คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Gray to Silver
เอาแล้วไง! นี่มันความจำเสื่อมหรือบ้ากันแน่เนี่ย?! ลักษณะท่าทางการแต่งตัวไม่น่าจะใช่คนบ้าพเนจรตามข้างถนน นี่หรือว่าความจำเสื่อม ...... ความจำเสื่อมจริงๆน่ะเหรอ?
“เฮ่..ถามจริง อย่าล้อเล่นนะ นาย..จำชื่อตัวเองไม่ได้จริงดิ?”
พอกระตุ้นถาม อีกฝ่ายก็ทำท่าทางพยายามนึก แต่สุดท้าย...
“ไม่เลย...”
“เฮ้ยย! แล้ว... แล้ว...”
“หิว...”
“..............................................”
“หิวมาก เอาอะไรมากินหน่อย”
ไม่น่าเชื่อว่าแค่คำสั้นๆจะทำเอาเจ้าของฉายาหมาบ้าชะงักค้างไปทันที ท่าทางซื่อๆไร้เดียงสาในตอนแรกดูยังไงก็น่ารักกว่าไอ้แววตาอวดดีหยิ่งผยองนี่หลายเท่า เขาภาวนาให้ไอ้อย่างหลังนี่เป็นเพียงภาพลวงตาด้วยเถิด..แต่ดูเหมือนสวรรค์จะไม่เข้าข้างชเว ชีวอน....
“นี่ ได้ยินรึเปล่า ฉันหิว!” ร่างเล็กเริ่มส่งเสียงดูแถมทำหน้าเคร่ง ปากบางเบ้คล้ายจะขู่คนที่นั่งหน้านิ่งอึ้งตะลึงไปกับพฤติกรรมเกินคาดของเด็กหนุ่มตรงหน้า
“ถ้าปากดีอย่างงี้ออกไปจากห้องฉันเลยไป!” ชีวอนตวาด อีกฝ่ายสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัว
“อะไร?! ทำไมต้องไล่ด้วย! แค่ขออะไรกินแค่นี้ถึงกับต้องไล่เลยหรอไง บ้านนายจนนักเหรอห๊ะ!”
“นั่นมันคำพูดขอคนที่ขอความช่วยเหลือเหรอไงล่ะ!!”
“ก็ฉัน....อะ.....” ขึ้นเสียงได้ไม่เท่าไหร่ เด็กหนุ่มผมบลอนด์ก็ถึงกับวูบไปกลางอากาศ ชีวอนที่ควันออกหูอยู่เมื่อครู่ถึงกับตกใจรีบเข้าไปประคองไว้ให้นั่งบนโซฟาอีกครั้ง
เขาถอนใจ มองสภาพของไอ้เด็กปากดีตรงหน้าแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยอมลดราวาศอกด้วยความสงสาร
“เห็นแก่ไอ้ความน่าสมเพชของนายนะ ” พูดจบก็เดินดิ่งไปคว้าบะหมี่สำเร็จรูปมากล่องหนึ่ง จัดแจงใส่น้ำร้อนเรียบร้อยแล้วมาวางตรงหน้า คนที่สลบเหมือนเมื่อครู่ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการจัดการกับมันจนหมดเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่น้ำสักหยดเดียว
.....ชีวอนที่นั่งเท้าทางมองอยู่ทุกความเคลื่อนไหวอดที่จะกลืนน้ำลายลงคอเบาๆไม่ได้ เห็นดังนั้นดวงตาโตของคนผมบลอนด์ก็เหลือบมองขึ้น ก่อนจะยื่นถ้วยว่างเปล่าส่งให้
“กินมั้ยล่ะ?”
“ไม่ต้องมายุ่ง” ร่างสูงแยกเขี้ยวขาว อีกคนเลิกคิ้วพลางยักไหล่
“ก็เห็นทำท่าอยากกิน เลยลองชวนดู”
ชีวอนทำหน้าดุอีกครั้ง เขาโยนขวดน้ำส่งให้อีกฝ่ายที่เปิดดื่มด้วยความรวดเร็ว
“แล้วนี่ตกลงนายความจำเสื่อมเหรอไง?”
ร่างบางยกหลังมือเช็ดปาก
“ไม่รู้สิ นายจะเรียกอย่างงั้นก็แล้วแต่นาย”
ตำรวจหนุ่มถอนใจเพื่อข่มอารมณ์ ไอ้เด็กเวรนี่ถ้าไม่ถือว่าเป็นคนป่วยล่ะก็โดนเค้าตั๊นหน้าไปนานแล้ว
“แล้วจำอะไรได้บ้างมั้ยล่ะ? แบบว่ามาจากไหน เคยอยู่กับใครที่ไหนเมื่อไหร่?”
“จำได้แค่ว่าตื่นมาก็โดนล็อคกุญแจมืออยู่ตรงนั้น” ว่าพลางพยัดเพยิดไปยังโต๊ะที่ชีวอนเคยผูกกุญแจมือคล้องไว้ตรงนั้น เสียงตอบเรื่อยๆของอีกฝ่ายทำเอาชีวอนได้แต่กุมขมับ เขามองนาฬิกาที่เริ่มบอกเวลาใกล้ไปทำงานเต็มที ก่อนจะลุกขึ้น
“จะไปไหน?” คนบนโซฟาเอ่ยถาม
“ฉันมีการมีงานต้องทำ”
“ฉันยังไม่อิ่ม”
ร่างสง่ากัดฟันข่มโทสะ แต่ก็ยังไม่วายหันมาชี้หน้าใส่คนปากดี
“นี่ถ้านายเป็นผู้หญิงล่ะก็ โดนฉันปล้ำแต่เช้าแน่”
ไม่น่าเชื่อว่าโดนมุขนี้เข้า ร่างเล็กที่เคยโผงผางจะยอมเงียบไป ชีวอนหันหลังเดินเข้าห้อง ลอบยิ้มน้อยๆด้วยความประหลาดใจ....สงสัยใช้มุขสัปดนแบบนี้น่าจะเอาอยู่แฮะ....เจอจุดอ่อนจนได้นะไอ้....ไอ้....
ฝีเท้าของชีวอนหยุดกึก เขาหันกลับมาอีกครั้ง
“จะว่าไป ฉันควรจะเรียกนายว่าอะไรดี? ”
ดวงตาคมหรี่น้อยๆ กวาดมองร่างเล็กหัวจรดเท้า...เสื้อผ้ามอมแมม คำพูดซื่อๆกับดวงตาโตที่เดาความคิดไม่ออก
“เจ้าเหมียว”
อีกฝ่ายที่เอาแต่ดูดนิ้วที่เปื้อนซอสจากอะไรสักอย่างทำตาแป๋ว ไม่มีท่าทางโต้ตอบกลับ
“ งั้นก็ดี เจ้าเหมียว! แหม..มันให้ความรู้สึกเหมือนเจ้าของตั้งชื่อให้สัตว์เลี้ยงเลยว่ะ ฮ่ะๆๆ”
“หมายถึงนายจะเป็นเจ้าของฉัน ? ”
“..............”
ไม่รู้เพราะอะไรแต่ชีวอนหมดคำพูดไปโดยปริยาย ใบหน้างงๆของ ‘เจ้าเหมียว’ ที่มองมายิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนท้องไส้ปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูก
“ ไอ้บ้าเอ๊ย! ” เขาสบถ แล้วเดินกลับห้องไปโดยไม่หันกลับมามองอีก และหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จสรรพ เขาก็ออกมากำชับกับคนผมบลอนด์ที่เริ่มนั่งแทะแอปเปิ้ลบนโต๊ะอีกครั้ง
“อยู่แต่ในนี้นะ ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด”
เจ้าเหมียวของเขาพยักหน้า พลางชี้มือไปทางโทรทัศน์ที่มุมห้อง
“ขอดูนั่นนะ”
“อืม” ชีวอนตอบรับ และผลักประตูเปิดออกไปทำงานในที่สุด
วันนี้ชีวอนมีงานต้องทำนอกสถานที่ตั้งแต่เช้ายันบ่ายแก่ๆ เขาเข้าไปเก็บเอกสารที่สั่งให้ลูกน้องหามาให้ที่โต๊ะช่วงเที่ยงเพื่อเอากลับสะสางต่อที่บ้าน แต่ก่อนจะออกไปลงพื้นที่ต่อในตอนบ่าย ......
“ซองแท!” เสียงห้าวตะโกนลั่นเรียกเอาลูกน้องคนสนิทรีบผลักประตูเข้ามาแทบไม่ทัน
“ครับๆ!”
“ไปที่บ้านฉันหน่อย ” ชีวอนว่า โยนแฟ้มเอกสารใส่มือซองแทที่รับไว้อย่างรวดเร็วด้วยความเคยชิน
“เอาเอกสารนี่ไปเก็บให้ที อ่อ...แล้วก็ ซื้อของกินอะไรก็ได้ไปไว้ที่บ้านด้วย”
ซองแทเลิกคิ้วสูง ...ปกติชีวอนไม่ชอบให้ใครเข้าไปวุ่นวายกับที่พักของเขาสุมสี่สุ่มห้า ขนาดซองแททำงานเป็นลูกน้องคนสนิทมาเกือบห้าหกปี เขายังเคยเข้าห้องชีวอนไปไม่ถึงสามครั้ง...นี่มันแปลกๆแฮะ?
“ของกิน? ของกินของใครครับ? ของลูกพี่เหรอ?”
ชีวอนที่กำลังควานหาซองปืนบนโต๊ะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ของไอ้เหมียวบ้าที่บ้าน”
“โฮ่! นี่ลูกพี่เลี้ยงแมวด้วยเหรอครับ!” พูดพลางนึกภาพเจ้านายผู้มีนิสัยราวกับอสูรกายของตนกำลังอุ้มลูกแมวตัวน้อยไว้ในอ้อมแขน...ยิ่งคิดยิ่งทำให้อดหัวเราะด้วยความเอ็นดูไม่ได้
“อืม...งั้นก็คงต้องเป็นอาหารกระป๋องสินะ เอายี่ห้อดีๆเลยละกันนะครับ แล้ว..ดีเลย! เดี๋ยวผมซื้อกระดิ่งน่ารักๆให้เป็นของขวัญเลยดีกว่า เอ้อ...จะว่าไป เป็นตัวผู้หรือตัวเมียครับ?”
“ตัวผู้”
“ตัวผู้ซะด้วย! แบบนี้ต้องกินเยอะหน่อย เออ..แล้วเขามีกระบะทรายรึยังครับ แล้วแชมพูล่ะ ที่แปรงขนอีก อ๊ะ .. รึว่า......แว๊กกก!!!” ปากกระบอกปืนจ่อมาทางซองแทที่กำลังเพ้อฝันถึงลูกแมวตัวน้อย คนเป็นลูกน้องสะดุ้งเฮือก รีบหุบปากลงไปโดยปริยาย
ชีวอนตาขวาง ลดปากกระบอกปืนลงแล้วเหวี่ยงเสื้อขึ้นคลุมไหล่
“ไม่ต้องอาหารกระป๋องอะไรทั้งนั้นล่ะ แกหาของกินของคนธรรมดาๆ ข้าว น้ำ ขนม ซื้อไปเยอะๆเป็นพอ”
“หะ...เห? แต่..แมว....?..”
มือแกร่งจับไปที่ปืนอีกครั้ง
“อะ...โอเคครับ ลูกพี่!!! โอเคครับ!!” ซองแทวิ่งหัวซุกหัวซุนออกไป ชีวอนล็อคลิ้นชักแล้วเตรียมออกจากห้อง
แต่จังหวะนั้น ..... หญิงสาวคนหนึ่งก็เดินดุ่มๆเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวของเขา
สัญชาตญาณระแวดระวังทำให้ร่างสูงเลือกที่จะถอยไปก้าวหนึ่ง หญิงสาวรายนั้นอมยิ้มนิดๆขณะพ่นควันบุหรี่พลางแย้มยิ้มนิดๆทันทีที่เห็นหน้าเขา ยังไม่ทันเอื้อนเอ่ยใดๆเจ้าหน้าที่สองคนก็วิ่งเข้ามาแล้วชาร์ตตัวเธอไว้
“ใครอนุญาตให้เข้ามาในนี้ห๊ะ!!”
หญิงสาวไม่มีท่าทีเกรงกลัว เธอกลอกดวงตาคู่สวยมาทางชีวอน
“เขาอยากพบฉันนี่ ใช่มั้ยคะชีวอน?”
“เธอเป็นใคร?” ชีวอนถามเจ้าหน้าที่คนหนึ่งในนั้น
“เรนารี่ เม ผู้ต้องสงสัยคดีค้ายาเสพติดครับ”
สาวต่างชาติ บุคลิกดูหัวรุนแรง ซึ่งดูยังไงก็ไม่น่าจะใช่ชนชั้นธรรมดาในเกาหลี....
“ให้เธออยู่นี่ พวกนายออกไป” เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองมีท่าทีงงๆไม่เข้าใจอยู่สักพัก แต่พอหันไปสบตาชีวอนที่ยืนปั้นหน้าขมึงทึงอยู่ทั้งคู่จึงไม่เหลือความลังเลที่จะรีบกุลีกุจอออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวในชุดสีม่วงรัดรูปหัวเราะคิกคัก เธอเดินมานั่งลงตรงข้ามกับโต๊ะของชีวอนด้วยท่าทีสบายๆ เจ้าของห้องมองเธอ ดันที่เขี่ยบุหรี่ส่งให้เป็นความหมายให้หยุดสูบซะ สาวเจ้ามองหน้าเขา กระดกมุมปากน้อยๆแล้วทำตามที่ชีวอนต้องการโดยไม่ต้องเอ่ยปากสั่ง
“คนของออสการ์สินะ” ร่างสูงเปรยขึ้น พลางเดินกลับมาหย่อนตัวลงนั่งที่โต๊ะ เรนารี่ขยับยิ้มหวานบางๆ...รอยยิ้มนั้น สำหรับเขามันช่างเป็นรอยยิ้มที่ราวกับการเผยอคมเขี้ยวของอสรพิษ...ไม่น่ามองเลยสักนิด
“พูดดีๆหน่อยสิคะ ฉันเป็นคนของคุณ ที่ถูกส่งไปอยู่กับออสการ์ต่างหาก”
สรุปว่าเธอคือสายตำรวจที่ชีวอนเรียกให้มาพบวันนี้นั่นเอง
“ช้อมูลครั้งล่าสุดของเธอทำให้ตำรวจคว้าน้ำเหลว สองครั้งแล้วนะที่เป็นแบบนี้ คิดว่าฉันจะเล่นกับเด็กเลี้ยงแกะอีกต่อไปได้นานแค่ไหนกัน”
“แหม..สมกับเป็นชีวอนของฉันจริงๆ ไม่คิดจะถามสารทุกข์สุขดิบกันก่อนเลยหรือไงกันคะ”
“.......” ดวงหน้าคมคายจ้องเขม็งบอกแววว่าไม่มีเวลาให้มานั่งลองทีเล่นทีจริงอีกต่อไป เรนารี่ถึงแม้จะเก่งเรื่องยั่วประสาทขนาดไหน แต่เมื่อสบตาคมที่ดูท่าจะไม่ไว้หน้าหากต้องเหนี่ยวไกลงกลางหน้าผากสวยๆของเธอด้วยโทสะก็อดที่จะต้องยอมออ่อนข้อไม่ได้ สาวเจ้าจึงจำต้องยอมลดละ นิ้วมือที่ทาเล็บสีสดเลื่อนมาเท้าคางบนโต๊ะ ยื่นหน้ายื่นตาแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เบาลงกว่าเดิม
“ข้อมูลที่ฉันให้น่ะถูกแล้วค่ะ สถานที่ที่บอกไปจะมีการตกลงเจรจาธุรกิจของพวกมันกันที่นั่น แต่ก็นะ...มันมีเรื่องเกิดขึ้นในแก๊งค์นิดหน่อย”
นัยน์ตาคมกริบหรี่ลง ตั้งใจมองเรียวปากสีแดงสดขยับช้าๆ
“ลูกชายของหัวหน้าแก๊งค์หายตัวไป ”
“ลูกชาย?”
“อื้ม ลูกชายของลี ออสการ์ที่เป็นหัวหน้าแก๊งค์หายไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่พวกตำรวจจะตามไปที่สถานที่นั้น ออสการ์เลยยกเลิกการเจรจาเพราะคิดว่าโดนทางอีกฝ่ายดัดหลังลักพาตัวลูกชายไปเพื่อต่อรองราคา”
ชีวอนถูคางด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“แล้วตกลงโดนหักหลังจริงๆรึเปล่า?”
เรนารี่ไหวไหล่
“ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ฝั่งทางนั้นบอกไม่ได้ทำ พวกมันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าออสการ์มีลูกชาย แต่เราจะเชื่อคนพวกนี้ได้แค่ไหนเชียว”
“งั้นเอาประวัติไอ้ลูกชายที่ว่าให้ฉันหน่อย”
“ยากหน่อยนะคะ เพราะฉันเองก็เพิ่งทราบว่าออสการ์มีลูกชายกับเขาด้วย ไม่มีคนในแก๊งค์เคยเห็นเด็กคนนั้นหรอก แต่เท่าที่ทราบกันเห็นว่าน่าจะเป็นแค่ลูกบุญธรรม เรียนมหาวิทยาลัยอยู่ในเกาหลีนี่ล่ะ”
“ลูกบุญธรรม? เป็นคนต่างชาติหรือว่าเกาหลี?”
“ไม่ทราบค่ะ”
ชีวอนสบถหยาบอย่างใจร้อน เขาตะโกนขึ้นมากลางคัน
“ซองแท!!!!” เสียงเรียกของลูกพี่ทำให้ซองแทพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“คร๊าบบบบบบบบบ!!! อ๊ะ! เรนารี่?!!” ซองแทชะงักเมื่อเห็นเรนารี่ ทั้งสองคนรู้จักกันเพราะซองแทเป็นคนดูแลเรื่องเกี่ยวกับสายลับในคดีนี้ แต่ที่เขาแปลกใจคือทำไมหญิงสาวถึงเข้ามานั่งอยู่ในนี้ได้
“ผม...ผมโทรนัดให้คุณมาพบผมก่อนนี่ครับ?”
เรนารี่ขยิบตาทะเล้น ชีวอนที่โดนเมินตบโต๊ะปังคั่นบทสนทนา ซองแทผู้น่าสงสารสะดุ้งตัวโยน
“ครับๆ!! ลูกพี่!!”
“ไปตรวจสอบเรื่องลูกบ้าบออะไรของไอ้ออสการ์มันมาซะ”
“ลูก??”
“หาไปก็ไม่พบหรอกค่ะ ขนาดคนในอย่างฉันยังไม่ทราบ เรื่องสืบโดยคนนอกคงเสียเวลาเปล่า”
“งั้นไปตรวจสอบว่ามีใครเจอศพพวกเด็กวัยรุ่นฝรั่งหรือไม่ก็ชาติไหนก็ได้โดนฆ่าทิ้งที่ไหนบ้าง”
“อ่อ ครับๆ” ซองแทวิ่งกลับออกไป
“มีเรื่องอะไรอีกมั้ย?” ตำรวจหนุ่มถามเรนารี่ เธอเลิกคิ้วน้อยๆ ก่อนจะหัวเราะคิกคักอีกครั้ง
“อะไรล่ะคะ คุณเรียกฉันมานะ จะมาถามแบบนี้มันไม่ค่อยถูกน่า”
ชีวอนพยายามข่มโทสะ จะว่าไปทักษะนี้เขาคงดีขึ้นตั้งแต่เก็บไอ้เจ้าเหมียวพเนจรนั่นมาได้ หน้าซื่อๆตาใสๆนั่นถึงจะกวนประสาทยังไงก็ดูเหมือนจะทำให้เขารู้สึกว่ามันป่วยการที่จะโกรธยังไงไม่รู้...
“ข้อมูลของสถานที่นัดพบครั้งใหม่?” เขาว่าเสียงเรียบ
“ยังค่ะ ตอนนี้ภายในยังมีเรื่องวุ่นวายอยู่หลายเรื่อง คิดว่าอีกสักพัก...” ได้ยินดังนั้นร่างสูงจึงไม่ลังเลที่จะลุกขึ้น คว้ากุญแจรถและเดินดิ่งไปที่ประตู
“หมดธุระก็กลับไปได้แล้ว อ่อ...แล้วคราวหน้าพยายามอย่าส่งข่าวพลาดอีก สองครั้งที่ผ่านมาฉันขึ้นบัญชีดำไว้แล้ว...”
“แหม อย่าไปถือโทษที่ผ่านมาเลย ไหนๆก็ผ่านไปแล้ว เอาเป็นว่าฉันขอโทษแทนเขาละกันค่ะ”
“...คนส่งข่าวนั้นไม่ใช่เธอหรอกเหรอ?”
“ไม่ใช่ค่ะ เป็นอีกคนนึง”
เรนารี่ลุกจากเก้าอี้ แล้วเดินไปยืนพิงขวางประตูไว้พลางโปรยรอยยิ้มอสรพิษอีกครั้ง
“พวกนั้นจับได้ว่าเขาเป็นสายตำรวจ ตอนนี้โดนตัดแขนตัดขาโยนลงทะเลไปแล้วล่ะค่ะ” ว่าพลางเลื่อนมือไปที่สะโพก หยิบรูปใบหนึ่งออกมาแล้วดันใส่อกชีวอนอย่างนิ่มนวล
“ยังไงก็รบกวนหาศพของเขามาทำให้สมเกียรติด้วยนะคะ อย่างน้อย..เขาก็ยังไม่ได้บอกลาภรรยาคนนี้ก่อนตายเลยสักคำ”
ชีวอนรู้สึกว่าหน้าชาวูบขึ้นมาอยู่วินาทีหนึ่ง ...คนรักของเรนารี่ถูกฆ่าเพราะเป็นสายตำรวจ สองครั้งที่ให้ข่าวพลาดเพราะถูกจับได้ ครั้งแรกพวกนั้นคงแค่ลองของดู และครั้งที่สองคงจะรอให้จับได้คาหนังคาเขา...
ตั้งแต่ทำงานตำแหน่งนี้มา ความรักมักเป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องวุ่นวายและคดีมากมายหลายครั้งหลายครา ชีวอนไม่เคยคิดเลยว่า ในกรณีของเรนารี่นี้จะทำให้เขารู้สึกสะเทือนใจได้ถึงขนาดนี้...เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าการลาจากของคนที่รักกันนั้น จะทำรอยยิ้มที่เคยสวยงามของหญิงสาวคนหนึ่งเปลี่ยนแปลงไปจนไม่เหลือเค้าของความสุขในรอยยิ้มนั้นได้ถึงเพียงนี้.... หญิงสาวมองตาชายหนุ่ม เธอเลื่อนรูปมาใส่มือชีวอน ..ในรูป ชายหนุ่มร่างใหญ่ท่าทางเคร่งขรึมยืนแย้มยิ้มคู่กับสาวคนรักคนเดียวกับที่แต่งตัวฉูดฉาดตรงหน้าชีวอนคนนี้ ในรูปเธอดูไม่เหมือนเรนารี่คนปัจจุบัน คนทั้งสองในรูปรักกัน และรักกันมากจนคนหัวใจเย็นชาอย่างชีวอนยังรู้สึกได้....
“...ฉัน..จะจัดการให้” ท่าทีแข็งกร้าวที่อ่อนลงของตำรวจหนุ่มทำให้เรนารี่หัวเราะเบาๆออกมา เธอดูออกว่าชายตรงหน้ารู้สึกเช่นใด
“มันผิดที่เราสองคนเองล่ะ ที่มาเลือกเส้นทางนี้ตั้งแต่แรก...” เธอว่า ก่อนจะยกนิ้วขึ้นแตะแก้มชายหนุ่มด้วยท่าทีขี้เล่น แล้วหันหลังหมุนตัวผลักประตูไปด้านนอก
“ถ้าคิดจะมีความรักบนเส้นทางนี้ ก็เตรียมใจไว้ว่าจะต้องจากตั้งแต่เนิ่นๆละกันค่ะ ”
“.................”
ริมฝีปากสีแดงสดส่งจูบมาเป็นการทิ้งท้าย
“อย่าซีเรียสๆๆ แล้วเจอกันนะคะ พ่อหนุ่ม บาย...”
ไม่มีการตอบรับคำหวานนั่น ชีวอนยืนมองรูปภาพในมือนิ่ง ก่อนจะเก็บมันเข้ากระเป๋า แล้วเดินออกไปจากห้องอย่างเงียบงัน
...ถ้าคิดจะมีความรักบนเส้นทางนี้ ก็เตรียมใจไว้ว่าจะต้องจากตั้งแต่เนิ่นๆละกัน.....
ผู้หญิงนี่ ไร้สาระที่สุดในโลกเลยจริงๆ....
ความคิดเห็น