ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic one piece:Under the pain of love

    ลำดับตอนที่ #1 : Intro

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ย. 60


    Doffee X Croc
     
      Under the pain of love

     

    ความรักมีหลายรสในคำเพียงคำเดียว

    บางครั้งเป็นไวท์หอมกรุ่น หวานล้ำ  

    บางครั้งเป็นพริกเผ็ดซ่านแสบปาก

    บางครั้งเปรี้ยวปรี๊ดเข็ดฟัน

    หลายครั้งนุ่มเรื่อยละมุนเหมือนฟองเบียร์

    แต่บ่อยครั้งมันก็มาพร้อมรสขมของบอระเพ็ด

    และแกคือรสนั้น...ขมปร่า... แต่ติดปลายลิ้นไปแสนนาน

     

        Doffee x Croco

     

       มีคำพูดของใครคนหนึ่งเคยผ่านหูเพียงครั้งเดียว แต่น่าแปลกที่จดจำมันไได้จนขึ้นใจ สำหรับความสุขที่ผ่านมาเป็นร้อยพันครั้ง มันจะเป็นแค่ความทรงจำเลือนรางในความรู้สึก ไม่เหมือนความเจ็บปวดที่แม้จะผ่านเข้ามาเพียงครั้งแต่เราจะจดจำมันได้แม่นยำแม้จะผ่านไปนานแสนนาน และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ....

     

       "เขาดูดีกว่าที่เคยได้ยินมาเสียอีก"

      

        "ใช่ เห็นด้วยเลย ดูเป็นผู้ดีกว่าผู้ดีแท้ๆบางคนในนี้ด้วยซ้ำ ท่าทางหยิ่งๆแบบนั้นฉันว่ามีเสน่ห์นะเธอ แบบว่าไงดีล่ะ ดูลึกลับถือตัวเข้าถึงยาก"

     

    "แต่น่าค้นหาชะมัด"

     

     เสียงหวานๆตบท้ายและตามมาด้วยเสียงหัวร่อต่อกระซิกถูกอกถูกใจ บทสนทนาทั้งหมดเป็นของหญิงสาวสามนางที่ยืนจับกลุ่มกันอยู่ตรงโซนเครื่องดื่ม พวกเธอสวมชุดราตรีสีสันสดใสเหมาะกับงานคืนนี้ งานเลี้ยงราตรีกระชับสัมพันธ์กลุ่มเครือข่ายกลุ่มธุรกิจ ซึ่งรวบรวมเอากลุ่มนักธุรกิจขนาดใหญ่ทั่วโลกมารวมไว้และยังรวมถึงผู้มีอิทธิพลในหลายๆด้านทั้งบนดินและใต้ดิน นอกจากนี้ยังนับรวมถึงเหล่านักธุรกิจหน้าใหม่ไฟแรงทั้งหลายด้วย ซึ่งท่านเซอร์คร็อคโคไดร์แห่งอลาบาสต้าก็ถูกนับรวมอยู่ในจำพวกหลังนี้ และบทสนทนาเหล่านั้นหมายถึงท่านเซอร์หนุ่มวัย24ปีคนนี้โดยตรง

          คร็อคโคไดร์ปลายเพียงหางตามองเหล่าหญิงสาวที่แอบพูดคุยเกี่ยวกับเขา ก่อนจะเบนสายตากลับมาโดยไม่ได้เเม้แต่จะมองหน้าหญิงสาวคนใดชัดๆด้วยซ้ำขณะสรุปในใจเรียบร้อย พวกไร้สาระสมองกลวง คงเป็นคุณหนูลูกสาวใครซักคนในงานนี้ เห็นได้ชัดว่ามีดีแต่แต่งตัวและเม้าท์ไปวันๆหาแก่นสารอะไรไม่ได้ ไม่มีค่าจะต้องสนใจ ท่านเซอร์หนุ่มมุ่งความสนใจไปแค่ที่เป้าหมายของตนในคืนนี้เท่านั้น

      ค็รอคโคไดร์ได้รับเชิญมาในฐานะนักธุรกิจหน้าใหม่ผู้น่าจับตามอง สมาคมนักธุรกิจยักษ์ใหญ่ของโลกมีความประสงค์ให้เขาเข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกของสมาคมซึ่งมีผู้บริหารสูงสุดเป็นตระกูลเก่าแก่ยี่สิบตระกูลหลักซึ่งร่วมกันก่อตั้งสมาคมขึ้นและร่วมกันกุมอำนาจเศรษฐกิจโลก ถ้าไม่อย่างนั้นจระเข้หนุ่มคงไม่ย่างกรายออกมาจากอลาบาสต้าและมาอยู่ที่ฐานบัญชาการกองทัพทหารเรือที่เขาเเสนเกลียดอย่างนี้แน่

      ทางสมาคมต้องการให้เขาเข้ารับตำแหน่งผู้นำการค้าทางทะเลที่ว่างลงจากการถอนตัวของสมาชิกรายหนึ่งซึ่งมีปัญหาทางการเงิน ในกลุ่มสมาชิกทางทะเลนี้ยังมีสมาชิกรายอื่นๆรวมตัวเขาแล้วเป็นเจ็ดคนเจ็ดกลุ่มบริษัท แม้อันที่จริงคร็อคโคไดร์จะไม่ได้สนใจตำแหน่งอะไรในสมาคมนี้นัก แต่เมื่อมองดูถึงผลประโยชน์ทางธุรกิจที่จะงอกเงยขึ้นมามันนับว่าคุ้มค่าเขาก็เลยรับเอาไว้

      ในขณะที่รอเวลาท่านเซอร์หนุ่มก็เลยมาหาเครื่องดื่มจิบเป็นวิสกี้สีอำพันรสนุ่มคอ นับว่าเป็นการฆ่าเวลาที่ยอดเยี่ยม

     

     “อย่าดื่มมากนะครับบอส เดี๋ยวจะเจรจาสัญญาไม่รู้เรื่อง”

     

     ดัซ มือขวาคนสนิทอายุไล่เลี่ยกันและทำหน้าที่เป็นทั้งเลขาฯ คนคุ้มกันควบตำแหน่งคนขับรถเอ่ยเตือนเจ้านายเมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายเหนือหัวกำลังกระดกน้ำสีทองลงสู่ลำคอเป็นแก้วที่สี่ติดกันนับแต่ก้าวเข้ามาในงานเลี้ยงหรูหราใหญ่โตแห่งนี้

     ท่าทางเหล้าจะรสดี..

               ดวงตาสีอ่อนกวาดมองไปรอบๆตัว ดัซก็ได้ยินเสียงซุบซิบดังอยู่ทั่วงานเมื่อเจ้านายของเขากรายผ่านไปทางไหนก็มักจะมีบทสนทนาดังขึ้นลอยมาเข้าหู ก็ไม่แปลก แม้จะพูดได้ไม่เต็มปากนักว่าบอสของเขาหล่อจับตาคนแต่เป็นเรื่องบุคลิกล่ะก็รับรองได้ว่ามาดกินขาดกว่าใคร  รูปร่างสูงใหญ่ผึ่งผาย เสื้อผ้าที่ใส่ล้วนแล้วแต่มีราคาค่างวดแน่นอนว่าไม่ใช่แบรนด์เนมหากแต่สั่งตัดมาพอดีตัวจากร้านตัดเสื้อชั้นสูงของโลก คุมให้อยู่ในโทนสีเข้มและมันถูกรีดจนขึ้นกลีบชัดเจน  เส้นผมที่ป้ายเจลแต่งผมจนเรียบกริบ ใบหน้าคมผิวขาวจัดสะอาดสะอ้าน บวกดวงตาเย็นชาจนคล้ายไม่สนใจโลกและใครหน้าไหนก็ยิ่งทำให้บอสดูมีเสน่ห์เฉพาะตัวแบบผู้ดีที่แสนหยิ่งจองหอง...และเพราะแบบนั้นถึงไม่จำเป็นต้องเรียกร้องความสนใจจากใคร ทุกคนก็หันมาสนใจบอสเองอยู่ดี..แต่บอสของเขาจะสนใจกลับหรือไม่นั่นก็อีกเรื่องหนึ่งนะ...

     

      “ก็ไม่เห็นจะมากันซักทีนี่หว่า ไอ้พวกคนใหญ่คนโตนี่มันชอบให้คนอื่นรอแบบนี้ตลอดเลยรึไงวะ”

     

     บ่นออกมาเป็นครั้งแรกและไม่สนใจคำเตือน จระเข้หนุ่มคว้าวิสกี้แก้วที่ห้าจากถาดที่บริกรเดินเสิร์ฟทั่วงานมาถือไว้แทนแก้วที่ว่างเปล่า และจิบกลั้วคอก่อนจะกลืนลงไปดับความหงุดหงิด แต่ไหนแต่ไรด้วยนิสัยส่วนตัวก็ไม่ใช่คนที่จะมารอใครอยู่แล้ว

     

    " ไม่นะครับบอส อดีตพลเรือโทหญิงซึรุประธานในงานคืนนี้มาถึงตั้งนานแล้ว...ขาดก็แต่ตัวเอกอีกคน"

     

     ดัซก้มลงไปกระซิบกระซาบกับเจ้านายด้วยเสียงที่ดังพอจะได้ยินกันแค่สองคน ชายหนุ่มมาดเนี้ยบทำหน้ารับรู้แต่ก็ยังแลดูไม่สบอารมณ์ไม่เปลี่ยน นอกจากเขาแล้วก็ยังมีอีกคนที่เข้าร่วมกลุ่ม ได้ยินมาว่ามีเชื้อสายของคนในยี่สิบตระกูลหลักซึ่งจนป่านนี้็ยังไม่ปรากฏตัวทั้งที่งานเริ่มมาได้เป็นชั่วโมงแล้ว ถือตัวว่าเส้นใหญ่แบ็กอัพดีซิท่ามาสายยังไงก็ได้ น่ารังเกียจชะมัด

     

    "ชั้นเบื่อจะรอแล้ว จะออกไปข้างนอกหน่อย ถ้าไอ้เด็กเส้นนั่นมันมาถึงแกก็ไปตามชั้นด้วยล่ะกันดัซ"

     

    "ครับบอส ยังไงก็ระวังตัวด้วยนะครับที่นี่ไม่ใช่อลาบาสต้า เราคงทำอะไรไม่สะดวกนัก แล้วอย่าไปไหนไกลนะครับเดี๋ยวถึงเวลาจะตามไม่เจอ"

     

     จระเข้หนุ่มเออออรับคำในเชิงว่ารับรู้แต่ไม่ใส่ใจนักก่อนจะหมุนกายจนโอเวอร์โค้ทที่คลุมอยู่บนไหล่ผึ่งผายสะบัดปลิว ช่วงขาเรียวยาวก้าวเร็วๆพาตัวเองออกไปจากงานเลี้ยงหนวกหู เดินลัดเลาะมาในสวนหน้าตึกที่จัดงานซึ่งเชื่อมต่อไปถึงสระว่ายน้ำทรงกลมขนาดใหญ่ รอบบริเวณติดไฟประดับที่พอจะทำให้เห็นทุกสิ่งได้ชัดเจน สุดท้ายคร็อคโคไดร์ก็เลือกเดินไปหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ผ้าใบริมสระ ยกขาขึ้นไขว่ห้างเอนกายไปกับความลาดเอียงของเก้าอี้สบายๆขณะที่จุดซิการ์ที่พกมาด้วยสูบ ทุกอย่างเป็นท่าทางธรรมชาติที่ไม่ได้ปั้นแต่งใดๆมันเป็นนิสัยโดยแท้จริงที่แสนเนี้ยบมาแต่กำเนิดของชายคนนี้

            โชคไม่ดีที่สระน้ำตั้งอยู่ใกล้ทางเข้างาน สายตาที่สอดส่ายไปเรื่ิอยเปื่อยสำรวจมองทหารที่เฝ้าอยู่ในจุดต่างๆก็ปะทะเข้ากับบางสิ่งขัดสายตา

      ร่างสูงโย่งกับชุดสีชมพู ใช่! สีชมพู ตัดกับผมสีทองที่เห็นเด่นชัดมาแต่ไกล ตัวสูงเปรต มองไงก็ผู้ชายทั้งแท่งแต่ทำไมนิยมแต่งสีแต๋วแหว๋วอย่างนั้น ทั้งกางเกงลวดลายที่แม้จะไม่ชมพูก็ไม่ใช่สีที่ผู้ชายจะใส่ เสื้อตัวในเเหวะเปิดคอเสื้อกว้างเห็นแผงอกแน่นๆคลุมทับด้วยเสื้อขนนกสีชมพูสีสดแบบสะท้อนแสง พอดูดีๆเข้าก็อดสงสัยไม่ได้ว่าใครไปเชิญนกฟลามิงโก้มาเดินเล่นในงานเลี้ยงราตรีกัน ปากของท่านเซอร์หนุ่มแบะออกโดยไม่รู้ตัว รสนิยมห่วยแตก....

      เจ้าแต๋วนั่นเดินนำชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่หลายคนใกล้เข้ามาเรื่อยๆโดยที่มีคร็อคโคไดร์ลอบมองอยู่เงียบๆ เมื่อฝ่ายนั้นใกล้เข้ามามากขึ้นเขาก็เห็นว่าเจ้าหมอนั่นสวมแว่นกันแดดสีม่วงเข้มเอาไว้ด้วย ใส่เสื้อผ้าบ้าๆบอๆไม่พอยังเดาะใส่แว่นกันแดดตอนกลางคืนอีก บ้ากู่ไม่กลับเลยจริงๆ  ไม่นึกว่าในบรรดานักธุรกิจจะมีพวกหลุดโลกแบบนี้โผล่มาด้วย มองอีกเล็กน้อยก็ตั้งท่าจะถอนสายตาหนีเพราะหมดความสนใจแล้วหากก็ต้องสะดุ้งนิดๆเมื่อคนที่แอบนินทากัดเจาะซะพรุนหันมาสบตาด้วยเหมือนรู้ว่ากำลังถูกแอบมอง เจ้าของแฟชั่นฉูดฉาดชะงักหยุดเดินก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างขวางส่งมาให้ กว้างจนเห็นฟันครบหมดทุกซี่ แต่คนถูกยิ้มให้นี่ซิที่นั่งอ้าปากค้างไปแล้วพร้อมกับรีบถอนสายตามารวดเร็ว ไม่ได้รู้จักกันซะหน่อยมายิ้มให้ทำไมวะจะบ้ารึเปล่า?

         ท่านเซอร์หนุ่มลุกพรวดขึ้น เหล่มองไอ้คนแต๋วแตกก็ยังเห็นส่งยิ้มข้ามสระน้ำมาให้ไม่หยุดยิ่งรู้สึกสยอง ดวงตาภายใต้แว่นกันแดดสีจัดที่มองตรงมา ไม่เห็นแววตาหรอกและไม่อยากจะเห็นด้วย จัดการดับซิการ์เก็บใส่กล่องแล้วรีบจ้ำกลับเข้าไปในงานและไม่เหลียวหลังมองอีกเลย

     

     

     

      “อ้าว บอส? กลับมาแล้วหรือครับ”

     

    “เออ!

     

      ตอบห้วนๆหัวคิ้วย่นเข้าหากันแน่นซึ่งมือขวาที่สังเกตเห็นแล้วก็อดถามไม่ได้

     

      “เกิดอะไรรึเปล่าครับบอส?”

     

    “ไม่รู้ว่ะ ชั้นว่าชั้นเจอศัตรูทางธรรมชาติ”

     

     มือขวาผู้ซึ่งมีรูปลักษณ์สุภาพตัดผมสั้นเกรียน รูปร่างสูงใหญ่ทำหน้าฉงนกับคำพูดของเจ้านายที่หลังจากออกไปพักผ่อนหย่อนใจก็ควรอารมณ์ดีขึ้นแต่ที่เห็นอยู่นี่ดูท่าจะไม่ค่อยดีเสียเท่าไหร่

     เห็นลูกน้องทำหน้าไม่เข้าใจลูกพี่ก็รีบขยายความ

     

     “เมื่อกี้ชั้นไปเจอไอ้บ้าคนนึงมา แต่งตัวอย่างกับหลุดมาจากคณะละครสัตว์ เหมือนมันอยู่คนละเผ่าพันธุ์เดียวกันกับเราเลย รสนิยมอุบาทว์จริงๆ”

     

      ดัซฟังคำพูดของเจ้านายที่นานทีจะลุกขึ้นมาวิจารณ์รสนิยมใครด้วยสีหน้าปุเลี่ยนๆก่อนจะเปลี่ยนเป็นตีหน้ากระอักกระอ่วนขณะชี้มือไปเบื้องหลัง

     

     “หมายถึงคนแบบนั้นรึเปล่าครับ?”

     

    คร็อคโคไดร์หันกลับไป และอย่างไม่ได้ตั้งใจเลย คิ้วเข้มๆกระตุกกึกหนึ่งเมื่อเห็นว่าคนที่ตนกำลังบรรยายถึงกำลังเดินเข้ามาภายในงานและเรียกเอาความสนใจไปรวมกันที่คนคนเดียวทั้งหมด แม้จะไม่ถึงกับชัดเจนนักผู้คนในงานก็ออกอาการพินอบพิเทาต่อชายร่างสูงในชุดสีสันบาดตาบ่งบอกว่าเจ้าตัวมีอิทธิพลมากแค่ไหนในที่นี้

     

     "เจ้านั่นแหละครับบอส ดองกีโฮเต้ โดฟลามิงโก้ นายน้อยของดองกีโฮเต้กรุ๊ปแล้วก็บอสของโดฟลามิงโก้แฟมิลี่ อายุแค่19ก็มีบริษัทเป็นของตัวเองแล้ว เก่งกาจแล้วก็น่ากลัวหาตัวจับยาก มีทั้งอำนาจแล้วก็ความสามารถแบบที่ในร้อยล้านคนจะมีสักคนนึง แล้วที่แต่งตัวบ้าๆบอๆแบบนั้นสงสัยให้เข้ากับฉายาตัวเองมั้งครับ"

     

    "ฉายา?"

     

    "...ครับ ในโลกใต้ดินเจ้าหมอนี่มีฉายาว่าโจ๊กเกอร์ครับบอส"

     

      ท้ายประโยคดัซจงใจแผ่วน้ำเสียงลงเมื่อเจ้าตัวเดินใกล้เข้ามาทุกทีอีกทั้งรอบๆข้างก็เงียบลง เสียงจ๊อกแจ้กจอเเจหายไปเหมือนไม่เคยมีมาก่อนเพราะทุกคนต่างก็หันไปให้ความสำคัญกับผู้มาใหม่หมดแล้ว

      โจ๊กเกอร์สีชมพูกวาดสายตามองไปรอบๆ รอยยิ้มกว้างยังประดับอยู่บนริมฝีปากสีเข้มราวกับเจ้าตัวอารมณ์ดีเสียนักหนา และหยุดเป้าหมายไว้ที่ใบหน้าของคนที่เหมือนจะกำลังมองมาอยู่เช่นกัน ท่านเซอร์หนุ่มแห่งอลาบาสต้าตั้งตัวได้ในคราวนี้จึงไม่ออกอาการตกใจใดๆให้เห็น นอกจากยืดกายตรง เชิดหน้าขึ้นนิดๆ สบตาตอบเด็กหนุ่มอายุ19อย่างไม่หวั่นเกรงแม้จะรู้แล้วว่าเจ้าเด็กตรงหน้าคือมหาวายร้ายที่เขาล่ำลือกัน

          แน่นอน ไม่ใช่ว่าคร็อคโคไดร์ไม่รู้จักโดฟลามิงโก้ ชื่อเสียงของมันดังกระฉ่อนโลกมืดและโลกธุรกิจในฐานะเด็กนรกผู้มีพรสวรรค์และอำนาจเกินอายุ ไม่แปลกที่จะรู้จักอยู่บ้าง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบตัวจริงเป็นๆ ก็เท่านั้น และพอได้เห็นแล้วก็ต้องยอมรับว่าสมคำร่ำลือจริงๆ ถ้าเพียงแต่จะไม่มีไอ้แฟชั่นบ้าบอหลุดโลกนั่นติดมาด้วย

      ร่างสูงใหญ่ด้วยเชื้อชาติกรรมพันธุ์ก้าวตรงเข้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้า และด้วยส่วนสูงที่ห่างกันราวยี่สิบเซนต์ก็เหมือนจะถูกเจ้าเด็กนี่ข่มอยู่กลายๆ กระนั้นท่านเซอร์หนุ่มแห่งอลาบาสต้าก็ไม่ได้ยินยอมให้มันเป็นเช่นนั้น สองมือยกล้วงเข้าในกระเป๋ากางเกงและเชิดใบหน้าขึ้นอีกอย่างเย่อหยิ่งและอวดดี

     

    "แกเหรอคร็อคโคไดร์....ท่านเซอร์แห่งอลาบาสต้าที่เขาล่ำลือกัน ดูเหมือนจะจองหองถือตัวยิ่งกว่าที่ได้ยินมาซะอีกนะ"

     

    "ชั้นจะเป็นยังไงมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเด็กเมื่อวานซืนอย่างแก โดยเฉพาะไอ้เด็กที่กล้ามาพูดกับคนเป็นผู้ใหญ่กว่าด้วยคำพูดไร้มารยาทเหมือนคนไม่เคยถูกอบรมสั่งสอนอย่างนี้"

     

     ท่านเซอร์หนุ่มพูดแล้วหรี่ตาลงมองเด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าตนถึงห้าปี จะเป็นวายร้ายอะไรก็ช่าง มาจากตระกูลมีอิทธิพลแล้วยังไง คิดว่าคนอย่างเขาจะยอมอ่อนน้อมให้เพราะเหตุผลพวกนั้นรึไง

     

    “เห-เห ไม่นึกว่าท่านเซอร์แห่งอลาบาสต้าจะใส่ใจกับแค่เรื่องหยุมหยิมพวกนี้เลยนะ เป็นพวกขี้ใจน้อยรึไงล่ะเนี่ย”

     

     พูดจบก็หันไปหัวเราะลั่นกับเหล่าลูกสมุนด้านหลัง โดยไม่รู้ตัวเลยว่าได้ทำให้คนเป็นผู้ใหญ่กว่าฟิวส์ขาดไปแล้ว สำหรับคร็อคโคไดร์เรื่องที่ถือว่าหยามกันอย่างที่สุดก็คือการที่มีใครไม่ให้เกียรติที่คู่ควรแก่เขาแล้วไอ้เด็กคนนี้มันก็กำลังทำอย่างนั้นอยู่ และโดยที่ไม่ได้ทันตั้งตัวฝ่ามือและนิ้วยาวๆก็ตวัดลงบนใบหน้าคนพูดเต็มแรงชนิดที่ทำใบหน้าเข้มสะบัดไปอีกด้านทันที เรียกเอาเสียงฮือฮาของแขกรอบด้านให้ดังขึ้นและคราวนี้เรียกความสนใจจากคนทุกคนในงานได้เลยทีเดียว

       จระเข้แห่งดินแดนทะเลทรายคลี่ยิ้มเย็นขณะที่พูดเสียงเรียบต่ำ

     

    “งั้นแกคงจะไม่ถือเรื่องหยุมหยิมเมื่อกี้ซินะ มันก็แค่บทลงโทษเล็กๆสำหรับเด็กที่ไม่มีความสำรวม ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่...ดองกีโฮเต้ โดฟลามิงโก้ว่าที่ประธานดองกีโฮเต้กรุ๊ปคงจะไม่ใจน้อยด้วยเรื่องแค่นี้ใช่ไหม?...ไอ้เด็กเหลือขอ”

     

      เสียงกดลงต่ำจงใจให้มีคนได้ยินเพียงคนเดียวในตอนท้าย เมื่อร่างในชุดสูทและโอเวอร์โค้ทตัวยาวก้าวผ่านร่างสูงใหญ่ไปอย่างสง่างามท่ามกลางความตกตะลึงของทุกชีวิตที่มีคนกล้าหาเรื่องกับทายาทของดองกีโฮเต้กรุ๊ปที่ยิ่งใหญ่คนนั้น

     

     “บอสครับ! จะไปไหนครับ!

     

      ดัซที่ตกตะลึงกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับคนอื่นๆได้สติและรีบก้าวเร็วๆตามนายของตนซึ่งมุ่งหน้าออกไปยังทางเข้างานท่ามกลางสายตาของผู้คนนับร้อยๆแต่ไม่ได้อยู่ในความสนใจท่านเซอร์หนุ่มเวลานี้แม้แต่น้อย

     

     “ก็กลับน่ะซิ ถ้าชั้นต้องร่วมงานกับไอ้เด็กเปรตนั่นตายซะดีกว่า!

     

     ตอนท้ายของประโยคประกาศเสียงดังราวกับจงใจจะบอกไปถึงใครบางคนที่กำลังเช็ดเลือดบนมุมปากตนช้าๆและเดินออกไปจากงานโดยไม่เหลียวหลังกลับอีกเลย

         โดฟลามิงโก้มองเลือดสีเข้มของตนบนปลายนิ้วผ่านแว่นกันแดดสีเจ็บที่สวมไว้นิ่ง ไม่มีใครเห็นแววตาที่ซ่อนอยู่ใต้แว่นอันนั้นเพียงแต่รัศมีดำมืดที่เจ้าตัวแผ่ออกมาพร้อมรอยยิ้มที่กว้างขึ้นบนมุมปากทั้งสองก็บอกได้มากพอแล้วว่าความคิดในหัวเด็กหนุ่มวัย19ที่แกร่งเกินอายุคงไม่ใช่เรื่องดี

     

    “อย่าถือคร็อคโคไดร์เลยนะโดฟลามิงโก้ ผู้ชายคนนั้นค่อนข้างถือเรื่องยศศักดิ์พอสมควร แล้วเธอเองก็เป็นฝ่ายทำตัวเป็นเด็กไม่ดี  เกเรกับเขาก่อนไม่ใช่หรือ...”

     

      ประโยคที่ออกจากปากของอดีตพลโทหญิงซึรุที่ตอนนี้ผันตัวมาประกอบธุรกิจทางทะเลหลังเกษียณคล้ายคำเตือนมากกว่าจะเอ่ยปลอบ หญิงชรารู้จักเด็กหนุ่มที่ใกล้จะเป็นผู้ใหญ่เข้าไปทุกขณะคนนี้ดีกว่าใครเพราะเห็นมาแต่เล็กแต่น้อย เธอคาดเดาถึงการกระทำถัดไปของเด็กหนุ่มได้จึงต้องออกปากเตือนเอาไว้ก่อนที่มันจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้น

     

     “คร็อคโคไดร์เป็นคนหนุ่มที่เก่งมากนะ ทั้งที่ทำทุกอย่างด้วยกำลังตัวเองโดยไม่เคยพึ่งพาอำนาจอิทธิพลใครแล้วอายุแค่24ก็มีธุรกิจเป็นของตัวเองหลายๆอย่างรวมทั้งท่าเรือที่อลาบาสต้าที่จะทำให้เราประหยัดค่าขนส่งสินค้าไปได้ครึ่งต่อครึ่งถ้าดึงคร็อคโคไดร์มาเป็นสมาชิกได้ หวังว่าเธอคงจะไม่ทำอะไรให้เป็นการเสียแผนของเราหรอกใช่ไหม?”

     

     อดีตนายพลหญิงผู้เคยเป็นมันสมองของกองทัพเรือเอ่ยกับเด็กหนุ่มผู้ยังมีรอยยิ้มประดับบนปากไม่คลายเป็นครั้งสุดท้าย เพราะจะเชื่อหรือไม่นั้นสุดท้ายแล้วคนที่ตัดสินใจเองก็คือเจ้าตัว  ไม่มีใครจะไปสั่งให้เชื่อได้ทั้งนั้นนอกจากโน้มน้าวใจกันดีๆอย่างนี้..และเธอหวังว่าโดฟลามิงโก้จะฟังแม้สักเล็กน้อยก็ยังดี...

     

      “คร็อคโคไดร์...”

     

      ชื่อนั้นเบาแทบกระซิบเมื่อมันผ่านริมฝีปากกร้านของเด็กหนุ่มออกมา ปลายลิ้นสีแดงสดแลบเลียช้าๆไปทั่วกลีบปากคล้ายกับเวลาที่คิดถึงอาหารแล้วจินตนาการถึงรสชาติของมันไปด้วย

     

    “แล้วเจอกัน...”

     

    100%- -  -เจ้าค่ะ

     

    การได้เขียนอะไรแปลกและแตกต่าง

    นับเป็นความท้าทายค่ะ

    คู่นี้ก็นับเป็นคู่แปลกอีกคู่ที่เจนสนใจค่ะ

    แต่ขอสารภาพว่าคงเขียนในโลกโจรสลัดไม่ไหวแฮะ

     ข้อมูลมากมายก่ายกอง

    จนเกรงจะผิดพลาดเอาได้ค่ะ

    ก็เลยขอเขียนในโลกวันพีซแต่ขอเปลี่ยนจาก

    โจรสลัดมาเป็นนักธุรกิจธรรมดาๆดีกว่าค่ะ

    คอมเม้นต์ติติงได้ตามสะดวกค่ะ

    ขอให้สนุกในการอ่านนะคะบะบาย

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×