คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : You're my...Maknae - 4 (100%)
You’re my
Maknae
Chapter 4
และแล้วสิ่งที่ไม่น่าเชื่อในวงก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อเช้าวันนี้ผมได้ค้นพบว่า...คิมมยองซูเป็นหวัด!!!!
ผมไม่อยากจะเชื่อเลยละครับว่าคนบ้าอย่างมยองมันจะเป็นหวัดกับเค้าได้ด้วย = = พอถามว่าทำอะไรมาหมอนั่นมันก็ตอบแค่ว่าอาบน้ำนานไปหน่อย พอซักไซ้เข้าว่าทำไมอาบนานเพราะปกติมยองไม่ใช่คนที่อาบน้ำนานๆ มันก็เอาแต่อึกอักไม่ยอมบอกแล้วก็หลับไปเลย แบบนี้มันน่าสงสัยมากๆเลยใช่มั้ยครับ!
ด้วยเลือดนักข่าว(?)ที่มันไหลเวียนและกำลังเดือดปุดๆอยู่ในตัวของลีซองยอลคนนี้มีหรือที่ผมจะปล่อยเรื่องนี้ให้เงียบไป! *w* ผมจัดการถามเอาความจริงจากเน่น้อยสุดน่ารักที่เพิ่งได้เป็นรูมเมทกับเจ้ามยองหมาดๆ ผลปรากฏว่า! . . . เน่ไม่บอกอะไรเลย!!!
พอผมถามว่าทำไมมยองถึงเป็นหวัดเน่ก็บอกว่าสงสัยอาบน้ำนาน ผมก็เลยถามต่อไปว่าทำไมมยองมันอาบนาน เท่านั้นแหละครับ! เน่นิ่งไปเลย! เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่จนผมต้องสะกิดให้เน่รู้สึกตัวพอถามอีกรอบก็เอาแต่ตอบว่าไม่รู้แล้วโบ้ยให้ไปถามมยองเอง
แล้วแบบนี้ผมจะรู้เรื่องมั้ยครับอินสปิริต!!! = = แต่ก็เอาเถอะ สิ่งที่สำคัญกว่าสาเหตุของการเป็นหวัดเจ้ามยองมันตอนนี้คืออีกไม่กี่ชั่วโมงวงของพวกผมต้องไปเป็นแขกรับเชิญพิเศษให้รายการวาไรตี้รายการหนึ่ง ความจริงนี่เรื่องที่กะทันหันมากเพราะผู้จัดการเพิ่งโทรเข้ามาเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนนี้เอง
ตอนนี้ผมและสมาชิกที่เหลือเว้นแต่มยองที่นอนซมอยู่ในห้องกำลังปรึกษาว่าจะเอายังไงดี? เพราะดูจากอาการของมยองเห็นแล้วดูท่าคงจะไปอัดรายการไม่ไหวแน่ๆ
“ ฮยองว่าเรายกเลิกการอัดรายการดีมั้ย? ”
ดงอูเสนอขึ้นมากลางวงสนทนาเพราะเค้าเองก็เป็นห่วงมยอง ถ้าหากว่าปล่อยให้นอนไม่สบายอยู่ที่หอพักคนเดียวแบบนี้ไม่ดีแน่ หากเกิดเป็นอะไรหนักขึ้นมาตอนที่ไม่มีใครอยู่ก็กลัวว่าจะเป็นเรื่องใหญ่และอาจจะส่งผลต่อสุขภาพของมยองซูด้วย
“ แต่รายการนี้เป็นรายการดังนะ ถ้าวงของพวกเราไปออกมันต้องทำให้มีแฟนคลับเพิ่มขึ้นอีกเยอะแน่เลย ”
นัมอูไม่ค่อยเห็นด้วยถึงจะเป็นเรื่องด่วนเกินไปที่มาให้พวกเค้าไปออกรายการ แต่โอกาสแบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะมีบ่อยๆโดยเฉพาะยิ่งเป็นรายการที่ดังมาก เรตติ้งของพวกเค้าและแฟนคลับต้องเพิ่มขึ้นแน่
“ ชั้นก็เห็นด้วยกับนัมนะ ถึงแม้ว่าช่วงนี้เราจะอยู่ในช่วงเก็บตัว แต่โอกาสแบบนี้ก็น่าจะคว้าไว้นะ ”
ซองกยูเอ่ยเห็นด้วยกับนัมอูและโฮย่าเองก็พยักหน้าว่าเราน่าจะคว้าโอกาสตรงนี้ไว้
“ย่าห์!! แล้วเราจะปล่อยมยองมันไว้แบบนี้เนี่ยนะครับ!? ”
ซองยอลเหวอออกมา เพราะถ้าทุกคนเห็นด้วยแบบเป็นเอกฉันท์ไปออกรายการ แล้วจะปล่อยมยองที่นอนไม่สบายไว้แบบนี้น่ะเหรอ? พอพูดถึงมยองทุกคนเองก็เริ่มคิดหนัก พวกเค้าเองก็ไม่มีใครอยากปล่อยมยองซูไว้คนเดียวแบบนี้ แต่โอกาสดีๆแบบนี้ก็หายากอีกเช่นกัน
“ เอ่อ...คือ...ให้ผมอยู่ดูแลมยองฮยองมั้ยฮะ... ”
ซองจงยกมือขึ้นแล้วพูดเสียงเบาก่อนจะก้มหน้าแล้วช้อนตามองทุกคนด้วยอาการเกร็งๆ พอประโยคนี้หลุดออกมาจากปากของซองจงสมองอันชาญฉลาดของซองยอลก็พลันประมวลผลถึงแผนการของตัวเองในการจับคู่มยองซูกับซองจง
“ ดีเลยเน่! เราจะได้ไปอัดรายการ แถมยังมีคนคอยดูแลเจ้ามยองมันด้วยไง ”
ซองยอลรีบพูดออกมาทันทีเพื่อให้คนอื่นเห็นด้วย
“ แต่มันจะดีเหรอ? ปล่อยซองจงไว้คนเดียวแบบนี้? ”
นัมอูยังไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ เพราะเหมือนพวกเค้าผลักภาระที่มยองซูป่วยไห้เป็นภาระให้ซองจง
“ ไม่เป็นไรหรอกฮะ ผมดูแลฮยองเค้าได้นะ ผมทำอาหารได้แล้วก็อยู่คนเดียวได้ฮะ ”
ซองจงโบกมือเป็นเชิงว่าไม่เป็นไรจริงๆ ซองยอลหันไปส่งซิกให้ดงอูช่วยพูดเกลี้ยกล่อมทุกคนอีกแรง
“ ฮยองว่าเราให้ซองจงดูแลมยองก็ดีเหมือนกันนะ คือถ้าเราไปสัมภาษณ์ห้าคนแล้วมีคนถามเราก็บอกเรื่องจริงไปเลยว่ามยองซูป่วยอยู่ซองจงเลยต้องดูแลอยู่ที่หอพัก แบบนี้เราก็ไม่เสียเรื่องงานและยังได้ความสนใจจากแฟนคลับด้วยว่าวงเรารักกันขนาดไหนจริงมั้ย? แถมไม่ต้องกลัวอะไรด้วยเพราะเราพูดเรื่องจริง ”
จากเหตุผลและความน่าเชื่อถือของดงอูทำให้สมาชิกทุกคนเห็นด้วยกับคำพูดของดงอูโดยหารู้ไม่ว่าสองคนนี้วางแผนกันไว้
ซองยอล - เจ๋งมากเลยฮะคุณพ่อ *w*
ดงอู - ไม่เท่าไหร่หรอกคุณลูก XD
“ สรุปว่าเรื่องมยองไม่ต้องเป็นห่วงแล้วนะเพราะเน่จะดูแล ส่วนพวกเรารีบไปเตรียมตัวไปแล้ว! เดี๋ยวรถผู้จัดการจะมาแล้ว ลีดอย่ามัวชักช้าสิครับ ชิ้วๆ ”
ซองยอลพูดอย่างอารมณ์ดีและไล่ให้ทุกคนไปเตรียมตัวสำหรับการไปอัดรายการ ก่อนจะหันมาคุยกับซองจง
“ เน่ดูแลมยองมันดีๆละกันนะ ถ้ามันสำออยลุกไม่ไหวก็ซัดเลย ”
“ ฮ่าๆๆ ได้ฮะ ”
“ ถ้ามีอะไรก็เรียกฮยองได้เลยเข้าใจมั้ย? ”
“ ฮะ ผมจะดูแลมยองฮยองเองฮะ ฮยองทุกคนไม่ต้องห่วงนะฮะ ”
“ ดีมาก! ”
ซองยอลขยี้ผมซองจงเล่นด้วยความหมั่นเขี้ยว ตอนนี้ซองยอลไม่รู้ตัวเลยว่าหลังจากที่พวกเค้าอัดรายการเสร็จแผนที่เค้าเป็นคนคิดจะทำให้เกิดเรื่องอะไรบางอย่าง
.
.
.
หลังจากที่ส่งทุกคนขึ้นรถแล้วซองจงก็เดินกลับขึ้นมาที่ห้องนอนของตนเองเพื่อดูอาการของรูมเมทคนใหม่ที่ตอนนี้นอนไม่สบายอยู่บนเตียง ซองจงเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของมยองซูเพื่อเช็คไข้เมื่อแน่ใจว่ายังมีไข้ซองจงเลยเดินออกไปที่ห้องครัวเพื่อเอาอ่างใบเล็กและผ้าขนหนู
เมื่อมาถึงห้องครัวซองจงก็หาอ่างและผ้าขนหนูก่อนจะเหลือบไปเห็นเตาแก็ส และก็คิดได้ว่าควรทำอาหารด้วยเพราะมยองซูเองยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เช้าถ้าไม่ทานข้าวทานยาเห็นจะไม่หายเป็นหวัดแน่ๆจึงลงมือหาวัตถุดิบที่มีอยู่ในตู้เย็น
“ อ่า~ ดีจังที่มีวัตถุดิบ งั้นทำโจ๊กดีกว่า ลีซองจงไฟต์ติ้ง! ”
ซองจงเช็ดตัวมยองซูมาสองรอบแล้วในระหว่างที่ต้มโจ๊กเสร็จก็เดินไปกลับไปที่ห้องเพื่อเช็ดตัวมยองซูเป็นระยะ จนเวลาล่วงเลยมานานหลายชั่วโมงซองจงคิดว่าควรจะเช็ดตัวมยองซูอีกรอบเพราะหลังจากที่เช็ดตัวแล้วไข้ก็ลดลงไปมาก
ซองจงเดินไปที่ห้องน้ำเติมน้ำอุ่นลงอ่างใบเล็กก่อนจะเดินไปที่ห้องนอนของตัวเองเพื่อเช็ดตัวให้มยองซู ซองจงชุบผ้าขนหนูกับน้ำอุ่นแล้วบิดจนหมาดๆเอามาทาบที่แขนตัวเองก่อนเพื่อเช็คอุณหภูมิ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไปจึงเช็ดตัวมยองซู
“ อื้อ... ”
หลังจากเช็ดแค่ที่ใบหน้ามยองซูก็เริ่มรู้สึกเพราะสัมผัสเย็นๆที่ใบหน้า ทำให้ซองจงสะดุ้งเพราะคิดว่าตัวเองเช็ดตัวแรงไปทำให้ต้องชะงักมือแล้วลองเรียกมยองซูดู
“ ฮยองฮะ ฮยอง ”
มยองซูค่อยๆปรือตาขึ้นมากระพริบตาถี่ๆหลายครั้งเพื่อปรับสายตาให้เป็นปกติ สิ่งแรกที่เค้าเห็นแทบจะทำให้เค้านึกว่าตอนนี้เค้าฝันไป เพราะซองจงของเค้ากำลังอยู่ตรงหน้า มยองซูหรี่ตาลงเล็กน้อยเพราะกำลังใช้ความคิดว่าฝันไปรึเปล่าก่อนจะพยายามลุกขึ้นมา
“ อ่า~ ฮยองลุกไหวมั้ยฮะ? เดี๋ยวผมช่วย ”
ซองจงเข้าไปช่วยประคองมยองซูให้ลุกขึ้นมาอยู่ในท่านั่ง
“ นี่ฮยอง...อะหึ่ม....นอนหลับไปนานมั้ย? ”
มยองซูพยายามพูดให้เป็นปกติ แต่หวัดเลยทำให้เสียงของเค้าแหบลงไปนิด
“ ก็เกือบทั้งวันเลยฮะ ฮยองรอแปปนะฮะ เดี๋ยวผมไปเอาโจ๊กมาให้ ”
ซองจงลุกออกไปจากห้องเพื่อไปเอาโจ๊กในห้องครัวมยองซูจึงค่อยมองไปรอบๆห้องก่อนที่สายตาจะไปหยุดอยู่ที่อ่างใบเล็กที่มีผ้าขนหนูชุบน้ำพาดอยู่ เพียงแค่เห็นสิ่งนี้หัวใจของเค้าก็พลันอุ่นวาบ เค้ารู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกถึงจะเป็นแค่สิ่งเล็กๆที่ซองจงทำให้แต่สำหรับเค้ามันมีความหมายมากกว่านั้น
“ ซองจง...นายเป็นคนเช็ดตัวให้ฮยองเหรอ? ”
เมื่อซองจงเข้ามาในห้องอีกครั้งมยองซูก็เอ่ยปากถามทันที
“ หืม? อ๋อ ใช่แล้วฮะ ^^ ”
ซองจงตอบพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ รอยยิ้มที่ทำให้หัวใจของมยองซูเต้นแรงขึ้นกว่าเก่า
“ ผมทำโจ๊กไว้ละฮะเพราะว่าฮยองยังไม่ได้ทานอะไรแต่เช้า ทานโจ๊กแล้วจะได้ทานยานะฮะ จะได้หายไวๆ ”
“ ป้อนหน่อย ”
“ เห? ” ซองจงเอียงคอเพราะเสียงที่มยองซูเปล่งออกมานั้นเค้าได้ยินไม่ค่อยถนัดเลยเขยิบขึ้นไปนั่งบนเตียงเพื่อให้ได้ยินมยองซูพูดมากกว่านี้
“ ป้อนโจ๊กฮยองหน่อยสิครับ ”
มยองซูพูดใกล้ๆหูซองจงแล้วลอบยิ้มเมื่อเห็นอาการหูแดงของซองจงที่ไม่รู้ว่าจากการเขินหรือจั๊กจี้กันแน่ ซองจงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนที่จะพยายามเขยิบออกไปเพื่อให้มยองซูนั่งสบายมากกว่านี้แต่เจ้าตัวกลับรั้งเอวซองจงไว้ไม่ให้เขยิบออกไปเสียก่อน
“ อยู่ใกล้ๆแบบนี้แหละครับป้อนสะดวกกว่า ”
ซองจงกัดปากล่างแก้เขินก่อนจะค่อยๆป้อนโจ๊กให้กับมยองซู กว่าโจ๊กถ้วยนี้หมดก็ใช้เวลามากพอดู เพราะมยองซูนั้นเคี้ยวโจ๊กแล้วเคี้ยวอีกทั้งๆที่มันสามารถกลืนลงไปได้โดยไม่ต้องเคี้ยว แต่เพราะตัวเค้าเองนั้นอยากอยู่กับซองจงแบบนี้นานๆเลยตั้งใจทำแบบนี้
หลังจากการทานโจ๊กที่แสนจะยาวนานจบลงซองจงไม่ลืมที่จะเอายาแก้หวัดให้มยองซูทาน ซองจงยิ้มให้มยองซูเพราะดูเหมือนอาการจะดีขึ้นแล้วจึงจะลุกออกจากห้องเอาชามไปเก็บแต่มยองซูก็ไวกว่าอีกเช่นเคยฉวยข้อมือของซองจงเอาไว้ทำให้คนตัวเล็กที่ไม่ทันตั้งตัวล้มลงบนที่นอน
“ หวา~ ฮยองฮะ!~ ”
ซองจงกะจะเหวใส่มยองซูที่เล่นอะไรแบบนี้แต่เพราะตอนนี้พวกเค้าทั้งคู่ลงมานอนในท่าตะแคงตัวบนเตียงเดียวกันและใบหน้าห่างกันเพียงไม่กี่คืบเหมือนเหตุการณ์เมื่อวานทำให้ซองจงพูดอะไรไม่ออกได้แต่จ้องมองไปที่ดวงตาของมยองซู
“ ขอบคุณนะ ”
“ เอ่อ...มะ..ไม่เป็นไรหรอกฮะเรื่องแค่นี้เอง ”
กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอซองจงก็นิ่งไปนาน มันเหมือนมนต์สะกดที่ทำให้เค้าทำตัวไม่ถูกเวลาได้สบตากับดวงตาที่แสนอบอุ่นนี้ เหมือนแววตาของอีกคนกำลังสื่ออะไรบางอย่างให้เค้าได้รับรู้
“ ซองจง... ”
มยองซูพลิกตัวขึ้นมาคร่อมซองจงไว้ ซองจงที่ไม่ทันตั้งตัวก็ตกใจพยายามจะลุกแต่เพราะฝ่ามือที่อ่อนโยนกำลังลูมแก้มของเค้าอยู่ ทำให้เค้ารู้สึกอบอุ่นและคลายกังวลมากกว่ากลัวและอึดอัด
“ ฮยองชอบนายนะ ”
ซองจงเบิกตากว้างเพราะตกใจกับสิ่งที่ได้ยินออกมาจากปากของคนตรงหน้า
“ ไม่ใช่สิ เรียกว่าชอบคงไม่ได้ ไม่รู้เมื่อไหร่เหมือนกันนะที่สายตาของฮยองหยุดอยู่ที่นายซองจง.... ทุกอย่างที่นายทำทุกอย่างที่นายพูดมันวนเวียนอยู่ในหัวฮยองตลอด รู้สึกเจ็บที่อกข้างซ้ายเวลาที่นายพูดถึงคนอื่นที่ไม่ใช่ฮยอง และไม่นานมานี้ฮยองก็เพิ่งรู้ตัวว่าหึงนายด้วย ฮ่ะๆ ”
ซองจงยังคงตั้งใจฟังอยู่มยองซูรับรู้ได้เพราะตอนนี้แววตาของซองจงกำลังสะท้อนตัวเค้าอยู่ ไม่รู้ว่าซองจงเปลี่ยนไปยังไง หรือซองจงอาจจะชอบคนอื่นอยู่แต่เวลานี้เค้าอยากจะสารภาพความในใจของเค้าออกไป
“ ฮยองไม่ได้รักนายแบบน้องชาย ฮยองรักนายแบบคนรักซองจง...รักแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งจะรักใครคนหนึ่งอย่างเต็มหัวใจ ฮยองรักนายนะครับซองจง ”
พูดจบมยองซูก็เลื่อนขึ้นไปจุมพิตเบาๆที่หน้าผากของซองจงก่อนจะผละออกมาทำให้เค้าเห็นว่าซองจงน้ำตาไหล...ซองจงกำลังร้องไห้เพราะเค้า...
“ ฮยองขอโทษ...ฮยองเสียใจที่พูดอะไรแบบนี้ออกมา ฮยองรู้ว่านายไม่ได้ชอบฮยองแบบนั้น ฮยองรู้ว่านายชอบ...กยูฮยอง ตะ แต่... ”
“ ผมไม่ได้ชอบกยูฮยองซะหน่อยฮะ! ”
ซองจงแทบหยุดร้องไห้และสวนออกไปเมื่อได้ยินว่ามยองซูบอกว่าตนเองชอบซองกยู
“ แต่นายบอกฮยองเมื่อวันนั้นนี่ ”
มยองซูคิ้วขมวด ถ้าซองจงไม่ได้ชอบซองกยูแล้วชอบใคร? อย่าบอกนะว่าคือโฮย่า นั่นสิเค้าอาบน้ำด้วยกันทุกวันทำไมโง่อย่างนี้นะคิมมยองซูทำไมถึงไม่เอะใจ
“ ผมชอบกยูฮยองแต่ไม่ได้ ‘รัก’ สักหน่อยฮะ แล้วก็อย่าคิดเองเออเองคนเดียวได้มั้ยฮะ ”
ซองจงใช้มือสองข้างตบเบาๆที่แก้มของมยองซูก่อนจะจับใบหน้าที่แสนหล่อเหลานั้นไว้แล้วเป็นฝ่ายพูดบ้างเพราะไม่อย่างนั้นเห็นทีมยองซูคงจะคิดเองเออเองไม่หยุดแน่ๆ
“ ผมเอง ฮึก ไม่ได้ชอบกยูฮยองแบบนั้นนะฮะ ไม่ได้ชอบฮยองคนอื่นๆแบบนั้นด้วย ฮึก ทุกคนเป็นพี่ชายของผมนะฮะ แต่ ฮึก ฮึก คนที่ผมรัก...ทำไมเค้าไม่รู้ตัวสักทีฮะ ฮึก ทั้งๆที่ผมดูแลคนๆนั้นมาทั้งวันแล้ววันนี้ ”
ซองจงพูดไปสะอื้นไปเพราะเค้าเองก็ทนไม่ไหวแล้วที่อีกฝ่ายไม่รับรู้ความรู้สึกของเค้าเหมือนกัน เสียใจที่อีกฝ่ายคิดเองเออเอง...ทั้งๆที่เค้าก็รักคนตรงหน้าไม่น้อยไปกว่าที่อีกฝ่ายรักเค้า มันคือความรู้สึกรักที่เหมือนกันไม่ใช่ความรู้สึกรักแบบพี่น้องแต่คือ...คนรัก
“ ซองจง... ”
มยองซูเอ่ยเรียกคนตัวเล็กเสียงแผ่วและโน้มตัวลงไปจูบที่ริมฝีปากเล็กๆนั้นเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกที่เค้ามีให้อีกฝ่ายรับรู้ ทำไมเค้าช่างเป็นคนที่แย่แบบนี้ทั้งๆที่อีกฝ่ายก็มีใจให้แต่เค้ากลับคิดเองเออเองจนทำให้คนที่เค้ารักต้องมาเสียน้ตาแบบนี้...นายมันโง่มากคิมมยองซู
จูบที่หวานลึกซึ้งเริ่มเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นเมื่อคนตัวเล็กที่อยู่ใต้คนที่ตัวใหญ่ว่าร่วมมือจูบตอบด้วยความยินดีเหมือนการตอบรับความรู้สึกที่มีให้กัน ว่าเค้าเองก็รู้สึกเช่น ‘รัก’ เช่นเดียวกับอีกฝ่าย ทั้งคู่แลกจูบกันราวกับโหยหาอีกฝ่ายมานานจนเสื้อผ้าของพวกเค้าเริ่มหลุดออกไปทีละชิ้น
แต่ก่อนที่อะไรจะเลยเถิดไปมากกว่านี้บานประตูห้องของพวกเค้าก็เปิดออกพร้อมกับสมาชิกคนอื่นในวงที่ทยอยกันเข้ามาในห้อง
“ มยองซู~ หายยะ.....ย๊ากกกกกกก!!!! ”
ซองยอลถึงกับตะโกนลั่นเมื่อมาเห็นภาพตรงหน้าและสมาชิกคนอื่นก็ไม่ต่างกัน
“ ยอลตะโกนอะไรเสียงดะ.....เห้ยยยย!!!!! ”
“ อะไรกันเนี้ย!!!! ”
“ พวกนายสองคนทำอะไรกัน!!! ”
มยองซูรีบดึงผ้าห่มมาคลุมตัวซองจงและเอาตัวเองออกมาบังไว้ ถึงจะตกใจมากแค่ไหนแต่คนที่มยองซูห่วงที่สุดก็ยังคงเป็นซองจงเค้าไม่อยากให้ซองจงต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ต่อหน้าทุกคนเลยพยายามบังตัวซองจงเอาไว้ ซองจงเองที่ตกใจเหมือนกันก็ทำอะไรไม่ถูกได้แต่กอดมยองซูจากทางด้านหลังไว้แน่น
สมาชิกทุกคนที่เข้ามาเห็นสภาพของทั้งคู่ก็เดาได้ไม่อยากว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ทุกคนถึงกับพูดไม่ออกแม้แต่ซองยอลคนที่น่าจะรับมือได้กับสถานการณ์แบบนี้ยังไม่พูดไม่ออก จนในที่สุดซองกยูก็ตะโกนกร้าวออกมาแสดงถึงอารมณ์ที่โกรธจัดมากจนทุกคนที่อยู่ในห้องยังสะดุ้งตกใจเพราะไม่เคยเห็นซองกยูโกรธขนาดนี้มาก่อน
“ คิมมยองซู!!! ลีซองจง!!! พวกนายสองคนรีบแต่งตัวแล้วออกมาที่ห้องนั่งเล่นเล่นเดี๋ยวนี้!!! ”
ซองกยูประกาศจบก็เดินหันหลังออกไปจนสมาชิกคนอื่นๆก็เริ่มเดินออกจากห้องไปด้วย ซองยอลเดินเข้ามาตบไหล่มยองก่อนจะมองไปที่ซองจงที่ตอนนี้สะอื้นฟุบหน้าอยู่กับแผ่นหลังของมยองซู
“ นายพาเน่ไปแต่งตัวเถอะ เดี๋ยวกยูฮยองพวกชั้นจะช่วยพูดให้ ”
มยองซูพยักหน้ารับคำแลมองซองยอลที่เดินออกจากห้องไปเป็นคนสุดท้ายก่อนจะหันมากอดซองจงที่กำลังร้องไห้
“ ไม่เป็นไรนะครับ... ”
“ ฮีก..ฮึก.... ”
มยองซูไม่รูจะพูดอะไรออกไปเค้าได้เพียงแค่กอดและลูบผมซองจงเพื่อเป็นการปลอบเท่านั้น เรื่องนี้เค้าเป็นคนเริ่มไม่ว่าอะไรจะเกิดเค้าเองก็จะไม่ถอย เพื่อคนที่อยู่ในอ้อมกอดของเค้า เพื่อคนที่เป็นเจ้าของหัวใจของเค้า คิมมยองซูคนนี้จะปกป้องความรักของเค้า!
"แม้ทั้งโลกหันหลังให้ แต่เธอก็ไม่เคยยอมแพ้ เพื่อความรัก" วาลลิส ซิมป์สัน - W.E
มาแล้วคร้าบ XD ขอโทษที่มาต่อให้ช้านะครับ ขอโทษจริงๆ แหะๆ _ _
ตอนหน้าจะตอนจบแล้วนะครับ แต่อาฟก็กำลังแต่งเรื่องใหม่ไว้เหมือนกันจะเป็นแนวไหนก็ฝากให้ติดตามด้วยนะครับ!
ความคิดเห็น