ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Silver Times [WonHyuk]

    ลำดับตอนที่ #5 : Green to Silver

    • อัปเดตล่าสุด 22 ส.ค. 55



         ชีวอนอาบน้ำเสร็จสรรพแล้วก็นั่งดูงานอยู่ต่อสักพัก หลังจากนั้นก็ปีนขึ้นเตียงนอน  หูได้ยินเสียงเพื่อนร่วมชายคาส่งเสียงกุกกักขณะแต่งตัว แต่ไม่นานก็เงียบไป............................................................ซะที่ไหนกัน?!
        
        ไฟภายในห้องนอนดับลง จังหวะเดียวกับที่เกิดเสียงสวบสาบดังขึ้นข้างตัว ชีวอนรีบหันไปยังทิศต้นเสียง มือสะกิดโคมไฟดวงเล็กเปิดขึ้น
        
    เจ้าของเรือนผมสีบลอนด์สว่างกระพริบตาปริบๆหันมองตอบกลับมา

    “เฮ่ย! ขึ้นมาทำไม?!”

     “นอน”

    “ทำไมไม่ไปนอนที่เดิม!!”

        เวรกรรม!.....ขืนมานอนแบบนี้ไอ้หมอนี่มีหวังได้เสร็จเขาแน่! ไอ้ตัวเล็กนี่มันเห็นเขาเป็นท่อนไม้หรือไงวะเนี่ย!!

        เจ้าเหมียวตัวปัญหาเอียงคอสงสัย...

    “ที่เดิม? โซฟานั่นน่ะเหรอ?”

       ชีวอนพยักหน้า

    “ทำไมฉันต้องไปนอนตรงนั้นล่ะ? แล้วทำไมนายถึงได้นอนตรงนี้?”

    “ก็...ก็เรานอนด้วยกันไม่ได้...”           .....ยิ่งเรื่องเพิ่งเกิดหมาดๆด้วย....

    “ทำไมไม่ได้?”

      ชีวอนยกปัญหาเรื่องขนาดตัวมาใช้เป็นเหตุผล แต่นั่นกลับไม่ได้ผล แถมยิ่งทำให้อีกฝ่ายตัดสินใจล้มตัวลงนอนง่ายขึ้น

    “ฉันจะแบ่งที่ให้นายกว้างๆเลยละกัน นี่...เท่านี้เลย โอเคนะ..”  พูดจบก็ล้มตัวลงห่มผ้าหลับตาสนิท ชีวอนได้แต่กุมขมับ

    “.....โธ่เว้ยย!”   ในที่สุดเจ้าของห้องตัวจริงก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ชีวอนลุกออกจากเตียง แล้วก้าวอาดๆออกมาด้านนอก

         ป่วยการจะเถียง  เด็กนั่นไม่รู้ว่าซื่อเกินรึไม่มีความคิดก็ไม่รู้  แค่นี้ดูไม่ออกหรือไงว่าคนอย่างเขาพร้อมจะกดไอ้เอวบางๆนั่นลงกับเตียงแล้วลงมือขม้ำได้ทุกเมื่อ  ทั้งๆที่ปากก็บอกว่าไม่เอาๆ แต่การกระทำมันกลับเปิดโอกาสตลอดชนิดที่ว่าถ้าเขาเป็นนักล่าที่แท้จริงๆล่ะก็ เจ้ากวางน้อยที่คอยแต่จะเดินหันหลังให้ราชสีห์นั่นก็คงไม่มีทางรอดเงื้อมมือมาได้นานถึงเพียงนี้แน่นอน!

          สุดท้ายเมื่อโดนเนรเทศ...ไม่สิ...เมื่อเนรเทศตัวเองออกมาเสร็จสรรพ ชีวอนก็ชงกาแฟมานั่งทำงานต่อให้รู้แล้วรู้รอด ขืนเขามัวแต่คิดหาวิธีรับมือกับเจ้าเหมียวหน้ามึนตัวนั้นอยู่ทั้งวี่ทั้งวันมีหวังได้ฟุ้งซ่านไม่เป็นผู้เป็นคนกันพอดี ..

         ชีวอนหยิบเอกสารที่ซองแทเอามาให้เปิดออกดู  ในนั้นมีข้อมูลของออสการ์ตามที่เขาได้ขอไว้...จะว่าไป  เรื่องลูกบุญธรรมของออสการ์  บอกตามตรง เขาคิดว่ามีความเป็นไปได้ว่าเด็กคนนั้นอาจเป็นคนเดียวกันกับเจ้าเหมียวที่นอนแผ่หราอยู่บนเตียงของเขาอยู่ในตอนนี้  แต่เนื่องจากประวัติออสการ์นั้นหายากพอๆกับงมเข็มในมหาสมุทร การที่จะสืบเรื่องของลูกบุญธรรมของหมอนั่นคงเป็นไปได้ยาก แต่ก็ไม่ถึงกับว่าจะเป็นไปไม่ได้ ..เขาลอบเก็บรูปเจ้าเด็กความจำเสื่อมเพื่อกันเหนียวไว้ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่รู้เรื่องนี้...แต่ถ้ารู้จะคิดยังไงนะ....

         สองชั่วโมงผ่านไป และระหว่างนั้นจู่ๆประตูห้องนอนก็เปิดออก ร่างบางในชุดนอนหลวมโครกเดินหยีตาออกมา

    “ทำไมอีกล่ะ?”

    “หิว.....”

        หิว.....อืม...ถ้าเป็นเด็กเขาคงต้องเอาขวดนมยัดปากสินะ แต่นี่มันเลยเด็กมาพักใหญ่แล้ว...ทำเป็นไม่สนใจคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดล่ะ...ชีวอนคิด   ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่คิดจะรบกวนเขาจริงๆ เจ้าเหมียวเดินขยี้ตาไปยังโซนห้องครัว คงไปหาอะไรกินตามที่บอก  ชีวอนไม่ได้สนใจเสียงกุกกักๆที่เกิดขึ้น จนกระทั่ง...

    “อ๊ะ...!!”

           ร่างสูงลุกพรวด  รีบวิ่งเข้าไปที่ครัวอย่างรวดเร็ว เห็นร่างบางยืนเลียมือตัวเองอยู่ที่หน้ากระติกน้ำร้อนด้วยสีหน้ายุ่งๆ

    “เกิดอะไรขึ้น?!”

          เด็กหนุ่มชี้ไปที่กระติกน้ำร้อน

    “ฉันใช้ไม่เป็น  มันเลย...ลวกมือ...”

          ชีวอนส่งเสียงจิ๊จ้ะในลำคอ

     “เอาไปล้างน้ำเย็นข้างหลังนู่นไป  นายนี่นะ! ดึกดื่นแล้วยังไม่วายสร้างความเดือดร้อนนะเจ้าบ้า!”  

          คนโดนว่าก้าวถอยไปไกล เขาเอามือไปล้างน้ำเย็น  แล้วยืนนิ่งถูมือไปมองชีวอนไปด้วยดวงตาละห้อย

       ชีวอนตรวจดูกระติกน้ำร้อน สงสัยคงใส่น้ำเยอะไป เขาเลยถอดปลั๊ก  เปิดฝา แล้วตักน้ำออก ระหว่างนั้นปากก็ไม่วายบ่นไปด้วยความเคยชิน

    “ตกลงนายแค่ความจำเสื่อมหรือติ๊งต๊องกันแน่ เรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้  ไม่ใช่เด็กแล้วนะ น่ารำคาญจริง!”

    “รำคาญ...ฉัน?”

    “ เออสิ! ดูสิเนี่ยป่านนี้ชาวบ้านเขาหลับกันไปหมดแล้ว ฉันยังไม่วายต้องมาเหนื่อยกับนายอีก...”

    “นายเหนื่อยเหรอ?”

    “เหนื่อย! เหนื่อยมากด้วย! ถ้าขืนยังทำตัวเป็นภาระอยู่อย่างนี้ฉันแย่แน่!”

    “ฉัน...เป็นภาระมากเลยจริงๆน่ะเหรอ?”

    “เออ!!”   มือหนากระแทกฝากระติกปิดปึง  จังหวะเดียวกับที่เสียงเรื่อยๆของคนผมบลอนด์พึมพำอยู่ด้านหลัง

    “งั้นแล้วฉันต้องทำยังไงก่อนล่ะ? เก็บของ?...อ่า... ไม่มีของให้เก็บนี่นา...”

         ร่างสูงหันมองอีกฝ่าย พยายามทำความเข้าใจกับคำพูดเหล่านั้น

    “...ถ้างั้น...ถ้างั้นไปเลยแล้วกัน...”  พูดจบก็เดินตรงไปทางประตูอย่างรวดเร็ว เท้าที่โผล่ไม่พ้นกางเกงนอนตัวยาวสะดุดนิดหน่อย เขาก้มลง มองหาลองเท้าคู่เดิมของตน

    “ดะ...เดี๋ยว  จะไปไหน?”  ชีวอนตามออกมาด้วยสีหน้างุนงง

    “ก็ฉันทำให้นายลำบาก ........”

            เพียงแค่ประโยคสั้นๆ ชีวอนก็หน้าชา เขาอยากจะกัดปากตัวเองให้เลือดซิบ แต่นาทีนี้ไม่ใช่เวลาจะมาทำแบบนั้น

           ร่างสูงก้าวเข้าไปหาคนตรงหน้า คว้าแขนรั้งไว้แล้วดึงเข้ามากอดในเสี้ยววินาที....

         รู้สึกผิด...ตอนนี้ความรู้สึกผิดกำลังหัวเราะเยาะคนปากพล่อยอย่างเขาจนทิ้งมาดสุภาพบุรุษแข็งแกร่งไปสิ้น สมองเอาแต่ตั้งคำถามโง่ๆกับตัวเองว่าทำอะไรลงไป? ทำไมถึงเลวขนาดนี้? คิดได้ยังไงถึงพูดไปแบบนั้น? เขาอยากจะกอดคนๆนี้ กอดให้แน่นจนอีกฝ่ายรับรู้ได้ถึงความรู้สึกผิดที่เขามีอยู่ท่วมท้นในนาทีนี้...

        เวลานั้นคนในอ้อมแขนตัวแข็งทื่อ สีหน้าที่ไม่เคยแสดงอารมณ์ใดๆเริ่มแสดงออกถึงความงุนงงออกมา รองเท้าในมือร่วงหล่นลงพื้น ....

    “...ชี..วอน...?.”

    “ขอโทษ....”  

        เรียวแขนแกร่งโอบร่างในอ้อมกอดแน่นกว่าเดิม  ใบหน้าคมกดลงกับเส้นผมสีอ่อนที่นุ่มราวเส้นไหม...เขาไม่เคยทำกับใครแบบนี้มาก่อน...และแน่นอนว่าพอเจอสัมผัสนี้..ก็ไม่คิดจะใช้อ้อมกอดนี้กับใครอีกแล้ว..

       คำขอโทษพร่ำกระซิบอยู่เนิ่นนาน ..นานจนเขาคิดว่ามันจะไม่ได้ผลแล้ว ร่างเล็กยังคงเฉยชา ยืนตัวแข็งนิ่งเหมือนไม่รับรู้เลยสักนิดว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไร...คนในอ้อมกอดทอดสายตาว่างเปล่าข้ามไหล่หนาไปเบื้องบน ...ชีวอนทำอะไร? เขาต่างหากที่ต้องขอโทษ  เขาต่างหากที่ต้องบอกคำนี้แล้วเดินออกไป  หยุดทำความเดือดร้อน หยุดทำตัวเป็นภาระสักที...

      ....เขาที่สร้างความลำบาก สมควรแล้วที่ต้องไปจากที่นี่.......ไป...ในที่ๆเขาก็ยังไม่รู้ว่าจะมีคนที่ไม่ลังเลที่จะกอดเขาแบบนี้อยู่อีกมั้ย...........

                        แล้วถ้าไม่มีล่ะ...?

          มือเล็กที่เคยว่างนิ่งอยู่ข้างลำตัว ขยับขึ้นกอดตอบกลับไปในที่สุด....ใบหน้าหวานค่อยๆก้มงุดลง ซุกหลบในไหล่กว้างที่แนบชิด 

    ...และระหว่างความเงียบที่ยาวนาน  ชีวอนก็รับรู้ได้ถึงน้ำอุ่นๆที่ซึมเข้ามาจากดวงหน้าที่ซุกกับไหล่ของเขา    

    “....อย่าเลย..”

    “หืม?..”

    “...อย่าไล่...อย่าไล่ฉันเลยนะ”  ร่างเล็กพูดเสียงอู้อี้ หากแต่ชีวอนก็ได้ยินชัดเจน มือเล็กกอดเขาแน่นขึ้น เสียงสะอื้นนั้นก็ดูจะชัดเจนขึ้นกว่าเดิม

    “ฉันอยากอยู่ที่นี่...ขอโทษ..จะไม่ทำแล้ว...”

    “...”

    “...ขอฉันอยู่เถอะนะ  ชีวอน...”

         แค่วินาทีแรกที่เห็นความอ่อนโยนของคนในอ้อมกอด ชีวอนก็ปฏิเสธไม่ลงตั้งแต่วินาทีนั้น....เขาเลื่อนมือมาลูบผมอีกฝ่ายเบาๆ

    “อย่าพูดแบบนั้นสิ  ฉันจะไปไล่นายลงได้ยังไง”

         ร่างบางรีบดันตัวออกมาประท้วงทันที

    “แต่นายบอกว่า...”

        ชีวอนจับสองข้างแก้มแล้วดึงใบหน้านองน้ำตานั้นเข้ามาใกล้ ก่อนจะฉวยโอกาสทองจูบบนกลางหน้าผากอีกฝ่ายเบาๆ

    “ลืมไปซะเถอะ สัญญา..ว่าจะไม่มีคำพูดแบบนั้นอีกแล้ว”

    “......”

    “โอ๊ยย!!”

        เจ้าเหมียวแสบกระทืบเท้าชีวอนจนร้องลั่น ก่อนจะผลักจอมฉวยโอกาสออกไปห่างแล้วเดินลากขากางเกงผิดส่วนของตนกลับเข้าห้องนอนไปในที่สุด

    “เฮ้ๆ! แล้วบะหมี่ที่แกะค้างไว้ไม่กินแล้วหรอ?    ...ให้ฉันเอาเข้าไปให้ในนั้นมั้ย?”

          กริ๊ก!  เสียงลงกลอนล็อคประตู.......ดูท่าว่าคืนนี้ เจ้าหน้าที่ ชเว ชีวอนคงได้นอนโชฟาแน่นอนแล้ว..






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×