ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic one piece:Under the pain of love

    ลำดับตอนที่ #3 : Under the pain of love 2

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ค. 57


    Under the pain of love2 

     

    ฆ่าชั้นซิ

    ฆ่าให้ตาย

    เพราะถ้าไม่ตาย

    คนที่ตายคือแก!!

     

      โรงแรม xxx : สถานที่จัดประชุมกลุ่มสมาคมการค้าทางทะเล

     

              ภายในห้องประชุมใหญ่โรงแรมระดับเจ็ดดาวซึ่งเวลานี้กลายเป็นสถานที่จัดประชุมชั่วคราวของกลุ่มสมาคมการค้าทางทะเล สมาชิกทั้งหน้าเก่าและสมาชิกหมาดๆแต่ไม่ใช่ครบทุกคนนั่งหน้าสลอนล้อมรอบโต๊ะประชุมตัวยาวในอิริยาบถต่างๆกันไป นอกจากอดีตพลโทหญิงแห่งกองทัพเรือซึ่งนั่งเป็นประธานอยู่หัวโต๊ะแล้วทุกคนต่างก็นั่งเรียบร้อยสมเป็นผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทห้างร้านต่างๆจะเว้นก็แค่รายเดียวคือสมาชิกผู้เป็นดั่งเฟรชชี่ของสมาคมและกำลังก่อความหงุดหงิดให้สมาชิกรายอื่นๆถ้วนหน้า เพราะเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่และยาวคนนี้นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกจะกวนประสาทแล้วนิสัยก็ไม่ได้ย่อหย่อนไปกว่าภายนอก เพราะขนาดเข้าประชุมต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่ที่บางคนห่างจากตัวเองหลายรอบ ดองกีโฮเต้ โดฟลามิงโก้ก็ยังกล้ายกสองเท้าที่สวมรองเท้าหุ้มส้นของตนขึ้นมาพาดบนโต๊ะประชุมอย่างไม่เกรงสายตาใคร

     

     “ดูเหมือนสมาชิกใหม่ของเราจะขาดด้อยการอบรมไปหน่อยนะ...”

     

      เสียงเปรยนิ่งๆลอยมาจากจูลาคีล มิฮอว์คชายหนุ่มผมดำหน้าเฉยชาและมีดวงตาสีทองเป็นเอกลักษณ์ส่วนตัว สมาชิกดั้งเดิมและเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมกับอดีตพลโทหญิง นอกจากนี้มิฮอว์คยังมีตำแหน่งระดับสูงในสภากฎหมายว่าด้วยพันธสัญญาการเดินเรือและการรักษาอธิปไตยในเขตน่านน้ำระหว่างประเทศและน่านน้ำสากลและที่นี่ตอนนี้เขาก็เป็นคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเท้าสองคู่ยักษ์นั่นด้วย

         ดวงตาสีทองดุจพญาเหยี่ยวของสมาชิกระดับสูงของสภากฎหมายทางทะเลวัย21ปีกับตำแหน่งระดับนี้ถือว่าเก่งฉกาจ ชายหนุ่มมองดูคนที่อายุน้อยที่สุดในประชุมแววตาไม่ได้แสดงถึงการตำหนิแต่มันก็แฝงเร้นด้วยความไม่พอใจอยู่บ้าง  ในฐานะผู้บังคับใช้กฎหมาย มิฮอว์คไม่ใคร่ชอบเข้าไปข้องแวะกับใครเป็นการส่วนตัว เขาวางตัวต่อทุกบุคคลเท่าเทียมกันเสมอ ไม่มากเกินจำเป็นมีระยะให้เพียงผิวเผินเท่านั้น และด้วยนิสัยส่วนตัวที่รักสงบและสันโดษทำให้น้อยครั้งที่ชายหนุ่มจะลุกขึ้นมาโวยวายประท้วงไม่ชอบใจอะไรเว้นเสียแต่ว่าสิ่งนั้นมันก้าวเกินขอบเขตความพอดีในสายตาเขา

            หากเด็กผู้ขาดไร้การอบรมก็ยังทำหูทวนลม เอานิ้วก้อยแยงแคะขี้หูโชว์อีกต่างหาก ไม่แปลกที่มันจะเป็นสาเหตุให้สมาชิกรายอื่นๆชักเริ่มระงับความไม่พอใจไว้ไม่ได้ โดยเฉพาะคนที่แสดงความไม่พอใจในตัวนายน้อยจากสกุลมีชื่ออย่างชัดเจนก็คือผู้บริหารหนุ่มจากเก็กโค คอเปอเรชั่น เก็กโค โมเลีย ผู้มีรูปร่างค่อนข้างอวบอ้วนและหน้าตาที่แปลกประหลาดคือลักษณะเด่นรวมถึงคำพูดที่ยั้งคิดไม่ค่อยเป็นสักเท่าไหร่

     

    “ชั้นเห็นด้วยกับมิฮอว์ค ทำไมเราต้องรับเอาเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างนี้มาเข้ากลุ่มด้วยวะ เมื่อวานมันก็เพิ่งจะไปหาเรื่องคร็อคโคไดร์ในงานเลี้ยงมา ทั้งๆที่กว่าชั้นจะเทียบเชิญเจ้าคนหยิ่งถือยศถือศักดิ์นั่นมาได้รู้ไหมว่ามันลำบากแค่ไหน ดูๆไปแล้วนี่มันไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอด้วยซ้ำ ขืนร่วมงานกับเด็กแบบนี้มีหวังพากันล่มจม”

     

     “ไม่มีใครขอให้แกพูดซักหน่อย หุบปากไปเลยดีกว่าไอ้กระจอก อย่าเอาชั้นไปเทียบกับพวกมืออ่อนอย่างแกเลยดีกว่า ใครอยากจะฟังพวกชั้นต่ำมันเห่าหอนวะ เดี๋ยวก็เชือดซะหรอกไอ้อ้วน”

     

     ประโยคที่คนพูดยิ้มๆช่างขัดกับเนื้อหาซึ่งทำให้ผู้บิหารหนุ่มร่างท้วมเนื้อเต้นขึ้นได้ทันใด

     

    “ไอ้เด็กเวร!!

     

      ผู้ใหญ่คนถูกปรามาสแถมด่าเสียผู้เสียคนตบท้ายด้วยการขู่สำทับตะคอกสวนขึ้น ตบโต๊ะดังปังแต่ปฏิกิริยาแค่นั้นมันแสนจะจิ๊บจ๊อยห่างจากเด็กเวรหลายขุม ร่างสูงใหญ่กระโดดจากเก้าอี้ขึ้นไปบนโต๊ะประชุมอย่างคล่องแคล่ว พุ่งเข้าหาคู่กรณีเตรียมจะตะลุมบอนกันเต็มที่ตามประสาวัยรุ่นใจร้อน ปกติแล้วนายน้อยเลือดร้อนมักเลือกใช้งานลูกสมุนมากกว่าจะยอมขยับเขยื้อนลงมือให้เลือดเปื้อนมือตัวเอง เพียงแต่หนนี้เป็นการประชุมผู้บริหารที่ไม่อนุญาตให้พาคนนอกเข้ามาแม้กระทั่งคนสนิทก็ไม่มีข้อยกเว้น โดฟลามิงโก้จึงยอมขยับตัว แต่หากก่อนที่มันจะเกิดเหตุการณ์โกลาหลมากไปกว่านั้น ผู้อาวุโสที่มีอำนาจสูงสุดในที่นี้และถูกข้ามหัวไปชั่วขณะก็รีบขัดตาทัพเอาไว้

     

    “โดฟลามิงโก้ หยุดนะ ฉันไม่อนุญาตให้ก่อเรื่องในที่ประชุมต่อหน้าฉัน”

     

    “ก็แล้วถ้าชั้นไม่หยุดล่ะ..อย่าลำเอียงนักซิยาย เห็นชัดๆว่าชั้นถูกหาเรื่องก่อน”

     

     ว่าที่วายร้ายตัวพ่อหันไปท้าทายคนเก่าคนแห่งของกองทัพเรือ อดีตพลเรือโทหญิงจ้องหน้ายียวนกวนประสาทของเด็กหนุ่ม แววตาผู้อาวุโสไร้แววความโกรธเกรี้ยวสมกับที่ผ่านโลกมายาวนานจึงนิ่งและควบคุมตัวเองได้ดี ซึรุขยับท่านั่งเอนมาเบื้องหน้าขณะที่เอ่ยกับเด็กหนุ่มช้าๆไม่มีแววขึ้งดุแต่เปี่ยมด้วยความหนักแน่น

     

    “งั้นเราก็ต้องมาพิจารณากันใหม่เรื่องฐานะของเธอในสมาคมแห่งนี้..”

     

      สองมือเหี่ยวย่นยกขึ้นประสานกันและวางปลายคางเทินไว้บนนั้น ขณะที่ยังมองเด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าหลายรอบแต่บังอาจกล้ามาลบหลู่เธอด้วยแววตาอ่านยาก

     

    "ทุกคนในที่นี้มารวมตัวกันด้วยจุดประสงค์เดียวกัน เหตุผลเดียวกันแล้วมันก็เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้นสำหรับเธอในที่แห่งนี้ แต่ถ้าเธออยากจะสิ้นสภาพสมาชิกในสมาคมหลังจากได้มันมาเชยชมแค่ไม่กี่นาทีเพราะควบคุมตัวเองไม่ได้นั่นก็แล้วแต่เธอ ฉันไม่ขัดข้องอยู่แล้วถ้าจะต้องตัดใครออกไปเพื่อให้สมาคมอยู่ต่อและอย่าคิดว่าฉันไม่กล้าทำ...ไม่ว่าใครจะใหญ่มาจากไหน..ถ้าทำผิดมันก็ต้องว่ากันไปตามเนื้อผ้า"

     

       แม้น้ำเสียงที่เนิบนาบแช่มช้าก็ไม่ได้กลบเกลื่อนความเด็ดขาดของหญิงชราไปแม้แต่น้อย ดวงหน้าคลี่ยิ้มพรายอย่างคนใจเย็นเป็นคุณยายผู้แสนใจดีหากดวงตาที่ไม่ได้ฝ้าฟางไปกับกาลเวลากลับเเวววาวน่าขนลุกต่อคนมอง บ่งบอกว่านอกจากเส้นผมสีดอกเลาที่เพิ่มเข้ามาแล้วก็ยังพ่วงมาด้วยประสบการณ์อันโชกโชนที่ทำให้อดีตพลเรือโทหญิงผู้นี้รับมือได้ต่อทุกสถานการณ์

      นายน้อยแห่งบ้านดองกีโฮเต้สบถอะไรสักอย่างที่ค่อนข้างหยาบคายกับตัวเอง มองหญิงชราจอมเขี้ยวผ่านแว่นกันแดดแม้มองไม่เห็นแววตาแต่ก็พอรู้ว่าไม่พอใจหากเด็กหนุ่มก็ไม่ได้โต้ตอบออกไปตามวิสัยวายร้ายของตนเป็นการบอกได้ดีว่าแม้จะไม่ถึงกับเคารพนบนอบแต่ซึรุก็มีอำนาจต่อรองกับเด็กหนุ่มในระดับหนึ่ง

      อดีตพลเรือโทหญิงคลี่ยิ้มบางๆและเอ่ยอย่างผู้ใหญ่ที่เอ็นดูเด็ก

     

    "เด็กดี กลับไปนั่งที่ตัวเองซะนะ เราจะได้เริ่มประชุมกัน"

     

    ร่างสูงใหญ่เดินวางมาดนักเลงบนโต๊ะประชุมเดินกลับไปที่นั่งตัวเองอย่างว่าง่ายแต่ก็ยังคงยกบาททั้งคู่ขึ้นมาพาดเหมือนเดิมอยู่ดี โมเลียที่ยังเจ็บใจไม่หายอดปากค่อนแคะไม่ได้ด้วยความหมั่นไส้

     

    "โธ่เอ้ย ไอ้เด็กเปรต!!"

     

    "โมเลีย เธอก็ด้วยนะ ถ้าคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ก็ช่วยทำตัวให้เหมาะสมด้วย อย่าทำให้ชั้นคิดว่าเราอยู่ในห้องเรียนเด็กอนุบาลที่มีแต่เด็กสามขวบจ้องทะเลาะกันไม่ใช่สมาคมการค้าระดับโลก"

     

      ผู้บริหารหนุ่มแก่งเก็กโคคอเปอเรชั่นส่งเสียงในลำคออย่างขัดใจกับคำเตือนจากประธานในที่นี้ ชายหนุ่มกระแทกตัวนั่งบนเก้าอี้อย่างเสียมิได้และยังต้องขุ่นกับเสียงหัวเราะเยาะแบบไม่ปิดบังจากเด็กปีศาจที่ทำให้เขาพลอยโดนหางเลขโดนตำหนิในที่ประชุมไปด้วย ซึรุส่ายหน้าแต่ก็คร้านจะโต้เถียงและตัดบทกับทุกฝ่าย

     

    "เอาล่ะ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรแล้วเรามาเริ่มประชุมกันซะที"

     

    "เดี๋ยวก่อน แล้วคร็อคโคไดร์ล่ะ ตกลงเจ้านั่นไม่ยอมเข้าร่วมสมาชิกจริงๆน่ะหรือ"

     

     มิฮอว์คขัดขึ้นและเปรยถามถึงว่าที่สมาชิกใหม่อีกคนซึ่งไม่ได้อยู่ในที่นี้ อดีตผู้บัญชาการทหารระดับสูงของกองทัพเรือนิ่งกับคำถามของชายหนุ่มตาเหยี่ยว หญิงชราเหลือบมองเด็กหนุ่มตัวปัญหานิดหนึ่งและเห็นซึ่งรอยยิ้มอันไร้ความหมายบนใบหน้าคมสัน เธอตอบออกมาเรียบๆ

     

    "อย่างที่เรารู้ คร็อกโคไดร์ไม่พอใจกับเหตุการณ์เมื่อคืน แล้วเมื่อสักครู่ก่อนเข้าประชุมฉันได้รับรายงานมาว่ามีคนร้ายลอบวางเพลิงเรือสินค้าของเขาตอนนี้ยังจับมือใครดมไม่ได้ เขาเองก็คงยุ่งกับเรื่องนี้น่าจะไม่สะดวกนักที่จะมาร่วมประชุมกับเรา เอาไว้โอกาสหน้าฉันจะเทียบเชิญเขามาอีกครั้ง"

     

    "ไม่จำเป็น!"

     

      ที่นำหน้ามาก่อนคือเสียงทุ้มต่ำแต่แสนวางอำนาจ บานประตูห้องประชุมถูกกระแทกเปิดออกพร้อมกับที่ร่างสูงสง่างามก้าวผ่านประตูห้องเข้ามาอย่างองอาจ เบื้องหลังคือชายหนุ่มผู้ติดตามคนสนิทซึ่งโค้งศีรษะน้อยๆให้แก่ทุกคนในที่ประชุมและหยุดตัวเองไว้เพียงหน้าประตูก่อนจะงับมันลงเพราะนี่เป็นการประชุมภายในที่ระดับผู้บริหารเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วม

      ทุกสายตาหันไปรวมกันที่ชายหนุ่มผู้มาจากดินแดนทะเลทรายเป็นตาเดียวกัน คนที่ได้สติก่อนใครคือซึรุ อดีตพลเรือโทหญิงลุกขึ้นต้อนรับชายหนุ่ม ผู้กำลังตกเป็นหัวข้อสนทนาก่อนเขาจะปรากฏตัวขึ้นกะทันหัน

     

    "ยินดีต้อนรับเซอร์คร็อกโคไดร์ ยินดีอย่างยิ่งที่ได้เห็นเธอที่นี่"

     

    "ต้องขออภัยที่ล่าช้า พอดีเรามีปัญหานิดหน่อย"

     

      ท่านเซอร์หนุ่มคลี่ยิ้มสบายๆแสดงให้เห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั่นเป็นแค่เรื่อง "นิดหน่อย" อย่างที่พูดจริงๆ

     

    "ทราบข่าวแล้ว ฉันขอแสดงความเสียใจด้วยเรื่องเรือของเธอ ถ้าหากมีอะไรที่พอจะช่วยได้ขอให้บอกฉันพร้อมจะช่วยเหลือเต็มที่"

     

         อดีตพลโทหญิงให้คำมั่นอย่างผู้มีน้ำใจโอบอ้อมอารี เธอมองสำรวจชายหนุ่มตรงหน้าโดยละเอียด แม้จะดูเย่อหยิ่งผึ่งผายดังที่เห็นในงานเลี้ยงแต่เธอก็มองเห็นถึงความอิดโรยอ่อนเพลียของคู่สนทนาอีกทั้งความผิดปกติบนใบหน้าที่เคยไร้ริ้วร่องรอยใดๆ ตอนนี้มันกลับปรากฏรอยช้ำเขียวจางๆอยู่บนแก้มและมุมปากข้างหนึ่ง บนริมฝีปากสีอ่อนก็มีรอยแผลที่เห็นได้ชัดเจนโดยไม่จำเป็นต้องเพ่งมอง กระนั้นในเมื่อเจ้าตัวแสดงออกว่าไม่มีปัญหาใดๆเธอก็ควรแสดงน้ำใจด้วยการทำเป็นมองไม่เห็นมัน หากความหวังดีของหญิงชราก็ถูกทำลายลงจนย่อยยับด้วยฝีมือวายร้ายวัยละอ่อนที่ไม่รู้ลุกมาจากโต๊ะตั้งแต่ตอนไหน รู้เพียงว่าตอนนี้เจ้าเด็กตัวปัญหานั่นมายืนลอยหน้าลอยตาอยู่ตรงหน้าผู้ใหญ่ทั้งคู่แล้ว

     

    "เกิดอะไรขึ้นกับหน้าของแกวะคร็อคโคไดร์?"

     

                 และยังยิงคำถามไม่มีเกรงใจคนฟังหรือหัวหงอกหัวดำตรงนี้ ปากอวดยิ้มโชว์ฟันขาวหมายกระตุ้นต่อมโมโหคนมอง ซึ่งก็ได้ผลจริงๆเมื่อคนถูกถามตวัดตามามองเด็กหนุ่มเต็มตาไม่มีการหลีกหนีการปะทะทางสายตาใดๆ ทำเอาโดฟลามิงโก้นึกทึ่งไม่น้อยที่แม้จะเพิ่งเกิดเรื่องแต่จระเข้ทะเลทรายมาดเฉียบก็ไม่ได้แสดงออกซึ่งความหวั่นไหวใดๆทั้งที่เป็นต่อหน้าคู่กรณีอย่างเขา เหมือนไม่เคยมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นกับมัน ไม่เหลือคราบอ่อนล้าจากการถูกเขากัดกินซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาแม้แต่น้อย มันแน่... เด็กหนุ่มยอมรับในใจ

      มุมปากได้รูปยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเชือดเฉือน

     

    "เนี่ยน่ะเรอะ...ก็แค่แมลงสาปมันข่วนเอา"

     

               แมลงสาปตัวโตแถมยังสีชมพูอีกต่างหากฉีกยิ้มกว้างขึ้นอีก ความโกรธนั้นไม่ต้องพูดถึง รู้สึกได้ว่าเจ้าคนหยิ่งตรงหน้าไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับการกระทำของตนเลย แววตาสีดำสนิทคู่นั้นนิ่งและแข็งกร้าวกว่าเดิม

     

    "เหรอ...แล้วแกจะทำยังไงกับมันล่ะไอ้แมลงสาปนั่น เขาว่ามันเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่อึดแล้วก็ตายยากโคตรๆนะเว้ย"

     

      สองมือที่สวมถุงมือสีดำซุกล้วงในกระเป๋ากางเกง ยืดอกขึ้นและแสยะยิ้มใส่หน้าคนถาม

     

    "ตอนแรกก็ว่าจะเหยียบให้แบนติดรองเท้า แต่เปลี่ยนใจว่ะ เดี๋ยวเผื่อมันเปื้อนขึ้นมามันจะเป็นเสนียดรองเท้าซะ

     

    "ไอ้.."

     

    ขึ้นได้แค่ไอ้ผู้มีอำนาจสูงสุดในที่ประชุมก็พุ่งเข้ามาแยกมวยคู่เอกออกจากกันก่อนที่มันจะบานปลายเป็นการทำร้ายร่างกายรอบสองแบบในงานเลี้ยงรับรอง เธอก็พอจะมองออกถึงความนัยที่ซ่อนอยู่ในบทสนทนาระหว่างทั้งคู่ และออกจะแน่ใจเป็นอย่างยิ่งเลยว่าเรื่องเมื่อคืนเป็นฝีมือเด็กตัวโตคนนี้แน่

     

    "เอาละๆ ทักทายกันแต่พอหอมปากหอมคอนะหนุ่มๆ นี่ก็เลยเวลามามากแล้วเราควรเริ่มประชุมกันซะทีนะ คร็อคโคไดร์เธอนั่งข้างๆมิฮอว์คก็ได้"

     

     ชายตาเหยี่ยวที่ถูกเอ่ยชื่อหันมาและพยักหน้าน้อยๆเป็นการทักทายและแทนความยินดีที่จะร่วมโต๊ะนั่ง จระเข้มาดเฉียบทักทายตอบด้วยกิริยาเดียวกัน มองแค่ปราดเดียวก็รู้สึกได้ว่าชายหนุ่มตาคมคนนี้มีบางสิ่งคล้ายๆตน โดยเฉพาะความหยิ่งทระนงที่มี อีกทั้งท่าทางเฉยชานั้นก็บอกว่ามิฮอว์คจะไม่ถามคำถามที่ยุ่งยากกวนใจกับเขาแน่แม้จะสังเกตเห็นอะไรก็ตาม เพราะฉะนั้นการนั่งข้างชายคนนี้จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดและถูกต้องแล้ว

      

      เวลาผ่านไปครึ่งวันถึงเที่ยงที่ประชุมจึงได้มีข้อสรุปร่วมในทิศทางที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แผนงานฉบับร่างถูกทำขึ้นมาเข้าใจง่ายๆรวมถึงจุดมุ่งหมายของสมาคมที่มุ่งหวังให้การเดินเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเป็นไปโดยง่ายและสะดวกสบาย

      เมื่อทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันการประชุมก็เป็นอันยุติ คร็อคโคไดร์ลุกขึ้นก่อนเป็นคนแรก แม้ใบหน้าคมคายจะยังราบเรียบไร้อารมณ์แต่มันก็ซีดเซียวผิดปกติ เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นมาบนใบหน้าทั้งที่ทั้งห้องถูกปรับอุณหภูมิไว้เย็นสบาย

          ความจริงท่านเซอร์แห่งอลาบาสต้าเริ่มฟังไม่รู้เรื่องตั้งแต่กลางๆประชุมแล้ว ร่างกายยังบอบช้ำอักเสบและเป็นเหตุทำให้ไข้ขึ้น ปวดหัวตุบๆพอกันกับอาการตาลายและผะอืดผะอม กระนั้นเขาก็ยังนั่งประชุมต่อจนจบด้วยความอดทนจนที่สุดก็มาถึงขีดสุดของร่างกาย หากฝืนมากไปกว่านี้เขารู้ตัวดีว่าจะไม่อาจประคองสติไว้ได้อีก

     

    "คร็อคโคไดร์ ถ้าไม่รังเกียจคืนนี้ฉันอยากเชิญเธอมาพักที่บ้านของฉัน"

     

      และซึรุก็เป็นคนแรกที่รับรู้ความผิดปกติของชายหนุ่ม หญิงชราแตะตรงข้อศอกในลักษณะชวนพูดคุยแต่อีกนัยหนึ่งก็เพื่อให้ร่างภูมิฐานที่เวลานี้โงนเงนน้อยๆตั้งสติตัวเองไว้ได้และก้าวเดินต่อช้าๆ

     

    "ถือซะว่าเป็นการขอโทษจากฉันกับเหตุการณ์ในงานเลี้ยงเมื่อวานนี้ที่คนของเราทำเสียมารยาทต่อเธอ"

     

     และเพราะพอจะรู้นิสัยเอาเรื่องของเจ้าตัวอดีตพลโทหญิงจึงได้เอ่ยดักไปอย่างนั้น

     

    "น่าตกใจแฮะ อดีตพลเรือโทหญิงผู้ได้ชื่อว่ามันสมองของกองทัพเรือลงทุนมาเทียบเชิญชั้นด้วยตัวเองแบบนี้ ไม่ใช่ว่ายายมีนัยยะแอบแฝงไว้หรอกนะ"

     

     ถึงจะไม่สบายจนตาลายคร็อคโคไดร์ก็ยังเป็นคร็อคโคไดร์ที่ปากร้ายไม่สร่างซา เขาหันไปฝืนแค่นยิ้มใส่หญิงชราอย่างอวดดีนั่นทำให้ซึรุต้องคลี่ยิ้มจางๆกับท่านเซอร์นิสัยดื้อ

     

    "อย่าทำตัวขี้ระแวงอย่างนั้นซิ ฉันอยากขอโทษเธอจริงๆแล้วที่จริงชั้นก็เป็นห่วงสวัสดิภาพของเธอด้วย อาจจะไม่หรูหราเท่าโรงแรมที่เธอพักอยู่แต่ก็สะดวกสบายในระดับนึง ถ้าไม่เห็นแก่คำพูดชั้นก็เห็นแก่ความปลอดภัยของตัวเธอเองเถอะนะ"

     

    "หึหึ..เอาอย่างนั้นก็ได้ ถ้ายายจะคะยั้นคะยอกันขนาดนี้ชั้นจะรับน้ำใจเอาไว้ก็ได้"

     

    คำตอบก็ยังเย่อหยิ่งสมเป็นท่านเซอร์แห่งอลาบาสต้า แต่เขาก็พูดไปอย่างนั้นเพราะจากสภาพที่จะยืนยังเต็มกลืนนี้ยังไงก็คงปฏิเสธไม่ได้อยู่ดี

     

     

      

             โรงแรมของซึรุอยู่ห่างจากใจกลางตัวเมืองพอสมควรแต่ก็ใกล้กับเขตฐานทัพทหารเรือ ด้านข้างของตัวโรงแรมติดกับอ่าวรูปจันทร์เสี้ยวซึ่งเป็นคฤหาสน์ส่วนตัวของอดีตจอมพลโทหญิงผู้เลื่องชื่อ

       ห้องของคร็อคโคไดร์อยู่ทางปีกซ้ายของตัวคฤหาสน์ ด้านหลังห้องมีประตูที่เปิดต่อไปยังระเบียงที่มีบันไดเตี้ยๆทะลุลงไปถึงชายหาดได้ ซึรุเลือกห้องนี้ให้ชายหนุ่มเพราะอากาศถ่ายเทสะดวกเหมาะกับคนป่วย

     ร่างสูงสง่าประคองตัวเองมาจนถึงที่หมายและเหมือนกับร่างกายจะประท้วงว่าถึงขีดสุดความอดทนแล้ว ท่านเซอร์หนุ่มทรุดลงต่อหน้าต่อตาดัซที่ติดตามมาด้วยจนมือขวาหนุ่มแทบพุ่งเข้ามารับไม่ทัน

     

    "บอส!!"

     

      เพราะรูปร่างที่แทบไม่ต่างกันดัซจึงต้องใช้ความพยายามมากพอสวมควรกว่าจะประคองกึ่งลากเจ้านายไปที่เตียงได้ อาศัยการฝึกฝนร่างกายมาดีมันจึงทุลักทุเลอยู่ไม่น้อย

       มือขวาหน้านิ่งคลายเสื้อผ้าที่อึดอัดออกจากร่างสมส่วนจนเหลือเพียงเสื้อเชิ้ตและกางเกงผ้ามันสีดำใส่สบายนั่นก็กินเวลาไปไม่ใช่น้อยๆเพราะเจ้านายหนุ่มหมดสติไปแล้วจึงไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควร ก่อนจะต้องหยุดไว้แค่นั้นเพราะหญิงรับใช้ของซึรุเอาอ่างใส่น้ำอุ่นกับผ้าขนหนูมาให้แล้วพวกเจ้าหล่อนก็ยืนเมียงมองบอสราวกับลอบชมโฉมเจ้าชายก็ไม่ปาน บางทีดัซก็อดเหนื่อยใจกับเสน่ห์ของนายเหนือหัวไม่ได้

     

    "แฮ่ม...."

     

           เขากระแอมกระไอ เหล่าคนใช้สาวๆจึงรู้สึกตัว พวกเจ้าหล่อนยิ้มเก้อๆกับสายตาตำหนิจากชายหนุ่มก่อนจะรีบทยอยออกไปจากห้องทิ้งแขกกิตติมศักดิ์เอาไว้ตามลำพังอีกครั้ง

           ดัซกลับมาสนใจหน้าที่ของตน เขาถอดเสื้อผ้าที่เหลือออกจากกายเจ้านายที่ยังมีอยู่คือกางเกงซับในตัวเดียว แล้วสิ่งที่เขาเห็นนั้นก็คือสภาพร่างกายที่เต็มไปด้วยความบอบช้ำ แม้ที่บ้านพักสกปรกนั่นจะรู้เห็นมาบ้างแล้วแต่มันไม่ชัดเท่าเวลานี้ มันชัดเจนจนเขาต้องยืนระงับความรู้สึกโกรธอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะลงมือเช็ดตัวให้เจ้านายได้ กระนั้นมือข้างจับผ้าขนหนูก็สั่นระริกทุกครั้งที่มันผ่านไปตามร่องรอยต่างๆนานาและไอ้ที่ทำให้เดือดมากสุดก็คือรอยฟันแทบจะครบทุกซี่ที่มันประทับอยู่บนผิวหลายๆส่วนบนตัวบอส ไอ้เวรที่ทำนี่มันต้องวิปริตในระดับร้ายแรงทีเดียว

        ดัซกัดฟันกรอด ปล่อยให้ความคิดด้านลบครอบครองจิตใจ มันเป็นความผิดเขาเองที่ไม่รอบคอบ วิ่งไปตามแผนศัตรูจนเจ้านายต้องเป็นแบบนี้ ถ้าเพียงแต่เขาคาดการณ์สิ่งที่เป็นไปได้ รอบคอบมากกว่านี้มันคง ...

     

    “แกไม่ผิด...”

     

     เสียงคนป่วยที่น่าจะหลับไปแล้วดังขึ้นหยุดความคิดแย่ๆในหัวมือขวาผู้เงียบขรึม ดัซเงยหน้าขึ้นมองคนไม่สบายที่ควรจะหลับไปแล้วมองเขม็งมาที่เขาก่อนกำลังประคองตัวเองลุกขึ้นนั่ง

     

    “เลิกทำหน้าปวดท้องแล้วก็รีบๆทำหน้าที่ตัวเองซะ แกมาวุ่นวายอยู่แบบนี้ชั้นนอนไม่หลับ”

     

      เพียงคำพูดติดรำคาญพวกนั้นหากมันก็เหมือนจะทะลุลงมาในใจเขาและปัดเป่าความรู้สึกผิดออกไปจากใจ ดัซยิ้มมุมปาก แค่นั้นก็นับว่ามากพอสำหรับมือขวาผู้หารอยยิ้มได้ยากยิ่งคนนี้ สิ่งที่เขาควรรู้ก็คือไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรมากมายขนาดนั้น บอสของเขาแข็งแกร่งมาก กับแค่เรื่องพวกนี้ทำอะไรเจ้านายของเขาไม่ได้หรอก

     

     “ถ้าอย่างนั้นกรุณานั่งอีกสักพักนะครับ ผมจะทายาให้ พวกมันจะได้หายไปเร็วๆ แล้วก็..ผมจะไม่ให้มันมีครั้งหน้าอีก ผมสัญญา”

     

    “เออ!

     

      ร่างสูงยาวขยับขึ้นนั่งพิงขอบเตียง จุดซิการ์สูบในขณะที่ปล่อยให้มือขวาคนสนิททายาให้ บาดแผลบนร่างกายไม่นานมันก็คงจะหายไป แต่สิ่งที่คั่งค้างในใจเขาจะต้องได้ชำระในสักวัน!

     

     

       ควันสีขาวลอยขึ้นสู่เบื้องบนช้าๆและต่อเนื่องทั้งจากปลายซิการ์และจากริมฝีปากของคนที่อมควันหอมกรุ่นไว้ในปากและลำคอเพื่อเสพรสของมันก่อนจะปล่อยให้เป็นอิสระ มันทำให้เพลิดเพลินกับการซึมซับบรรยากาศชายหาดทะเลยามพลบค่ำได้มากยิ่งขึ้น คลื่นกระทบหาดอยู่เป็นจังหวะระยะเช่นเดียวกับเสียงใบมะพร้าวที่ดังอยู่ในความมืดที่เริ่มโรยตัวลงมา

      ทะเลที่นี่ต่างจากที่อลาบาสต้าเล็กน้อย ไม่สงบเท่าและเสียงคลื่นไม่ดังเท่าแต่มันก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้ไม่ต่างกัน ท่านเซอร์หนุ่มปล่อยใจไปกับเสียงคลื่นซัดฝั่งอย่างสบายอารมณ์หลังจากใช้เวลาทั้งครึ่งวันไปกับการนอนพักผ่อนจนร่างกายฟื้นตัวขึ้นมาบ้าง เมื่อตื่นมาก็ตรงกับเวลาอาหารค่ำพอดี เขาจึงลงมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวห้องอาหารตามคำเชิญของอดีตทหารเรือหญิงและฆ่าเวลารออาหารเสร็จด้วยการมานั่งสูบซิการ์ชมทะเลยามค่ำ

      แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะออกมาได้ง่ายๆเสียเมื่อไหร่ เจ้ามือขวาที่ปกติจะตั้งหน้าตั้งตาทำตามคำสั่งเขาอย่างเดียวมันกลับปฏิวัติขึ้นมา มาขึ้นเสียงใส่อะไรก็ไม่รู้ แถมยังกลายเป็นฝ่ายออกคำสั่งไปซะอีก นี่ที่ออกมาจากห้องได้ก็เพราะเจ้านั่นมันไปเคลียร์เรื่ิองเช็กเอ้าท์โรงแรมกับสัมภาระอื่นๆให้เขาถึงได้อิสระมานั่งชมทะเลอยู่นี่ไง

      คร็อคโคไดร์เอนกายลงกับเก้าอี้ไม้หลับตาลง ลมเย็นสบายทำเอาชักจะเริ่มง่วงจนอยากจะหลับอีกรอบหนึ่ง ระหว่างนั้นเขาไม่รู้ตัวเลยว่าร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งกำลังก้าวขึ้นบันไดระเบียงมาอย่างเงียบเชียบจากทางชายหาด คนคนนั้นระมัดระวังพอสมควรกับฝีเท้าของตนจนก้าวเข้ามาประชิดร่างบนเก้าอี้ชายหาดก็พอดีกับที่คนนอนรู้สึกตัว

     

    "แกกลับมาแล้วเหรอดัซ ซิการ์ที่ฝากซื้อได้ไหม ชั้นไม่ชอบของรสที่นี่เลยซิการ์ที่นี่ไม่อร่อยเท่าของอลาบาสต้า เออ ถ้าอย่างนั้นแกว่าเรานำเข้าซิการ์จากอลาบาสต้าด้วยอีกอย่างเป็นไง"

     

     ปากพูดแต่ตาไม่ยอมลืมเพราะมั่นใจว่าเป็นคนสนิทแน่ๆ กลิ่นน้ำหอมฉุนแปลกลอยมากับอากาศกำลังจะอ้าปากต่อว่าเพราะตนไม่ชอบกลิ่นแบบนี้เจ้าดัซมันน่าจะรู้ดีแต่ก็ยังจะใส่มาทำไมก็พลันมีเสียงพูดแทรกขึ้นใกล้หู

     

    "ทำไมแกชอบเข้าใจผิดว่าชั้นเป็นมือขวาหน้าปลาตายของแกเรื่อยเลยวะ"

     

     เปลือกตาสีอ่อนเปิดออกทันใด ใบหน้าที่ท่านเซอร์แห่งอลาบาสต้าจะไม่มีวันลืมลอยอยู่เบื้องหน้า สองมือกางออกวางกับที่พักแขนเก้าอี้ทั้งสองอย่างคุกคามคนนอน ใบหน้าคมสันประดับยิ้มแทบตลอดเวลา รอยยิ้มที่ราวจะเย้ยหยันโลกและใครก็ตามที่มองมัน

     

    "ไอ้นกสวะ!"

     

      ไม่ผิดตัวอย่างแน่นอน เป็นนายน้อยแห่งดองกีโฮเต้กรุ๊ปจริงๆที่มา เพราะไอ้ผู้ชายที่กล้าใส่เฟอร์สีชมพูร่อนไปร่อนมาในที่สาธารณะทั้งที่เป็นผู้ชายทั้งแท่ง(หรือบางทีอาจไม่เต็มแท่ง)คงมีอยู่แค่มันคนเดียว แววตาผ่อนคลายกลายเป็นเอาเรื่องฉับพลัน วันนี้มือเท้าเป็นอิสระให้ได้ใช้งาน ชายหนุ่มผู้หยิ่งทระนงวาดหมัดเข้าใส่เสี้ยวหน้าด้านข้างทำเอาเด็กตัวโตที่ไม่ทันตั้งตัวผงะหลบตามสัญชาติญาณ ร่างสูงบนเก้าอี้อาศัยจังหวะนั้นรีบพลิกกายจากเก้าอี้ซึ่งอยู่ในสมรภูมิที่เสียเปรียบไปยืนตั้งหลักอยู่อีกด้านของระเบียง ส่งสายตาชิงชังรังเกียจขณะที่กระชากเสียงถาม

     

    "แกมาได้ยังไง!!"

     

     คร็อคโคไดร์ยอมรับเรื่องที่ตนคิดว่าที่นี่คือสถานที่สุดท้ายที่จะได้เห็นใบหน้ากวนโมโหของมัน แต่ไอ้เด็กสันดานทรามก็ยังเสนอหน้ามาได้อีก

     

    "สำคัญด้วยเหรอวะ จะมาได้ยังไงก็ช่างชั้นก็มาแล้ว ว่าแต่แกล่ะเป็นไง...ได้ข่าวว่าถึงกับจับไข้เหรอ โถ...น่าสงสาร ตอนประชุมคงจะอดทนแย่เลยล่ะซิ"

     

     พูดขึ้นมาแค่นั้นก็พอจะรู้แล้ว จุดประสงค์ในการปรากฏตัวที่นี่ของมัน ก็แค่ตามมาเยาะเย้ยถากถาง..

     

    "หุบปาก!...ถ้าแกไม่อยากตายไสหัวไป!"

     

     คร็อคโคไดร์เตือนเด็กหนุ่มปากสวะเสียงต่ำ เวลานี้เขาไม่ได้ตกเป็นรองหรืออยู่ในสถานการณ์ไร้ทางสู้ และแน่นอนว่าพร้อมจะโต้กลับทุกเมื่อถ้าไอ้เด็กหัวเหลืองใส่แว่นทุเรศอย่างมันยังไม่เลิกจี้จุดปัญหาระหว่างเขากับมัน เพราะแค่เรื่องนั้นก็ทำให้อยากฆ่ามันซ้ำสักสิบรอบแล้วและเขาก็พร้อมจะทำอย่างไม่ลังเลด้วย

      แต่เตือนไปก็เท่านั้นในเมื่ออีกฝ่ายไม่กลัวมันก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ โดฟลามิงโก้ยังย่างเข้าหาท่านเซอร์หนุ่มช้าๆ ท่วงท่าราวกับราชสีห์ที่ไล่ต้อนเหยื่อ เพียงแต่เหยื่อตรงหน้าหยิ่งเกินกว่าจะขยับกายถอยหนีถึงได้ยืนจังก้าพ่นควันซิการ์โขมงใส่หน้าเด็กหนุ่มที่ก้าวมาประชิดตัว ในดวงตาเรียวรีประกาศความเป็นศัตรูเต็มพิกัดแม้ต้องแหงนหน้าขึ้นทำเช่นนั้นเพราะส่วนสูงที่ห่างกันหลายเซ็นฯ

     

     "อย่าตัดรอนกันขนาดนี้เลยน่า อย่างน้อยเราก็คนกันเองแท้ๆถึงจะแค่คืนเดียวก็เถอะ"

     

     หางตาคนฟังกระตุกวูบที่ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมหากพฤติกรรมกลับชั่วร้ายเกินมาตรฐานมนุษย์ยังคงเล็งไปที่จุดปัญหาตรงแน่ว

     

    "หยุดสำรอกขยะจากปากซะที ถ้าแกไม่มีธุระอย่างอื่นนอกจากจะมารื้อฟื้นพฤติกรรมชิงหมาเกิดของแกก็ไปให้พ้นหน้าพ้นตาชั้น หึ..คืนเดียว นอนกับหมูสกปรกซักตัวยังจะเข้าท่ากว่า"

     

    "อ้อ...รสนิยมท่านเซอร์แห่งอลาบาสต้าเป็นอย่างนี้ซินะ เพิ่งจะรู้ เอาไว้คราวหน้าชั้นจะได้จัดมาให้แกถูก.."

     

    ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มและโต้กลับอย่างเผ็ดร้อน

     

    "ก็ไม่ได้รังเกียจหรอกนะ คนอื่นไม่ว่าเป็นใครมันก็ดีกว่าเลวนรกขยาดอย่างแกทั้งนั้นแหละ...หึหึ ถ้าไม่ใช่เพราะวิธีสกปรกทุเรศนั่นล่ะก็ ให้แกมาหมอบตรงหน้า  ชั้นก็ไม่คิดลดตัวลงไปนอนกับแก!!"

     

      ยิ้มอันตรายซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าเด็กร่างยักษ์ผุดขึ้นบนมุมปากและแผ่ความรู้สึกน่าหวาดหวั่นออกมาทว่ามันไม่ได้ทำให้ท่านเซอร์มาดเนี้ยบคิดระวังตัว ถึงมันจะกล้าบุกเข้ามาที่นี่แต่คงจะไม่กล้ามากไปกว่านี้ ตรงนี้มันก็ระเบียง ถึงมันจะบ้าเลือดร้อนแต่ก็ไม่น่าจะบ้าพอทำเรื่องทุเรศๆตรงนี้ แต่เขาคงประเมินความระห่ำของมันผิดไปหลายขุม

     

    "แกนี่มันน่าขัดใจสิ้นดี"

     

     คล้ายกับเสียงคำรามในลำคอของสัตว์ร้าย ร่างสมบูรณ์แบบถูกเหวี่ยงไปกระแทกกับผนังชนิดที่คร็อคโคไดร์ไม่เคยคิดว่าจะมีใครจับคนตัวสูงใหญ่อย่างเขาเหวี่ยงได้ แต่เจ้าเด็กนี่มันก็พิสูจน์แล้วว่ามันเป็นเรื่องที่ทำได้ถ้าอีกฝ่ายตัวใหญ่กว่าและสูงมากพอ

     

    "ปากดีเข้าไปซิ แกทำชั้นหงุดหงิดแล้วนะเว้ย สารรูปก็ดูไม่จืดแท้ๆยังจะมาทำปากกล้าเถียง จะจองหองก็เอาให้มันพอดี ดูก็รู้ว่าแกไม่มีปัญญาแตะต้องชั้นได้ยังจะดันทุรังไม่เข้าท่า อย่าทำตัวให้มันน่าหมั่นไส้มากนัก หัดเจียมตัวซะบ้าง"

     

     แขนแกร่งสอดรัดรอบร่างท่านเซอร์ทะเลทรายที่แหงนใบหน้าขึ้นสูงไว้แน่น ร่างสูงยาวถูกยกขึ้นไปด้านบนจนต้องเขย่งปลายเท้าตาม จังหวะหนึ่งริมฝีปากร้อนฉกวูบลงมาโดยไร้คำเตือน ควันซิการ์ที่ยังอยู่ในลำคอเตรียมปล่อยออกมาถูกดันเก็บเข้าไปทั้งหมดและไหลลงไปถึงปอดซึ่งผิดวิธีการสูบซิการ์ที่ถูกต้อง                            

             คร็อคโคไดร์ดิ้นรนเพราะสำลักควันที่สูดเข้าไปรวดเดียว น้ำหูน้ำตาเล็ดใบหน้าแดงก่ำ ซิการ์ที่ชอบนักชอบหนาแต่ตอนนี้กลับรู้สึกเกลียดขึ้นมาจับใจ มือป่ายเปะปะด้วยอีกฝ่ายยิ่งกลั่นแกล้งกดริมฝีปากแน่นขึ้นอีก มือหยาบใหญ่อีกข้างกดล็อกท้ายทอยคนอายุเยอะกว่าไม่ให้หนี สุดท้ายมือที่ไขว่คว้าอากาศอยู่ครู่หนึ่งก็ลงได้ที่เหมาะเป็นใบหน้ากึ่งต้นคอแน่น กางนิ้วออกเหมือนกรงเล็บเสือและข่วนลงเต็มแรง

    แคว่าก!

     

    "อึ้ก!!"

     

      โดฟลามิงโก้ผงะ ปล่อยเหยื่อในอุ้งมือทันใด ตะปบมือลงบนแผลก็พบว่ารอยข่วนลากยาวจากใบหน้ามาถึงแผ่นอกซึ่งเปลือยคอเสื้อไว้ตามปกติ แถมแผลยังลึกใช่เล่น แม้ชายมาดผู้ดีจะตัดเล็บสั้นกุดสะอาดเรียบร้อยไม่ได้คมเท่าเล็บผู้หญิง แต่ด้วยแรงผู้ชายตัวโตบวกกับความโกรธระคนตกใจมันจึงออกมารุนแรงและลึกกว่าแผลข่วนปกติ

      ที่สำคัญแสบชิบหาย...

        นายน้อยแห่งสกุลดองกีโฮเต้ซี๊ดปาก สัมผัสแฉะที่รู้สึกได้ตอนแตะ เนื้อหลุดออกไปกี่ปั้นวะ พอดูเข้าจริงๆก็พบว่าเลือดแดงๆติดปลายนิ้วตัวเองมาแล้วให้ยิ่งขุ่นมัวในอารมณ์ถึงกับสบถออกมา

     

    “ไอ้เวรคร็อกโคไดร์!

     

          คนอายุมากกว่าแสยะยิ้มสาแก่ใจเมื่องมองดูแผลข่วนเป็นทางยาวจนเลือดซึมออกมาซิบๆ วิธีการออกจะดูนุ่มนวลเหมือนพวกผู้หญิงไปหน่อยแต่งานนี้คร็อคโคไดร์ไม่สนใจแค่ได้เล่นงานมันก็พอ ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้เพิ่งฟื้นไข้ยังไม่ค่อยมีแรงคงจะทำมากกว่านี้ไปแล้ว

     

    “ลองแกเข้ามาอีกซิวะ คราวนี้มันจะไม่ใช่แค่เล็บแน่”

     

      ปลายซิการ์แดงโร่ชูขึ้นเป็นการบอกแทนปากว่าอะไรที่มันจะมาแทนมือ กระนั้นคนที่เจ็บตัวไปยังไม่หลาบจำ เด็กเปรตยังจะย่างสามขุมเข้ามาใส่อีกรอบ คำรามฮึ่มฮั่มขัดใจสุดขีด

     

    "คร็อคโคไดร์ อาหารพร้อมแล้ว ขอโทษที่ต้องให้รอนะ"

     

      เหตุกระทบกระทั่งต้องจบลงแค่นั้นเมื่อเสียงระฆังสงบศึกที่ชื่อว่าซึรุดังขึ้นพร้อมกับร่างเพรียวบางของหญิงชราที่กำลังเดินมาจากด้านใน โดฟลามิงโก้รีบหันหลังกลับและเดินเร็วๆลงไปจากระเบียงหายไปในความมืดของยามค่ำทิ้งคู่กรณีมองตามไม่วางตา ดวงตาสีดำแทบจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะเพลิงแค้นอยู่แล้ว มันยังจะกล้าตามมาหยามถึงที่นี่ อยากฆ่ามัน บีบคอ ฉีกไอ้ปากที่ดีแต่ฉีกยิ้มเยาะโลกนั่นให้ขาดไปถึงรูหู.....

     

    “เป็นอะไรรึเปล่า หน้าเธอซีดจัง หรือว่าไข้กลับ”

     

      คำถามทำให้ชายหนุ่มมาดเฉียบต้องปรับสีหน้าจากฆาตกรวางแผนฆ่าหั่นศพให้เป็นปกติ หันไปปฏิเสธกับหญิงชราที่กำลังจ้องมองมาอย่างสงสัย น้ำเสียงราบเรียบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

    “ไม่มีอะไร...ชั้นสบายดี..”

     

     ซึรุนิ่งไปอึดใจ มองหน้าคนปกติดี ทั้งที่เห็นความไม่ปกติมากมาย แต่ถ้ายืนยันอย่างนั้นก็เอาเถอะ

     

    “งั้นเราไปทานอาหารกัน อ้อ จริงซิ เธอนอนอยู่ฉันก็เลยไม่ได้แจ้ง คืนนี้เรามีแขกพิเศษมาร่วมดินเนอร์ด้วย..”

     

    “แขกพิเศษ ?”

     

     ท่านเซอร์หนุ่มทวนคำขณะก้าวเข้าสู่ห้องรับประทานอาหาร แล้วเขาก็ต้องยืนอึ้งอยู่กับที่เมื่อเห็นหน้าแขกพิเศษของซึรุ ชัดตา

      “งาย สายัณห์สวัสดิ์ทั้งสองคน”

     

             แขกตัวโตนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารก่อนแล้ว พอเข้ามาถึงโบกมือโบกไม้หยอยๆให้พร้อมกับคำทักทายที่เข้าใจว่าน่าจะกวนอารมณ์ซะมากกว่า แถมยังทำท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อนเหมือนตัวเองเพิ่งจะโผล่มาเมื่อกี้ ไม่ได้ลอบเข้ามาก่อกวนหรือคุกคามทางเพศใครจนได้รอยแผลที่ยังเด่นหราอยู่บนหน้าและคออย่างนั้น!

     

    “โดฟลามิงโก้อยากขอโทษเธอ...”

     

     อดีตผู้บัญชาการทหารเรือระดับสูงหันมาอธิบายเมื่อเห็นชายหนุ่มข้างกายนิ่งไป และแม้จะพูดอย่างนั้นคร็อคโคไดร์ก็ยังคงไม่พูดอะไรนอกจากแผ่รังสีกดดันออกมาพร้อมแววตาที่เย็นชาลงเรื่อยๆ

       ไม่ใช่แน่ แน่ใจเลยว่ามันไม่ได้มาเพื่อขอโทษ!

     

    100%- - -  - -เจ้าค่า

     

    แง่มๆ ยาวเฟ่อๆ

    อิไรนักหนานะ

    คู่นี้เขียนยากเขียนเย็นจีงๆค่า

    ยอมเลยว่ายากกว่าทุกฟิคที่ผ่านๆมา

    แล้วนี่ตอนแรกๆที่ยังอายุน้อยๆ

    ระวังเต็มที่ว่าจะเขียนไงให้ไม่ประสีประสานัก

    อ่ะตอนหน้าเราจะเข้าสู่ช่วงวัยแห่งผู้ใหญ่(กว่านี้)

    แล้วนะคะ

    ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามคร่า

    โค้งงามๆ

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×