ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องสั้นตามใจฉันวัน(ตัน)จัด

    ลำดับตอนที่ #1 : Moon nightmare > 01 > Yaoi novel

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.ค. 54


      


    บทที่1




           เผ่าลานูฟคือชนเผ่าหมาป่าที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับต้นๆของเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่าที่มีอยู่บนโลกใบนี้  แม้จำนวนสมาชิกในเผ่าจะรั้งอันดับท้ายๆก็ตามแต่  หากนั่นเพราะความสามารถในการรบที่เกรียงไกรและความรวดเร็วอันเป็นที่ยอมรับกันในหมู่มนุษย์หมาป่าและมันช่วยอุดรอยโหว่เรื่องจำนวนสมาชิกในเผ่าไปได้สมบูรณ์  แต่ถึงกระนั้นใช่ว่าลานูฟจะไร้เทียมทานเสียทีเดียว  พวกเขายังคงต้องมีความสัมพันธ์ฉันมิตรกับเผ่าอื่นๆอยู่บ้างเพื่อรักษาดุลอำนาจและสร้างเกราะป้องกัน  การสร้างความสัมพันธ์นั้นก็มีอยู่หลายต่อหลายวิธีได้ในทั้งทางตรงและทางอ้อม  มนุษย์หมาป่าก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับมนุษญ์มากนัก พวกเขาจึงเลือกวิธีเชื่อมความสัมพันธ์ทางตรงซึ่งย่อมได้ผลแน่นอนและมั่นคงกว่า...อย่างเช่นกษรรวมสายเลือดระหว่างเผ่า.....แม้วิธีนี้จะกระชับความสัมพันธ์ได้แนบแน่นก็จริง ทว่าในบางครั้งมันก็นำมาซึ่งปัญหายุ่งยากบางประการเช่นกัน...



          "ท่านพ่อ !!!  ท่านพ่อ !!!"

       ในบ่ายแก่ๆวันหนึ่ง ที่หน้าบ้านพักท่านผู้นำเผ่าสูงสุดแห่งลานูฟมีชายหนุ่มคนหนึ่งมายืนตะโกนร้องเรียกด้วยเสียงไม่เบานักต่ก็ไม่ได้ถึงกับเอ็ดตะโรอะไร  รูปร่างสูงโปร่งชะลูดอวดกล้ามเนื้อแต่พองามของร่างท่อนบนที่ไม่ได้สวมใส่สิ่งใดตามธรรมเนียมปฏิบัติของชายหนุ่มในลานูฟทั้งหลาย  แต่สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มผู้นี้ดูโดดเด่นเป็นพิเศษก็คือ เส้นผมหยิกดำยาวสลวย  ผิวสีทองราวกับอาบทาด้วยน้ำผึ้ง  และโครงหน้าเรียวยาวคมคายคิดหวานละมุลดวงตาคู่โศกม่นชวนมอง  อย่างที่มองปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าชายผู้นี้จะเป็นใครไม่ได้นอกเสียจากบุตรชายคนที่ 4 ของหัวหน้าเผ่าลานูฟ   "เมส  ลานูฟ"

        ใบหน้าซึ่งเคยเรียบเฉยตามนิสัยนิ่งๆของเขามีร่องรอย "ง้ำ"ปรากฏอยู่ซึ่งนั่นแสดงว่าเมสอยู่ในอารมณ์ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก  และดูเหมือนว่าเขาจะยิ่งอารมณ์เสียมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นชายที่เขาเรียกว่าพ่อเดินยิ้มเผล่ออกมาจากหลังประตูไม้ทรงโค้งของบ้านพักซึ่งสร้างเอาไว้ยิ่งใหญ่สมตำแหน่งหัวหน้าเผ่า

         "อ้าว...เมส..มีอะไรหรือลูก"

        มิวท์  ลานูฟ   ผู้นำเผ่าของลานูฟคนปัจจุบันเป็นมนุษย์หมาป่าผู้มีรูปร่างกำยำทรงอำนาจ  แม้บุคลิคของเขาจะดูขี้เล่นเเสนกวนดูอารมณ์ดีดยู่ตลอดเวลาซึ่งนั่นก็เหมาะสมแลัวสำหรับบทบาทผู้นำเผ่าสุนัขหมาป่าซึ่งมักจะมีการกระทบกระทั่งกันอยู่บ่อยๆ  แต่ในบางครั้งเมสก็คิดอยู่เหมือนกันว่า บิดาควรจะลดความขี้เล่นลงบ้างในเวลาที่ต้องพูดเรื่องจริงจัง

       "ลูกคิดว่าท่านพ่อน่าจะรู้ดีว่าลูกมาเรื่องอะไร"

        มนุษย์หมาป่าหนุ่มกดเสียงเข้มตอบ  โดยธรรมเนียมผู้นำเผ่ามนุษย์หมาป่าทั่วไปที่มักจะมีภรรยาหรือคู่ครองมากกว่าหนึ่งคน  นั่นหมายถึงทายาทที่จะตามมาอีกขบวน  อย่างบิดาของเมสก็มีลูกหญิงและชายรวมๆกันได้กว่าสิบคน  การที่จะให้ลูกซึ่งเกิดต่างมารดามาอยู่ร่วมกันนั้นเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่ง  ดังนั้นพี่น้องบางคนรวมถึงตัวเมสเองก็จะแยกออกไปอยู่ตามลำพังนานๆครั้งหรือหากมีธุระก็จะเข้ามาเยี่ยมผู้ให้กำเนิดสักครั้งหนึ่ง

         เมสเองแล้วหากไม่มีธุระจำเป็นจริงๆเขาก็แทบจะไม่ย่างกรายมาที่บ้านบิดาโดยเด็ดขาด  เพราะเดิมทีบุตรที่เกดิจากภรรยาคนโปรดอย่างเขาก็ถูกเพ่งเล็งมากพออยู่แล้ว  เขาต้องการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าอย่างที่สุด  เมสรู้ว่ามีพี่น้องหลายคนไม่ชอบขี้หน้าเขา  เพราะไม่อยากให้บิดาลำบากใจชายหนุ่มจึงหลีกเลี่ยงการปะทะมาโดยตลอด  แต่ว่าหากเลี่ยงไม่ได้จริงๆเมสก็จำเป็นต้องเดินหน้าสู้เต็มที่   อย่างเช่นวันนี้....


          "ก็แล้วมันเรื่องอะไรกัน  พ่อไม่เห็นจำได้ว่าไปทำเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจให้จนมนุษย์หมาป่าติดรังอย่างลูกต้องเผ่นออกมาถึงที่นี่..."

      มิวท์ถามยิ้มๆด้วยประโยคหยิกแกมหยอกอยู่ในทีอย่างที่มองก็รู้ว่าเป็นการกวนอารมณ์  คนเป็นลูกเม้มปากกลั้นข่มอารมณ์ที่กำลังจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าอย่างอดทน เขารู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเต้นไปตามการยั่วยุของบิดา

          "เรื่องกอร์น การ์เซีย.."

       ชายหนุ่มเอ่ยบอกเสียงเย็น  เพียงเท่านั้นผู้นำเหล่าลานูฟก็ยิ้มออกมาทันที ร้องอ้อออกมาเบาๆว่ารับรู้และเข้าใจแล้ว

        "แล้วยังไง  มันมีปัญหาอะไร..."

      เมื่อเสียงนิ่งๆเนิบๆจบลงความอดทนจนเต็มกลั้นของเมสก็สะบั้นลงทันที..

      "มีแน่ !!  ถ้าท่านพ่อไม่ส่งมียาไปเป็นเจ้าสาวแทนลูก !!"


       มียา....เมสเอ่ยถึงน้องสาวคนเล็กของบ้านที่น่ารักน่าทนุถนอมท่าทางหรือก็น่ารักน่าเอ็นดู ไม่ว่าใครเห็นก็คงปฎิเสธไม่ลง และหากจะส่งไปเป็นเจ้าสาวต่างเผ่าตามธรรมเนียมของลานูฟและการ์เซ๊ยที่มีมาเนิ่นนาน ใครเห็นก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามียาเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ที่สุดไม่ใช่ เมส  ผู้นี้...

      "  ทำไมล่ะ  เป็นลูกไม่ได้รึ  เป็นเมส ลานูฟแล้วมันเสียหายยังไง  ?"

       มิวท์ยังคงตั้งคำถามกับลูกชายคนที่ 4ด้วยเสียงทุ้มนุ่มอมรอยยิ้มละมุลอยู่เช่นเดิม  นั่นทำเอาเมสเกือบจะคลั่งขึ้นมาทีเดียวกับคำถามที่เหมือนไม่ได้รับรู้ความเป็นจริงของบิดา  จริงอยู่ว่าในเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่าไม่ได้ถือเรื่องชายหรือหญิงในการเลือกคู่ครอง  แต่นั่นก็ต้องดูที่ความเหมาะสมเป็นหลักด้วย  เอาเถอะ..เมสปิดตาแน่น  แม้จะดูเป็นการตอกย้ำตัวเองอยู่  แต่เมสก็จำต้องพูดเผื่อท่านพ่อจะเกิดอาการเห็นสัจธรรมขึ้นมาบ้าง

       "ท่านพ่อก็รู้ใช่ไหมว่าลูกเป็นนักรบ..."

       เมสเกริ่นเมื่อสงบอารมณ์ไว้ได้แล้ว  เขาคิดว่าต้องใช้ความอดทนอยู่มากกว่าจะพูดกับบิดารู้เรื่อง

       "ก็ใช่  ลูกเป็นนักรบที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเผ่าเรา  แล้วพ่อก็ภูมิใจในตัวลูกมากด้วย.."

     "แล้ว...นักรบอย่างลูกจะไม่ยอมให้ใครหน้าใหน  "ลูบคม"  เด็ดขาด.."

        มิวท์เกือบกระตุกยิ้มเมื่อฟังคำพูดสื่อความนับอ้อมๆของลูกชายเพราะเมื่อพูดจบคนพูดก็หน้าแดงระเรื่อมันดูยิ่งน่าขบขันเมื่อเจ้าตัวพยายามจะตีสีหน้าจริงจังกลบเกลื่อนไปด้วย...

       "ก็ใช่...โดยส่วนมาก..."

     "แล้ว..."   คราวนี้เมสลากเสียงนานกว่าปกติ..

      "..ท่านพ่อก็รู้ว่าลูกไม่มี "อะไร"  ที่เหมาะสมกับการเป็นเจ้าสาวเลยสักอย่าง.."

      ดูเหมือนว่าคำนี้จะทำให้มิวท์ชะงักได้เป็นครั้งแรก   เขาเลื่อนดวงตาสีดำเข้มมากวาดมองทั่วร่างบุตรชาย กวาดขึ้นและลงหลายครั้งจะจะไปหยุดที่ใบหน้าซึ่งกำลังแดงจัดยิ่งกว่าเดิมด้วยการมองแบบนั้นของบิดา

      "ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่.."

       "ท่านพ่อ !!"

      มิวท์หัวเราะลั่นออกมาทันทีเพราะเสียงร้องขัดใจ  ไม่บ่อยนักที่เมสจะยอมแสดงท่าทีงอแงออกมาให้ใครๆเห็น  หากว่านั่นไม่ได้เหลืออดเหลือกลั้นจริงๆแล้วล่ะก็เมสก็พร้อมจะยอมเก็บเอาไว้แต่ในใจ หากว่าคงไม่ใช่กับครั้งนี้

       "เจ้าสาวแบบนี้น่ะหรือไม่เป็นอะไร !!   ในเมื่อท่านพ่อก็น่าจะเข้าใจได้ทั้งหมดแล้วทำไมยังไม่ยอมส่งมียาไปแทนลูกอีกเล่า !!"

      "เอาล่ะๆ.."

       ท่านผู้นำพยายามกลั้นหัวเราะยกมือห้ามไม่ให้เมสพูดอะไรต่ออีก  หมาป่าหนุ่มย่นคิ้วไม่พอใจแต่ก็จำต้องสงบปากลงไม่อยากต่อปากต่อคำกับบิดามากไปกว่านี้..

      "พ่อรู้ๆ  พ่อเข้าใจ  ฟังพ่อนะเมส  อย่าเชื่อฝังหัวอย่างนั้น  ไม่มีอะไรที่แน่นนอนนักหรอก  จริงอยู่ว่าลูกอาจจะคิดว่าลูกไม่เหมาะสมกับการเป็นเจ้าสาวเพียงเพราะว่าลูกตัวสูงชะลูด  หุ่นไม่ได้บอบบาง  แข็งแกร่ง คมคาย  เคร่งขรึม  ไม่ว่าง่าย...แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าลูกไม่มีคุณสมบัติของเจ้าสาว....อาจจะมีใครซักคน...คนที่ชอบ..และปารถนาในตัวลูกที่เป็นลูกอย่างนี้...คนที่พร้อมจะยอมรับในทุกสิ่งของลูก..."

       มันจะมีคนวิปริตขนาดนั้นเหลืออยู่ในโลกด้วยหรือ !!


      เมสได้แต่คิดอย่างหงุดหงิด  ไม่มีชายร่วมเผ่าคนใดจะกล้าแกร่งเกินไปกว่าเมส  ซ้ำในบางครั้งก็มีพวกอ้อนแอ้นที่สมัครใจอยากจะมาขอเป็นเจ้าสาวของเมสเสียด้วยซ้ำ  แล้วอย่างนี้ยังจะมีไอ้เพี้ยนที่ไหนอยากได้เมสไปเป็นเจ้าสาวอีก !!

       "แล้วพ่อว่าเหตุผลที่ลูกปฏิเสธคงไม่ได้มีอยู่แค่นั้นหรอกใช่ไหม ?.....เมส...นี่ลูกยังไม่ยอมลืมเรื่องนั้นอีกหรือยังไง.."

      มิวท์ลอบจับสังเกตุกิริยาลูกชาย  ร่างสูงเพรียวกระตุกแล้วนิ่งเงียบไปทันที    ใบหน้าคมซ่อนหวานเคร่งขรึมจนเกือบจะเรียกได้ว่าหม่นเศร้าก่อนจะเมินหน้าหนีไปอีกทางหนึ่งราวกับไม่ต้องการให้ใครจับได้ในอารมณ์ความรู้สึกภายใน...

       "ลูกไม่ได้บอกท่านพ่อหรือว่าอย่าเอ่ยเรื่องนั้นให้ลูกได้ยินอีก.."

      "เมส ..."

      "ท่านพ่อ !!"

      "เปล่า..."

       มิวท์รีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ  ไปจี้จุดเข้าแบบนี้ก็สมควรอยู่ที่บุตรชายจะมีท่าทีแข็งกร้าวขึ้นมาทันตา  มิวท์รู้ว่าลูกชายเจ็บปวดเพียงไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต  แววตาของเมสราวกับจะขาดใจรอนๆทุกครั้งที่ถูกสะกิดรอยแผลให้หวนไปคิดถึงเรื่องในเวลานั้นอีก..


        เดิมทีเมสไม่ใช่คนที่สุขุมจนเกือบจะเป็นเย็นชาเช่นนี้  เขาในวัย15ปีเป็นเด็กหนุ่มอ่อนโลกสดใสร่าเริงธรรมดาๆคนหนึ่ง  นอกจากนี้เขายังมองโลกในแง่ดียิ้มง่ายและ....สวย

    ใช่  ไม่มีคำใดที่จะอธิบายความเป็นเมสในตอนนั้นได้มากกว่าคำนี้   มารดาของเขาเป็นบุตรสาวของผู้นำระดับสูงคนหนึ่งในเผ่า นางเป็นนักปราชญ์ที่ฉลาดเฉลียวทันคน  แต่ก็อ่อนหวานจิตใจงดงามเช่นเดียวกับใบหน้าของนาง  น่าเสียดายที่นางลาโลกใบนี้เร็วเกินไปจึงไม่ทันได้เห็นว่าบุตรชายของนางถอดแบบผู้เป็นแม่มาแทบไม่มีสิ่งใดผิดเพี้ยน  เมสเองก็เช่นกัน  เขาฉายแววฉลาดสมกับสายเลือดนักปราชญ์มาตั้งแต่ยังเล็กๆ  และรูปร่างอ้อนแอ้นบอบบางของเขาก็บอกได้ว่าเขาไม่เหมาะสมที่จะเป็นนักรบ  ซึ่งเมสก็เข้าใจในข้อนี้ดีเขาจึงตั้งหน้าตั้งตาศึกษาหาความรู้โดยที่ไม่เคยแม้แต่จะจับอาวุธเลยสักครั้ง  หากแต่เหตุการณ์ในครั้งนั้นก็เปลี่ยนเด็กหนุ่มคนเดิมไปโดยสิ้นเชิง

           ในคืนเพ็ญปีที่15ของอายุ   พระจันทร์กลมโตทอดทออยู่เหนือกรอบฟ้าสีน้ำเงินเข้มหม่น  เมสในวัย15กำลังเริงร่าวิ่งตะลุยอยู่ในป่ารกชัฏ  ตามวิสัยมนุษย์หมาป่าก็ไม่แปลกอะไรที่เมสจะรู้สึกสดชื่นในคืนพระจัทร์เต็มดวง  เพียงแต่ว่าเมสอาจจะยังไม่ถึงขั้นพวกที่ผ่านพ้นช่วงอายุและผลัดขนในวัยยี่สิบปี  พวกนั้นจะเป็นหมาหิวตื่นตัว  มนุษย์หมาป่าจึงต้องมีคู่ก่อนอายุ20ปีหรือไม่ก็ต้องหลบอยู่แต่ในบ้านในคืนจันทร์เต็มดวงเพื่อไม่ให้เกิดการล่าหาคู่ในวันจันทร์เต็มดวง  ส่วนในฤดูแห่งการสืบพันธุ์นั้นเมสได้ยินมาว่าจะมีวิธีการพิเศษที่ช่วยระงับความเปล่าเปลี่ยวได้ซึ่งสำหรับในวัยนี้มันยังคงเป็นความลับสำหรับเมสอยู่  แต่ถึงจะมีสัญชาติญาณในการหาคู่มากกว่ามนุษญ์ แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ยังรู้จักควบคุมตัวเองแม้จะมีสายเลือดของสัตว์ป่าแต่พวกเขาก็สูงกว่าเดียรัจฉาน

       เมสมักจะลอบออกมาเที่ยวเล่นนอกเผ่าอยู่บ่อยๆ  แม้พี่เลี้ยงจะสอนแล้วสอนอีกก็เถอะว่ามันอันตราย  แต่อะไรจะน่าสนุกแล้วก็ท้าทายเท่ากับการแอบลอบเข้ามาเที่ยวเล่นในดินแดนอื่นล่ะ   นอกจากนี้เมสยังไม่ชอบผู้ติดตามที่คอยห้ามเมื่อเขาจะทำเรื่องห่ามๆอะไรขึ้นมาบ้างทุกครั้งเมสจึงลอบออกมาคนเดียวเท่านั้น

         เขตรอยต่อของเผ่าลานูฟและการ์เซียเป็นที่ๆเมสโปรดปรานที่สุด   ที่นี่มีน้ำตกเย็นชื่นใจน้ำใสแจ๋ว  กลินหอมของมวลดอกไม้  และถ้ามาตอนกลางคืนจะเห็นฝูงหิ่งห้อยนับร้อยล้านตัวออกมาบินว่อนให้ได้ยลความงามตามธรรมชาติของมัน

       อย่างทุกครั้งที่ลอบหนีออกมาเมสจะถอดเสื้อผ้าวางไว้ริมฝั่งแล้วค่อยๆหย่อนกายลงไปในน้ำใสแจ๋ว  พี่เลี้ยงสอนให้เขามีนิสัยรักความสะอาดเมสจึงชอบน้ำและการอาบน้ำเป็นชีวิตจิตใจ  เด็กหนุ่มวักน้ำลูบไล้ผิวกายเนียนสวยที่ไร้แม้สักเสี้ยวรอยขีดข่วน  ริมฝีปากอิ่มอวบนุ่มยิ้มอย่างพึงพอใจกับความสุขที่มีพลางขยับครวญเพลงอารมณ์ดี

                   ข้าคือลานูฟ
                 ลานูฟขนเทา
                เผ่าลานูฟกล้าแกร่ง
                เผ่าลานูฟยอดนักรบ
                มีนักปราชญ์สมองเพชร
                มียอดคนใจเด็ด
                ลานูฟ  ลานูฟ
                ลานูฟขนเทา
                เผ่าแห่งคนกล้า
                ข้าคือลานูฟ


      มันเป็นเพลงที่เด็กเล็กๆในลานูฟชอบร้องเล่นกัน    เมสชอบเพลงนี้มากมารดาเคยร้องกล่อมเขาเมื่อยังเล็กๆแม้จะโตแล้วเขาก็ยังเอามาร้องเล่นจนติดปากอยู่เสมอ
      เสียงเพลงสดใสขับขานไปทั่วไฟรในยามราตรี มันช่างไพเราะกังวาลน่าฟังด้วยสำเนียงอ่อนอ้อยอย่างผู้ที่รู้จักศิลปะในการขับร้องดี  เมสมักจะได้รับเชิญให้ไปร้องนำในพิธีสวดขอพรเทพอยู่เสมอด้วยเสียงกังวาลหวานก้องของเขา  หากแต่เสียงเพลงไม่อาจช่วยอะไรเขาได้ในยามนี้  กับยามที่ร่างใหญ่โตกำยำร่างหนึ่งกระโจนออกมาจากความมืดที่แอบเร้นแฝงตัวมาเนิ่นนาน    ผืนน้ำแตกกระจายออกจากกันเมื่อร่างนั้นกระโดดลงมาถึง  เมสผงะตกใจเขาทำอะไรไม่ถูก   ไม่มีคำพูดใดมือหยาบกร้านที่แข็งแกร่งจนกุมต้นแขนเล็กได้แน่นก็จัดการกระชากเมสด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลเกินกว่าเด็กหนุ่มร่างบางจะต้านทานไหว  แล้วทุกอย่างก็เข้าสู่ความมืดมิดเมื่อดวงตาถูกพันธนาการด้วยผ้าที่มีกลิ่นเหงื่อชื้นแน่นหนา  สัญชาติญาณดิบของเมสยังต่ำต้อยนัก เขาแยกแยะกลิ่นบนร่างนั้นไม่ออกเสียด้วยซ้ำ  นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าเขารับรู้ได้ก็เพียงแต่ความเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับตัวเองเท่านั้น.....


      "ไม่......อย่าาา...."


      เสียงกรีดร้องแหบโหยก้องดังไปในอากาศ.....แต่ราวกับสายลมหวีดหวิวไร้ผู้สดับฟัง....


      "อย่าทำ...ข้าเจ็บ...อย่าทำ......ได้โปรด..."


            มีเพียงเสียงกรีดร้องจนแทบขาดใจของตัวเองเท่านั้นที่ดังก้องชัดในหู...รวมถึงความร้าวรานขยะแขยงสาหัสที่ปรากฏชัดในห้วงความทรงจำ  ทั้งเสียงหอบหายใจของบุรุษที่ไม่เห็นหน้าเหนือร่างของเขา  หรือริมฝีปากที่กัดกินฉีกกระชากความผุดผ่องไปจากเขาแล้วทิ้งคราบราคีเอาไว้ให้

        มันคือฝันร้ายที่เมสจะไม่มีวันลืม  แม้จะผ่านมาถึงเจ็ดปีแล้วก็ตาม...

       เมสรู้สึกตัวในอีกเช้าวันต่อมาในสภาพเป็นไข้ซม  พี่เลี้ยงบอกเขาว่าคนในเผ่าออกตามหาและไปพบเขาถูกนำมาทิ้งไว้ตรงศาลาทางเข้าเผ่า  หากว่านั่นไม่ใช่ฝันร้ายเดียวของเมสเมื่อข่าวลือของเขาแพร่กระจายไปจนทั่วเผ่า   จนตอนนี้เมสก็ยังจำได้ว่าเจ็บปวดแค่ไหนกับสายตาที่มองมา มันเกือบจะทำให้เขาเป็นบ้าหากว่าไม่มีบิดาและพี่ๆน้องๆที่ให้ความห่วงใยเมสก็คงกลายเป็นคนวิกลจริตไปแล้ว

             สภาพกดดันบีบบังคับให้เด็กหนุ่มคนหนึ่งเปลี่ยนจากเด็กหนุ่มที่สดใสอ่อนโยนกลายเป็นคนหยาบกระด้างต่อต้านสังคมเก็บตัว  กว่าสองปีที่เมสเอาแต่หลบหน้าผู้คนกว่าเขาจะกล้าออกมาเผชิญหน้าใครๆ  เมสเข้าร่วมกองทัพเขาฝึกอย่างเอาเป็นเอาตายไม่สนใจคำสบประมาทดุหมิ่น  ในใจมีแต่ความคลั่งแค้น  แค้นในความอ่อนแอของตัวเองจึงถูกย่ำยีได้ง่ายดายขนาดนั้น  เขาต้องแกร่ง ต้องเข้มแข็ง  ต้องไม่พ่ายแพ้ให้แก่ใคร  ระยะเวลาบวกกับความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ส่งให้เด็กหนุ่มนักปราชญ์คนเดิมก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งนักรบอันดับหนึ่งของเผ่า  ไม่มีใครกล้าดูถูกเขาได้อีก  แต่เมสกลับไม่รู้ตัวเลย  แม้ร่างกายจะแข็งแกร่งขึ้น  ทว่า  หัวใจของเขานั้นไม่ได้ถูกเยียวยาใดๆเลย  หัวใจดวงนี้ยังคงบอบช้ำและอ่อนแออยู่เช่นเดิม...



     

      "อันที่จริงพ่อก็อยากเปลี่ยนตัวเจ้าสาวอยู่เหมือนกัน  แต่ว่ากรณีนี้คงไม่ได้จริงๆ...."

      มิวท์เปรยหลังจากนิ่งไปนาน   กรณีที่ว่าในคราวนี้ก็คือในทุกๆครั้งการแต่งงานข้ามเผ่าจะมีการกำหนดไว้ชัดเจนถึงฝ่ายที่จะต้องส่งเจ้าสาวเเละฝ่ายเจ้าบ่าว ซึ่งในคราวนี้ฝ่ายเจ้าบ่าวก็เวียนมาถึงคราวของเผ่าการ์เซีย  สำหรับสิทธิของผู้เป็นเจ้าบ่าวนั้นคือ มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องขอแต่งงานกับใครในเผ่าคู่เจ้าสาวก็ได้ตามความเหมาะสม  เป็นเช่นนี้มาเนิ่นนาน  โดยปกติแล้วทางฝ่ายเจ้าบ่าวจะเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ต่างเผ่าและผูกสัมพันธ์กับผู้ที่ตนพอใจจากนั้นจึงจะเกิดการวิวาห์ขึ้น    แต่ในคราวนี้นั้นทางเจ้าบ่าวมีการระบุผู้ที่ต้องการวิวาห์ไว้ชัดเจน

     
          "ทำไมครับ ?"


          "ก็เพราะ....กอร์น  การ์เซียระบุมาชัดเจนเลยน่ะซิ....ว่าต้องการ  เมส  ลานูฟ  ไปเป็นเจ้าสาวของเขาเท่านั้น..."


          "  อะไรนะ !!!"

       เมสตะโกนอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง  ยังมีคนวิปริตแบบนี้เหลืออยู่อีกจริงๆ  นอกจากนี้  เมสหนาวเยือกอยู่ในร่าง  ทุกคนในเผ่าย่อมรู้จักฐานะของตนดี มีรึจะกล้าจู่โจม  หากถูกจับได้ไล่ทันขึ้นมาบิดาขี้เล่นแต่เวลาโกรธกลับอำมหิตผิดวิสัยคงไม่ปล่อยเอาไว้แน่   แล้วบุรุษรูปร่างสูงใหญ่  ผิวสีทองแดงที่เห็นเพียงแว่บใต้แสงจันทร์เป็นสีทองแดง  ทั้งหมดล้วนบ่งชี้ไปที่เผ่าการ์เซีย  แต่เมสไม่เคยปริปากบอกใครเพราะเขาไม่มีหลักฐานและม่ไอยากให้เกิดปัญหากับความสัมพันธ์ของเผ่า  แต่...

      มันเรื่องอะไรที่เขาจะต้องไปเป็นเจ้าสาวของคนเผ่านั้นด้วย !!!!



      "ถ้าหากจะปฏิเสธ ตามมารยาทลูกคงต้องไปด้วยตนเองแล้วล่ะเมส.."
      

      มิวท์เอ่ยออกมาอีก แววตาเห็นใจผู้เป็นลูก  เมื่อเมสทำหน้าหนักใจขึ้นมาทันที  แน่นอนว่าเมสไม่มีทางอยากไปเยือนเผ่าที่เขาแสนเกลียดแน่  แต่ให้เลือกระหว่างไปตัดปัญหาแค่ครั้งเดียวกับการต้องไปอยู่ทั้งชีวิตแทบไม่ต้องคิดชายหนุ่มก็รู้คำตอบในทันที

      "ลูกจะไปปฏิเสธด้วยตัวเอง...."



    100 %- - -  - -- เจ้าค่า


    อย่างที่เห็นอยู่หน้าบทความนะคะ

    แต่งตามใจฉันอยากแต่งอะไรก็แต่ง

    พักนี้ไรเตอร์ไม่มีเวลามาอัพท่านกาอาระได้เปิดคอมร์นิดๆก็เลยแอบเอา

    ไฟล์งานเก่าที่เขียนไว้แสนนานมาลงให้

    แก้ขัดไปก่อนค่ะ 55+

    นี่เป็นเรื่องที่เขียนขึ้นก่อนหน้าจอมใจนายทัพอีกค่ะ

    พระเอกเรื่องนี้เป็นน้องชายนายกิล  การ์เซียเรื่องโน้น

    แต่เจนกลับชอบกอร์ณมากกว่าแฮะ  เพราะอะไร เดี๋ยวไปตามดูกัน

    ประกาศไว้ตรงนี้เลย เจนเจ้าแม่วาย(แบบแอบๆ) ค่ะ 55+

    บาย คราวหน้าคงเป็นของท่านกาอาระชัวร์ไว้เจอกันนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×