ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Moon nightmare>02>Yaoi novel
บทที่ 2
เมสไม่แปลกใจหรอกที่ใครๆจะมองมาที่เขาด้วยสายตาแปลกประหลาดอย่างนี้ เขาเป็นคนต่างเผ่าและผิวสีน้ำผึ้งของเขาจะตัดกับสีทองแดงของคนเผ่าการ์เซียชัดเจน ชายหนุ่มจึงทั้งโดดเด่นและกลายเป็นจุดสนใจ แต่เมสก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนอกจากตกใจเล็กน้อยเรื่องความสูง ที่ลานูฟเมสอาจจะตัวใหญ่และสูงมากแต่ที่การ์เซียเมสพบว่าตัวเองกลายเป็นแค่เพียงชายหนุ่มระดับทั่วๆไปของที่นี่เท่านั้นเอง ผู้ชายชาวการ์เซียมักมีรูปร่างสูงใหญ่มาโดยกำเนิด ได้ยินมาว่าถ้ายิ่งเป็นคนในตระกูลหัวหน้าเผ่าพวกเขาจะมีรูปร่างใหญ่โตเช่นเดียวกับตอนอยู่ในร่างสุนัขป่าสีดำ
กอร์ณ การ์เซีย... เขาเองก็จะเป็นเหมือนที่ได้ยินมาหรือเปล่าหนอ...
เมสเดินทางออกจากเผ่าโดยใช้เวลาสองวันเต็มไม่รวมเวลาหยุดพักแรม จนเข้าวันที่สี่เขาก็มาถึงใจกลางหมู่บ้านของเผ่าการ์เซีย
เขาเข้าคาระวะหัวหน้าเผ่าการ์เซียคนปัจจุบัน ท่านลุงเก็น การ์เซีย ก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งนั่นก็ไม่ได้มีอะไรเป็นปัญหายุ่งยากมากมาย ในเมื่อเมสและท่านลุงเก็นนั้นสนิทสนมกันมาตั้งแต่สมัยก่อน คราวใดที่ไปเยือนเผ่าลานูฟผู้นำเผ่าการ์เซียมักจจะเรียกนักปราชญ์น้อยๆที่แสนเฉลียวฉลาดไปพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในด้านการปกครองอยู่เสมอ เก็นนั้นทึ่งในตัวของเด็กหนุ่มเช่นเดียวกับที่เมสเองก็ให้ความเคารพนับถือผู้นำต่างเผ่าดุจดังญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง สิ่งเดียวที่ทำให้เมสไม่รู้สึกว่าการ์เซียเลวร้ายจนเกินไปนักก็เพราะท่านลุงเก็นนี่เอง
หลังจากนั่งพูดคุยกันอยู่พักใหญ่เมสก็ขออนุญาตเดินสำรวจรอบๆเผ่า แม้จะสนิทกับผู้นำเผ่าก็เถอะแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เมสมาเยือนเผ่าการ์เซีย หมู่บ้านมนุษญ์หมาป่าขนดำที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดามนุษย์หมาป่าที่อยู่บนโลกใบนี้ มันถูกรายล้อมด้วยหุบเขาและแม่น้ำที่ไหลคดเคี้ยวผ่านเข้ามาถึงใจกลางหมู่บ้าน การ์เซียจึงร่มรื่นและอุดมไปด้วยแมกไม้หลากสีสัน เพราะหมู่บ้านเต็มไปด้วยหุบเขาพวกการ์เซียจึงชำนิชำนาญในการปีนป่ายมากกว่าพวกลานูฟเช่นเขาที่อาศัยในแถบที่โล่งจึงคล่องแคล่วว่องไวกว่า แต่จะให้ถามเมสแล้วล่ะก็เขาคงต้องบอกว่าชอบเผ่าการ์เซียที่อุดมสมบุณ์มากกว่าลานูฟที่ค่อนข้างแห้งแล้งกว่า
ในตอนแรกท่านลุงเก็นบอกว่าจะให้คนมาคอยติดตามนำทางให้ แต่เมสก็ปฏิเสธไปอย่างสุภาพนุ่มนวล เขาพอใจที่จะเดินชมหมู่บ้านตามลำพังมากกว่าให้คนมาติดตามน่ารำคาญ แต่ตอนนี้เมสนึกอยากจะได้ใครสักคนมาดึงความสนใจเบนสายตาอยากรู้อยากเห็นสักคนก็ยังดี อันที่จริงตอนอยู่บ้านพักรับรับรองกับท่านลุงเก็นเมสก็ยังไม่ได้เอ่ยปากบอกถึงธุระที่ตนอุตส่าห์ลงทุนเดินทางข้ามหมู่บ้านมาอย่างนี้เพียงแต่เอ่ยปากนัยๆพอเป็นพิธี ซึ่งเขามองออกว่าท่านลุงเก็นก็คงจะรับรู้ได้ด้วยความชาญฉลาดของท่าน และท่านก็ไม่ได้มีท่าทีขัดขวางหรือเอ่ยปากขัดใดๆ นั่นก็ทำให้หมาป่าหนุ่มแห่งลานูฟรู้สึกใจชื้นขึ้นอีกเป็นกอง ซ้ำท่านลุงเก็นยังอุตส่าห์ใจดีช่วยอุตส่าห์บอกให้ด้วยว่าบุตรชายคนที่สองของท่านเป็นคนไม่ชอบมีปัญหาอะไรกับใคร เข้าใจอะไรได้ง่ายๆ ได้ฟังแบบนั้นเมสจึงรู้สึกมั่นใจถึงผลลัพท์ปลายทางไปกว่าครึ่งว่าการมาในหนนี้ของเขาคงไม่เสียเที่ยวอย่างแน่นอน...
เมื่อรู้สึกแบบนั้นเมสจึงหันมาให้ความสนใจกับการชมหมู่บ้านก่อนจะไปพบคนที่เขามีธุระด้วยอย่างสบายอกสบายใจยิ่งขึ้น บางทีคงเป็นการเข้าใจอะไรผิดบางอย่าง หรือไม่แน่ว่านี่จะเป็นแผนการเจ้าเล่ห์ของท่านพ่อที่ต้องการให้เขาออกมาเที่ยวเล่นข้างนอกบ้างกระมัง...กลับไปเห็นทีต้องสะสางบ้างเสียแล้ว..
"ชั้นอยากพบกอร์ณ การ์เซีย ชั้นจะได้พบเขาได้ที่ไหน "
เมื่อเลี่ยงไม่ได้จริงๆเมสก็ตัดสินใจใช้ให้เกิดประโยชน์ เขาตรงเข้าไปหาหญิงสาวที่จ้องมองมาอยู่นานแล้ว เอ่ยปากถามเจ้าหล่อนที่มีท่าทีตื่นตระหนกแต่เมสก็ไม่ได้สนใจนัก เขาอยากได้เพียงคำตอบ ไม่ได้รู้ตัวด้วยซ้ำว่าท่าทางและใบหน้างดงามของเขาทำให้คนถูกมองรู้สึกประหม่าแค่ไหน
"ช่วงเวลานี้ท่านกอร์นไม่น่าจะอยู่ที่บ้านพักค่ะ..." หญิงสาวคนเดิมเอ่ยตอบเสียงเบาหวิวเธอบีบมือตัวเองเรียกกำลังใจ เมสนึกรำคาญท่าทีเหล่านั้นเขาไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องทำท่าทางอย่างนั้นกับเขา ชายหนุ่มตีความไปเสียอีกว่าเธอกำลังหวาดกลัวตัวเอง แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องกลัวเอามากขนาดนั้นด้วย ?..
"แล้วเขาไปไหน.." หากหมาป่าต่างเผ่าก็ยังไม่สิ้นความอดทน
"น่าจะอยู่ที่ท้ายหมู่บ้านค่ะ.."
ได้คำตอบแล้วเมสก็เอ่ยคำขอบคุณเบาๆค้อมครีษะนิดๆก่อนจะผละไปทันที แต่เดินได้เพียงสามก้าวเขาก็หยุดและหันกลับมาอีกครั้ง..
"แล้วท้ายหมู่บ้านที่ว่านั่นอยู่ไหน..ช่วยบอกทีว่าจะไปได้ยังไง ?..."
เมสท่องจำเส้นทางไว้ในหัวมาตลอดทางแต่เขาก็อดที่จะเดินหลงไปบ้างเล็กน้อยไม่ได้ หลังจากเสียเวลาคลำหาทางและร่องรอยที่ตัวเองทิ้งไว้อยู่ครู่หนึ่งเมสก็หาท้ายหมู่บ้านเจอ ที่นั่นอยู่ห่างจากหมู่บ้านไปพอสมควรมีจุดเด่นอยู่ตรงต้นพลับต้นใหญ่ที่กำลังออกลูกสีส้มอมเหลืองเต็มต้น ธรรมชาติโดยรอบรกครึ้มมีเสียงน้ำตกแว่วดังอยู่ไกลๆ
ที่ลานูฟไม่ค่อยจะมีน้ำตกมากนักอีกทั้งเมสยังไม่มีโอกาสออกมาเที่ยวเล่นนอกเผ่าบ่อยๆดังแต่ก่อนอีกแล้ว พอได้ยินเสียงน้ำตกเขาก็อดที่จะไขว้เขวไปจากจุดประสงค์เดิมไม่ได้ รู้ตัวอีกทีเมสก็เดินตามเสียงน้ำตกมาเรื่อยๆเสียแล้ว ยิ่งเข้าใกล้เท่าไหร่ภาพน้ำใสเย็นก็ยิ่งชัดเเจ้งในความคิด บางทีเมสอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาทำท่าตื่นเต้นแบบไหนออกมา
เสียงน้ำตกดังชัดอยู่เบื้องหลังกอกกและกออ้อเขียวขจีนี้ สองมือแหวกออกรวดเร็วไม่รอช้าถึงสุดทางเมสก็พุ่งพรวดออกไป เสียงน้ำจ๋อมแจ๋มดังตามมาหมาป่าหนุ่มย่ำเท้าลงบนน้ำตื้นๆริมฝั่ง กำลังจะก้มลงวักขึ้นสัมผัสความชื่นเย็นหากเมสก็ต้องชะงักกึกเมื่อแว่วเสียงหนึ่งดังขึ้น เขาจ้องตรงไปเบื้องหน้า แผ่นน้ำเรียบสนิทปลายธารน้ำตกในทีแรกค่อยๆกระเพื่อมนูนสูงขึ้นแล้วแตกกระจายออกจากกันเมื่อร่างหนึ่งทะลึ่งพรวดขึ้นมา ที่เมสเห็นชัดตาว่าร่างนั้นเป็นร่างของชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง ผิวของเขาเป็นสีทองแดงเส้นผมสีดำยาวระต้นคอทำให้น้ำกระเซ็นไปทั่วเมื่อเขาสะบัดมันแรงๆ กล้ามเนื้อแข็งแกร่งบึกบึนเหนือแผงอกกำยำล่ำสันขยับเคลื่อนไหวอย่างมีศิลปะเมื่อมือใหญ่กวาดเส้นผมทั้งหมดรวบไปด้านหลังอวดทุกความคมคายบนใบหน้าเข้มจัด ประกายตาคู่สีเทาดุดันจนน่าหวาดหวั่น เมสคิดเช่นนั้นเมื่อสบตาตอนที่ชายคนนั้นหันมาพอดี...
".......เจ้า ?.."
เมสค้นพบว่าตัวเองยืนตัวแข็งอยู่ ด้วยเสียงทุ้มต่ำกังวาลที่เอ่ยมีวี่แววประหลาดใจนั่นเอง ชายหนุ่มได้สติและพยายามกลบเกลื่อนความตกใจบนสีหน้าตัวเองให้ราบเรียบ
"เมส..ข้าคือเมส ลานูฟ ขออภัยหากข้ามารบกวน แต่ว่าข้าไม่รู้จริงๆว่ามีคนอยู่ตรงนี้ด้วย.."
เมสแนะนำตัวเสียงนิ่งแล้วกล่าวขอโทษตามมาอย่างมีมารยาทเมื่อรู้ว่าตนบุกรุกเข้ามารบกวนช่วงเวลาที่อาจจะเป็นส่วนตัวของผู้อื่น
ริมฝีปากเฉียบคมขยับเพียงนิดแล้วเอ่ยถาม
"ไม่เป็นไร...ว่าแต่เมส...เจ้ามีธุระกับข้างั้นรึ ?.."
หมาป่าหนุ่มขมวดคิ้วไม่เข้าใจว่าเหตุใดหมาป่าหนุ่มแปลกหน้าจึงถามแบบนั้นกับตน แต่ประโยคต่อมาของเขาก็ไขทุกอย่างให้กระจ่างออก
"...แถวๆนี้ไม่มีใครอื่นนอกจากข้าคนเดียว ถ้าเจ้าไม่ได้มาหาข้าก็คงไม่มีใครอีกแล้ว เมสแห่งลานูฟ.."
ดวงตาสีดำเบิกโพลงอย่างเข้าใจในทุกอย่างของความนัยคำพูดนั่นแล้ว ถ้าที่นี่คือสถานที่ซึ่งเรียกว่าท้ายหมู่บ้าน และตรงนี้ก็มีคนอยู่เพียงคนเดียวนั่นจะเป็นใครไปได้อีกเล่านอกจากคนที่เมสอยากพบคนนั้น...
"กอร์น ท่านคือกอร์น การ์เซียงั้นรึ?...."
"ใช่...ถ้าเจ้าไม่ได้หมายถึงใครอื่นที่ชื่อกอร์น...ข้านี่แหละ กอร์น การ์เซีย..."
พอเขาออกปากยืนยันเช่นนั้นเเล้วเมสก็อดสำรวจตรวจตราคนตรงหน้าเพิ่มขึ้นไม่ได้ เขาคนนี้รูปร่างสูงใหญ่มากจริงๆ มากอย่างที่ยากจะหาชายหนุ่มคนไหนเทียบ หากอยู่ในร่างสุนัขเขาคงดูน่าเกรงขามและผึ่งผายยิ่งกว่านี้ ยามนี้เขายืนอยู่ในน้ำโผล่ขึ้นมาเพียงครึ่งท่อนบนแต่เมสก็ยังพอจะมองรูปร่างโดยรวมทั้งหมดของกอร์นได้ แผ่นอกของเขาบึกบึนและอุดมไปด้วยกล้ามเนื้อ ต้นแขนหนาแข็งแกร่งที่บอกว่าเขาฝ่านการฝึกฝนด้านศิลปะต่อสู้มาอย่างสมบุกสมบันมากเพียงไร แต่ที่ร้ายกาจยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดคงไม่พ้นดวงตาคมกริบยิ่งกว่าใบมีดโกนคู่นั้น มันทั้งดุดัน ดิบเถื่อน อีกทั้งเยียบเย็นทรงพลัง มันอาจจะเทียบเท่าหรือเหนือกว่าท่านลุงเก็นผู้เป็นบิดาของเขาเสียด้วยซ้ำ
กอร์น การ์เซีย เขาช่างเต็มเปี่ยมไปด้วยอำนาจแห่งบุรุษเพศที่ชายทุกคนพึงมี เทียบกันแล้วเมสคนนี้กลายเป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆสำหรับเขาเท่านั้นเอง ไม่สงสัยเลยว่าเหตุใดการ์เซียจึงเป็นเผ่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในเมื่อว่าที่ผู้นำเผ่าอย่างผู้ชายตรงหน้าก็ทำให้คำตอบที่ไร้ข้อกังขาชัดเจนออกมาอยู่แล้ว...
"เอ้า.....ว่าธุระของเจ้ามาซิเมส.."
ร่างสูงเพรียวสะดุ้งด้วยเสียงห้าวๆที่ถามขึ้นอีก..และหมาป่าหนุ่มขนเทาก็รู้ว่าตัวเองเผลอมองอีกฝ่ายนานเกินไปเสียแล้ว เมสขยับเปลี่ยนท่าทางอีกครั้ง รู้ว่าถูกจับได้ว่าแอบมองแต่นั่นก็ยังไม่ทำให้เมสหนักใจเท่าเรื่องที่กำลังจะเอ่ยปากออกไป..
" ข้า...อยากจะขอให้ท่านยกเลิกการแต่งงานระหว่างเรา...."
แทบจะในวินาทีเดียวกันเมสเห็นคิ้วเข้มจัดขมวดเข้าหากันมันยิ่งทำให้ใบหน้าเขาดูดุเข้าไปกันใหญ่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านั่นไม่มีเสน่ห์หรอกนะ..
"ทำไม ?..."
บุตรชายคนรองของเก็นเอ่ยถามคำถามแรกกับเมส พร้อมกันกับที่เขาก้าวขึ้นมาจากแผ่นน้ำ และเมื่อกายเขาพ้นน้ำขึ้นมายืนริมฝั่งเช่นเดียวกับเมส หมาป่าขนเทาก็ได้รู้ว่าชายตรงหน้าไม่ได้สวมใส่สิ่งใดเลยแม้แต่ชิ้นเดียว..
"ทำไมกัน...มีเหตุผลอะไรที่ต้องปฏิเสธ..."
เมสหรุบตาลงต่ำให้พ้นจากสิ่งไม่ควรมอง และสุดท้ายเขาก็ปิดตาลงให้พ้นแม้ไม่อาจกั้นมโนภาพในหัวได้เลยก็เถอะ...บ้าเอ้ย..เอาของแปลกอะไรมาอวดนี่ ช่างมั่นใจเหลือเกินนะ...
"เวลาพูดคุยกับใคร ตามมารยาทเจ้าก็ควรมองหน้าอีกฝ่ายไม่ใช่รึ ?..."
เสียติติงดังตามมา แต่คราวนี้มีเสียงโต้ตอบกลับ..
"....ถ้าท่านพูดเช่นนั้น ด้วยมารยาทแล้วข้าไม่เคยเปลือยกายคุยกับใคร !"
"หึหึ..."
เพราะเขาหัวเราะเมสจึงเงยหน้าขึ้นแล้วก็พบกับรอยยิ้มกว้างขวางที่ต้องหยุดมอง จ้องนานๆอย่างเผลอตัว น่าประหลาดที่เมสคิดว่าคนที่ดูดุแบบนี้ไม่น่าจะยิ้มเป็น แต่กอร์นก็ยิ้ม และยังยิ้มได้จับใจน่ามองเสียด้วย..
กอร์น การ์เซีย ผู้ชายคนนี้มีสองบุคลิกหรือไงกัน ?...
"ข้าก็ไม่เคย....."
เขาพูดคล้ายไม่ใส่ใจ ยักไหล่ ก่อนจ้องมองตรงมาอีกครั้ง ด้วยสายตาชนิดที่เมสไม่กล้ามองตอบ...
"แต่ข้าคิดว่า...ต่อหน้าเจ้าแล้วข้ามีสิทธิ์ไม่ใช่หรือ ว่าที่เจ้าสาวของข้า ?..."
นิ้วโป้งใหญ่ลากผ่านแก้มเนียนข้างหนึ่ง และเมสก็ปัดออกทันที เขามองขวางไม่ชอบให้ใครถือวิสาสะมาแตะต้องเนื้อตัวโดยเฉพาะคนเผ่าการ์เซีย
"ถ้าท่านได้ยินล่ะก็ ข้าพูดไปแล้วว่าข้าปฏิเสธ.."
"ถ้าอย่างนั้นข้าขอบอกปัดคำปฏิเสธ.."
"นี่ท่านพูดไม่เข้าใจอย่างนั้นเหรอ !!"
"เข้าใจซิเมส........แต่ก็แค่รู้สึกไม่พอใจนิดๆ.."
"ท่านไม่พอใจอะไร ?.."
แน่นอน เมสก็กำลังไม่พอใจ แต่เขาก็รู้ว่าควรรักษามารยาทมากแค่ไหน จึงตั้งคำถามกลับไปอย่างอดทน..
"ข้าไม่ดีตรงไหน....เจ้าถึงกับต้องปฏิเสธ มันไม่ยุติธรรมสำหรับข้าเลยว่าไหม.."
"อะไรนะ !!"
เมสร้องอย่างไม่แน่ใจว่าได้ยินถูกต้องหรือไม่ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจผิดไปอีกทาง..
"ข้ารู้สึกเสียหน้าเล็กๆ..."
คราวนี้เมสย่นคิ้วไม่รักษาอาการไม่พอใจไว้อีก ไหนท่านลุงเก็นว่าบุตรชายของท่าเป็นคนพูดง่ายไงเล่า ทำไมเขาจึงไม่รู้สึกว่ามันจะเป็นอย่างนั้นเลย...
"ข้าเสียใจที่ทำให้ท่านรู้สึกแบบนั้น แต่ข้าไม่ได้มีเจตนาให้มันเป็นแบบนั้นเลย ข้าเพียงแต่ ..."
เมสหยุดค้นหาถ้อยคำที่คิดว่าถนอมน้ำใจแต่ก็เด็ดขาดมากพอ...
" ไม่อยากแต่งงาน...ไม่ใช่ว่าข้า...รังเกียจอะไรท่าน..."
เมสคิดว่าเขาจะจนมุมแล้วเชียว แต่ดูเหมือนกอร์นเองก็มีดีพอตัวเช่นกัน แม้จะพูดไม่ได้ว่าเขาสุขุมที่สุดแต่เรื่องความฉลาดทันคนและเจ้าคารมนั้นกอร์นไม่เคยเป็นรองใครมาก่อน
"ข้าก็ไม่ได้รีบร้อน.."
ชายหนุ่มร่างใหญ่พูดแล้วก็ยิ้ม จนเห็นเขี้ยวที่มุมปากทั้งสองข้าง ดวงตาสีเทาดูดุ หากแต่ก็เจ้าเล่ห์อยู่ในที เขามีส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างความดุดันและมากเหลี่ยม เมสเป็นฝ่ายไม่เข้าใจขึ้นมาบ้าง..
"ท่านหมายความว่ายังไง
"ข้าพูดแล้วข้าเข้าใจเจ้า...ใครจะอยากแต่งงานกับคนที่ไม่เคยรู้จักคุ้นเคยกันมาก่อนล่ะ แต่รีบร้อนปฏิเสธแบบนี้มันก็ออกจะเกินไปหน่อย.."
เขาพูดถูกทว่าเมสก็ยังคงมองเจตนาเขาไม่ออกอยู่ดี..
"...ท่านอยากพูดอะไรกันแน่.."
"โอกาส......ทำไมเจ้าไม่ลองให้โอกาสข้าดูล่ะ ให้ข้าลองทำความคุ้นเคยกับเจ้าดู ไม่แน่นะ..บางทีเจ้าอาจจะคิดเปลี่ยนใจขึ้นมาก็ได้.."
ชายหนุ่มการ์เซียพูดแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มไปด้วย
เสียเวลาฟังจริง!! เมสสบถแรงๆใจใจแล้วสะบัดหน้าไปด้านข้าง เเววตาของคนพูดทำให้เขาร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า อะไรของผู้ชายคนนี้กัน นี่กำลังเล่นสนุกอยู่หรือยังไง ?..
"ข้าไม่มีอะไรแบบนั้นให้ท่านหรอก ข้าไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ข้ายังยืนยันว่าปฏิเสธซึ่งท่านก็ควรทำความเข้าใจ ถ้าหากอยากจะทำความคุ้นเคยข้าจะส่งน้องสาวมาแทน นางคงทำให้ท่านสนุกในการทำความคุ้นเคยได้มากกว่าหรอก.. ขอตัว"
ตัดบทห้วนๆแล้วนักรบหนุ่มแห่งลานูฟก็เตรียมตัวผละจากไป ถ้าคิดว่ากอร์นจะยินยอมให้เป็นแบบนั้นแล้วไม่ใช่แน่ๆ ชายหนุ่มร่างใหญ่ตะปบที่ต้นแขนคนจ้องจะไปกระชากให้หันกลับมาฟังเขาพูด
"อย่าพูดเอาแต่ได้อยู่ฝ่ายเดียวซิ...เจ้าควรจะฟังข้าบ้าง ข้าให้สิทธิ์เจ้าพูดในขณะที่ข้ารับฟัง เจ้าเองก็น่าจะให้ข้าบ้างเช่นกันไม่ใช่หรือ ?.."
เมสไม่คิดว่าตัวเองจะเสียท่าง่ายๆแบบนี้ มือแข็งปานเหล้กกล้าข้างนั้นกุมต้นแขนเขาไว้แน่น แม้คิดจะดึงออกเมสก็รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ๆ ชายหนุ่มจึงจำต้องยืนนิ่งๆซึ่งถ้าเป็นที่ลานูฟนั้นเมสคงเล่นงานอีกฝ่ายเจ็บหนักไปแล้ว
"ว่ามาซิ..."
กอร์นยิ้มในหน้า เพราะใบหน้าซึ่งยังคงหันด้านข้างให้แก่เขา ผิวที่เป็นสีเหลืองอำพันตัดกับแสงแดดอ่อน ทำให้ใบหน้าเรียวและโครงหน้างดงามยิ่งสะดุดุตาชวนมอง เขาไม่คิดว่าเลือกคนผิดเลย..
" ข้าไม่ได้ขอคำมั่นในการแต่งงาน ที่ข้าขอคือโอกาส แค่โอกาสเท่านั้น แค่ให้ข้าได้ใกล้ชิด เจ้าจะใจดำไม่ให้เชียวหรือ..."
เมสทำตัวแข็ง กลิ่นอายอ่อนๆของเขาโชยมาแตะจมูก เขาแทบกลั้นหายใจในความใกล้ชิดกับร่างแข็งแรงซึ่งเปล่าเปลือย ซ้ำยังไม่ใช่แค่กลิ่นหากยังเป็นปลายจมูกโด่งเป็นสันจนน่าริษยาที่เฉียดข้างแก้มตนไปนิดเดียว
"ท่าน !!!"
เจ้าหนุ่มลานูฟส่งเสียงเขียวพยายามดึงแขนตัวเองออกแทนที่จะหลุดพ้น ร่างทั้งทั้งร่างกลับถูกรวบยึดเข้าไปไว้ในวงแขนกว้างใหญ่แน่น เมสดิ้นขลุกขลักแต่ก็เท่านั้นแหละเขาทำได้แค่นั้นเอง...
"ข้าไม่ชอบแบบนี้นะ !! กรรรร!!!!"
เสียงกรรโชกขู่ดังก้องเมสแยกเขี้ยวใส่เล็บคมกริบงอกยาวออกมาพร้อมปกป้องตัวเองแต่กอร์นกลับเห็นว่ามันเป็นเรื่องน่าสนุก เสียงหัวเราะในลำคอจึงดังขึ้นเบาๆ ในขณะที่เมสกำลังกลัวจนตัวสั่น จริงอยู่ว่าเขาเป็นนักรบชั้นยอดในลานูฟและในเผ่าอื่นๆต่างก็ยอมรับแต่นั่นไม่ได้หมายรวมถึงการ์เซีย การรบทุกครั้งทั้งสองเผ่าเป็นพันธมิตรกัน เมสไม่เคยมองการ์เซียเป็นพันธมิตรมาก่อน แต่เวลานี้เมสรู้ซึ้งไปถึงกระดูกดำเชียวล่ะว่ามันน่าหวาดผวาแค่ไหนกับการที่มีอีกฝ่ายเป็นศัตรู...
"ปล่อย !!! อย่ามาแตะต้องตัวข้า !!"
เมสพูดได้เท่านั้นเป็นเพราะกอร์นเลิกที่จะรับฟังเขาอีก เขาทำทุกสิ่งที่ตรงกันข้ามกับที่เมสพูด ไม่ว่าจะเป็นการกอดเอาไว้แน่นๆเต็มวงแขน หรือจะเป็นการทำให้เมสพูดต่อไม่ได้ด้วยวิธีแสนเรียบง่ายแต่แสนจะทรงอานุภาพ....
ริมฝีปากกร้านค่อยๆถ่ายน้ำหนักลงไปบนริมฝีปากเอิบอิ่มจนแนบสนิทกันโดยไร้ซึ่งช่องว่าง เมสดิ้นรนอย่างหมดหนทางอยู่ใต้อ้อมแขนมหึมา ...เขาเหมือนลูกนกน้อยบินวนอยู่ในกรงไม่มีผิด
ในยามแรกกอร์นค่อยๆทำลายอาการต่อต้านจากร่างแบบบางกว่าช้าๆ บดริมฝีปากนุ่มเคล้าคลึงอย่างอ่อนหวานนุ่มนวล จนกลีบปากอ่อนบางค่อยๆถูกคลี่ออกจากกัน เมสสั่นสะท้านไปทั้งร่างด้วยสัมผัสนุ่มชื้นที่แตะลงบนเขี้ยวแหลมมุมปากก่อนจะค่อยๆลากลามเลียไปทั่วทั้งอุ้งปากของเขา มันช่างเป็นอะไรที่รับมือได้แสนยากเย็น ร่างในอ้อมแขนของกอร์นจึงสั่นรัวและมีเสียงสะอื้นเบาๆหลุดรอดออกมายามมเมื่อ หมาป่าหนุ่มแห่งการ์เซียครอบครองริมฝีปากของผู้ที่เป็นว่าที่คู่หมั้นของเขาเอาไว้ทั้งหมด
เมสคิดอะไรไม่ออก เขาไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นอะไรไปกันแน่ เขาน่าจะรังเกียจแต่มันกลับไม่ใช่ ไม่มีอะไรที่พอจะบอกได้ว่ามันเป็นอย่างนั้นเลยสักอย่าง ไม่มีอาการขัดขืน ไม่เหลือกระทั่งอาการหวาดกลัวด้วยซ้ำไป ที่รู้คือเขากำลังยืนนิ่งๆปล่อยให้ชายคนหนึ่งซึ่งไม่เคยแม้แต่จะพบหน้ากันมาก่อนล่วงเกินอย่างลึกซึ้ง..โดยที่เขาไม่ได้ต่อต้านมากเท่าที่ควรเป็น...
"ข้าจะคิดว่า......นี่เป็นคำตอบของเจ้าได้ไหมเมส ?..."
จวบจนเมื่อเขากระซิบขึ้นข้างหูเมสก็อับอายอย่างไม่คิดว่าชีวิตหนึ่งเขาจะรู้สึกอับอายได้มากเท่าครั้งนี้ ความรู้สึกเกินทนบังคับให้เมสกระชากตัวเองออกไปทันทีแล้วฝากรอยเล็บยาวใหญ่ไว้ข้างแก้มคนถามแทน
รอยแผลเป็นเป็นทางยาวปรากฏอยู่บนแก้มสาก เลือดสีแดงสดไหลรินลงมาจากปากแผล ปลายลิ้นสีชมพูค่อยๆเเล่บเลียมันอย่างช้าๆพร้อมทั้งแสยะยิ้มทั้งปากรวมไปถึงดวงตาสีเทาเข้มนั่น ถึงอย่างไรสัญชาติญาณในร่างก็ยังทำให้เขาพอใจในเลือด และนั่นก็ทำเอาเมสเย็นเฉียบไปทั้งตัว
ไม่...
เขาไม่ชอบชายผู้นี้ ไม่ชอบเลยจนเสี้ยวเดียว และจะไม่มีวันยอมร่วมชีวิตกับคนพรรค์นี้เด็ดขาด !!!
"ข้าไม่มีคำตอบอะไรให้เจ้าทั้งนั้น !!"
กอร์นเลิกคิ้วสาวเท้าเข้ามาใกล้ในขณะที่เมสพยายามถอยออกห่าง
"ถ้างั้น...เราคงมีปัญหากันเเน่ๆในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเผ่า.....บางทีถ้าข้าได้ขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่า...ซึ่งนั่นแน่นอนว่ามันเป็นตำแหน่งสำหรับข้าในอนาคต..เราอาจจะมีการพิจารณาข้อกำหนดหลายๆอย่างใหม่...อย่างเช่นว่า...ข้าอยากจะได้ใครซักคนมาวิวาห์ด้วย..ข้าก็ต้องได้.."
"เจ้า !!! กล้าใช้วิธีอย่างนี้สกปรกที่สุด !!!"
เมสรู้ว่าเขาทำได้อย่างแน่นอน ถึงแม้จะพูดว่าเป็นพันธมิตรกันแต่เมสก็รู้อยู่เต็มอกว่าเผ่าของเขาใช้การ์เซียเป็นกันเผ่าอื่นๆ ดังนั้นไม่ว่าอะไรหากไม่เหลือบ่ากว่าแรงจริงๆ ลานูฟก็จำต้องยอมให้แก่การ์เซียถึงที่ผ่านๆมาทางการ์เซียจะไม่เคยเรียกร้องอะไรที่มันเกินเลยก็ตาม..
กอร์นกระตุกยิ้ม ไม่เคยมีใครกล้าด่าใส่หน้าเขาแบบนี้ ถ้าหากตรงหน้าไม่ใช่เมสแล้วล่ะก็ มันผู้นั้นคงถูกแยกออกเป็นชิ้นๆไปแล้ว
"ถ้าไม่อยากให้ใช้วิธีสกปรก..เจ้าก็รับข้อเสนอข้าซะสิ..."
ฟันทั้งบนและล่างขบเข้าหากันแน่นด้วยความโกรธที่เข้มข้น เมสโกรธจนสั่นไปทั้งตัว ได้ยินมาว่าการ์เซียเชี่ยวชาญในการเจรจา เขาเพิ่งมาประจักษณ์เอาก็วันนี้เอง !!
"ก็ได้ !!" เมสกัดฟันพูดออกไปด้วยโทสะเต็มที่ เขาไม่ไได้ควบคุมมันเอาไว้อีก
"ถ้าเจ้าต้องการนักข้าก็จะให้ !! แต่ขอบอกเอาไว้ตรงนี้เลย เจ้าจะไม่มีทางได้อะไรจากการกระทำครั้งนี้โดยเด็ดขาด กอร์น การ์เซีย !!!"
"แต่ยังไงข้าก็ขอแอบหวังซักนิดนะเมส.....ครั้งหน้า ข้าคงจะได้รับจูบที่เต็มใจจากเจ้า ข้าจะเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อเลยทีเดียว เมสที่รัก.."
ประโยคหยอกเย้า พูดแล้วยักคิ้วยิ้มกวน เมสถึงกับนึกภาพชายตรงหน้าถูกเขาสะบั้นด้วยกรงเล็บจนศรีษะขาดกระเด็น ชายหนุ่มรู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรทั้งนั้นที่จะต่อปากต่อคำกับคนผู้นี้นอกจากเข้าเนื้อเจ็บตัวเองเปล่า หมาป่าขนเทาสะบัดหน้าแรงพุ่งพรวดกลับไปทางหมู่บ้านทันทีโดยไม่รอฟังเสียงหัวเราะระคายหูกวนอารมณ์สิ้นดี แต่เจ้ากรรม เขาเป็นหมาป่าและหูก็ดีมากด้วย ซึ่งนั่นก็เป็นสาเหตุว่าทำไมเมสจึงหันไปคำรามใส่ชายที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังอีกครั้งเรียกเสียงหัวเราะลั่นยิ่งกว่าเก่าตามมา......
100 %- - - - - - -เจ้าค่า
อันนี้มาจบได้เพราะเป็นไฟล์เก่าเก็บดึกดำบรรพ์ 55+
เจนไม่ค่อยชอบเขียนตามกระแสซักเท่าไหร่น่ะค่ะ
จับมาคู่กันทีนี่...เหอเหอ
เอาไอ้นี่ไปอ่านก่อนนะคะ รอระหว่างพักฟื้น
ยังดีกว่าไม่ได้ลงอะไรเนอะ เจนรู้สึกผิดนะเนี่ย
ถ้ายังไงติชมกันมาได้นะคะ เจนไม่ว่าอะไรเลย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น