คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : You're my...Maknae - 5 END
You’re my
Maknae
Chapter 5 END
บรรยากาศภายในห้องนั่งเล่นตอนนี้ช่างตึงเครียดและอึดอัด สมาชิกในวงอยู่รวมกันครบทุกคน แต่สิ่งที่ไม่เหมือนทุกทีที่จะมีแต่เสียงเฮฮาหัวเราะหรือการคุยเรื่องงาน กลายเป็นไม่มีใครกล้าที่จะพูดอะไรออกมาในเวลานี้ สายตาของทุกคนจ้องไปที่คนสองคนที่นั่งข้างกัน...มยองซูกับซองจง
บรรยากาศที่ไม่คุ้นเคยเลยตอนนี้ทำให้ซองยอลนั่งขยับตัวไปมาเพราะทนกับความอึดอัดไม่ไหวแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรได้แต่ส่งสายตาเป็นห่วงไปให้ทั้งคู่ ส่วนคนที่เป็นคนเรียกให้มารวมกันที่ห้องนั่งเล่นตอนนี้ก็ยังคงไม่พูดอะไรแต่ดูก็รู้ว่าอยู่ในอารมณ์ไหน
ทุกคนให้ห้องนั่งเล่นตอนนี้ต่างก็แทบจะนั่งไม่ติดพื้นกันแล้วเพราะซองกยูยังไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักที นั่นทำให้ทุกคนยิ่งวิตกกันเข้าไปอีก ไม่บ่อยนักที่ลีดเดอร์ประจำวงจะโกรธขนาดนี้ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปอาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ
“ ผมขอโทษครับ ”
ในที่สุดมยองซูก็เป็นคนพูดขอโทษออกมาก่อนจะก้มหัวลงไปขอโทษ เค้าเองก็ทนความกดดันขนาดนี้ไม่ได้เหมือนกัน ยิ่งมีเรื่องกับคนในวงที่เหมือนครอบครัวแล้วเค้ายิ่งอยากจบปัญหาให้เร็วที่สุด
“ ผมก็ขอโทษฮะ... ”
ซองจงขอโทษและก้มหัวตามมยองซูเพราะเรื่องนี้เค้าเองก็เป็นฝ่ายผิดด้วยเหมือนกัน จะให้มยองฮยองออกหน้ารับผิดชอบคนเดียวเค้าคงจะรู้สึกผิดไปตลอดแน่ๆ
ทุกคนในห้องต่างตกใจที่เห็นมยองซูและซองจงก้มหัวขอโทษขนาดนี้ถึงเรื่องในคราวนี้จะร้ายแรงมากขนาดไหนแต่ยังไงทั้งคู่ก็เป็นคนในวงที่เปรียบเสมือนครอบครัวสมาชิกคนอื่นเลยไม่ได้โกรธอะไรมาก หากทั้งคู่รักกันจริงพวกเค้าก็ยินดีสนับสนุนเว้นแต่หัวหน้าวงที่ยังไม่พูดอะไรออกมา
“ เฮ้อ...เงยหน้าขึ้นเถอะ ”
ซองกยูถอนหายใจเฮือกใหญ่ใช่ว่าเค้าจะหายโกรธแต่ลองมาเจอแบบนี้ก็อดใจอ่อนไม่ได้เหมือนกัน แต่เพราะการที่เค้าอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าวงพี่ใหญ่ของครอบครัวเรื่องแบบนี้สำหรับเค้าก็ทำใจลำบาก ปุ๊บปั๊บสองคนมารักแถมยังเกือบจะมีอะไรเกินเลยกันอีก
“ ชั้นไม่ได้จะกีดกันหรอกนะถ้าพวกนายรักกัน ”
เหมือนเสียงระฆังจากสวรรค์เมื่อซองกยูพูดประโยคนี้ออกมาสมาชิกคนอื่นต่างโล่งอกกันเป็นแถวซองยอลกับดงอูทำท่าดีใจออกมาอย่างเห็นได้ชัดถึงแม้จะไม่มีเสียงจนซองกยูต้องส่งสายตาปรามให้สองคนนั้นหยุดดีใจออกหน้าได้แล้ว
มยองซูจับมือซองจงแน่นก่อนที่ทั้งคู่จะหันมาสบตากันถึงแม้จะยังไม่ได้พูดอะไรออกไปแต่ก็ส่งความรู้สึกเป็นห่วงทางสายตาให้ซองจงและกระชับแน่นขึ้นเพื่อให้ซองจงแน่ใจว่าเค้าจะไม่ทิ้งซองจงไปไหนจะอยู่ข้างๆกันตรงนี้
“ อะแห่ม! ถึงชั้นจะอนุญาตให้พวกนายคบกันได้แต่ไม่ได้หมายความว่านายจะทำอะไรเกินเลยกับซองจงได้นะมยองซู ชั้นอนุญาตแค่ให้นายดูแลซองจงได้แค่นั้นถ้าเกิดมีอะไรเกิดขึ้นชั้นจะจับนายสองคนแยกห้องนอนเลยคอยดู (-___-)+ ”
แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไหร่ตอนนี้ทุกคนต่างลิงโลดไปกับการอนุญาตให้ทั้งคู่คบกันซองยอลจึงไม่พลาดที่จะหาโอกาสให้สองคนนี้ไปสวีทกันต่อ
“ พอๆแล้วครับ เอาเป็นว่าเรื่องราวก็จบลงด้วยดีแล้ว นายสองคนออกไปข้างนอกสักพักละกันวันนี้พวกชั้นออกไปอัดรายการเหนื่อยมากกกกก อยากนอนพักเงียบๆใจจะขาด ”
ซองยอลเดินไปดึงให้มยองซูกับซองจงลุกขึ้นก่อนจะดันหลังให้ออกไปจากหอพักโดยไม่ลืมที่จะพูดจาให้ทั้งคู่เห็นถึงเหตุผลในการออกไปข้างนอก
“ เฮ้! เดี๋ยวสิชั้นยังพูดไม่จบเลย! ”
ซองกยูพยายามจะลุกตามไปแต่โดนนัมอู โฮย่า และดงอูจับตัวไว้โดยที่ทั้งสามไม่ได้นัดหมาย เรื่องนี้ทำให้พวกเค้าใจหายใจคว่ำหมดเพราะฉะนั้นขอเวลาจัดการกับลีดคนนี้ก่อนเถอะ หึหึ
“ เอาเป็นว่า...ขอให้โชคดี ไม่ต้องรีบกลับนะจ๊ะ! ”
ซองยอลขยิบตาให้มยองซูเป็นที่รู้กันว่าเปิดทางให้แล้วใช้เวลานี้สวีทให้คุ้มแล้วจึงปิดประตูห้องก่อนจะตามมาด้วยเสียงของซองกยูที่โหวกเหวกโวยวายสุดๆ มยองซูและซองจงสองคนนี้ไม่รู้เลยว่าหลังจากที่ทั้งคู่ออกไปจากหอพักแล้วลีดซองกยูของเราจะได้เจอกับอะไรบ้าง...
“ ย่าห์!!!!!!! พวกนายปล่อยช้านนนนนนนนนนน!!!!!!!! ”
.
.
.
คนสองคนเดินจับมือกันไปตามถนนสองข้างทางร้านรวงต่างเปิดไฟเพื่อให้ความสว่างสำหรับกลางคืนอีกทั้งยังเป็นการเพิ่มจุดสนใจให้แก่ร้านตัวเองเพื่อดึงดูดลูกค้าไปในตัว ถึงแม้ว่ารอบตัวจะเต็มไปด้วยสีสันของแสงไฟและความน่าสนใจของร้านค้าแต่นั้นไม่ทำให้คนสองคนละความสนใจไปจากมือที่กำลังจับกันอยู่ของทั้งคู่
ทั้งคู่เดินไปตามทางเรื่อยๆโดยไม่มีจุดหมายว่าจะไปหยุดอยู่ตรงไหนหรือแวะเข้าร้านใด ไม่มีถ้อยคำหรือบทสนทนาใดๆทั้งสิ้น มีเพียงแค่มือที่จับกันไว้เท่านั้นเป็นสื่อผ่านความรู้สึกของคนทั้งสองว่าเราต่างรู้สึกเช่นไรต่อกัน
บ่อยครั้งที่ทั้งคู่พยายามจะพูดอะไรออกมาแต่แค่เพียงหันหน้ามาสบตากันก็พาลเรียกความเก้อเขินออกมาจนต้องเสมองไปทางอื่น มยองซูกระแอมไออกมาแก้เขินส่วนซองจงก็ได้ก้มหน้าเดินตามต่อไปโดยไม่สนใจบรรดาแสงไฟของร้านค้าที่ปกติมักเป็นสิ่งชื่นชอบมากสำหรับตัวเอง
มยองซูกระชับมือให้แน่นขึ้นเป็นการย้ำว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้เค้าไม่ได้ฝันไปเรื่องราวที่ผ่านมาช่างรวดเร็วจนไม่น่าเชื่อ ตั้งแต่การเข้าใจผิดของเค้าที่เข้าว่าซองจงชอบคนอื่น การย้ายมาเป็นรูมเมทกัน หรือแม้กระทั้งเรื่องในห้องน้ำวันนั้น
นึกมาถึงตรงนี้เค้าเองก็อายเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะทำอะไรแบบนั้นกับซองจงไปได้ เค้าทั้งคู่ก็เป็นผู้ชายเหมือนกันยิ่งตอนนั้นไม่รู้ด้วยว่าซองจงคิดยังไงกับเค้า ดีแค่ไหนแล้วที่ตอนนั้นซองจงไม่รังเกียจและยังคงเป็นซองจงคนเดิม มานึกได้ตอนนี้รู้สึกเลยว่าตัวเองแย่จริงๆ
“ ว้าว~ สวนสาธารณะนี้ผมจำได้ ”
“ นายจำอะไรได้เหรอซองจง? ”
“ อะไรกัน~ ฮยองจำไม่ได้เหรอฮะน่าน้อยใจจัง -3- ”
“ เอ่อ... ”
“ ก็ที่นี่ตอนที่ผมมาแอบร้องไห้ตอนเป็นเด็กฝึกหัดไง ฮยองจำได้รึยังฮะ ”
“ อ๋อ! เรื่องตอนนั้นนี่เอง... ”
-สองปีก่อน-
ยามบ่ายของวันอาทิตย์วันหยุดสุดสัปดาห์ที่คนทั่วไปมักใช้เวลาพักผ่อนจากการเรียนหรือทำงาน คนในวัยอย่างเค้าปกติวันนี้ต้องเป็นวัดนัดเพื่อนไปเที่ยวหรือสังสรรค์แท้ๆแต่มยองซูคนนี้กลับต้องมาซ้อมเต้นตั้งแต่บ่ายจนถึงค่ำ ทำไมชีวิตเค้าช่างไม่ยุติธรรมเช่นนี้
ถึงจะแอบบ่นในใจแต่ก็รู้ดีว่าได้เพียงแค่บ่นเท่านั้นเพราะตัวเค้าเองเป็นคนที่เลือกที่จะมาเป็นเด็กฝึกหัดเองไม่ได้มีใครบังคับ ถ้าพยายามมากขึ้นฝึกให้เก่งกว่านี้อีกไม่นานก็คงจะได้เดบิวต์ จะมายอมแพ้แบบนี้ไม่ได้ไหนๆก็สู้มาขนาดนี้แล้วมยองซูไฟต์ติ้ง!
“ ฮึก ฮึก.... ”
“ หืม? ”
เสียงอะไรน่ะ...มยองซูคิดในใจว่าแถวนี้ไม่มีใครแต่หากจะเป็นสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ก็คงจะไม่ใช่แน่นอนเพราะคงไม่มีผีตนใดโผล่มาหลอกตอนกลางวันแสกๆแบบนี้ มยองซูพยายามฟังว่าเสียงมาจากที่ไหนก่อนจะเดินตามเสียงไปและพบว่ามาจากมุมถนนนี้เอง
มยองซูเดินพ้นมุมถนนก็เห็นสวนสาธารณะที่มีของเล่นเด็กอยู่ แต่ก็เป็นสวนที่ไม่ใหญ่นักและไม่ค่อยมีคนเข้ามาคงเพราะอยู่ตรงหัวมุมถนนพอดี พ่อแม่เด็กคงไม่อยากพาลูกมาเล่นที่แบบนี้หรอก เพราะอยู่ชิดติดกับถนนแบบนี้อุบัติเหตุอาจจะเกิดขึ้นได้
และสายตาของเค้าก็ไปหยุดอยู่ที่เด็กหนุ่มร่างบางที่กำลังนั่งร้องไห้ตัวโยนอยู่ที่ชิงช้ามองเผินๆอาจจะเหมือนเด็กผู้หญิงด้วยซ้ำเพราะรูปร่างที่ผอมบางนั้นชวนเข้าใจผิดแต่เพราะใบหน้าที่กำลังก้มร้องไห้อยู่นั้นช่างคุ้นตาทำให้เค้าต้องเดินเข้าไปดูใกล้ๆเพื่อความแน่ใจ
“ !? ซองจงเหรอ? ”
“ เฮือก!....ฮึก...ฮึก ”
คนที่ถูกเรียกเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาแถมยังร้องไห้ไม่หยุด ถึงจะตกใจที่อยู่ๆมีคนมาเรียกแต่ตอนนี้ซองจงกำลังเสียใจ คงยากที่จะหยุดร้องไห้ตอนนี้
“ เห้ย! ซองจงจริงๆด้วย นายร้องไห้ทำไม? ใครทำอะไรนาย? บอกฮยองมาสิครับ ”
มยองซูตกใจไม่น้อยที่คนที่ร้องไห้อยู่เป็นซองจงถึงจะเดาไว้แล้วแต่ก็ไม่นึกว่าจะร้องไห้หนักขนาดนี้ ถึงจะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานแต่ในฐานะที่เป็นพี่ในวงก็อยากจะช่วยเหลือน้องหากเกิดอะไรขึ้น
“ ก็..ฮึก ฮีก....ก็..ก็...ฮึก ”
ซองจงยังคงสะอื้นไม่หยุดไม่รู้เพราะเสียใจมากหรือยังไงแต่ดูท่าคงจะไม่หยุดร้องง่ายๆแน่ ถ้าถามอะไรไปตอนนี้ก็คงไม่ได้คำตอบ แต่จะให้ปล่อยไว้แบบนี้เค้าก็ทำไม่ได้เหมือนกัน มยองซูเกาหัวอย่างหงุดหงิดเพราะไม่รู้จะหาวิธีที่จะให้ซองจงหยุดร้องไห้ยังไงดี
“ ทำไงดีเนี้ย มยองซู ”
จนในที่สุดมยองซูก็เดินเข้าไปกอดซองจงแต่อาจจะทะลักทุเลไปบ้างเพราะซองจงนั่งอยู่บนชิงช้า แต่ก็เหมือนจะได้ผลเมื่อซองจงกอดตอบเค้าเช่นเดียวกันเหมือนกับว่าตอนนี้ซองจงต้องการไออุ่นและที่พึ่ง มยองซูปล่อยให้ซองจงกอดเค้าแล้วร้องไห้ไปโดยไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน
“ ฮึก.... ”
วิธีการของมยองซูดูจะได้ผลเมื่อซองจงเริ่มที่จะหยุดร้องไห้แล้วมยองซูยิ้มออกมาอย่างโล่งอกเพราะถ้าปล่อยให้ร้องไห้แบบนี้ต่อไปมีหวังน้ำคงไหลออกหมดตัวแน่ยิ่งตัวเล็กๆอยู่ด้วย ซองจงค่อยๆผละออกมาจากอ้อมกอดของมยองซูช้าๆแต่ก็ยังจับชายเสื้อของมยองซูไว้
“ ...ขอบคุณ..ฮะ ”
ซองจงเอ่ยขอบคุณเสียงเบาคงเป็นเพราะร้องไห้จนไม่มีแรงพูดหรือเขินที่ถูกกอดกันแน่ มยองซูไม่มีทางรู้ได้เพราะซองจงก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาคุยอยู่ดี
“ เฮ้ ก้มหน้าพูดแบบนี้ฮยองไม่ได้ยินหรอกครับ ”
มยองซูพูดเสียงเข้มแกล้งดุซองจงไปแบบนั้นแต่ก็อดขำไม่ได้เมื่อเห็นน้องเล็กของเค้าสะดุ้งนิดหน่อยตอนที่เค้าเก๊กเสียงออกไป...ตลกชะมัด ฮ่ะๆ
ซองจงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองมยองซู แวบแรกที่ดวงตาเรียวเหมือนผู้หญิงนัยน์ตาหวานและขี้เล่นนั้น กอปรกับแพขนตาที่ยังมีหยาดน้ำตาคลออยู่ มยองซูปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทำหัวใจของเค้ากระตุกไม่น้อย เหมือนกับแมวตัวน้อยๆที่ทำผิดแล้วอ้อนเจ้าของอยู่อย่างไรอย่างนั้นเลย
ตึก..ตึก ตึก...ตึก ใจเย็นมยองซู! ก็เห็นซองจงทุกวันทำไมพอวันนี้ตอนนี้เห็นแบบนี้ถึงกับใจเต้นเล่าคิมมยองซู!!! ใจเย็นๆไว้ เราเป็นอะไรไปเนี้ย...
“ ฮยองฮะ... ”
“ อ่า!...เอ่อ ใช่! ทำไมนายมาร้องไห้คนเดียวตรงนี้ ทำไมไม่ไปซ้อม? มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า? ”
ไม่รู้ว่ามยองซูยิงคำถามเยอะไปหรือเป็นเพราะจี้จุดซองจงเค้าอย่างจังจนเหมือนกับว่าเจ้าตัวเบ้ปากจะร้องไห้อีกแล้ว
“ เห้ยๆๆ ใจเย็นนะครับ ไม่ร้องนะ ฮยองขอโทษ มีอะไรค่อยๆเล่านะครับ ”
มยองซูลงไปคุกเข่าเพื่อที่จะได้อยู่ในระดับเดียวกับซองจงที่นั่งบนชิงช้า พลางลูบแก้มเช็ดน้ำตาของคนตรงหน้าไปด้วย แค่เห็นคนตรงหน้าจะร้องไห้อีกรอบทำไมอกข้างซ้ายเค้าถึงปวดแปลบแบบนี้นะ นายต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่มยองซู
“ ก็...ก็ซองกยูฮยองเค้าว่าผม ”
“ หืม? แล้วทำไมอยู่ดีๆฮยองเค้าถึงว่านายละครับ ”
“ ก็....ผมเต้นผิด ฮยองเค้าเลยดุผม ว่าผมว่าไม่เอาไหน ”
พูดแล้วก็รู้สึกแย่ขึ้นมาถึงแม้จะพยายามซ้อมขนาดไหนแต่ก็ดูเหมือนจะไม่ดีเท่ากับฮยองคนอื่นๆในวงเลย ยิ่งเค้าเป็นน้องเล็กแล้วยังเป็นแบบนี้อีกก็อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองเป็นตัวถ่วงของวงรึเปล่า คิดแล้วก็เศร้าพาลจะร้องไห้อีกแล้ว
“ ไม่เอา ไม่ร้องแล้วนะครับ ตาบวมหมดแล้ว ”
มยองซูลูบแก้มซองจงเบาๆ เค้ารู้ว่าทำไมซองกยูถึงดุถึงเข้มงวดกับซองจงมากกว่าคนอื่นๆ ไม่ใช่ว่าเป็นน้องเล็กของวงเท่านั้นแต่เพราะอยากให้ซองจงนั้นเก่งมากกว่านี้และรู้จักพยายามรู้จักต่อสู้ ในอนาคตหากพวกเค้าเดบิวต์อาจจะมีปัญหาที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นฮยองเองเค้าก็คงอยากให้ซองจงเข้มแข็งมากขึ้นกว่านี้
“ ฮยองเค้าต้องไม่ชอบผมแน่เลยฮะ ”
“ ไม่จริงหรอกครับ ในวงไม่มีใครเกลียดนายหรอกนายออกจะน่ารัก ที่ซองกยูฮยองเค้าทำเป็นเพราะอยากให้นายพยายาม อยากให้นายเก่งขึ้นกว่านี้ไงครับ ถ้านายเก่งขึ้นนอกจากคนอื่นๆจะเห็นความพยายามในตัวนายแล้ว นายก็จะภูมิใจในตัวเองด้วยใช่มั้ยล่ะ ”
มยองซูจับมือซองจงไว้แล้วพูดให้กำลังใจ ซองจงพยักหน้าเห็นด้วยกับที่มยองซูพูดและเริ่มคิดตาม
“ ไม่มีใครเกลียดนายหรอกครับ ขนาดฮยองเองยัง..!? ”
มยองซูนิ่งไปชั่วขณะ เมื่อก่อนหากเค้าจะพูดว่าชอบซองจงก็คงไม่แปลกแต่ทำไมตอนนี้พอจะพูดอะไรแบบนั้นออกไปมันกลับพูดไม่ออก...ทำไมกันนะ
“ ฮยองทำไมเหรอฮะ? ”
“ ฮยองยัง...ฮยองก็ยังชอบนายเลย ฮ่าๆ ”
มยองซูขยี้ผมซองจงเล่นพร้อมกับหัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึกแปลกๆของตัวเอง ซองจงที่รู้สึกดีขึ้นเพราะมยองซูช่วยปลอบใจก็ยิ้มออกมา
“ ขอบคุณนะฮะ มยองฮยอง ”
มยองซูยิ้มตามซองจงโดยไม่รู้ตัว...รอยยิ้มของซองจงทำให้เค้าใจสั่นอีกแล้ว...
ทั้งคู่ยังคงคุยกันเล่นกันอยู่ตรงที่เดิมความสุขค่อยๆก่อตัวขึ้นช้าๆจากภายในใจของทั้งคู่โดยไม้รู้ตัว นี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของความรู้สึกประหลาดที่ทำให้มยองซูต้องมาปวดหัวกับการไม่เข้าใจหัวใจของตัวเอง ความรู้สึกที่เป็นจุดเริ่มต้นให้คิมมยองซูพยายามหาคำตอบจนพบกับคำว่า...รัก
.
.
.
“ นึกถึงเรื่องนั้นทีไร พอมาดูตอนนี้นายก็ยังขี้แยไม่เปลี่ยนเลยซองจง ”
ซองจงยู่หน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดออกไปด้วยความงอน
“ ใช่สิฮะ ก็ผมมันขี้แยนี่นา ”
มยองซูอดยิ้มไม่ได้กับความน่าเอ็นดูของคนตรงหน้าจึงคว้าตัวมากอดซะให้เข็ด
“ อ่ะ! ฮยองทำอะไรฮะเนี้ย!? ”
ซองจงดิ้นเพราะตกใจที่มยองซูทำอะไรแบบนี้เพราะที่นี่มันข้างนอกคนอื่นมาเห็นเข้าอาจจะไม่ดี แต่ก็พยายามดิ้นได้ไม่นานก็ยอมให้มยองซูกอดอยู่แบบนั้น ถึงจะขัดขืนยังไงแต่ในใจลึกๆซองจงก็ชอบให้มยองซูกอดอยู่ดี มยองซูยิ่งได้ใจเมื่อซองจงหยุดดิ้นจึงกอดแน่นขึ้นอีก
“ ฮยอง! แน่นกว่านี้กระดูกผมจะหักแล้วนะฮะ! ”
“ ฮ่าๆๆๆๆ ”
มยองซูหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจยิ่งเห็นคนในอ้อมกอดอมลมพองแก้มยิ่งหมั่นเขี้ยวในความน่ารักนั้น ไม่ว่าเมื่อไหร่หรืออยู่ในอารมณ์ไหนซองจงของเค้าก็ยังน่ารักที่สุดในสายตามยองซูคนนี้เสมอ เลยอดใจไม่ได้ที่จะขโมยจุ๊บริมฝีปากบางๆของคนในอ้อมกอด
“ ฮยองรักนายนะครับ ขอโทษที่ปล่อยให้เวลาผ่านไปนาน ขอโทษที่เข้าใจนายผิด ขอโทษสำหรับหลายๆเรื่องที่ทำให้นายเสียใจ และขอโทษนะครับที่ฮยองหยุดรักนายไม่ได้ ”
“ ฮยอง... ”
“ ดูสิจะร้องไห้อีกแล้ว ฮ่ะๆ ขี้แยจังเลยนะครับแฟนของฮยองเนี้ย ”
ซองจงโผเข้ากอดมยองซูเต็มแรงซบหน้าอยู่แบบนั้นด้วยความเขินอายและพูดเสียงอู้อี้ออกมา
“ ใครแฟนฮยองกัน... ”
“ ว้า~ แบบนี้ฮยองก็อกหักน่ะสิ โดนสลัดรักแบบนี้ ”
มยองซูพูดพร้อมทั้งยิ้มกว้างเพราะรู้ว่าซองจงพูดแก้เขินไปอย่างนั้นเอง คนตัวเล็กที่กำลังกอดเค้าอยู่จึงเงยหน้าขึ้นมาให้เห็นแก้มที่แดงเพราะความเขินอายดูน่ารักจนอดใจที่จะขโมยจุ๊บอีกครั้งไม่ได้เสียจริง
“ ผมรักฮยองฮะ มยองฮยองของผม ”
แค่เพียงประโยคนี้ก็พาลให้หัวใจมยองซูพองโตและเต็มอิ่มไปด้วยความสุข มยองซูจึงตอบแทนด้วยการก้มลงไปจูบช้าๆอย่างลึกซึ้ง จูบที่แสดงออกถึงความรักที่กำลังล้นใจของเค้าให้ถ่ายทอดไปถึงซองจง
“ ฮยองก็รักนายซองจง ”
รักที่สุดเลยครับมักเน่น้อยของผม
-FIN-
จบแล้ว! เฮ้!!!! ในที่สุดก็จบสักทีเรื่องแรกของผม TTvTT ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมากนะครับ
ขอโทษด้วยที่ชอบนานไปหน่อย เรื่องต่อไปกำลังแต่งอยู่ละครับ
ยังไงก็ขอบคุณทุกคนจริงๆที่ติดตามอ่าน ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้นะครับ >3<
ความคิดเห็น