ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Silver Times [WonHyuk]

    ลำดับตอนที่ #8 : Pink to Silver

    • อัปเดตล่าสุด 9 ต.ค. 55


    ปัง!!!

         ชีวอนอาศัยจังหวะนั้นยิงทันที แต่กระสุนกลับพลาดเมื่อทุกอย่างพลิกโผ  เพราะจู่ๆฮยอกแจที่ใครต่อใครคิดว่าโดนยาสลบไปตามที่คนร้ายบอกตั้งแต่แรกแล้วนั้น จู่ๆก็ขยับตัวหมุนหลบ ล็อคแขนข้างที่ถือปืนของคนร้ายลงแล้วกดลงกับพื้น คนร้ายที่ไม่ทันได้ตั้งทั้งตัวทั้งสติ ตกใจกับทั้งเสียงปืนและการเคลื่อนไหวของตัวประกันทำให้เสียศูนย์โดยง่าย

         ร่างเล็กบิดแขนข้างนั้นจนไหล่ส่งเสียงดังกร๊อบ เขากดอีกฝ่ายนอนคว่ำแล้วนั่งทับ ชีวอนที่หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำตั้งแต่ที่เห็นกระสุนเฉี่ยวร่างฮยอกแจไปไม่กี่เซนนั้นหายใจไม่ทั่วท้อง แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขาต้องรีบโผเข้าไป เตะปืนของศัตรูไปไกล ก่อนจะลงศอกอัดที่จุดสลบจนไอ้สารเลวนั่นสิ้นฤทธิ์ในที่สุด

        สิ่งที่เขาอยากจะทำหลังจากนั้นไม่ใช่การซ้อมคนร้ายเพื่อระบายความแค้น  แต่เป็นการคว้าร่างบางเข้ามากอดไว้แนบอกอย่างรวดเร็ว

    “เจ็บ...เจ็บ! ชีวอน..”  ฮยอกแจพยายามดันร่างสูงออกไป แต่มันไม่ง่ายเลย

    “......”   เอาแต่กอดแถมยังไม่พูดอะไร ฮยอกแจเลยเลยเดาๆไปว่าอีกฝ่ายคงกำลังช็อคอยู่เลยได้แต่ยอมไปตามน้ำ

    “นี่  แล้วไม่บอกพี่ซองแทหน่อยเหรอว่าทางนี้โอเคแล้ว เห็นว่าให้ปล่อยไอ้ตัวหัวหน้ามันไปนี่”

        ใช้เวลาหลายนาทีกว่าชีวอนจะยอมเอ่ยออกมา

    “ไม่ได้โทรจริงน่ะ..”   เขาว่า และปล่อยร่างบางออกจากอ้อมแขน  ดวงตากวาดมองทั่วร่างฮยอกแจ

    “แล้วเป็นอะไรรึเปล่า? โอเคมั้ย?”

           ร่างเล็กพยักหน้า ก่อนจะเหลือบเห็นอะไรบางอย่าง

    “นะ...นั่น...เลือดนี่?!”

           ชีวอนมองแขนตัวเองเหมือนเหลือบตาดูเมนูอาหารก็ไม่ปาน

    “อ่อ...แผลถลอกนิดหน่อยน่ะ”

    “ถลอก? เห็นฉันโง่นักหรอ? ...ไปหาหมอเถอะ”

        ร่างสูงขมวดคิ้วมุ่นพลางส่ายหน้าไหวๆ

    “ไม่เอา ยุ่งยาก”  เขาว่า ปัดไม้ปัดมือก่อนจะช่วยพยุงฮยอกแจลุกขึ้น ร่างบางเดินแยกไปนั่งที่โซฟา ส่วนชีวอนยืนใช้เท้าเขี่ยร่างคนร้ายที่สลบเหมือดบนพื้น มือเรียวตรวจค้นอาวุธออกมาอีกสองสามชิ้น จากนั้นก็จัดการล็อคกุญแจมือพลางหนีบหูโทรศัพท์ไว้ข้างคอ ฮยอกแจได้ยินเสียงต่ำออกคำสั่งสั้นๆเสร็จสรรพก็วางหู  ไม่นานนักซองแทและพวกตำรวจก็มา

    “ลูกพี่  ฮยอกแจ  ไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ?!  แล้วศพล่ะ?”

         ชีวอนดื่มน้ำอยู่  ฮยอกแจจึงอาสาชี้ไปยังคนร้าย

    “ตรงนั้น  แต่ยังไม่ใช่ศพนะ  ยังไม่ตาย”

        ทั้งซองแทและบรรดาตำรวจที่มาด้วยกันหลายต่อหลายคนนั้นมีท่าทีแปลกใจ พวกเขาไม่ถามอะไร  แต่กลับไปพึมพำกับคนร้ายที่หลับนิ่งไม่ได้สติแทน

    “โฮ่..กล้ากระตุกหนวดเสือขนาดนี้แล้วยังไม่โดนฆ่าตายถือว่าแกทำบุญมาเยอะถึงเยอะที่สุดเลยนะเนี่ย”

    “ใครจะอยากให้มีคนตายในห้องตัวเองล่ะวะ”  ชีวอนเอ่ยขึ้นมาในที่สุด เขาเดินเข้าไปใกล้คนร้ายพลางกระซิบซองแทเบาๆ

    “เอาไปขังเดี่ยวไว้  แล้วถ้าตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ฝากบอกด้วยว่าฉันจะตามไปเยี่ยมมันแต่เช้า”

         แค่เท่านั้น...ทุกคนก็รู้แล้วว่าทุกอย่างไม่พลิกโผ..เวลาถึงฆาตหมอนี่ไม่ใช่ไม่มา  แต่มาช้าหน่อยเท่านั้นเอง...

    “ออกไปกันได้แล้ว ไปๆๆ”   ชีวอนไล่ทุกคนออกไปหลังจากเคลียร์พื้นที่เสร็จสรรพ

         จากนั้น ฮยอกแจเข้าครัว เริ่มหาอะไรกินอีกครั้ง ในขณะที่เจ้าของห้องคว้าเบียร์ได้กระป๋องก็ดื่มอั่กๆ ตามองร่างบางที่เดินวนไปวนมาอยู่ในครัวพลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ในใจ

          วินาทีที่เขาเห็นฮยอกแจอยู่ในอันตราย ในหัวของเขาเบลอไปหมด ทั้งมือสั่น ทั้งทำอะไรไม่ถูก มันต่างจากก่อนหน้านี้..ก่อนหน้าที่เขาไม่เคยมีคนสำคัญอยู่ข้างกาย  

        ทั้งๆที่ทำงานในหน้าที่ที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายตรงนี้มาก็หลายปีแล้ว แต่พอเจอเข้ากับคนใกล้ชิดของตนมันกลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไป ชีวอนลองนึกไปถึงในกรณีอื่นๆ ถ้าวันนั้นเขาไม่ได้เก็บเด็กที่เขาเรียกเจ้าเหมียวๆขึ้นมาดูแลอย่างที่ทำทุกวันนี้... หากเขาไม่รู้จักฮยอกแจมาก่อน แล้วเขาจะหน้าชา มือสั่นตอนที่เห็นฮยอกแจกันโดนจับเป็นตัวประกันอย่างที่เป็นในวันนี้หรือไม่..

         หรือว่าความใกล้ชิด  จะทำให้เขาเกิดมีคนสำคัญในชีวิตขึ้นมาซะแล้ว....

    “เจ็บมั้ย?”

    “หืม?”

        คนผมบลอนด์กลับมานั่งตรงกันข้ามเขาพร้อมถ้วยบะหมี่ควันฉุย ชีวอนจึงดึงสติกลับมา

    “อ่อ...แผลนี่เหรอ  ไม่ล่ะ”

    “ไปอาบน้ำซะสิ เดี๋ยวทำแผลให้”   ฮยอกแจว่าพลางคีบบะหมี่เข้าปาก

    “ทำเป็นเหรอ?”  ชีวอนแหย่

    “ไม่ได้ปัญญาอ่อนนี่”

        ร่างสูงหัวเราะ ยอมลุกและเดินไปทางห้องน้ำ

    “เออ  แล้วนายอาบหรือยัง?”

       อีกฝ่ายพยักหน้า  ชีวอนนึกอะไรสนุกจึงเดินกลับมาหาเขา แล้วจับพวงแก้มขาวด้วยท่าทีจริงจัง

    “แล้วได้ล้างได้ขัดแก้มนี่จนสะอาดแล้วหรือเปล่า ต้องให้สะอาดเลยนะ!”

       ฮยอกแจปัดมือนั้นทิ้งไปก่อนจะยกหลังมือขึ้นเช็ดมุมปากแล้วค้อนขวับใส่ชีวอน

    “ทำไมต้องขัด?!”

    “ก็ไอ้สารเลวนั้นมันบังอาจมาหอมแก้มนาย..........อย่างนี้ไง”  ว่าแล้วก็ก้มลงขโมยหอมฟอดใหญ่  ฮยอกแจตาโต กว่าจะกลืนบะหมี่ในปากลงคอได้ อีกฝ่ายก็หัวเราะร่าวิ่งหนีหายเข้าห้องน้ำไปแล้ว

         คนโดนฉวยโอกาสจึงได้แต่แยกเขี้ยวส่งตามหลังไป เขายกมือปาดแก้ม ก่อนจะพึมพำกับถ้วยบะหมี่เบาๆ

    “ไอ้โรคจิต......................................................................ขอดีๆจะไม่ว่าเลย....”












       เวลาทำแผลมาถึง  ทั้งสองนั่งอยู่บนโซฟาตัวยาวหน้าทีวี ชีวอนถอดเสื้อ ตาทอดมองข่าวจับกุมฝีมือตนวันนี้โดยมีฮยอกแจทำแผลยุกๆยิกๆอยู่แถวไหล่เขา

    “เจ้าเหมียว วันนี้หมอนั่นมันบอกว่ามันวางยานายไม่ใช่เหรอ  แล้วทำไมถึงไม่สลบล่ะ?”

       ฮยอกแจที่กำลังตัดผ้าก็อตอย่างพิถีพิถันตอบเสียงเอื่อยๆตามสไตล์

    “เขาใส่มาในน้ำ ฉันก็แค่แกล้งทำเป็นกิน แกล้งสลบไปก็เท่านั้น”

    “นายดูออกด้วยเหรอ เก่งนะเนี่ย”

        ฮยอกแจส่ายหน้า

    “ฉันรู้ตั้งแต่เขาบอกว่ามาหานายแล้ว”

    “ทำไมล่ะ?”

    “ก็คนอย่างนายมันน่ามีเพื่อนกับเขาซะที่ไหนกันล่ะ”

       ชีวอนแยกเขี้ยว ถ้าไม่ติดที่ว่าเจ้าเด็กนี่อยู่ใกล้แผลเขาล่ะก็ ได้โดนสวนไปนานแล้ว

    “ชีวอน...”
       
         จู่ๆอีกฝ่ายก็เรียกชื่อเขา  ชีวอนหันมอง แต่ร่างเล็กกลับไม่สบตา

    “....โกรธรึเปล่าที่ฉันแกล้งทำเป็นสลบ”

         เจ้าของร่างสง่านิ่งงันไปทันที...ไม่น่าเชื่อว่าคนๆนี้จะอ่านความคิดเขาออก..
        
          วินาทีที่เขายิงออกไปด้วยความมั่นใจว่าต้องโดนที่คนร้ายแน่นอนนั้น  ฮยอกแจที่น่าจะสลบอยู่กลับทำให้เป้าหมายเคลื่อน เวลานั้นชีวอนยอมรับว่าเขาแทบหยุดหายใจ  กระสุนเฉี่ยวเลยไหล่ฮยอกแจไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น ...เขาโกรธมาก  โกรธจนพูดไม่ออก แต่มาคิดในอีกแง่...มันคงผิดที่เขาเอง ที่ประเมินคนตรงหน้านี่ต่ำไป.......ร่างสูงถอนใจ และเลือกที่จะพูดไปตรงๆ

    “ถ้าผลลัพธ์มันออกมาเป็นแบบนี้ฉันก็พูดอะไรไม่ได้ ถือว่านายทำถูกแล้ว แต่ถามว่าตอนนั้นโกรธมั้ย มันยิ่งกว่าโกรธอีก มันเหมือน...หยุดหายใจไปเลย ตอนนั้น...”  เขาว่า  ประสานสายตากับดวงตาโตที่ยอมจ้องตอบกลับมา

    “ถ้าเรารู้จักกันมากกว่านี้อาจจะเดาใจกันและกันออกมากกว่าที่เป็นอยู่  ว่ามั้ย?”

          ทั้งสองจ้องตากันอยู่ยาวนาน  เสียงโทรทัศน์ที่ดังโหวกเหวกแทบไม่เข้าถึงโสตประสาท คำถามและความต้องการถูกถ่ายทอดทางบทสนทนาทางสายตาที่เข้าใจเพียงสองคนเท่านั้น

    “พูดอะไรออกมา เข้าใจความหมายมันหรือเปล่า?”

        พวงแก้มใสแดงซ่าน แต่ดวงตานั้นยังคงจับจ้องแน่วแน่...

          .....เขารอให้อีกฝ่ายเริ่มต้นกับริมฝีปากของตนอย่างบางเบา ก่อนที่ดวงตาจะหลับพริ้มลง รับรู้เพียงสัมผัสร้อนแรงจากเรียวลิ้นที่ราวกับใฝ่หารสชาติหอมหวานภายในกลีบปากคู่สวยอย่างรีบร้อน ....

         บทบาทของบรรยากาศรอบด้านถูกดับลงไปพร้อมความรู้สึกร้อนแรงที่พลุ่งพล่านกายของคนทั้งสอง  แผ่นหลังบางถูกประคองนาบลงกับเบาะโซฟาที่ยังอุ่นด้วยอุณหภูมิจากร่างกาย จุมพิตนัวเนียปลุกอารมณ์อยู่เนิ่นนาน ทั้งการเร่งเร้าและความต้องการเริ่มปั่นหัวให้สมองเบลอจนคนทั้งคู่มาไกลเกินกว่าจะถอยกลับไปได้แล้ว
       
        มือใหญ่ค่อยๆไล่ปลดกระดุมเสื้อนอนตัวหลวมของฮยอกแจ แต่ร่างบางยกมือทั้งสองข้างดันแผงอกอีกฝ่ายไว้

    “ชี...ชีวอน  แผลนั่น..จะ...จะไม่เป็นไรเหรอ?”     เสียงกระซิบพร้อมสีหน้าที่บ่งบอกถึงความห่วงใยทั้งๆที่ดวงตากลมหวานหยดอย่างเชิญชวน ภาพนั้นทำชีวอนขยับยิ้ม เขารวบมือเล็กขึ้นและประทับจูบลงเบาๆ

    “ห่วงตัวเองดีกว่านะ..”








    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×