะทำให้เมสอ่อนลงเช่นกัน....

     

        “ข้ามีสิทธิ์ปฏิเสธด้วยหรือ ?..”

     

        “นั่นซินะ...”

     

                คำพูดเห็นด้วยทำให้เมสตวัดตาขวับ  ขอถอนคำพูดเจ้าหมอนี่มันกวนประสาทขึ้นอีกต่างหากเล่า !!

     

        “เมส...”

     

            อย่ามาเรียกชื่อข้าเหมือนสนิทสนมกันซะนักหนาแบบนั้นนะ !  หมาป่าหนุ่มขนเทาตวาดก้องในอกก่อนกหันไปตามเสียงเรียกเพื่อจะสบกับนัยน์ตาที่ทำให้อึ้งจังจัง   ดวงตาเรียวเข้มคู่ดุที่บัดนี้มองตรงมาที่เมสนิ่ง ไม่มีความเจ้าเล่ห์  ไม่มีความคุกคามหรืออะไรอื่นก็ตามที่เมสรู้สึกรังเกียจ หากแต่เป็นสิ่งที่ทำให้ลานูฟหนุ่มรู้สึกไม่อยากจะมองขึ้นมาเสียดื้อๆ

     

        “ฝันดี......คนงามของข้า”

     

           มือแข็งแรงทั้งสองเอื้อมเข้ามากุมใบหน้าเรียวงามเอาไว้ในอุ้งมือ  ริมฝีปากหยักลึกกดทาบลงบนหน้าผากมนแผ่วเบาจนเมสที่ยังไม่ทันตั้งตัวถึงกับนั่งตัวแข็ง  กอร์ณยังคงกดริมฝีปากลงบนเส้นผมหยักศกสลวยอีกสองครั้งหนักๆโดยที่เมสก็ยังคงไม่ได้ต่อต้านใดๆนอกจากเลื่อนตากลมๆของตัวเองขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจเลยสักนิด

     

          “ข้าก็บอกแล้วนี่ว่ามาราตรีสวัสดิ์..ทำไมต้องทำท่างงถึงขนาดนั้น....”

     

                  น่าแปลกที่เมสหาคำพูดของตัวเองไม่เจอเมื่อชายตรงหน้าเอียงคอถามในกิริยาขบขัน

     

         “..พรุ่งนี้ข้าจะมารับแต่เช้า..เข้านอนได้แล้วนะ..”

     

            เมสยกมือขึ้นแตะตรงรอยจูบเมื่อชายหนุ่มจากไปแล้ว   น่าแปลกเหลือเกิน  ทั้งๆที่มันเป็นการฉวยโอกาส   หากว่าการกระทำนี้กลับเข้าไปกระเทือนหัวใจเขา  มากกว่าจูบร้อนเร่าแต่ฝืนใจนั่นอีก  บ้าแล้วซินะเมส...เพราะแค่เจ้านั่นทำดีด้วยแค่ครั้งเดียวเจ้าก็เป็นถึงขนาดนี้เลยหรือ...เจ้าไม่ควรวางใจใครง่ายๆแบบนี้...โดยเฉพาะกับคนอันตรายอย่างกอร์ณ  การ์เซีย

        แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อล้มตัวลงนอนริมฝีปากอิ่มก็เผลอแย้มรอยยิ้มออกมา..

     

              เมส..เจ้าเป็นบ้าใช่ไหมนี่ ?

     

     

     





       

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×