คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : realise : 1
ไรน์ .....เอาไรน์ของฉันคืนมา...
เสียงน้ำเซาะหยดลงพื้นซีเมนต์ชื้นดังสะท้อนเป็นจังหวะภายในห้องกว้าง ร่างอันเย็นยะเยือกเคลื่อนที่ราวกับสายลมไปด้านหน้า และหยุดลงหน้าเปียโนหลังใหญ่ที่วางอยู่กลางห้อง ดวงตากลมไร้แววชีวิตเพ่งมองออกไปด้านนอก หยาดน้ำตาสีแดงคล้ำราวเลือดรินไหลลงผ่านแก้มที่ขาวซีด ก่อนจะหยดลงบนกะโหลกศรีษะมนุษย์สีแดงที่มือเล็กถืออุ้มไว้ตลอดเวลา
ไรน์....เอาไรน์ของฉันคืนมา...
น้ำตาสีเลือดเรื่อหยดลงพื้น ขณะที่ดวงตาที่เริ่มเปลี่ยนเป็นฉายแววเคียดแค้นเปรยต่ำลงไปยังพื้นสนามสีเขียวด้านล่าง
“ไรน์....นั่น...ไรน์ของฉัน!!”
สนามหญ้าสีเขียวแห้งกรังถึงขนาดที่เท้าสองคู่ย่ำลงไปหญ้าแห้งก็ส่งเสียงดังกรอบแกรบอยู่ใต้เท้า ยามเย็นแสงแดดอ่อนแรงลงบ้าง แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้อากาศรอบด้านมีอุณหภูมิลดต่ำลงมากกว่า 34 องศาเลยแม้แต่น้อย
เด็กหนุ่มสองคนยืนอยู่กลางสนามหญ้า คนหนึ่งสวมหมวกทับลงบนเส้นผมสีดำ และกำลังก้มหน้าก้มตากวาดเศษหญ้าหักมากองสุมๆรวมๆกัน โดยข้างๆ มีเด็กชายที่ตัวเล็กกว่าอีกคน กำลังกระโดดโหยงเหยงไปมาอยู่ภายใต้ร่มสีชมพูคันเล็กที่เจ้าตัวถือไว้ และกำลังทอดตามองอย่างกังวลไปยังป้ายโรงเรียนมืดที่เขียนด้วยตัวหนังสือสีทองตัวใหญ่ว่า
‘โรงเรียน เรฟรองค์....’
“เคนท์ กลับเหอะ นะ...เย็นแล้ว”
“ฉันต้องทำงาน นายจะกลับก็ไปสิ”
“ไม่เอาหรอก วันนี้ตั้งใจแล้วว่าจะให้เคนท์นั่งE-Classสีแดงคันล่าสุดของผมกลับด้วยกัน ...ตั้งใจไว้แล้ว”
คนที่กวาดสนามถอนใจเบาๆ
“
ตรงนี้มันร้อน นายไปรอข้างในก็ได้”
ร่างเล็กส่ายหน้า ผมสีทองสะบัดพลิ้ว
“ไม่เอา ค่ำแล้ว ผมกลัวผี”
ดวงตาสีทองสวยที่เหมือนของเล่นของคนร่างสูงตวัดมองหน่ายๆ
“
มันเกะกะฉันน่ะ”
“ก็เรื่องของนาย!! ผมจะยืนตรงนี้ เคนท์ก็ไปกวาดที่อื่นสิ”
ทั้งสองประสานตากันกร้าว
“
ฉันเป็นภารโรง...นี่เป็นเวลาของภารโรง หมดเวลาของนักเรียนแล้ว นายควรกลับไปซะ ซีต์”
ซีต์เอียงคอ
“
ผมเป็นนักเรียนของที่นี่ และถึงนี่จะเป็นเวลาของภารโรง แต่เคนท์ก็ไล่ผมไม่ได้ เพราะนายเองก็เป็นนักเรียนเหมือนกัน”
ดวงหน้าเล็กยักคิ้วท้าทาย
“เว้นเสียแต่ว่านักเรียนอีกคนจะยอมเลิกงานพิเศษและกลับด้วยกันกับผม”
“
งั้นก็ยืนบ่นต่อไปเถอะ ”
“อีกนานเหรอ...”
เคนท์ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือเก่าๆของเขา
“ ราวๆ 2 ชั่วโมง....”
เคนท์ลุยงานเสร็จก่อนเวลาถึงครึ่งชั่วโมง ตอนนี้เขากำลังคว่ำกะละมังเก็บบนตึกเรียนมืดๆ โดยมีเพื่อนชายอีกคนยืนบิดไปบิดมาอยู่ข้างๆ
“กลางวันก็ร้อน กลางคืนก็หนาว ผมเกลียดโลกมนุษย์จริงๆเลย”
เจ้าของร่างเล็ก เรือนผมสีทองประกายและดวงตากลมสีฟ้าใสเอ่ยขึ้นเมื่อมองเข้าไปยังความมืดที่ระเบียงของชั้นที่ยืนอยู่ คนข้างๆถอดหมวกออก และยกมือเสยผมและปาดเหงื่อ
“บอกให้กลับไปก่อนก็ไม่เชื่อ” เคนท์ยังคงยืนยันคำเดิม ซีต์ห่อปากและเดินเข้ามาจับชายแขนเสื้ออีกฝ่ายไว้แน่น
“ส...เสร็จแล้วใช่มั้ย เสร็จแล้วก็กลับกันเถอะ”
ดวงตาสีฟ้าสวยกรอกไปรอบๆ
“ฉ...ฉันกลัวผี”
“อ่อ...ผีนักเรียนชายที่ถือหัวกระโหลกสีแดงร่อนไปร่อนมาน่ะเหรอ”
ได้ทีเคนท์ก็เอาเรื่องที่เด็กๆในโรงเรียนลือกันมาเปิดประเด็นสยอง ซีต์ยิ่งเบียดเขาหนักขึ้น พร้อมกับหันหน้าซีดๆมาแยกเขี้ยวใส่
“จะพูดทำไม!!...บ้า!!”
ร่างสูงยืนมองไปรอบๆ และเริ่มเอ่ยด้วยเสียงต่ำขณะเดินอย่างเร็วด้วยแรงลากของคนข้างๆเพื่อลงบันไดไปด้านล่าง
“...ก่อนหน้านี้ก็มีคนเห็นตอนมาเตรียมนิทรรศการกันที่โรงเรียนน่ะ เห็นเขาพูดกันว่าคนที่เห็น ที่อยู่ห้องสี่น่ะนะ ตอนนี้ยังไม่ออกจากโรงพยาบาลเลย เออ...แฟนเขาก็ไปด้วยเหมือนกัน”
“ไป?...”
“ก็นอนอยู่โรงพยาบาลด้วยกันไง”
ซีต์รู้สึกเหมือนว่าฟันของเขากำลังกระทบกันดึงกึกกึก
...อืม กว่าจะถึง E-Class ของเขานี่อีกไกลมั้ยนะ?
เคนท์ยังคงไม่เลิกเขย่าขวัญเพื่อนชาย เขายกแขนอีกข้างที่ซีต์ไม่ได้รั้งไว้ไล่คว้าผีเสื้อกลางคืนตัวหนึ่งมาไว้ในมือ และปล่อยมันออกใต้แสงไฟสลัวๆตรงมุมบันไดด้านล่าง
“ล่าสุดนี่เป็นรุ่นพี่ที่เป็นแฟนกันมาพลอดรักกันตอนดึกๆ ได้ยินมานะว่าทั้งสองคนเจอผีที่ว่าเข้าไป แล้วก็ลาออกไปทั้งคู่เลย”
“ล...ลาออกเลยเหรอ”
เคนท์เอียงคอขันๆ และก้มหน้าลงมากระซิบเบาๆ
“แต่เขาลือกันว่าจริงๆแล้วผู้หญิงโดนผีฆ่าตาย ส่วนผู้ชายโดนผีจับไปขังจนอดอาหารตายน่ะ”
สายตาของร่างเพรียวตวัดขึ้นไปบนตึกเรียนอีกครั้งโดยอัตโนมัติ ลมหนาวพัดปะทะหน้าเขาทำเอาต้องกลับมาซุกเข้ากับไหล่ของคนข้างๆอีกหน
“ร...รีบไปเถอะ”
“...ไม่อยากฟังอีกเหรอ...”
“ไม่เอาแล้ว!! ใครจะอยากฟังกัน เรื่องแบบนั้น!!”
..............ไรน์...........
สายลมพัดพาเสียงใสที่ราวกับเจ้าของเสียงอ่อนระโหยโรยแรงเข้ามาปะทะโสตประสาทหูของคนทั้งสอง ทั้งคู่มองหน้ากัน ภายใต้หลอดไฟนีออนเก่าๆที่ส่งให้เพียงแสงไฟสีขาวสลัวเลือนราง
“น...นายเรียกใคร?”
ซีต์ถาม พลางกลืนน้ำลาย เจ้าของดวงตาสีทองมองเพื่อนชายที่พูดแบบนั้น ก่อนที่เขาจะสูดหายใจเข้าลึก และตวัดสายตามองข้ามหัวซีต์ออกไปด้านหลัง
ความเงียบทำให้ซีต์แทบคลั่ง เคนท์มองไปข้างหลังเขาและก็หยุดกึก...เขาเห็นอะไร
“ค...เคนท์...ก...กลับเถอะนะ”
ร่างสูงยังคงยืนนิ่ง เขาจับสายตาไปที่จุดๆเดียว ซีต์ตัวสั่นอย่างห้ามไม่อยู่
“ค...เคนท์~ อ...อ...อะไร...อะไรอยู่ข้างหลังผม เคนท์~!!”
ในที่สุดเคนท์ก็ขยับตัว เขาจับเข้าไปที่ข้อมือของซีต์ช้าๆ...
“..........ถุงขยะ ลืมเก็บไปได้ยังไง...”
ว่าจบก็ดึงมือซีต์ออกจากชายเสื้อ และเดินสวนไปด้านหลัง ซีต์หันมองตาม ถุงขยะสีดำขนาดย่อมวางกองอยู่ตรงนั้น
“ถ...ถ...ถุงขยะ!?”
ร่างสูงก้มเก็บมันขึ้นมา
“อืม ถุงขยะ....”
พรึ่บบ!!~
หลอดไปดวงเล็กด้านบนหัวซีต์ดับพรึ่บลง เขาตกอยู่ในความมืด
ความมืดที่ความเสี่ยงสูงมากที่จะเจอ....
“ว๊ากกก~!! เคนท์!!!!”
เขาออกวิ่งไปยังทิศที่จำได้ว่าเคนท์อยู่ตรงนั้น และก็ชนเข้ากับเคนท์จริงๆ
“
ดับได้ไงน่ะ...” ร่างสูงเอ่ย ขณะยืนโงนเงนเนื่องจากอีกฝ่ายพยายามจะซุกเข้าไปในเสื้อคลุมของเขา
“ผี !! เคนท์!! ผีแน่ๆ...ช่วยด้วย!~”
เคนท์กำถุงขยะแน่น ....ผีก็ผีเถอะ จะเอาไอ้ถุงนี่ฟาดหน้าให้ดู
“นายไม่ต้องเก็บขยะแล้ว พาผมไปที่รถเร็ว เร็วๆเคนท์”
“เดี๋ยวสิ ถุงนี่...”
..............ไรน์....ไรน์ของฉัน
“ว่าไงนะ?”
น้ำตาซีต์เริ่มพราก...มันจะไม่เป็นแบบนี้เลย ถ้าคำว่า ‘ว่าไงนะ’ นั่น เขาจะไม่พูดขึ้นมาพร้อมกันกับเคนท์
ดึกดื่นป่านนี้ คงจะไม่มีนักเรียนที่ไหนอยู่ในโรงเรียนนอกจากพวกเขาอีกแล้วล่ะ.....
ร่างสูงเองก็เริ่มรู้สถานการณ์ เขาปล่อยถุงขยะออกจากมือ และใช้มือนั้นลูบหัวเพื่อนชายเบาๆ
“ก็ได้ กลับกันเถอะ”
ซีต์ออกวิ่งสุดฝีเท้า และสตาร์ทรถรอ เคนท์ที่เดินช้าๆตามออกมา เมื่ออีกคนขึ้นรถ E-Class คันโก้สีแดงสดก็พุ่งทะยานออกไปนอกรั้งโรงเรียนอย่างไม่ลืมหูลืมตา
.........โดยที่ไม่รู้ว่า เบ้าตากลวงโบ๋ของกะโหลกสีแดง กำลังจับจ้องตามหลังพวกเขาไปจนลับตา
............. ไรน์....ไรน์ของฉัน
.
เบนซ์สุดหรูเหยียบมิดมาได้ครึ่งทาง คนขับก็เริ่มผ่อนความเร็วลง เมื่อเข้าสู่ซอยเล็กๆที่คุ้นเคย
ซีต์ถอนใจยาว ขณะเอื้อมมือปรับแอร์มาทางเขา และหันมองเพื่อนชายข้างๆ
“กี่โมงแล้ว เคนท์”
เคนท์ที่นั่งหน้านิ่งมาตลอดทางก้มลงมองนาฬิกาข้อมือเก่าๆเป็นครั้งที่สองในรอบวัน
“ สองทุ่มกว่าๆ...” เขาหันมาบอก และหันกลับไปมองทางอย่างรวดเร็วทั้งๆที่ไม่ได้เป็นคนขับ
ซีต์พยักหน้ารับ เขาขับต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง...
“เอ๊ะ~!!”
ร่างเล็กทำจมูกฟึดฟัด เคนท์หันมอง
“อะไร”
“ได้กลิ่นอะไรมั้ย”
คนผมดำนั่งนิ่งๆอยู่พักหนึ่ง แล้วพยักหน้า
“ อืม เหม็นเน่า”
“น...เน่าเลยเหรอ นี่มันรถเพิ่งถอยมาใหม่เลยนะ จะมีกลิ่นที่ว่าได้ยังไง” ซีต์ว่า ทำจมูกย่น และส่ายหน้าหากลิ่นไปรอบๆอีกครั้ง
“อืม~~ แต่มันก็ยังมีกลิ่นแฮะ ยิ่งแถวนี้...” เขาส่ายหัวไปมาทำให้ผมสีทองปลิวไสว
“ยิ่งสุดๆเลย เหม็นอะไรนะ...”
เขาขับรถต่อไป กลิ่นเหม็นที่ว่ายังคงติดจมูกไม่ยอมหาย
“เคนท์หาให้หน่อยสิ นายเหยียบอะไรมาจากที่โรงเรียน....”
เมื่อเอ่ยถึงโรงเรียน ความคิดหนึ่งพลันแล่นเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว
ดวงตาสีฟ้าใสเบิกโพลง
“ค...เคนท์ ร...หรือว่า เป็นกลิ่นของ...”
ดวงหน้าคมหันมาเติมคำในช่องว่างอย่างรวดเร็ว
“ศพ ...”
“เหวอ~ จะพูดทำไม ผมจับพวงมาลัยไม่อยู่แล้ว ค...เคนท์ !!”
เคนท์หันมองทาง มันเบี้ยวจริงๆด้วยสิ
“มี มีกลิ่น ศ...ศพ งั้นก็แสดงว่า ม... ม... มีใครตามมา !! ”
เคนท์กลอกตามองไปรอบๆพักหนึ่ง ก็พูดขึ้น
“ตามนายมาน่ะแหละ”
ซีต์ขนตั้งชันทันที
“ต...ตามผม!! อ...เอาออกป๊ายยย~~~!!” ว่าพลางหักเลี้ยวพวงมาลัยมั่วซั่ว เคนท์รีบคว้าพวงมาลัยนั้น
“ซีต์!! นิ่งก่อน!!”
“นิ่งไม่ได้!! มันตามผมมาไม่ใช่เหรอไง อ๊ากกก!!! ”
เคนท์ย่นคิ้ว มันจะกลัวอะไรกันนักหนา กะอีแค่กลิ่น...
“กลัวอะไรซีต์ กะอีแค่กลิ่น”
“นายใช้คำว่า ‘กะอีแค่’ กับกลิ่นผีเหรอ เคนท์!!”
ร่างสูงเอียงคอ
“ผี?”
“
ว๊ากกกก~~!!!”
ความกลัวทำให้ซีต์เหยียบคันเร่งเต็มพิกัด เคนท์มองทาง แล้วประเมินสถานการณ์ในชั่วเสี้ยววินาที
....ตาย...ขืนไอ้คนขับมันยังคลั่งอยู่แบบนี้ มีหวังตายหมู่คารถหรูแน่...
“ซีต์ ฟังฉัน กลิ่นที่ว่าน่ะ...”
ซีต์หยุดกึก และตั้งใจฟัง
เคนท์เอ่ยเสียงต่ำ
“มันมาจากหัวนาย...”
นัยน์ตาสีฟ้าใสลุกโพลงทันที
“ม...มาจาก ห...หัว...หัวผมเหรอ มันอยู่บนหัว อ๊ากกก~~!!”
รถเร่งแรงกว่าเดิม ทำให้เคนท์นึกโทษนิสัยพูดห้วนของเขาขึ้นมาทันใด
“ยังไม่จบ!! มันมาจากกล่นขยะบนหัวนาย จำได้มั้ย ฉันจับขยะและก็ขยี้หัวนาย”
เท้ายกลอยขึ้นจากคันเร่งทีละนิด
“
..?!....”
ดวงตาสีทองจ้องมองเพื่อนชาย
“ กลิ่นมันมาจาก....กลิ่น-ขยะ-บน-หัว-นาย...”
..
“อ...ไอ้บ้าเคนท์!! แล้วทำไมไม่รีบบอก อมบ้าอะไรอยู่ได้ ไอ้เพื่อนบ้า!!!!”
\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\
ฝากคอมเม้นด้วยนะคะ >/\<!!
ความคิดเห็น