ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Pink to Silver
ปัง!!!
ชีวอนอาศัยจังหวะนั้นยิงทันที แต่กระสุนกลับพลาดเมื่อทุกอย่างพลิกโผ เพราะจู่ๆฮยอกแจที่ใครต่อใครคิดว่าโดนยาสลบไปตามที่คนร้ายบอกตั้งแต่แรกแล้วนั้น จู่ๆก็ขยับตัวหมุนหลบ ล็อคแขนข้างที่ถือปืนของคนร้ายลงแล้วกดลงกับพื้น คนร้ายที่ไม่ทันได้ตั้งทั้งตัวทั้งสติ ตกใจกับทั้งเสียงปืนและการเคลื่อนไหวของตัวประกันทำให้เสียศูนย์โดยง่าย
ร่างเล็กบิดแขนข้างนั้นจนไหล่ส่งเสียงดังกร๊อบ เขากดอีกฝ่ายนอนคว่ำแล้วนั่งทับ ชีวอนที่หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำตั้งแต่ที่เห็นกระสุนเฉี่ยวร่างฮยอกแจไปไม่กี่เซนนั้นหายใจไม่ทั่วท้อง แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขาต้องรีบโผเข้าไป เตะปืนของศัตรูไปไกล ก่อนจะลงศอกอัดที่จุดสลบจนไอ้สารเลวนั่นสิ้นฤทธิ์ในที่สุด
สิ่งที่เขาอยากจะทำหลังจากนั้นไม่ใช่การซ้อมคนร้ายเพื่อระบายความแค้น แต่เป็นการคว้าร่างบางเข้ามากอดไว้แนบอกอย่างรวดเร็ว
“เจ็บ...เจ็บ! ชีวอน..” ฮยอกแจพยายามดันร่างสูงออกไป แต่มันไม่ง่ายเลย
“......” เอาแต่กอดแถมยังไม่พูดอะไร ฮยอกแจเลยเลยเดาๆไปว่าอีกฝ่ายคงกำลังช็อคอยู่เลยได้แต่ยอมไปตามน้ำ
“นี่ แล้วไม่บอกพี่ซองแทหน่อยเหรอว่าทางนี้โอเคแล้ว เห็นว่าให้ปล่อยไอ้ตัวหัวหน้ามันไปนี่”
ใช้เวลาหลายนาทีกว่าชีวอนจะยอมเอ่ยออกมา
“ไม่ได้โทรจริงน่ะ..” เขาว่า และปล่อยร่างบางออกจากอ้อมแขน ดวงตากวาดมองทั่วร่างฮยอกแจ
“แล้วเป็นอะไรรึเปล่า? โอเคมั้ย?”
ร่างเล็กพยักหน้า ก่อนจะเหลือบเห็นอะไรบางอย่าง
“นะ...นั่น...เลือดนี่?!”
ชีวอนมองแขนตัวเองเหมือนเหลือบตาดูเมนูอาหารก็ไม่ปาน
“อ่อ...แผลถลอกนิดหน่อยน่ะ”
“ถลอก? เห็นฉันโง่นักหรอ? ...ไปหาหมอเถอะ”
ร่างสูงขมวดคิ้วมุ่นพลางส่ายหน้าไหวๆ
“ไม่เอา ยุ่งยาก” เขาว่า ปัดไม้ปัดมือก่อนจะช่วยพยุงฮยอกแจลุกขึ้น ร่างบางเดินแยกไปนั่งที่โซฟา ส่วนชีวอนยืนใช้เท้าเขี่ยร่างคนร้ายที่สลบเหมือดบนพื้น มือเรียวตรวจค้นอาวุธออกมาอีกสองสามชิ้น จากนั้นก็จัดการล็อคกุญแจมือพลางหนีบหูโทรศัพท์ไว้ข้างคอ ฮยอกแจได้ยินเสียงต่ำออกคำสั่งสั้นๆเสร็จสรรพก็วางหู ไม่นานนักซองแทและพวกตำรวจก็มา
“ลูกพี่ ฮยอกแจ ไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ?! แล้วศพล่ะ?”
ชีวอนดื่มน้ำอยู่ ฮยอกแจจึงอาสาชี้ไปยังคนร้าย
“ตรงนั้น แต่ยังไม่ใช่ศพนะ ยังไม่ตาย”
ทั้งซองแทและบรรดาตำรวจที่มาด้วยกันหลายต่อหลายคนนั้นมีท่าทีแปลกใจ พวกเขาไม่ถามอะไร แต่กลับไปพึมพำกับคนร้ายที่หลับนิ่งไม่ได้สติแทน
“โฮ่..กล้ากระตุกหนวดเสือขนาดนี้แล้วยังไม่โดนฆ่าตายถือว่าแกทำบุญมาเยอะถึงเยอะที่สุดเลยนะเนี่ย”
“ใครจะอยากให้มีคนตายในห้องตัวเองล่ะวะ” ชีวอนเอ่ยขึ้นมาในที่สุด เขาเดินเข้าไปใกล้คนร้ายพลางกระซิบซองแทเบาๆ
“เอาไปขังเดี่ยวไว้ แล้วถ้าตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ฝากบอกด้วยว่าฉันจะตามไปเยี่ยมมันแต่เช้า”
แค่เท่านั้น...ทุกคนก็รู้แล้วว่าทุกอย่างไม่พลิกโผ..เวลาถึงฆาตหมอนี่ไม่ใช่ไม่มา แต่มาช้าหน่อยเท่านั้นเอง...
“ออกไปกันได้แล้ว ไปๆๆ” ชีวอนไล่ทุกคนออกไปหลังจากเคลียร์พื้นที่เสร็จสรรพ
จากนั้น ฮยอกแจเข้าครัว เริ่มหาอะไรกินอีกครั้ง ในขณะที่เจ้าของห้องคว้าเบียร์ได้กระป๋องก็ดื่มอั่กๆ ตามองร่างบางที่เดินวนไปวนมาอยู่ในครัวพลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ในใจ
วินาทีที่เขาเห็นฮยอกแจอยู่ในอันตราย ในหัวของเขาเบลอไปหมด ทั้งมือสั่น ทั้งทำอะไรไม่ถูก มันต่างจากก่อนหน้านี้..ก่อนหน้าที่เขาไม่เคยมีคนสำคัญอยู่ข้างกาย
ทั้งๆที่ทำงานในหน้าที่ที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายตรงนี้มาก็หลายปีแล้ว แต่พอเจอเข้ากับคนใกล้ชิดของตนมันกลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไป ชีวอนลองนึกไปถึงในกรณีอื่นๆ ถ้าวันนั้นเขาไม่ได้เก็บเด็กที่เขาเรียกเจ้าเหมียวๆขึ้นมาดูแลอย่างที่ทำทุกวันนี้... หากเขาไม่รู้จักฮยอกแจมาก่อน แล้วเขาจะหน้าชา มือสั่นตอนที่เห็นฮยอกแจกันโดนจับเป็นตัวประกันอย่างที่เป็นในวันนี้หรือไม่..
หรือว่าความใกล้ชิด จะทำให้เขาเกิดมีคนสำคัญในชีวิตขึ้นมาซะแล้ว....
“เจ็บมั้ย?”
“หืม?”
คนผมบลอนด์กลับมานั่งตรงกันข้ามเขาพร้อมถ้วยบะหมี่ควันฉุย ชีวอนจึงดึงสติกลับมา
“อ่อ...แผลนี่เหรอ ไม่ล่ะ”
“ไปอาบน้ำซะสิ เดี๋ยวทำแผลให้” ฮยอกแจว่าพลางคีบบะหมี่เข้าปาก
“ทำเป็นเหรอ?” ชีวอนแหย่
“ไม่ได้ปัญญาอ่อนนี่”
ร่างสูงหัวเราะ ยอมลุกและเดินไปทางห้องน้ำ
“เออ แล้วนายอาบหรือยัง?”
อีกฝ่ายพยักหน้า ชีวอนนึกอะไรสนุกจึงเดินกลับมาหาเขา แล้วจับพวงแก้มขาวด้วยท่าทีจริงจัง
“แล้วได้ล้างได้ขัดแก้มนี่จนสะอาดแล้วหรือเปล่า ต้องให้สะอาดเลยนะ!”
ฮยอกแจปัดมือนั้นทิ้งไปก่อนจะยกหลังมือขึ้นเช็ดมุมปากแล้วค้อนขวับใส่ชีวอน
“ทำไมต้องขัด?!”
“ก็ไอ้สารเลวนั้นมันบังอาจมาหอมแก้มนาย..........อย่างนี้ไง” ว่าแล้วก็ก้มลงขโมยหอมฟอดใหญ่ ฮยอกแจตาโต กว่าจะกลืนบะหมี่ในปากลงคอได้ อีกฝ่ายก็หัวเราะร่าวิ่งหนีหายเข้าห้องน้ำไปแล้ว
คนโดนฉวยโอกาสจึงได้แต่แยกเขี้ยวส่งตามหลังไป เขายกมือปาดแก้ม ก่อนจะพึมพำกับถ้วยบะหมี่เบาๆ
“ไอ้โรคจิต......................................................................ขอดีๆจะไม่ว่าเลย....”
เวลาทำแผลมาถึง ทั้งสองนั่งอยู่บนโซฟาตัวยาวหน้าทีวี ชีวอนถอดเสื้อ ตาทอดมองข่าวจับกุมฝีมือตนวันนี้โดยมีฮยอกแจทำแผลยุกๆยิกๆอยู่แถวไหล่เขา
“เจ้าเหมียว วันนี้หมอนั่นมันบอกว่ามันวางยานายไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงไม่สลบล่ะ?”
ฮยอกแจที่กำลังตัดผ้าก็อตอย่างพิถีพิถันตอบเสียงเอื่อยๆตามสไตล์
“เขาใส่มาในน้ำ ฉันก็แค่แกล้งทำเป็นกิน แกล้งสลบไปก็เท่านั้น”
“นายดูออกด้วยเหรอ เก่งนะเนี่ย”
ฮยอกแจส่ายหน้า
“ฉันรู้ตั้งแต่เขาบอกว่ามาหานายแล้ว”
“ทำไมล่ะ?”
“ก็คนอย่างนายมันน่ามีเพื่อนกับเขาซะที่ไหนกันล่ะ”
ชีวอนแยกเขี้ยว ถ้าไม่ติดที่ว่าเจ้าเด็กนี่อยู่ใกล้แผลเขาล่ะก็ ได้โดนสวนไปนานแล้ว
“ชีวอน...”
จู่ๆอีกฝ่ายก็เรียกชื่อเขา ชีวอนหันมอง แต่ร่างเล็กกลับไม่สบตา
“....โกรธรึเปล่าที่ฉันแกล้งทำเป็นสลบ”
เจ้าของร่างสง่านิ่งงันไปทันที...ไม่น่าเชื่อว่าคนๆนี้จะอ่านความคิดเขาออก..
วินาทีที่เขายิงออกไปด้วยความมั่นใจว่าต้องโดนที่คนร้ายแน่นอนนั้น ฮยอกแจที่น่าจะสลบอยู่กลับทำให้เป้าหมายเคลื่อน เวลานั้นชีวอนยอมรับว่าเขาแทบหยุดหายใจ กระสุนเฉี่ยวเลยไหล่ฮยอกแจไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น ...เขาโกรธมาก โกรธจนพูดไม่ออก แต่มาคิดในอีกแง่...มันคงผิดที่เขาเอง ที่ประเมินคนตรงหน้านี่ต่ำไป.......ร่างสูงถอนใจ และเลือกที่จะพูดไปตรงๆ
“ถ้าผลลัพธ์มันออกมาเป็นแบบนี้ฉันก็พูดอะไรไม่ได้ ถือว่านายทำถูกแล้ว แต่ถามว่าตอนนั้นโกรธมั้ย มันยิ่งกว่าโกรธอีก มันเหมือน...หยุดหายใจไปเลย ตอนนั้น...” เขาว่า ประสานสายตากับดวงตาโตที่ยอมจ้องตอบกลับมา
“ถ้าเรารู้จักกันมากกว่านี้อาจจะเดาใจกันและกันออกมากกว่าที่เป็นอยู่ ว่ามั้ย?”
ทั้งสองจ้องตากันอยู่ยาวนาน เสียงโทรทัศน์ที่ดังโหวกเหวกแทบไม่เข้าถึงโสตประสาท คำถามและความต้องการถูกถ่ายทอดทางบทสนทนาทางสายตาที่เข้าใจเพียงสองคนเท่านั้น
“พูดอะไรออกมา เข้าใจความหมายมันหรือเปล่า?”
พวงแก้มใสแดงซ่าน แต่ดวงตานั้นยังคงจับจ้องแน่วแน่...
.....เขารอให้อีกฝ่ายเริ่มต้นกับริมฝีปากของตนอย่างบางเบา ก่อนที่ดวงตาจะหลับพริ้มลง รับรู้เพียงสัมผัสร้อนแรงจากเรียวลิ้นที่ราวกับใฝ่หารสชาติหอมหวานภายในกลีบปากคู่สวยอย่างรีบร้อน ....
บทบาทของบรรยากาศรอบด้านถูกดับลงไปพร้อมความรู้สึกร้อนแรงที่พลุ่งพล่านกายของคนทั้งสอง แผ่นหลังบางถูกประคองนาบลงกับเบาะโซฟาที่ยังอุ่นด้วยอุณหภูมิจากร่างกาย จุมพิตนัวเนียปลุกอารมณ์อยู่เนิ่นนาน ทั้งการเร่งเร้าและความต้องการเริ่มปั่นหัวให้สมองเบลอจนคนทั้งคู่มาไกลเกินกว่าจะถอยกลับไปได้แล้ว
มือใหญ่ค่อยๆไล่ปลดกระดุมเสื้อนอนตัวหลวมของฮยอกแจ แต่ร่างบางยกมือทั้งสองข้างดันแผงอกอีกฝ่ายไว้
“ชี...ชีวอน แผลนั่น..จะ...จะไม่เป็นไรเหรอ?” เสียงกระซิบพร้อมสีหน้าที่บ่งบอกถึงความห่วงใยทั้งๆที่ดวงตากลมหวานหยดอย่างเชิญชวน ภาพนั้นทำชีวอนขยับยิ้ม เขารวบมือเล็กขึ้นและประทับจูบลงเบาๆ
“ห่วงตัวเองดีกว่านะ..”
ชีวอนอาศัยจังหวะนั้นยิงทันที แต่กระสุนกลับพลาดเมื่อทุกอย่างพลิกโผ เพราะจู่ๆฮยอกแจที่ใครต่อใครคิดว่าโดนยาสลบไปตามที่คนร้ายบอกตั้งแต่แรกแล้วนั้น จู่ๆก็ขยับตัวหมุนหลบ ล็อคแขนข้างที่ถือปืนของคนร้ายลงแล้วกดลงกับพื้น คนร้ายที่ไม่ทันได้ตั้งทั้งตัวทั้งสติ ตกใจกับทั้งเสียงปืนและการเคลื่อนไหวของตัวประกันทำให้เสียศูนย์โดยง่าย
ร่างเล็กบิดแขนข้างนั้นจนไหล่ส่งเสียงดังกร๊อบ เขากดอีกฝ่ายนอนคว่ำแล้วนั่งทับ ชีวอนที่หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำตั้งแต่ที่เห็นกระสุนเฉี่ยวร่างฮยอกแจไปไม่กี่เซนนั้นหายใจไม่ทั่วท้อง แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขาต้องรีบโผเข้าไป เตะปืนของศัตรูไปไกล ก่อนจะลงศอกอัดที่จุดสลบจนไอ้สารเลวนั่นสิ้นฤทธิ์ในที่สุด
สิ่งที่เขาอยากจะทำหลังจากนั้นไม่ใช่การซ้อมคนร้ายเพื่อระบายความแค้น แต่เป็นการคว้าร่างบางเข้ามากอดไว้แนบอกอย่างรวดเร็ว
“เจ็บ...เจ็บ! ชีวอน..” ฮยอกแจพยายามดันร่างสูงออกไป แต่มันไม่ง่ายเลย
“......” เอาแต่กอดแถมยังไม่พูดอะไร ฮยอกแจเลยเลยเดาๆไปว่าอีกฝ่ายคงกำลังช็อคอยู่เลยได้แต่ยอมไปตามน้ำ
“นี่ แล้วไม่บอกพี่ซองแทหน่อยเหรอว่าทางนี้โอเคแล้ว เห็นว่าให้ปล่อยไอ้ตัวหัวหน้ามันไปนี่”
ใช้เวลาหลายนาทีกว่าชีวอนจะยอมเอ่ยออกมา
“ไม่ได้โทรจริงน่ะ..” เขาว่า และปล่อยร่างบางออกจากอ้อมแขน ดวงตากวาดมองทั่วร่างฮยอกแจ
“แล้วเป็นอะไรรึเปล่า? โอเคมั้ย?”
ร่างเล็กพยักหน้า ก่อนจะเหลือบเห็นอะไรบางอย่าง
“นะ...นั่น...เลือดนี่?!”
ชีวอนมองแขนตัวเองเหมือนเหลือบตาดูเมนูอาหารก็ไม่ปาน
“อ่อ...แผลถลอกนิดหน่อยน่ะ”
“ถลอก? เห็นฉันโง่นักหรอ? ...ไปหาหมอเถอะ”
ร่างสูงขมวดคิ้วมุ่นพลางส่ายหน้าไหวๆ
“ไม่เอา ยุ่งยาก” เขาว่า ปัดไม้ปัดมือก่อนจะช่วยพยุงฮยอกแจลุกขึ้น ร่างบางเดินแยกไปนั่งที่โซฟา ส่วนชีวอนยืนใช้เท้าเขี่ยร่างคนร้ายที่สลบเหมือดบนพื้น มือเรียวตรวจค้นอาวุธออกมาอีกสองสามชิ้น จากนั้นก็จัดการล็อคกุญแจมือพลางหนีบหูโทรศัพท์ไว้ข้างคอ ฮยอกแจได้ยินเสียงต่ำออกคำสั่งสั้นๆเสร็จสรรพก็วางหู ไม่นานนักซองแทและพวกตำรวจก็มา
“ลูกพี่ ฮยอกแจ ไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ?! แล้วศพล่ะ?”
ชีวอนดื่มน้ำอยู่ ฮยอกแจจึงอาสาชี้ไปยังคนร้าย
“ตรงนั้น แต่ยังไม่ใช่ศพนะ ยังไม่ตาย”
ทั้งซองแทและบรรดาตำรวจที่มาด้วยกันหลายต่อหลายคนนั้นมีท่าทีแปลกใจ พวกเขาไม่ถามอะไร แต่กลับไปพึมพำกับคนร้ายที่หลับนิ่งไม่ได้สติแทน
“โฮ่..กล้ากระตุกหนวดเสือขนาดนี้แล้วยังไม่โดนฆ่าตายถือว่าแกทำบุญมาเยอะถึงเยอะที่สุดเลยนะเนี่ย”
“ใครจะอยากให้มีคนตายในห้องตัวเองล่ะวะ” ชีวอนเอ่ยขึ้นมาในที่สุด เขาเดินเข้าไปใกล้คนร้ายพลางกระซิบซองแทเบาๆ
“เอาไปขังเดี่ยวไว้ แล้วถ้าตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ฝากบอกด้วยว่าฉันจะตามไปเยี่ยมมันแต่เช้า”
แค่เท่านั้น...ทุกคนก็รู้แล้วว่าทุกอย่างไม่พลิกโผ..เวลาถึงฆาตหมอนี่ไม่ใช่ไม่มา แต่มาช้าหน่อยเท่านั้นเอง...
“ออกไปกันได้แล้ว ไปๆๆ” ชีวอนไล่ทุกคนออกไปหลังจากเคลียร์พื้นที่เสร็จสรรพ
จากนั้น ฮยอกแจเข้าครัว เริ่มหาอะไรกินอีกครั้ง ในขณะที่เจ้าของห้องคว้าเบียร์ได้กระป๋องก็ดื่มอั่กๆ ตามองร่างบางที่เดินวนไปวนมาอยู่ในครัวพลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ในใจ
วินาทีที่เขาเห็นฮยอกแจอยู่ในอันตราย ในหัวของเขาเบลอไปหมด ทั้งมือสั่น ทั้งทำอะไรไม่ถูก มันต่างจากก่อนหน้านี้..ก่อนหน้าที่เขาไม่เคยมีคนสำคัญอยู่ข้างกาย
ทั้งๆที่ทำงานในหน้าที่ที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายตรงนี้มาก็หลายปีแล้ว แต่พอเจอเข้ากับคนใกล้ชิดของตนมันกลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไป ชีวอนลองนึกไปถึงในกรณีอื่นๆ ถ้าวันนั้นเขาไม่ได้เก็บเด็กที่เขาเรียกเจ้าเหมียวๆขึ้นมาดูแลอย่างที่ทำทุกวันนี้... หากเขาไม่รู้จักฮยอกแจมาก่อน แล้วเขาจะหน้าชา มือสั่นตอนที่เห็นฮยอกแจกันโดนจับเป็นตัวประกันอย่างที่เป็นในวันนี้หรือไม่..
หรือว่าความใกล้ชิด จะทำให้เขาเกิดมีคนสำคัญในชีวิตขึ้นมาซะแล้ว....
“เจ็บมั้ย?”
“หืม?”
คนผมบลอนด์กลับมานั่งตรงกันข้ามเขาพร้อมถ้วยบะหมี่ควันฉุย ชีวอนจึงดึงสติกลับมา
“อ่อ...แผลนี่เหรอ ไม่ล่ะ”
“ไปอาบน้ำซะสิ เดี๋ยวทำแผลให้” ฮยอกแจว่าพลางคีบบะหมี่เข้าปาก
“ทำเป็นเหรอ?” ชีวอนแหย่
“ไม่ได้ปัญญาอ่อนนี่”
ร่างสูงหัวเราะ ยอมลุกและเดินไปทางห้องน้ำ
“เออ แล้วนายอาบหรือยัง?”
อีกฝ่ายพยักหน้า ชีวอนนึกอะไรสนุกจึงเดินกลับมาหาเขา แล้วจับพวงแก้มขาวด้วยท่าทีจริงจัง
“แล้วได้ล้างได้ขัดแก้มนี่จนสะอาดแล้วหรือเปล่า ต้องให้สะอาดเลยนะ!”
ฮยอกแจปัดมือนั้นทิ้งไปก่อนจะยกหลังมือขึ้นเช็ดมุมปากแล้วค้อนขวับใส่ชีวอน
“ทำไมต้องขัด?!”
“ก็ไอ้สารเลวนั้นมันบังอาจมาหอมแก้มนาย..........อย่างนี้ไง” ว่าแล้วก็ก้มลงขโมยหอมฟอดใหญ่ ฮยอกแจตาโต กว่าจะกลืนบะหมี่ในปากลงคอได้ อีกฝ่ายก็หัวเราะร่าวิ่งหนีหายเข้าห้องน้ำไปแล้ว
คนโดนฉวยโอกาสจึงได้แต่แยกเขี้ยวส่งตามหลังไป เขายกมือปาดแก้ม ก่อนจะพึมพำกับถ้วยบะหมี่เบาๆ
“ไอ้โรคจิต......................................................................ขอดีๆจะไม่ว่าเลย....”
เวลาทำแผลมาถึง ทั้งสองนั่งอยู่บนโซฟาตัวยาวหน้าทีวี ชีวอนถอดเสื้อ ตาทอดมองข่าวจับกุมฝีมือตนวันนี้โดยมีฮยอกแจทำแผลยุกๆยิกๆอยู่แถวไหล่เขา
“เจ้าเหมียว วันนี้หมอนั่นมันบอกว่ามันวางยานายไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงไม่สลบล่ะ?”
ฮยอกแจที่กำลังตัดผ้าก็อตอย่างพิถีพิถันตอบเสียงเอื่อยๆตามสไตล์
“เขาใส่มาในน้ำ ฉันก็แค่แกล้งทำเป็นกิน แกล้งสลบไปก็เท่านั้น”
“นายดูออกด้วยเหรอ เก่งนะเนี่ย”
ฮยอกแจส่ายหน้า
“ฉันรู้ตั้งแต่เขาบอกว่ามาหานายแล้ว”
“ทำไมล่ะ?”
“ก็คนอย่างนายมันน่ามีเพื่อนกับเขาซะที่ไหนกันล่ะ”
ชีวอนแยกเขี้ยว ถ้าไม่ติดที่ว่าเจ้าเด็กนี่อยู่ใกล้แผลเขาล่ะก็ ได้โดนสวนไปนานแล้ว
“ชีวอน...”
จู่ๆอีกฝ่ายก็เรียกชื่อเขา ชีวอนหันมอง แต่ร่างเล็กกลับไม่สบตา
“....โกรธรึเปล่าที่ฉันแกล้งทำเป็นสลบ”
เจ้าของร่างสง่านิ่งงันไปทันที...ไม่น่าเชื่อว่าคนๆนี้จะอ่านความคิดเขาออก..
วินาทีที่เขายิงออกไปด้วยความมั่นใจว่าต้องโดนที่คนร้ายแน่นอนนั้น ฮยอกแจที่น่าจะสลบอยู่กลับทำให้เป้าหมายเคลื่อน เวลานั้นชีวอนยอมรับว่าเขาแทบหยุดหายใจ กระสุนเฉี่ยวเลยไหล่ฮยอกแจไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น ...เขาโกรธมาก โกรธจนพูดไม่ออก แต่มาคิดในอีกแง่...มันคงผิดที่เขาเอง ที่ประเมินคนตรงหน้านี่ต่ำไป.......ร่างสูงถอนใจ และเลือกที่จะพูดไปตรงๆ
“ถ้าผลลัพธ์มันออกมาเป็นแบบนี้ฉันก็พูดอะไรไม่ได้ ถือว่านายทำถูกแล้ว แต่ถามว่าตอนนั้นโกรธมั้ย มันยิ่งกว่าโกรธอีก มันเหมือน...หยุดหายใจไปเลย ตอนนั้น...” เขาว่า ประสานสายตากับดวงตาโตที่ยอมจ้องตอบกลับมา
“ถ้าเรารู้จักกันมากกว่านี้อาจจะเดาใจกันและกันออกมากกว่าที่เป็นอยู่ ว่ามั้ย?”
ทั้งสองจ้องตากันอยู่ยาวนาน เสียงโทรทัศน์ที่ดังโหวกเหวกแทบไม่เข้าถึงโสตประสาท คำถามและความต้องการถูกถ่ายทอดทางบทสนทนาทางสายตาที่เข้าใจเพียงสองคนเท่านั้น
“พูดอะไรออกมา เข้าใจความหมายมันหรือเปล่า?”
พวงแก้มใสแดงซ่าน แต่ดวงตานั้นยังคงจับจ้องแน่วแน่...
.....เขารอให้อีกฝ่ายเริ่มต้นกับริมฝีปากของตนอย่างบางเบา ก่อนที่ดวงตาจะหลับพริ้มลง รับรู้เพียงสัมผัสร้อนแรงจากเรียวลิ้นที่ราวกับใฝ่หารสชาติหอมหวานภายในกลีบปากคู่สวยอย่างรีบร้อน ....
บทบาทของบรรยากาศรอบด้านถูกดับลงไปพร้อมความรู้สึกร้อนแรงที่พลุ่งพล่านกายของคนทั้งสอง แผ่นหลังบางถูกประคองนาบลงกับเบาะโซฟาที่ยังอุ่นด้วยอุณหภูมิจากร่างกาย จุมพิตนัวเนียปลุกอารมณ์อยู่เนิ่นนาน ทั้งการเร่งเร้าและความต้องการเริ่มปั่นหัวให้สมองเบลอจนคนทั้งคู่มาไกลเกินกว่าจะถอยกลับไปได้แล้ว
มือใหญ่ค่อยๆไล่ปลดกระดุมเสื้อนอนตัวหลวมของฮยอกแจ แต่ร่างบางยกมือทั้งสองข้างดันแผงอกอีกฝ่ายไว้
“ชี...ชีวอน แผลนั่น..จะ...จะไม่เป็นไรเหรอ?” เสียงกระซิบพร้อมสีหน้าที่บ่งบอกถึงความห่วงใยทั้งๆที่ดวงตากลมหวานหยดอย่างเชิญชวน ภาพนั้นทำชีวอนขยับยิ้ม เขารวบมือเล็กขึ้นและประทับจูบลงเบาๆ
“ห่วงตัวเองดีกว่านะ..”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น