คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Red to Silver
เช้าวันรุ่งขึ้น ชีวอนตื่นแต่เช้าตรู่ ปกติทันทีที่แต่งตัวเตรียมพร้อมเสร็จสรรพคนไม่มีห่วงอย่างเขาก็จะคว้ากุญแจมอเตอร์ไซค์สีดำคันโปรดดิ่งไปที่ทำงานโดยเร็ว แต่เช้าวันนี้...กลับมีเด็กหนุ่มในชุดผ้ากันเปื้อนสีฟ้าอ่อนเดินไปเดินมาเป็นอาหารตายามเช้าอยู่ในบ้าน ...ตราบใดที่ยังไม่อิ่มก็คงยากที่จะลากเขาออกไปทำงานได้
ตี๊ดดด!
โทรศัพท์มือถือของชีวอนดัง ความผิดปกติของหัวหน้าทำให้ซองแทโทรมาตามคาด ชีวอนตัดสินใจไม่รับ แล้วเดินไปหยิบหนังสือพิมพ์ทางอีกฝั่ง เจ้าเหมียวที่กำลังพยายามใช้เครื่องปิ้งขนมปังหันมองตามเสียงโทรศัพท์แล้วย่นคิ้วน้อยๆ
“ทำไมไม่รับ?”
ชีวอนไหวไหล่ ปากเคี้ยวขนมปังเลยไม่ตอบ เขาปล่อยให้เสียงมือถือเรียกร้องความสนใจต่อไปโดยไม่คาดคิดว่า เพื่อนร่วมชายคาจะความอดทนต่ำ และหยิบมันขึ้นมารับสายด้วยตัวเอง
“....สวัสดี...”
ชีวอนหันขวับ จะไล่คว้า แต่ร่างเล็กก็แก้แค้นโดยการก้าวหนีแล้วทำหน้าดุใส่ ชีวอนได้แต่ถอนใจ...เขาไม่อยากทำให้อีกฝ่ายถูกขัดใจแต่เช้า
“อ่ะ...เอ๋ นั่นฮยอกแจใช่มั้ย?! ฮยอกแจ นี่...” คนรับสายยกโทรศัพท์ออกห่าง แล้วเอียงคอใส่ชีวอน
“ฮยอกแจ?...ใคร?”
เสียงซองแทโหวกเหวกออกมาจากโทรศัพท์จนคนถือต้องแนบฟังอีกครั้ง
“ใครครับ?...อ่อพี่ซองแทเหรอ....หืม....ฮยอกแจ?.....ผมเหรอ....ลีฮยอกแจ....ชื่อผม?...”
“หืม?”
นัยน์ตาโตมองชีวอน และหันมาพูดกับเขาด้วยสีหน้านิ่งๆ
“พี่ซองแทบอกว่าฉันชื่อลี ฮยอกแจ...”
“ห๊ะ? ไหนเอามาซิ” คราวนี้ชีวอนแย่งโทรศัพท์กลับมาได้ และซองแทก็รายงานเขาทันที
“ลูกพี่! ผมรู้ชื่อของเจ้าเหมียวของลูกพี่แล้วนะครับ เขาชื่อฮยอกแจ... ลี ฮยอกแจ”
“ลี ฮยอกแจ” ชีวอนทวนคำ หันมองอีกฝ่ายที่ยืนมองเขานิ่งไม่ขยับ
“อ่ะ...เดี๋ยวฉันรีบไปละกัน” พูดจบก็วางสายปั๊บ แล้วหยิบกุญแจรถทันที
“พวกนายกำลังสืบเรื่องของฉันอยู่เหรอ?” ร่างเล็ก...หรือที่ตอนนี้รู้ชื่อเสียงเรียงนามแล้วว่าคือ ลี ฮยอกแจ เอ่ยถามขึ้นมา ชีวอนยืนค้างอยู่ที่ประตู เขาเลี่ยงไม่ได้ที่จะพยักหน้าเบาๆ
“แล้วตกลง ฉันชื่ออะไร? ฮยอกแจเหรอ?”
“...อืม...”
“แล้วนายจะเรียกฉันว่าอะไร?”
“ก็...ตามชื่อนาย..”
“ไม่เรียกเจ้าเหมียวแล้วเหรอ?” ดวงตาคมหันมองคนถาม ที่เอียงคอพูดขึ้นอีกครั้ง
“นายอุตส่าห์ตั้งให้ จะไม่ใช้มันแล้วเหรอ?”
อุตส่าห์? เขาไม่ได้อุตส่าห์เลยสักนิด แต่กลับสุ่มสี่สุ่มห้าเรียกไปอย่างงั้นต่างหาก
“แล้วนายอยากให้เรียกว่าอะไรล่ะ?” ชีวอนถามกลับ ฮยอกแจไหวไหล่
“แล้วแต่เลย”
“งั้นเจ้าเหมียวฮยอกแจละกัน” พูดจบก็หัวเราะร่วน มองหน้างงๆที่กระพริบตาปริบๆเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะดันประตูปิดแล้วตรงไปห้องทำงานอย่างรวดเร็ว
ซองแทอยู่ในห้องทำงานของเขาแล้ว ลูกน้องคนสนิทดูเหมือนสุนัขที่ส่ายหางกระดิกดิ๊กๆทันทีที่เห็นชีวอนเดินเข้ามา
“ไหน? ได้เรื่องอะไรบ้าง?”
ซองแทเลื่อนทั้งเอกสาร ทั้งคอมพิวเตอร์ไปที่โต๊ะชีวอนแล้วเริ่มอธิบาย
“ผมลองใช้วิธีของผมลองหาประวัติเขาดู แล้วก็...นี่ครับ ”
ภาพถ่ายใบหน้าตรงของคนๆเดียวกับที่ใส่ผ้ากันเปื้อนยืนเอียงคอไปเอียงคอมาอยู่ในบ้านของเขามองตอบกลับมา ในรูปอีกฝ่ายยังไว้ผมสีดำ และสีหน้าดูมีชีวิตชีวากว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ ด้านล่างเป็นประวัติชื่อพ่อแม่ สถานศึกษาตั้งแต่อนุบาลจนถึงมหาวิทยาลัย ในประวัติบ่งบอกว่าเขาใช้ชีวิตเหมือนเด็กหนุ่มสามัญชนธรรมดาทั่วไป จนเริ่มมาผิดปกติช่วงกลางปีที่แล้ว
....ฮยอกแจออกจากมหาวิทยาลัยกลางคัน เขาทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านกาแฟ แต่ทำได้สองเดือนก็ออก และประวัติก็หยุดอยู่แค่นั้น
“ผมสืบเรื่องพ่อแม่ของเขามาแล้ว ทั้งคู่มีชีวิตอยู่ครับ แต่ความเคลื่อนไหวก็หายไปช่วงเวลาเดียวกันกับที่ฮยอกแจออกจากมหาวิทยาลัย”
“หายไปไหน?”
“ไม่มีข้อมูลเลยครับ”
ชีวอนยกมือถูคางพลางครุ่นคิด ประวัติคนๆหนึ่งถ้าหายไปจากระบบสารข้อมูลส่วนใหญ่ถ้าไม่พบว่าตายก็จะหายสาบสูญไป แต่ในกรณีนี้มันแปลกตรงที่ทั้งสามคนข้อมูลได้หายไปจากสารระบบพร้อมๆกัน แต่กลับเจอเพียงแค่ลูกชายกลับมาในสภาพความจำเสื่อมพร้อมบาดแผลจำนวนหนึ่ง......ก่อนหน้านี้พวกเขาไปอยู่ที่ไหนกัน?
“แล้วเป็นไปได้มั้ยว่าเขาจะเป็นลูกบุญธรรมของออสการ์?” ชีวอนถามตรงๆ ตาจ้องมองเอกสารแต่ใจกลับไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ซองแทมองเห็นความไม่สบายใจในดวงตาของหัวหน้า เพียงแต่เขาไม่สามารถปฏิเสธความจริงได้
“เป็นไปได้ครับ ลูกพี่ดูนี่...” เขาหยิบเอกสารส่วนหนึ่งส่งให้ชีวอน มือเรียวพลิกดูด้วยความนิ่งสงบ
“สายบอกว่าออสการ์เคยบริจาคเงินช่วยสถานศึกษาอยู่สองครั้ง เป็นจำนวนเงินที่เยอะพอสมควร คาดว่าน่าจะบริจาคเพื่อให้ลูกเข้าเรียนที่นั่น ....”
ชีวอนมองดูรายชื่อสถานศึกษาที่หัวหน้ามาเฟียออสการ์บริจาค แล้วหยุดลงที่ชื่อๆหนึ่ง
“โรงเรียนมัธยมXXอยู่ทางเหนือของโซล ส่วนมหาวิทยาลัย..เป็นมหาวิทยาลัยเดียวกับที่ฮยอกแจเรียนอยู่ครับ”
ซองแทได้ยินเสียงหัวหน้าของเขาถอนหายใจออกมาเบาๆด้านหลังเอกสารที่กางอยู่ ใบหน้าคมคายที่เคยโหวกเหวกทันทีที่ไม่ได้ดั่งใจดูสงบเรียบนิ่ง ยิ่งมองยิ่งน่าเกรงขามและน่าหลงใหลในเวลาเดียวกัน...
เขาเองไม่กล้าถามหรอกว่าทั้งหัวหน้าและเด็กฮยอกแจนั่นมีความสัมพันธ์กันยังไง แต่ถึงไม่ถามออกไป การแสดงออกที่แตกต่างไปจากตัวตนที่ผ่านมานั้นก็ทำให้เขารู้เลยว่าเด็กผู้ชายความจำเสื่อมที่ท่าทางเฉื่อยชาคนนั้นมีอิทธิผลกับบุรุษรูปงามตรงหน้านี่เพียงใด
“มะ...มันอาจเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้นะครับ ถึงจะเป็นมหาวิทยาลัยเดียวกันแต่โรงเรียนมัธยมนั่นก็ไม่ได้...”
“แบบนี้คงยังพาไปโรงพยาบาลไม่ได้สินะ” ร่างสูงพึมพำ ซองแทได้แต่มองใบหน้านั้นไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ชีวอนพลิกเอกสารดูนู่นนี่ซำไปซ้ำมาอยู่สักพัก โทรศัพท์ก็ดังขึ้น มีเหตุยิงกันเกี่ยวกับแก๊งค์ยาเสพติดรายงานเข้ามา เขาจึงหยิบปืน แล้วลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ลูกพี่ครับ!!” ซองแทร้องเรียก ดวงตาคมที่เริ่มสีหน้ายุ่งๆหันกลับมา
“...ผมเชื่อว่ามันต้องไม่เป็นไปอย่างที่เรากังวลหรอกครับ”
ทุกทีถ้าพูดเรื่องไร้สาระในเวลาเร่งด่วนแบบนี้ ซองแทคงโดนอัดจนจุกไปแล้ว แต่คราวนี้เขากลับถูกมองจ้องด้วยสายตาที่เดาอารมณ์ไม่ได้อยู่ยาวนาน ก่อนจะหมุนหลังแล้วเดินออกไป...
เฮ้อ..เดี๋ยวอาละวาดแล้วก็คงดีขึ้นเองล่ะนะ...ซองแทก็หวังเช่นนั้น คว้าเสื้อคลุมบ้างแล้ววิ่งตามออกไปในที่สุด
ทางด้านห้องพักของเจ้าหน้าที่ชเวชีวอน ร่างบางที่อยู่เพียงลำพังในช่วงบ่ายกำลังเพลิดเพลินอยู่กับเกมส์โชว์ซ่อนกล้องดาราในทีวีที่ฉายมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว ริมฝีปากสีสวยขยับขึ้นลงขณะเคี้ยวมันฝรั่งอย่างเอร็ดอร่อย และระหว่างนั้น..ใครบางคนก็เคาะประตูอยู่ด้านนอก
ฮยอกแจย่นคิ้ว ชีวอนไม่เคยเคาะห้องก่อนเวลาเข้า แล้วจะมีใครอีกล่ะ อ๊ะ...หรือจะเป็นพี่ซองแท?
คิดเช่นนั้นก็รีบกระโดดลงจากโซฟาแล้วเดินไปดูวีดีโอคอลที่ประตู...คนด้านนอกเป็นชายมีอายุที่เขาไม่รู้จัก ในมือถือกล่องคุ๊กกี้ชูขึ้นมา
“มาหาใครครับ?” ฮยอกแจถามเสียงเย็นๆ
“ชีวอนอยู่มั้ยเอ่ย?”
“ชีวอนไปทำงานครับ...”
คนด้านนอกทำสีหน้าเสียดาย
“คุณเป็นใครเหรอครับ?”
“อ่อ เป็นเพื่อนร่วมงานเขาน่ะครับ พอดีแวะผ่านมา เมื่อกี้โทรบอกแล้วแท้ๆนะว่าจะเข้ามา สงสัยคงลืม”
“........”
“...อุตส่าห์เอาคุ๊กกี้มาเยี่ยมนะเนี่ย อ่า...ยังไงช่วยให้ผมเอาคุ๊กกี้ไปให้แล้วทิ้งจดหมายไว้หน่อยได้มั้ยครับ ”
ถ้าคุยกับชีวอนไว้แล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหา ฮยอกแจจึงตัดสินใจให้ชายคนนั้นเข้ามาด้านในโดยไม่คิดจะถามไถ่ใดๆอีก.....
“ใส่กุญแจมือไว้”
“โอ...โดนซะขนาดนี้ไม่ต้องใช้กุญแจมือก็ไปไหนไม่รอดแล้วมั้งครับ”
“แกจะใส่ให้มันหรือจะให้ฉันใส่ให้แก..”
“อะ...ครับๆ ลูกพี่”
ชีวอนปาถุงมือหนังที่เลอะคราบเลือดสกปรกลงพื้น ก่อนจะเดินไปยังตัวหัวหน้าแก็งค์ที่ถูกคุมตัวอยู่ทางอีกฝั่ง หมอนี่มันยิงสวนตำรวจจนทำให้ชีวอนได้แผลกระสุนถากที่ไหล่ซ้าย แต่นั่นกลับไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา
“นี่ ไอ้แก่...ตายหรือยัง?” ชีวอนว่าพลางเอาปากกระบอกปืนเขี่ยข้างแก้มที่เลือดกลบไปทั่วของอีกฝ่าย ขนาดอายุเยอะยังไม่วายวิ่งหนี มันเลยช่วยไม่ได้ที่ตำรวจอย่างเขาต้องจัดการอัดให้หมอบจนลุกไม่ขึ้น แต่กระนั้น ไอ้แก่ตัวดีกลับขยับยิ้มปิศาจออกมาอย่างผิดสถานการณ์
“ยิ้มอะไรของแก?”
“นี่พ่อหนุ่ม...ไม่คิดจะเมตตาคนแก่หน่อยเหรอ”
“...เพี้ยนไปแล้วเหรอไงห๊ะ?!” มือใหญ่กระชากคอเสื้ออีกฝ่ายจนลูกน้องต้องช่วยกันห้าม ถึงจะโดนขนาดนั้นแต่ไอ้ตัวคนร้ายกลับไม่มีท่าทีจะหุบรอยยิ้มนั่น
“ฉันถามว่าแกยิ้มหาบ้าอะไร?!!”
มันหัวเราะร่วนไม่เลิก ดวงตาจ้องมองชีวอนหัวจรดเท้าพร้อมเขยื้อนยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น
“ฮ่ะๆๆ จะว่าไป มันก็เป็นเรื่องธรรมดาน่ะนะที่คนรูปงามอย่างคุณตำรวจจะมีของน่ารักๆแบบนั้นเก็บไว้ที่บ้านน่ะ...”
คำพูดนั้นดึงเอาหัวใจชีวอนหล่นวูบลงในทันที วินาทีนั้นมือเรียวจ่อปืนไปที่ขมับคนร้ายอย่างรวดเร็ว
“แก....หมายความว่าไง...”
ความคิดเห็น