ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Silver Times [WonHyuk]

    ลำดับตอนที่ #6 : Red to Silver

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.ย. 55



         เช้าวันรุ่งขึ้น ชีวอนตื่นแต่เช้าตรู่ ปกติทันทีที่แต่งตัวเตรียมพร้อมเสร็จสรรพคนไม่มีห่วงอย่างเขาก็จะคว้ากุญแจมอเตอร์ไซค์สีดำคันโปรดดิ่งไปที่ทำงานโดยเร็ว แต่เช้าวันนี้...กลับมีเด็กหนุ่มในชุดผ้ากันเปื้อนสีฟ้าอ่อนเดินไปเดินมาเป็นอาหารตายามเช้าอยู่ในบ้าน ...ตราบใดที่ยังไม่อิ่มก็คงยากที่จะลากเขาออกไปทำงานได้

         ตี๊ดดด!  

        โทรศัพท์มือถือของชีวอนดัง ความผิดปกติของหัวหน้าทำให้ซองแทโทรมาตามคาด ชีวอนตัดสินใจไม่รับ  แล้วเดินไปหยิบหนังสือพิมพ์ทางอีกฝั่ง เจ้าเหมียวที่กำลังพยายามใช้เครื่องปิ้งขนมปังหันมองตามเสียงโทรศัพท์แล้วย่นคิ้วน้อยๆ

    “ทำไมไม่รับ?”

        ชีวอนไหวไหล่ ปากเคี้ยวขนมปังเลยไม่ตอบ เขาปล่อยให้เสียงมือถือเรียกร้องความสนใจต่อไปโดยไม่คาดคิดว่า เพื่อนร่วมชายคาจะความอดทนต่ำ  และหยิบมันขึ้นมารับสายด้วยตัวเอง

    “....สวัสดี...”

      ชีวอนหันขวับ จะไล่คว้า แต่ร่างเล็กก็แก้แค้นโดยการก้าวหนีแล้วทำหน้าดุใส่ ชีวอนได้แต่ถอนใจ...เขาไม่อยากทำให้อีกฝ่ายถูกขัดใจแต่เช้า

    “อ่ะ...เอ๋  นั่นฮยอกแจใช่มั้ย?! ฮยอกแจ  นี่...”  คนรับสายยกโทรศัพท์ออกห่าง  แล้วเอียงคอใส่ชีวอน

    “ฮยอกแจ?...ใคร?”

       เสียงซองแทโหวกเหวกออกมาจากโทรศัพท์จนคนถือต้องแนบฟังอีกครั้ง

    “ใครครับ?...อ่อพี่ซองแทเหรอ....หืม....ฮยอกแจ?.....ผมเหรอ....ลีฮยอกแจ....ชื่อผม?...”

    “หืม?”

        นัยน์ตาโตมองชีวอน และหันมาพูดกับเขาด้วยสีหน้านิ่งๆ

    “พี่ซองแทบอกว่าฉันชื่อลี ฮยอกแจ...”

    “ห๊ะ? ไหนเอามาซิ”  คราวนี้ชีวอนแย่งโทรศัพท์กลับมาได้  และซองแทก็รายงานเขาทันที

    “ลูกพี่! ผมรู้ชื่อของเจ้าเหมียวของลูกพี่แล้วนะครับ เขาชื่อฮยอกแจ... ลี  ฮยอกแจ”

    “ลี  ฮยอกแจ”  ชีวอนทวนคำ  หันมองอีกฝ่ายที่ยืนมองเขานิ่งไม่ขยับ

    “อ่ะ...เดี๋ยวฉันรีบไปละกัน”  พูดจบก็วางสายปั๊บ แล้วหยิบกุญแจรถทันที

    “พวกนายกำลังสืบเรื่องของฉันอยู่เหรอ?”  ร่างเล็ก...หรือที่ตอนนี้รู้ชื่อเสียงเรียงนามแล้วว่าคือ ลี ฮยอกแจ เอ่ยถามขึ้นมา  ชีวอนยืนค้างอยู่ที่ประตู  เขาเลี่ยงไม่ได้ที่จะพยักหน้าเบาๆ

    “แล้วตกลง ฉันชื่ออะไร? ฮยอกแจเหรอ?”

    “...อืม...”

    “แล้วนายจะเรียกฉันว่าอะไร?”

    “ก็...ตามชื่อนาย..”

    “ไม่เรียกเจ้าเหมียวแล้วเหรอ?”  ดวงตาคมหันมองคนถาม ที่เอียงคอพูดขึ้นอีกครั้ง

    “นายอุตส่าห์ตั้งให้  จะไม่ใช้มันแล้วเหรอ?”

        อุตส่าห์? เขาไม่ได้อุตส่าห์เลยสักนิด  แต่กลับสุ่มสี่สุ่มห้าเรียกไปอย่างงั้นต่างหาก 

    “แล้วนายอยากให้เรียกว่าอะไรล่ะ?”    ชีวอนถามกลับ ฮยอกแจไหวไหล่

    “แล้วแต่เลย”

    “งั้นเจ้าเหมียวฮยอกแจละกัน”     พูดจบก็หัวเราะร่วน  มองหน้างงๆที่กระพริบตาปริบๆเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะดันประตูปิดแล้วตรงไปห้องทำงานอย่างรวดเร็ว

       ซองแทอยู่ในห้องทำงานของเขาแล้ว ลูกน้องคนสนิทดูเหมือนสุนัขที่ส่ายหางกระดิกดิ๊กๆทันทีที่เห็นชีวอนเดินเข้ามา

    “ไหน? ได้เรื่องอะไรบ้าง?”

        ซองแทเลื่อนทั้งเอกสาร ทั้งคอมพิวเตอร์ไปที่โต๊ะชีวอนแล้วเริ่มอธิบาย

    “ผมลองใช้วิธีของผมลองหาประวัติเขาดู แล้วก็...นี่ครับ ”  

         ภาพถ่ายใบหน้าตรงของคนๆเดียวกับที่ใส่ผ้ากันเปื้อนยืนเอียงคอไปเอียงคอมาอยู่ในบ้านของเขามองตอบกลับมา  ในรูปอีกฝ่ายยังไว้ผมสีดำ และสีหน้าดูมีชีวิตชีวากว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ ด้านล่างเป็นประวัติชื่อพ่อแม่ สถานศึกษาตั้งแต่อนุบาลจนถึงมหาวิทยาลัย ในประวัติบ่งบอกว่าเขาใช้ชีวิตเหมือนเด็กหนุ่มสามัญชนธรรมดาทั่วไป จนเริ่มมาผิดปกติช่วงกลางปีที่แล้ว 

       ....ฮยอกแจออกจากมหาวิทยาลัยกลางคัน เขาทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านกาแฟ แต่ทำได้สองเดือนก็ออก  และประวัติก็หยุดอยู่แค่นั้น 

    “ผมสืบเรื่องพ่อแม่ของเขามาแล้ว ทั้งคู่มีชีวิตอยู่ครับ แต่ความเคลื่อนไหวก็หายไปช่วงเวลาเดียวกันกับที่ฮยอกแจออกจากมหาวิทยาลัย”

    “หายไปไหน?”

    “ไม่มีข้อมูลเลยครับ”

         ชีวอนยกมือถูคางพลางครุ่นคิด  ประวัติคนๆหนึ่งถ้าหายไปจากระบบสารข้อมูลส่วนใหญ่ถ้าไม่พบว่าตายก็จะหายสาบสูญไป แต่ในกรณีนี้มันแปลกตรงที่ทั้งสามคนข้อมูลได้หายไปจากสารระบบพร้อมๆกัน แต่กลับเจอเพียงแค่ลูกชายกลับมาในสภาพความจำเสื่อมพร้อมบาดแผลจำนวนหนึ่ง......ก่อนหน้านี้พวกเขาไปอยู่ที่ไหนกัน? 

    “แล้วเป็นไปได้มั้ยว่าเขาจะเป็นลูกบุญธรรมของออสการ์?”    ชีวอนถามตรงๆ  ตาจ้องมองเอกสารแต่ใจกลับไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ซองแทมองเห็นความไม่สบายใจในดวงตาของหัวหน้า เพียงแต่เขาไม่สามารถปฏิเสธความจริงได้

     “เป็นไปได้ครับ  ลูกพี่ดูนี่...”  เขาหยิบเอกสารส่วนหนึ่งส่งให้ชีวอน มือเรียวพลิกดูด้วยความนิ่งสงบ

    “สายบอกว่าออสการ์เคยบริจาคเงินช่วยสถานศึกษาอยู่สองครั้ง เป็นจำนวนเงินที่เยอะพอสมควร คาดว่าน่าจะบริจาคเพื่อให้ลูกเข้าเรียนที่นั่น ....”

         ชีวอนมองดูรายชื่อสถานศึกษาที่หัวหน้ามาเฟียออสการ์บริจาค แล้วหยุดลงที่ชื่อๆหนึ่ง

    “โรงเรียนมัธยมXXอยู่ทางเหนือของโซล ส่วนมหาวิทยาลัย..เป็นมหาวิทยาลัยเดียวกับที่ฮยอกแจเรียนอยู่ครับ”

          ซองแทได้ยินเสียงหัวหน้าของเขาถอนหายใจออกมาเบาๆด้านหลังเอกสารที่กางอยู่ ใบหน้าคมคายที่เคยโหวกเหวกทันทีที่ไม่ได้ดั่งใจดูสงบเรียบนิ่ง ยิ่งมองยิ่งน่าเกรงขามและน่าหลงใหลในเวลาเดียวกัน...
       
         เขาเองไม่กล้าถามหรอกว่าทั้งหัวหน้าและเด็กฮยอกแจนั่นมีความสัมพันธ์กันยังไง แต่ถึงไม่ถามออกไป การแสดงออกที่แตกต่างไปจากตัวตนที่ผ่านมานั้นก็ทำให้เขารู้เลยว่าเด็กผู้ชายความจำเสื่อมที่ท่าทางเฉื่อยชาคนนั้นมีอิทธิผลกับบุรุษรูปงามตรงหน้านี่เพียงใด

    “มะ...มันอาจเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้นะครับ ถึงจะเป็นมหาวิทยาลัยเดียวกันแต่โรงเรียนมัธยมนั่นก็ไม่ได้...”

    “แบบนี้คงยังพาไปโรงพยาบาลไม่ได้สินะ”  ร่างสูงพึมพำ ซองแทได้แต่มองใบหน้านั้นไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ชีวอนพลิกเอกสารดูนู่นนี่ซำไปซ้ำมาอยู่สักพัก โทรศัพท์ก็ดังขึ้น  มีเหตุยิงกันเกี่ยวกับแก๊งค์ยาเสพติดรายงานเข้ามา เขาจึงหยิบปืน แล้วลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว  

    “ลูกพี่ครับ!!”  ซองแทร้องเรียก ดวงตาคมที่เริ่มสีหน้ายุ่งๆหันกลับมา

    “...ผมเชื่อว่ามันต้องไม่เป็นไปอย่างที่เรากังวลหรอกครับ”

         ทุกทีถ้าพูดเรื่องไร้สาระในเวลาเร่งด่วนแบบนี้ ซองแทคงโดนอัดจนจุกไปแล้ว  แต่คราวนี้เขากลับถูกมองจ้องด้วยสายตาที่เดาอารมณ์ไม่ได้อยู่ยาวนาน ก่อนจะหมุนหลังแล้วเดินออกไป...


                เฮ้อ..เดี๋ยวอาละวาดแล้วก็คงดีขึ้นเองล่ะนะ...ซองแทก็หวังเช่นนั้น  คว้าเสื้อคลุมบ้างแล้ววิ่งตามออกไปในที่สุด








          ทางด้านห้องพักของเจ้าหน้าที่ชเวชีวอน ร่างบางที่อยู่เพียงลำพังในช่วงบ่ายกำลังเพลิดเพลินอยู่กับเกมส์โชว์ซ่อนกล้องดาราในทีวีที่ฉายมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว ริมฝีปากสีสวยขยับขึ้นลงขณะเคี้ยวมันฝรั่งอย่างเอร็ดอร่อย และระหว่างนั้น..ใครบางคนก็เคาะประตูอยู่ด้านนอก

         ฮยอกแจย่นคิ้ว ชีวอนไม่เคยเคาะห้องก่อนเวลาเข้า แล้วจะมีใครอีกล่ะ  อ๊ะ...หรือจะเป็นพี่ซองแท?

         คิดเช่นนั้นก็รีบกระโดดลงจากโซฟาแล้วเดินไปดูวีดีโอคอลที่ประตู...คนด้านนอกเป็นชายมีอายุที่เขาไม่รู้จัก ในมือถือกล่องคุ๊กกี้ชูขึ้นมา 

    “มาหาใครครับ?”  ฮยอกแจถามเสียงเย็นๆ

    “ชีวอนอยู่มั้ยเอ่ย?”

    “ชีวอนไปทำงานครับ...”

        คนด้านนอกทำสีหน้าเสียดาย

     “คุณเป็นใครเหรอครับ?”

    “อ่อ  เป็นเพื่อนร่วมงานเขาน่ะครับ พอดีแวะผ่านมา  เมื่อกี้โทรบอกแล้วแท้ๆนะว่าจะเข้ามา สงสัยคงลืม”

    “........”

    “...อุตส่าห์เอาคุ๊กกี้มาเยี่ยมนะเนี่ย  อ่า...ยังไงช่วยให้ผมเอาคุ๊กกี้ไปให้แล้วทิ้งจดหมายไว้หน่อยได้มั้ยครับ ”

      ถ้าคุยกับชีวอนไว้แล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหา ฮยอกแจจึงตัดสินใจให้ชายคนนั้นเข้ามาด้านในโดยไม่คิดจะถามไถ่ใดๆอีก.....
     











    “ใส่กุญแจมือไว้”

    “โอ...โดนซะขนาดนี้ไม่ต้องใช้กุญแจมือก็ไปไหนไม่รอดแล้วมั้งครับ”

    “แกจะใส่ให้มันหรือจะให้ฉันใส่ให้แก..”

    “อะ...ครับๆ ลูกพี่”  

         ชีวอนปาถุงมือหนังที่เลอะคราบเลือดสกปรกลงพื้น ก่อนจะเดินไปยังตัวหัวหน้าแก็งค์ที่ถูกคุมตัวอยู่ทางอีกฝั่ง หมอนี่มันยิงสวนตำรวจจนทำให้ชีวอนได้แผลกระสุนถากที่ไหล่ซ้าย แต่นั่นกลับไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา

    “นี่ ไอ้แก่...ตายหรือยัง?”  ชีวอนว่าพลางเอาปากกระบอกปืนเขี่ยข้างแก้มที่เลือดกลบไปทั่วของอีกฝ่าย ขนาดอายุเยอะยังไม่วายวิ่งหนี มันเลยช่วยไม่ได้ที่ตำรวจอย่างเขาต้องจัดการอัดให้หมอบจนลุกไม่ขึ้น แต่กระนั้น ไอ้แก่ตัวดีกลับขยับยิ้มปิศาจออกมาอย่างผิดสถานการณ์

    “ยิ้มอะไรของแก?”

    “นี่พ่อหนุ่ม...ไม่คิดจะเมตตาคนแก่หน่อยเหรอ”

    “...เพี้ยนไปแล้วเหรอไงห๊ะ?!”  มือใหญ่กระชากคอเสื้ออีกฝ่ายจนลูกน้องต้องช่วยกันห้าม ถึงจะโดนขนาดนั้นแต่ไอ้ตัวคนร้ายกลับไม่มีท่าทีจะหุบรอยยิ้มนั่น

    “ฉันถามว่าแกยิ้มหาบ้าอะไร?!!”

            มันหัวเราะร่วนไม่เลิก ดวงตาจ้องมองชีวอนหัวจรดเท้าพร้อมเขยื้อนยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น

    “ฮ่ะๆๆ  จะว่าไป มันก็เป็นเรื่องธรรมดาน่ะนะที่คนรูปงามอย่างคุณตำรวจจะมีของน่ารักๆแบบนั้นเก็บไว้ที่บ้านน่ะ...”

             คำพูดนั้นดึงเอาหัวใจชีวอนหล่นวูบลงในทันที วินาทีนั้นมือเรียวจ่อปืนไปที่ขมับคนร้ายอย่างรวดเร็ว 

    “แก....หมายความว่าไง...”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×