ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องสั้นตามใจฉันวัน(ตัน)จัด

    ลำดับตอนที่ #2 : Moon nightmare>02>Yaoi novel

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 163
      0
      18 ก.ค. 54

     


    บทที่ 2


    เมสไม่แปลกใจหรอกที่ใครๆจะมองมาที่เขาด้วยสายตาแปลกประหลาดอย่างนี้ เขาเป็นคนต่างเผ่าและผิวสีน้ำผึ้งของเขาจะตัดกับสีทองแดงของคนเผ่าการ์เซียชัดเจน   ชายหนุ่มจึงทั้งโดดเด่นและกลายเป็นจุดสนใจ   แต่เมสก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนอกจากตกใจเล็กน้อยเรื่องความสูง ที่ลานูฟเมสอาจจะตัวใหญ่และสูงมากแต่ที่การ์เซียเมสพบว่าตัวเองกลายเป็นแค่เพียงชายหนุ่มระดับทั่วๆไปของที่นี่เท่านั้นเอง  ผู้ชายชาวการ์เซียมักมีรูปร่างสูงใหญ่มาโดยกำเนิด  ได้ยินมาว่าถ้ายิ่งเป็นคนในตระกูลหัวหน้าเผ่าพวกเขาจะมีรูปร่างใหญ่โตเช่นเดียวกับตอนอยู่ในร่างสุนัขป่าสีดำ

        กอร์ณ  การ์เซีย...  เขาเองก็จะเป็นเหมือนที่ได้ยินมาหรือเปล่าหนอ...

          เมสเดินทางออกจากเผ่าโดยใช้เวลาสองวันเต็มไม่รวมเวลาหยุดพักแรม จนเข้าวันที่สี่เขาก็มาถึงใจกลางหมู่บ้านของเผ่าการ์เซีย
     เขาเข้าคาระวะหัวหน้าเผ่าการ์เซียคนปัจจุบัน  ท่านลุงเก็น  การ์เซีย ก่อนเป็นอันดับแรก  ซึ่งนั่นก็ไม่ได้มีอะไรเป็นปัญหายุ่งยากมากมาย  ในเมื่อเมสและท่านลุงเก็นนั้นสนิทสนมกันมาตั้งแต่สมัยก่อน    คราวใดที่ไปเยือนเผ่าลานูฟผู้นำเผ่าการ์เซียมักจจะเรียกนักปราชญ์น้อยๆที่แสนเฉลียวฉลาดไปพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในด้านการปกครองอยู่เสมอ   เก็นนั้นทึ่งในตัวของเด็กหนุ่มเช่นเดียวกับที่เมสเองก็ให้ความเคารพนับถือผู้นำต่างเผ่าดุจดังญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง  สิ่งเดียวที่ทำให้เมสไม่รู้สึกว่าการ์เซียเลวร้ายจนเกินไปนักก็เพราะท่านลุงเก็นนี่เอง

         หลังจากนั่งพูดคุยกันอยู่พักใหญ่เมสก็ขออนุญาตเดินสำรวจรอบๆเผ่า  แม้จะสนิทกับผู้นำเผ่าก็เถอะแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เมสมาเยือนเผ่าการ์เซีย  หมู่บ้านมนุษญ์หมาป่าขนดำที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดามนุษย์หมาป่าที่อยู่บนโลกใบนี้     มันถูกรายล้อมด้วยหุบเขาและแม่น้ำที่ไหลคดเคี้ยวผ่านเข้ามาถึงใจกลางหมู่บ้าน  การ์เซียจึงร่มรื่นและอุดมไปด้วยแมกไม้หลากสีสัน  เพราะหมู่บ้านเต็มไปด้วยหุบเขาพวกการ์เซียจึงชำนิชำนาญในการปีนป่ายมากกว่าพวกลานูฟเช่นเขาที่อาศัยในแถบที่โล่งจึงคล่องแคล่วว่องไวกว่า    แต่จะให้ถามเมสแล้วล่ะก็เขาคงต้องบอกว่าชอบเผ่าการ์เซียที่อุดมสมบุณ์มากกว่าลานูฟที่ค่อนข้างแห้งแล้งกว่า 
           ในตอนแรกท่านลุงเก็นบอกว่าจะให้คนมาคอยติดตามนำทางให้  แต่เมสก็ปฏิเสธไปอย่างสุภาพนุ่มนวล  เขาพอใจที่จะเดินชมหมู่บ้านตามลำพังมากกว่าให้คนมาติดตามน่ารำคาญ  แต่ตอนนี้เมสนึกอยากจะได้ใครสักคนมาดึงความสนใจเบนสายตาอยากรู้อยากเห็นสักคนก็ยังดี  อันที่จริงตอนอยู่บ้านพักรับรับรองกับท่านลุงเก็นเมสก็ยังไม่ได้เอ่ยปากบอกถึงธุระที่ตนอุตส่าห์ลงทุนเดินทางข้ามหมู่บ้านมาอย่างนี้เพียงแต่เอ่ยปากนัยๆพอเป็นพิธี  ซึ่งเขามองออกว่าท่านลุงเก็นก็คงจะรับรู้ได้ด้วยความชาญฉลาดของท่าน  และท่านก็ไม่ได้มีท่าทีขัดขวางหรือเอ่ยปากขัดใดๆ นั่นก็ทำให้หมาป่าหนุ่มแห่งลานูฟรู้สึกใจชื้นขึ้นอีกเป็นกอง ซ้ำท่านลุงเก็นยังอุตส่าห์ใจดีช่วยอุตส่าห์บอกให้ด้วยว่าบุตรชายคนที่สองของท่านเป็นคนไม่ชอบมีปัญหาอะไรกับใคร เข้าใจอะไรได้ง่ายๆ   ได้ฟังแบบนั้นเมสจึงรู้สึกมั่นใจถึงผลลัพท์ปลายทางไปกว่าครึ่งว่าการมาในหนนี้ของเขาคงไม่เสียเที่ยวอย่างแน่นอน...
        เมื่อรู้สึกแบบนั้นเมสจึงหันมาให้ความสนใจกับการชมหมู่บ้านก่อนจะไปพบคนที่เขามีธุระด้วยอย่างสบายอกสบายใจยิ่งขึ้น  บางทีคงเป็นการเข้าใจอะไรผิดบางอย่าง หรือไม่แน่ว่านี่จะเป็นแผนการเจ้าเล่ห์ของท่านพ่อที่ต้องการให้เขาออกมาเที่ยวเล่นข้างนอกบ้างกระมัง...กลับไปเห็นทีต้องสะสางบ้างเสียแล้ว..

        "ชั้นอยากพบกอร์ณ  การ์เซีย  ชั้นจะได้พบเขาได้ที่ไหน "

           เมื่อเลี่ยงไม่ได้จริงๆเมสก็ตัดสินใจใช้ให้เกิดประโยชน์   เขาตรงเข้าไปหาหญิงสาวที่จ้องมองมาอยู่นานแล้ว  เอ่ยปากถามเจ้าหล่อนที่มีท่าทีตื่นตระหนกแต่เมสก็ไม่ได้สนใจนัก  เขาอยากได้เพียงคำตอบ  ไม่ได้รู้ตัวด้วยซ้ำว่าท่าทางและใบหน้างดงามของเขาทำให้คนถูกมองรู้สึกประหม่าแค่ไหน

       "ช่วงเวลานี้ท่านกอร์นไม่น่าจะอยู่ที่บ้านพักค่ะ..."    หญิงสาวคนเดิมเอ่ยตอบเสียงเบาหวิวเธอบีบมือตัวเองเรียกกำลังใจ   เมสนึกรำคาญท่าทีเหล่านั้นเขาไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องทำท่าทางอย่างนั้นกับเขา ชายหนุ่มตีความไปเสียอีกว่าเธอกำลังหวาดกลัวตัวเอง  แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องกลัวเอามากขนาดนั้นด้วย ?..

       "แล้วเขาไปไหน.."   หากหมาป่าต่างเผ่าก็ยังไม่สิ้นความอดทน

         "น่าจะอยู่ที่ท้ายหมู่บ้านค่ะ.."

       ได้คำตอบแล้วเมสก็เอ่ยคำขอบคุณเบาๆค้อมครีษะนิดๆก่อนจะผละไปทันที  แต่เดินได้เพียงสามก้าวเขาก็หยุดและหันกลับมาอีกครั้ง..

        "แล้วท้ายหมู่บ้านที่ว่านั่นอยู่ไหน..ช่วยบอกทีว่าจะไปได้ยังไง  ?..."





         เมสท่องจำเส้นทางไว้ในหัวมาตลอดทางแต่เขาก็อดที่จะเดินหลงไปบ้างเล็กน้อยไม่ได้  หลังจากเสียเวลาคลำหาทางและร่องรอยที่ตัวเองทิ้งไว้อยู่ครู่หนึ่งเมสก็หาท้ายหมู่บ้านเจอ  ที่นั่นอยู่ห่างจากหมู่บ้านไปพอสมควรมีจุดเด่นอยู่ตรงต้นพลับต้นใหญ่ที่กำลังออกลูกสีส้มอมเหลืองเต็มต้น  ธรรมชาติโดยรอบรกครึ้มมีเสียงน้ำตกแว่วดังอยู่ไกลๆ
       ที่ลานูฟไม่ค่อยจะมีน้ำตกมากนักอีกทั้งเมสยังไม่มีโอกาสออกมาเที่ยวเล่นนอกเผ่าบ่อยๆดังแต่ก่อนอีกแล้ว   พอได้ยินเสียงน้ำตกเขาก็อดที่จะไขว้เขวไปจากจุดประสงค์เดิมไม่ได้  รู้ตัวอีกทีเมสก็เดินตามเสียงน้ำตกมาเรื่อยๆเสียแล้ว ยิ่งเข้าใกล้เท่าไหร่ภาพน้ำใสเย็นก็ยิ่งชัดเเจ้งในความคิด  บางทีเมสอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาทำท่าตื่นเต้นแบบไหนออกมา 
            เสียงน้ำตกดังชัดอยู่เบื้องหลังกอกกและกออ้อเขียวขจีนี้  สองมือแหวกออกรวดเร็วไม่รอช้าถึงสุดทางเมสก็พุ่งพรวดออกไป  เสียงน้ำจ๋อมแจ๋มดังตามมาหมาป่าหนุ่มย่ำเท้าลงบนน้ำตื้นๆริมฝั่ง  กำลังจะก้มลงวักขึ้นสัมผัสความชื่นเย็นหากเมสก็ต้องชะงักกึกเมื่อแว่วเสียงหนึ่งดังขึ้น  เขาจ้องตรงไปเบื้องหน้า  แผ่นน้ำเรียบสนิทปลายธารน้ำตกในทีแรกค่อยๆกระเพื่อมนูนสูงขึ้นแล้วแตกกระจายออกจากกันเมื่อร่างหนึ่งทะลึ่งพรวดขึ้นมา ที่เมสเห็นชัดตาว่าร่างนั้นเป็นร่างของชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง  ผิวของเขาเป็นสีทองแดงเส้นผมสีดำยาวระต้นคอทำให้น้ำกระเซ็นไปทั่วเมื่อเขาสะบัดมันแรงๆ  กล้ามเนื้อแข็งแกร่งบึกบึนเหนือแผงอกกำยำล่ำสันขยับเคลื่อนไหวอย่างมีศิลปะเมื่อมือใหญ่กวาดเส้นผมทั้งหมดรวบไปด้านหลังอวดทุกความคมคายบนใบหน้าเข้มจัด  ประกายตาคู่สีเทาดุดันจนน่าหวาดหวั่น เมสคิดเช่นนั้นเมื่อสบตาตอนที่ชายคนนั้นหันมาพอดี...

           ".......เจ้า ?.."


        เมสค้นพบว่าตัวเองยืนตัวแข็งอยู่ ด้วยเสียงทุ้มต่ำกังวาลที่เอ่ยมีวี่แววประหลาดใจนั่นเอง ชายหนุ่มได้สติและพยายามกลบเกลื่อนความตกใจบนสีหน้าตัวเองให้ราบเรียบ

        "เมส..ข้าคือเมส  ลานูฟ  ขออภัยหากข้ามารบกวน  แต่ว่าข้าไม่รู้จริงๆว่ามีคนอยู่ตรงนี้ด้วย.."

           เมสแนะนำตัวเสียงนิ่งแล้วกล่าวขอโทษตามมาอย่างมีมารยาทเมื่อรู้ว่าตนบุกรุกเข้ามารบกวนช่วงเวลาที่อาจจะเป็นส่วนตัวของผู้อื่น
         ริมฝีปากเฉียบคมขยับเพียงนิดแล้วเอ่ยถาม

         "ไม่เป็นไร...ว่าแต่เมส...เจ้ามีธุระกับข้างั้นรึ ?.."

        หมาป่าหนุ่มขมวดคิ้วไม่เข้าใจว่าเหตุใดหมาป่าหนุ่มแปลกหน้าจึงถามแบบนั้นกับตน    แต่ประโยคต่อมาของเขาก็ไขทุกอย่างให้กระจ่างออก

       "...แถวๆนี้ไม่มีใครอื่นนอกจากข้าคนเดียว  ถ้าเจ้าไม่ได้มาหาข้าก็คงไม่มีใครอีกแล้ว  เมสแห่งลานูฟ.."

         ดวงตาสีดำเบิกโพลงอย่างเข้าใจในทุกอย่างของความนัยคำพูดนั่นแล้ว  ถ้าที่นี่คือสถานที่ซึ่งเรียกว่าท้ายหมู่บ้าน และตรงนี้ก็มีคนอยู่เพียงคนเดียวนั่นจะเป็นใครไปได้อีกเล่านอกจากคนที่เมสอยากพบคนนั้น...

        "กอร์น   ท่านคือกอร์น   การ์เซียงั้นรึ?...."

         "ใช่...ถ้าเจ้าไม่ได้หมายถึงใครอื่นที่ชื่อกอร์น...ข้านี่แหละ   กอร์น  การ์เซีย..."

           พอเขาออกปากยืนยันเช่นนั้นเเล้วเมสก็อดสำรวจตรวจตราคนตรงหน้าเพิ่มขึ้นไม่ได้   เขาคนนี้รูปร่างสูงใหญ่มากจริงๆ  มากอย่างที่ยากจะหาชายหนุ่มคนไหนเทียบ หากอยู่ในร่างสุนัขเขาคงดูน่าเกรงขามและผึ่งผายยิ่งกว่านี้   ยามนี้เขายืนอยู่ในน้ำโผล่ขึ้นมาเพียงครึ่งท่อนบนแต่เมสก็ยังพอจะมองรูปร่างโดยรวมทั้งหมดของกอร์นได้ แผ่นอกของเขาบึกบึนและอุดมไปด้วยกล้ามเนื้อ  ต้นแขนหนาแข็งแกร่งที่บอกว่าเขาฝ่านการฝึกฝนด้านศิลปะต่อสู้มาอย่างสมบุกสมบันมากเพียงไร แต่ที่ร้ายกาจยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดคงไม่พ้นดวงตาคมกริบยิ่งกว่าใบมีดโกนคู่นั้น  มันทั้งดุดัน ดิบเถื่อน  อีกทั้งเยียบเย็นทรงพลัง  มันอาจจะเทียบเท่าหรือเหนือกว่าท่านลุงเก็นผู้เป็นบิดาของเขาเสียด้วยซ้ำ
           กอร์น  การ์เซีย   เขาช่างเต็มเปี่ยมไปด้วยอำนาจแห่งบุรุษเพศที่ชายทุกคนพึงมี   เทียบกันแล้วเมสคนนี้กลายเป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆสำหรับเขาเท่านั้นเอง   ไม่สงสัยเลยว่าเหตุใดการ์เซียจึงเป็นเผ่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุด  ในเมื่อว่าที่ผู้นำเผ่าอย่างผู้ชายตรงหน้าก็ทำให้คำตอบที่ไร้ข้อกังขาชัดเจนออกมาอยู่แล้ว...

       "เอ้า.....ว่าธุระของเจ้ามาซิเมส.."

          ร่างสูงเพรียวสะดุ้งด้วยเสียงห้าวๆที่ถามขึ้นอีก..และหมาป่าหนุ่มขนเทาก็รู้ว่าตัวเองเผลอมองอีกฝ่ายนานเกินไปเสียแล้ว   เมสขยับเปลี่ยนท่าทางอีกครั้ง  รู้ว่าถูกจับได้ว่าแอบมองแต่นั่นก็ยังไม่ทำให้เมสหนักใจเท่าเรื่องที่กำลังจะเอ่ยปากออกไป..

       "  ข้า...อยากจะขอให้ท่านยกเลิกการแต่งงานระหว่างเรา...."

       แทบจะในวินาทีเดียวกันเมสเห็นคิ้วเข้มจัดขมวดเข้าหากันมันยิ่งทำให้ใบหน้าเขาดูดุเข้าไปกันใหญ่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านั่นไม่มีเสน่ห์หรอกนะ..

        "ทำไม ?..."

         บุตรชายคนรองของเก็นเอ่ยถามคำถามแรกกับเมส พร้อมกันกับที่เขาก้าวขึ้นมาจากแผ่นน้ำ และเมื่อกายเขาพ้นน้ำขึ้นมายืนริมฝั่งเช่นเดียวกับเมส  หมาป่าขนเทาก็ได้รู้ว่าชายตรงหน้าไม่ได้สวมใส่สิ่งใดเลยแม้แต่ชิ้นเดียว..

       "ทำไมกัน...มีเหตุผลอะไรที่ต้องปฏิเสธ..."

         เมสหรุบตาลงต่ำให้พ้นจากสิ่งไม่ควรมอง  และสุดท้ายเขาก็ปิดตาลงให้พ้นแม้ไม่อาจกั้นมโนภาพในหัวได้เลยก็เถอะ...บ้าเอ้ย..เอาของแปลกอะไรมาอวดนี่ ช่างมั่นใจเหลือเกินนะ...

         "เวลาพูดคุยกับใคร ตามมารยาทเจ้าก็ควรมองหน้าอีกฝ่ายไม่ใช่รึ ?..."

       เสียติติงดังตามมา   แต่คราวนี้มีเสียงโต้ตอบกลับ..

          "....ถ้าท่านพูดเช่นนั้น   ด้วยมารยาทแล้วข้าไม่เคยเปลือยกายคุยกับใคร !"

      "หึหึ..."

          เพราะเขาหัวเราะเมสจึงเงยหน้าขึ้นแล้วก็พบกับรอยยิ้มกว้างขวางที่ต้องหยุดมอง  จ้องนานๆอย่างเผลอตัว  น่าประหลาดที่เมสคิดว่าคนที่ดูดุแบบนี้ไม่น่าจะยิ้มเป็น  แต่กอร์นก็ยิ้ม  และยังยิ้มได้จับใจน่ามองเสียด้วย..
       กอร์น  การ์เซีย  ผู้ชายคนนี้มีสองบุคลิกหรือไงกัน ?...

        "ข้าก็ไม่เคย....."

       เขาพูดคล้ายไม่ใส่ใจ  ยักไหล่  ก่อนจ้องมองตรงมาอีกครั้ง  ด้วยสายตาชนิดที่เมสไม่กล้ามองตอบ...

        "แต่ข้าคิดว่า...ต่อหน้าเจ้าแล้วข้ามีสิทธิ์ไม่ใช่หรือ  ว่าที่เจ้าสาวของข้า ?..."

      นิ้วโป้งใหญ่ลากผ่านแก้มเนียนข้างหนึ่ง  และเมสก็ปัดออกทันที  เขามองขวางไม่ชอบให้ใครถือวิสาสะมาแตะต้องเนื้อตัวโดยเฉพาะคนเผ่าการ์เซีย

        "ถ้าท่านได้ยินล่ะก็  ข้าพูดไปแล้วว่าข้าปฏิเสธ.."

        "ถ้าอย่างนั้นข้าขอบอกปัดคำปฏิเสธ.."

       "นี่ท่านพูดไม่เข้าใจอย่างนั้นเหรอ !!"

        "เข้าใจซิเมส........แต่ก็แค่รู้สึกไม่พอใจนิดๆ.."

          "ท่านไม่พอใจอะไร ?.."

         แน่นอน   เมสก็กำลังไม่พอใจ  แต่เขาก็รู้ว่าควรรักษามารยาทมากแค่ไหน จึงตั้งคำถามกลับไปอย่างอดทน..

       "ข้าไม่ดีตรงไหน....เจ้าถึงกับต้องปฏิเสธ  มันไม่ยุติธรรมสำหรับข้าเลยว่าไหม.."

        "อะไรนะ !!"

        เมสร้องอย่างไม่แน่ใจว่าได้ยินถูกต้องหรือไม่  ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจผิดไปอีกทาง..

       "ข้ารู้สึกเสียหน้าเล็กๆ..."

         คราวนี้เมสย่นคิ้วไม่รักษาอาการไม่พอใจไว้อีก  ไหนท่านลุงเก็นว่าบุตรชายของท่าเป็นคนพูดง่ายไงเล่า  ทำไมเขาจึงไม่รู้สึกว่ามันจะเป็นอย่างนั้นเลย...

       "ข้าเสียใจที่ทำให้ท่านรู้สึกแบบนั้น  แต่ข้าไม่ได้มีเจตนาให้มันเป็นแบบนั้นเลย  ข้าเพียงแต่ ..."

     เมสหยุดค้นหาถ้อยคำที่คิดว่าถนอมน้ำใจแต่ก็เด็ดขาดมากพอ...

         "  ไม่อยากแต่งงาน...ไม่ใช่ว่าข้า...รังเกียจอะไรท่าน..."

          เมสคิดว่าเขาจะจนมุมแล้วเชียว  แต่ดูเหมือนกอร์นเองก็มีดีพอตัวเช่นกัน  แม้จะพูดไม่ได้ว่าเขาสุขุมที่สุดแต่เรื่องความฉลาดทันคนและเจ้าคารมนั้นกอร์นไม่เคยเป็นรองใครมาก่อน

       "ข้าก็ไม่ได้รีบร้อน.."

       ชายหนุ่มร่างใหญ่พูดแล้วก็ยิ้ม  จนเห็นเขี้ยวที่มุมปากทั้งสองข้าง  ดวงตาสีเทาดูดุ  หากแต่ก็เจ้าเล่ห์อยู่ในที  เขามีส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างความดุดันและมากเหลี่ยม เมสเป็นฝ่ายไม่เข้าใจขึ้นมาบ้าง..

       "ท่านหมายความว่ายังไง

       "ข้าพูดแล้วข้าเข้าใจเจ้า...ใครจะอยากแต่งงานกับคนที่ไม่เคยรู้จักคุ้นเคยกันมาก่อนล่ะ  แต่รีบร้อนปฏิเสธแบบนี้มันก็ออกจะเกินไปหน่อย.."

       เขาพูดถูกทว่าเมสก็ยังคงมองเจตนาเขาไม่ออกอยู่ดี..

       "...ท่านอยากพูดอะไรกันแน่.."

      "โอกาส......ทำไมเจ้าไม่ลองให้โอกาสข้าดูล่ะ   ให้ข้าลองทำความคุ้นเคยกับเจ้าดู  ไม่แน่นะ..บางทีเจ้าอาจจะคิดเปลี่ยนใจขึ้นมาก็ได้.."

        ชายหนุ่มการ์เซียพูดแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มไปด้วย
        เสียเวลาฟังจริง!!   เมสสบถแรงๆใจใจแล้วสะบัดหน้าไปด้านข้าง   เเววตาของคนพูดทำให้เขาร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า  อะไรของผู้ชายคนนี้กัน นี่กำลังเล่นสนุกอยู่หรือยังไง ?..

        "ข้าไม่มีอะไรแบบนั้นให้ท่านหรอก    ข้าไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น  ข้ายังยืนยันว่าปฏิเสธซึ่งท่านก็ควรทำความเข้าใจ  ถ้าหากอยากจะทำความคุ้นเคยข้าจะส่งน้องสาวมาแทน  นางคงทำให้ท่านสนุกในการทำความคุ้นเคยได้มากกว่าหรอก..   ขอตัว"


          ตัดบทห้วนๆแล้วนักรบหนุ่มแห่งลานูฟก็เตรียมตัวผละจากไป  ถ้าคิดว่ากอร์นจะยินยอมให้เป็นแบบนั้นแล้วไม่ใช่แน่ๆ  ชายหนุ่มร่างใหญ่ตะปบที่ต้นแขนคนจ้องจะไปกระชากให้หันกลับมาฟังเขาพูด

       "อย่าพูดเอาแต่ได้อยู่ฝ่ายเดียวซิ...เจ้าควรจะฟังข้าบ้าง  ข้าให้สิทธิ์เจ้าพูดในขณะที่ข้ารับฟัง   เจ้าเองก็น่าจะให้ข้าบ้างเช่นกันไม่ใช่หรือ ?.."

       เมสไม่คิดว่าตัวเองจะเสียท่าง่ายๆแบบนี้  มือแข็งปานเหล้กกล้าข้างนั้นกุมต้นแขนเขาไว้แน่น  แม้คิดจะดึงออกเมสก็รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ๆ ชายหนุ่มจึงจำต้องยืนนิ่งๆซึ่งถ้าเป็นที่ลานูฟนั้นเมสคงเล่นงานอีกฝ่ายเจ็บหนักไปแล้ว

        "ว่ามาซิ..."

         กอร์นยิ้มในหน้า  เพราะใบหน้าซึ่งยังคงหันด้านข้างให้แก่เขา  ผิวที่เป็นสีเหลืองอำพันตัดกับแสงแดดอ่อน  ทำให้ใบหน้าเรียวและโครงหน้างดงามยิ่งสะดุดุตาชวนมอง  เขาไม่คิดว่าเลือกคนผิดเลย..

         "   ข้าไม่ได้ขอคำมั่นในการแต่งงาน  ที่ข้าขอคือโอกาส  แค่โอกาสเท่านั้น  แค่ให้ข้าได้ใกล้ชิด  เจ้าจะใจดำไม่ให้เชียวหรือ..."

        เมสทำตัวแข็ง  กลิ่นอายอ่อนๆของเขาโชยมาแตะจมูก  เขาแทบกลั้นหายใจในความใกล้ชิดกับร่างแข็งแรงซึ่งเปล่าเปลือย   ซ้ำยังไม่ใช่แค่กลิ่นหากยังเป็นปลายจมูกโด่งเป็นสันจนน่าริษยาที่เฉียดข้างแก้มตนไปนิดเดียว

         "ท่าน !!!"

        เจ้าหนุ่มลานูฟส่งเสียงเขียวพยายามดึงแขนตัวเองออกแทนที่จะหลุดพ้น ร่างทั้งทั้งร่างกลับถูกรวบยึดเข้าไปไว้ในวงแขนกว้างใหญ่แน่น  เมสดิ้นขลุกขลักแต่ก็เท่านั้นแหละเขาทำได้แค่นั้นเอง...

       "ข้าไม่ชอบแบบนี้นะ !!   กรรรร!!!!"

       เสียงกรรโชกขู่ดังก้องเมสแยกเขี้ยวใส่เล็บคมกริบงอกยาวออกมาพร้อมปกป้องตัวเองแต่กอร์นกลับเห็นว่ามันเป็นเรื่องน่าสนุก  เสียงหัวเราะในลำคอจึงดังขึ้นเบาๆ  ในขณะที่เมสกำลังกลัวจนตัวสั่น  จริงอยู่ว่าเขาเป็นนักรบชั้นยอดในลานูฟและในเผ่าอื่นๆต่างก็ยอมรับแต่นั่นไม่ได้หมายรวมถึงการ์เซีย  การรบทุกครั้งทั้งสองเผ่าเป็นพันธมิตรกัน เมสไม่เคยมองการ์เซียเป็นพันธมิตรมาก่อน  แต่เวลานี้เมสรู้ซึ้งไปถึงกระดูกดำเชียวล่ะว่ามันน่าหวาดผวาแค่ไหนกับการที่มีอีกฝ่ายเป็นศัตรู...

      "ปล่อย !!!   อย่ามาแตะต้องตัวข้า !!"

        เมสพูดได้เท่านั้นเป็นเพราะกอร์นเลิกที่จะรับฟังเขาอีก  เขาทำทุกสิ่งที่ตรงกันข้ามกับที่เมสพูด  ไม่ว่าจะเป็นการกอดเอาไว้แน่นๆเต็มวงแขน   หรือจะเป็นการทำให้เมสพูดต่อไม่ได้ด้วยวิธีแสนเรียบง่ายแต่แสนจะทรงอานุภาพ....
    ริมฝีปากกร้านค่อยๆถ่ายน้ำหนักลงไปบนริมฝีปากเอิบอิ่มจนแนบสนิทกันโดยไร้ซึ่งช่องว่าง เมสดิ้นรนอย่างหมดหนทางอยู่ใต้อ้อมแขนมหึมา  ...เขาเหมือนลูกนกน้อยบินวนอยู่ในกรงไม่มีผิด
         ในยามแรกกอร์นค่อยๆทำลายอาการต่อต้านจากร่างแบบบางกว่าช้าๆ  บดริมฝีปากนุ่มเคล้าคลึงอย่างอ่อนหวานนุ่มนวล จนกลีบปากอ่อนบางค่อยๆถูกคลี่ออกจากกัน  เมสสั่นสะท้านไปทั้งร่างด้วยสัมผัสนุ่มชื้นที่แตะลงบนเขี้ยวแหลมมุมปากก่อนจะค่อยๆลากลามเลียไปทั่วทั้งอุ้งปากของเขา  มันช่างเป็นอะไรที่รับมือได้แสนยากเย็น  ร่างในอ้อมแขนของกอร์นจึงสั่นรัวและมีเสียงสะอื้นเบาๆหลุดรอดออกมายามมเมื่อ  หมาป่าหนุ่มแห่งการ์เซียครอบครองริมฝีปากของผู้ที่เป็นว่าที่คู่หมั้นของเขาเอาไว้ทั้งหมด
       เมสคิดอะไรไม่ออก  เขาไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นอะไรไปกันแน่  เขาน่าจะรังเกียจแต่มันกลับไม่ใช่   ไม่มีอะไรที่พอจะบอกได้ว่ามันเป็นอย่างนั้นเลยสักอย่าง  ไม่มีอาการขัดขืน ไม่เหลือกระทั่งอาการหวาดกลัวด้วยซ้ำไป  ที่รู้คือเขากำลังยืนนิ่งๆปล่อยให้ชายคนหนึ่งซึ่งไม่เคยแม้แต่จะพบหน้ากันมาก่อนล่วงเกินอย่างลึกซึ้ง..โดยที่เขาไม่ได้ต่อต้านมากเท่าที่ควรเป็น...

       "ข้าจะคิดว่า......นี่เป็นคำตอบของเจ้าได้ไหมเมส ?..."

       จวบจนเมื่อเขากระซิบขึ้นข้างหูเมสก็อับอายอย่างไม่คิดว่าชีวิตหนึ่งเขาจะรู้สึกอับอายได้มากเท่าครั้งนี้ ความรู้สึกเกินทนบังคับให้เมสกระชากตัวเองออกไปทันทีแล้วฝากรอยเล็บยาวใหญ่ไว้ข้างแก้มคนถามแทน
        รอยแผลเป็นเป็นทางยาวปรากฏอยู่บนแก้มสาก  เลือดสีแดงสดไหลรินลงมาจากปากแผล ปลายลิ้นสีชมพูค่อยๆเเล่บเลียมันอย่างช้าๆพร้อมทั้งแสยะยิ้มทั้งปากรวมไปถึงดวงตาสีเทาเข้มนั่น  ถึงอย่างไรสัญชาติญาณในร่างก็ยังทำให้เขาพอใจในเลือด  และนั่นก็ทำเอาเมสเย็นเฉียบไปทั้งตัว 

    ไม่...
       เขาไม่ชอบชายผู้นี้  ไม่ชอบเลยจนเสี้ยวเดียว  และจะไม่มีวันยอมร่วมชีวิตกับคนพรรค์นี้เด็ดขาด !!!

      "ข้าไม่มีคำตอบอะไรให้เจ้าทั้งนั้น !!"

       กอร์นเลิกคิ้วสาวเท้าเข้ามาใกล้ในขณะที่เมสพยายามถอยออกห่าง

      "ถ้างั้น...เราคงมีปัญหากันเเน่ๆในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเผ่า.....บางทีถ้าข้าได้ขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่า...ซึ่งนั่นแน่นอนว่ามันเป็นตำแหน่งสำหรับข้าในอนาคต..เราอาจจะมีการพิจารณาข้อกำหนดหลายๆอย่างใหม่...อย่างเช่นว่า...ข้าอยากจะได้ใครซักคนมาวิวาห์ด้วย..ข้าก็ต้องได้.."

      "เจ้า !!!    กล้าใช้วิธีอย่างนี้สกปรกที่สุด !!!"

       เมสรู้ว่าเขาทำได้อย่างแน่นอน  ถึงแม้จะพูดว่าเป็นพันธมิตรกันแต่เมสก็รู้อยู่เต็มอกว่าเผ่าของเขาใช้การ์เซียเป็นกันเผ่าอื่นๆ  ดังนั้นไม่ว่าอะไรหากไม่เหลือบ่ากว่าแรงจริงๆ ลานูฟก็จำต้องยอมให้แก่การ์เซียถึงที่ผ่านๆมาทางการ์เซียจะไม่เคยเรียกร้องอะไรที่มันเกินเลยก็ตาม..
       กอร์นกระตุกยิ้ม ไม่เคยมีใครกล้าด่าใส่หน้าเขาแบบนี้   ถ้าหากตรงหน้าไม่ใช่เมสแล้วล่ะก็  มันผู้นั้นคงถูกแยกออกเป็นชิ้นๆไปแล้ว  

       "ถ้าไม่อยากให้ใช้วิธีสกปรก..เจ้าก็รับข้อเสนอข้าซะสิ..."

          ฟันทั้งบนและล่างขบเข้าหากันแน่นด้วยความโกรธที่เข้มข้น  เมสโกรธจนสั่นไปทั้งตัว  ได้ยินมาว่าการ์เซียเชี่ยวชาญในการเจรจา เขาเพิ่งมาประจักษณ์เอาก็วันนี้เอง !!

       "ก็ได้ !!"  เมสกัดฟันพูดออกไปด้วยโทสะเต็มที่ เขาไม่ไได้ควบคุมมันเอาไว้อีก

       "ถ้าเจ้าต้องการนักข้าก็จะให้ !!    แต่ขอบอกเอาไว้ตรงนี้เลย  เจ้าจะไม่มีทางได้อะไรจากการกระทำครั้งนี้โดยเด็ดขาด   กอร์น  การ์เซีย !!!"

       "แต่ยังไงข้าก็ขอแอบหวังซักนิดนะเมส.....ครั้งหน้า    ข้าคงจะได้รับจูบที่เต็มใจจากเจ้า   ข้าจะเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อเลยทีเดียว  เมสที่รัก.."

       ประโยคหยอกเย้า  พูดแล้วยักคิ้วยิ้มกวน  เมสถึงกับนึกภาพชายตรงหน้าถูกเขาสะบั้นด้วยกรงเล็บจนศรีษะขาดกระเด็น   ชายหนุ่มรู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรทั้งนั้นที่จะต่อปากต่อคำกับคนผู้นี้นอกจากเข้าเนื้อเจ็บตัวเองเปล่า  หมาป่าขนเทาสะบัดหน้าแรงพุ่งพรวดกลับไปทางหมู่บ้านทันทีโดยไม่รอฟังเสียงหัวเราะระคายหูกวนอารมณ์สิ้นดี  แต่เจ้ากรรม เขาเป็นหมาป่าและหูก็ดีมากด้วย  ซึ่งนั่นก็เป็นสาเหตุว่าทำไมเมสจึงหันไปคำรามใส่ชายที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังอีกครั้งเรียกเสียงหัวเราะลั่นยิ่งกว่าเก่าตามมา......


    100 %- - - - - -  -เจ้าค่า

      อันนี้มาจบได้เพราะเป็นไฟล์เก่าเก็บดึกดำบรรพ์ 55+

    เจนไม่ค่อยชอบเขียนตามกระแสซักเท่าไหร่น่ะค่ะ

    จับมาคู่กันทีนี่...เหอเหอ

    เอาไอ้นี่ไปอ่านก่อนนะคะ รอระหว่างพักฟื้น

    ยังดีกว่าไม่ได้ลงอะไรเนอะ  เจนรู้สึกผิดนะเนี่ย

    ถ้ายังไงติชมกันมาได้นะคะ  เจนไม่ว่าอะไรเลย



     



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×