ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC BTS X YOU] Snow in Moment

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่...2...การเริ่มต้น

    • อัปเดตล่าสุด 11 เม.ย. 57


     

    2

     

    “you're my chocolate my sweetest chocolate I really wanna have you~ ”

    ภาพชายหนุ่มทั้งสี่ที่กำลังยืนร้องเพลงท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายลงมาจากฟ้าดึงดูดสายตาผู้คนที่เดินผ่านไปมาแถวนั้น เสียงนุ่มละมุนละไมราวกับเวทย์มนต์ที่สะกดให้คนฟังหยุดเคลื่อนไหว และฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นที่โดนเวทย์มนต์สะกด

     

    เขากำลังยืนร้องเพลงอยู่ตรงหน้าฉัน

     

    จอน จองกุกกำลังยืนร้องเพลงอยู่ตรงหน้าฉัน!

     

    ถึงแม้ว่ารอบข้างจะมีผู้คนรายล้อมอยู่มากมายแต่ฉันกลับรู้สึกว่าที่ตรงนี้มีแค่ฉันกับจองกุก สายตาของฉันจับจ้องไปที่เขาเพียงแค่คนเดียว หัวใจที่สั่นสะท้านกำลังบอกฉันว่านี่ไม่ใช่ความฝัน

     

    รอยยิ้มของเขา

     

    เสียงเพลงของเขา

     

    ทั้งหมดนั่นมันกำลังทำให้ความเข้มแข็งของฉันพังทลาย ความร้อนที่ขอบตาเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าฉันกำลังอ่อนแอ ใช่ฉันอ่อนแอเพราะคิดถึงนาย ความคิดถึงที่ฉันต้องอดทนกับมันมาโดยตลอด นายไม่รู้หรือไง?

     

    นายมันขี้โกง

     

    ทำไมกันทั้งๆที่ฉันพยามห้ามตัวเองไม่ให้ไปเจอนายมาโดยตลอดและฉันก็ทำมันได้ดี  แต่ตอนนี้นายกลับมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าฉันอย่างง่ายดาย  นายกำลังเล่นตลกอะไรอยู่

     

    แปะๆๆๆ

    เสียงปรบมือที่ดังขึ้นเรียกสติของฉันให้กลับคืนมา นี่ฉันมัวคิดเพ้อเจ้ออะไรอยู่ ก็แค่บังเอิญเดินผ่านมาเจอการแสดงของไอดอลกลุ่มหนึ่งเท่านั้น มันเป็นเรื่องปกติที่จะเจอศิลปินในย่านการค้าแบบนี้  ที่ฉันควรจะทำคือเดินออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดก่อนที่เขาจะเห็นฉัน

    ใช่! คิม นานา เธอไม่ใช่คนอ่อนแอ เธอเข็มแข็งมากกว่าที่เป็นอยู่ สถานการณ์เล็กน้อยแค่นี้เธอสามารถจัดการมันได้อยู่แล้ว ฉันก็แค่ต้องเดินออกไป หันหลังให้กับเขาอีกครั้งเหมือนอย่างที่เคยทำเรื่อยมาก็เท่านั้น

    นานาอ่า!”

    เสียงตะโกนที่ดังขึ้นทำให้คนแถวนั้นที่กำลังซาบซึ้งกับบทเพลงที่เพิ่งจบไปเห็นมามองที่ฉัน  ร่างของเซยอนที่กำลังวิ่งตรงมาตอบคำถามได้ดีว่าต้นเหตุของเสียงนี้มาจากไหน

    ไม่นะ!  เสียงเรียกนั่นจองกุกคงไม่ได้ยินใช่มั้ย

    ฉันรีบเดินตรงไปหาเซยอนที่กำลังวิ่งมาด้วยความรวดเร็ว พอถึงตัวยัยนั่นฉันก็คว้ามือคนเจ้าปัญหาแล้วรีบเดินออกไปจากตรงนั้นทันที ถึงแม้จะไม่แน่ใจว่าจองกุกได้ยินเสียงของเซยอนหรือไม่ แต่ฉันก็คิดว่าฉันควรจะรีบเดินออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!

    ได้โปรดเถอะอย่าให้จองกุกได้ยินเสียงนั้นเลย

     

     

    *********************************

     

     

                    จองกุกอ่า นายมัวยืนทำอะไรอยู่ ทำไมไม่เดินตามมา เสียงเรียกของจินฮยองทำให้ผมรู้สึกตัว

     

                    เมื่อกี้เหมือนได้ยินเสียงเรียกชื่อของ คนๆ นั้น

                                   

                    กำลังจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะฮะ ฮยอง ผมขานตอบจินฮยองไปแต่สายตายังคงจับจ้องไปทางต้นเสียงที่ได้ยินเมื่อกี้ ถึงแม้จะไม่แน่ใจว่าหูแว่วไปเองหรือเปล่า แต่ผมก็ยังคงกวาดสายตามองไปรอบๆอย่างละเอียดอีกครั้ง เพราะมีแฟนคลับมากมายที่มายืนดูการแสดงของพวกเราทำให้ผมไม่แน่ใจว่าเมื่อกี้ใช่เธอหรือเปล่า

     

    ผู้หญิงที่เดินหันหลังออกไปอย่างรวดเร็วคนนั้นใช่เธอมั้ย?

     

    คิม นานา

     

                    หิมะที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องเร่งให้ผมโค้งคำนับแทนคำขอบคุณแฟนคลับที่น่ารักของผมอีกครั้งก่อนจะเดินตามจินฮยองออกไป เพราะพวกเรามีตารางงานต่อจึงจำเป็นต้องรีบขึ้นรถเพื่อไปให้ทันเวลา ป่านนี้ซูก้าฮยอง โฮปฮยอง แรพม่อนฮยอง คงจะแสตนด์บายอยู่ที่งานแล้ว ผมก้าวขาขึ้นรถโดยไม่ลืมที่จะหันกลับไปมองอีกครั้ง

     

                    ฉันคงหูตาฝาดไปเองสินะ เธอจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?

     

                    นายว่าการแสดงวันนี้ของเราเป็นยังไง  วีฮยองถามขึ้นขณะที่เรานั่งอยู่บนรถ

                    มันยังไม่ดีพอ ฉันคิดว่าเราทำได้ดีกว่านี้ แต่ถึงยังไงฉันก็รู้สึกขอบคุณอาร์มี่ของเราจริงๆ พวกเขามีความตั้งใจที่จะฟังเสียงร้องของเรามากๆ ถึงแม้ว่าหิมะจะตกแต่พวกเขาก็ยังยืนฟังมันจนจบ  สายตาของจีมินฮยองเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ ผมเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน ตั้งแต่เดบิวต์กันมาพวกเราก็ได้รับความรักมากมายจากอาร์มี่ และเพราะอย่างนี้ผมถึงได้สัญญากับตัวเองไว้ว่าจะตั้งใจทำงานหนักมากขึ้นเพื่อไม่ให้พวกเขาต้องผิดหวัง

                    งั้นคราวหน้าพวกเราก็มาทำให้ดีกว่านี้กันเถอะ เพื่ออาร์มี่ที่น่ารักของเรา จินฮยองพูดอย่างมุ่งมั่น

    ผมหันหน้ากลับไปทางหน้าต่างมองหิมะที่ตกลงมาปกคลุมพื้นถนน ความเหนื่อยล้าบังคับให้เปลือกตาค่อยๆปิดลง เพื่อความใฝ่ฝัน พวกเราจึงต้องทำงานหนักมากกว่าคนอื่นๆเพื่อไปให้ถึงจุดมุ่งหมายที่เราตั้งใจไว้ ตลอดเวลา 3 ปีที่เป็นเด็กฝึกผมเองก็พยายามมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าต้องต่อสู้กับความเหน็ดเหนื่อยในการฝึกซ้อมมากแค่ไหนแต่ผมก็ไม่เคยรู้สึกท้อกับมันเลยซักครั้ง อาจเป็นเพราะว่าตอนนั้นผมมีเธออยู่ข้างๆ

     

    ถ้านายรู้สึกท้อเมื่อไหร่ นายก็แค่หลับตาแล้วนึกถึงภาพตัวเองยืนอยู่บนเวที กำลังร้องเพลงที่นายแต่งเองให้กับแฟนคลับของนายฟัง พวกเขาตะโกนเรียกชื่อนายด้วยความเชื่อมั่น สายตาทุกคู่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก อ่าความรู้สึกนั้นมันสุดยอดไปเลยใช่มั้ยล่ะ จนกว่าจะถึงวันนั้นนายจะยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาดนะ จอนจองกุก!  

     

    ฉันทำสำเร็จแล้ว

     

    ฉันมีเพลงของตัวเอง มีแฟนคลับที่รักฉัน ฉันได้ยืนร้องเพลงอยู่บนเวทีโดยมีอาร์มี่ส่งเสียงเรียกชื่อฉันด้วยความเชื่อมั่น ฉันสัมผัสได้ถึงความรักที่พวกเขาส่งมาให้ มันเป็นความรู้สึกที่เยี่ยมมากจริงๆ ฉันมีทุกอย่างที่ใฝ่ฝัน

     

    แต่ไม่มีเธอ

     

    ทั้งหมดนั่นแลกมาด้วยค่าตอบแทนที่แสนแพงเหลือเกิน

     

     

    จองกุกอ่า อีกสองอาทิตย์นายจะต้องไปโรงเรียนแล้วนะ เป็นงานปฐมนิเทศซะด้วย แย่จังวันนั้นพวกนายมีตารางงานต่อ สงสัยว่าฮยองทุกคนต้องไปเป็นผู้ปกครองจำเป็นให้กับนายแล้วล่ะ เมเนเจอร์พูดขึ้นในห้องพักหลังจากที่การแสดงจบลง

    โหย อย่างนี้ก็ต้องตื่นเช้านะสิ เจโฮปโวยวายขึ้นอย่างขัดใจ

    ฉันอยากนอน จอนจองกุก นายขี่จักรยานไปโรงเรียนเองไม่ได้หรือไง วีพูดแหย่ก่อนจะเดินมากอดคอมักเน่อย่างหมั่นเขี้ยว

    ย่า! ฮยองก็ลองทำแบบนั้นให้ผมดูก่อนสิ

    งานปฐมนิเทศของนายก็ฟังดูน่าสนุกดี อ่าฉันยังจำวันแรกที่ฉันเป็นนักเรียนไฮสคูลได้อยู่เลย

    นายแก่แล้วหรือไงซูก้า ถึงได้พูดแต่เรื่องอดีตที่เพิ่งจะผ่านมาไม่กี่ปี

    ย๊า! คนที่เอาแต่พูดเรื่องการเล่นเกมส์มาริโอ้ในวัยเด็กอย่างจินฮยองน่ะ มีสิทธิ์มาว่าคนอื่นแบบนี้ด้วยหรือไง

    จริงด้วย จินฮยองน่ะเอาแต่พูดเรื่องมาริโอ้จริงๆนั่นแหละ  ฮ่าๆ

    ย๊า! ปาร์คจีมิน นายกล้าเข้าข้างซูก้างั้นหรอ ฉันเป็นฮยองของนายนะ!”

    ผมนั่งดูพวกฮยองแกล้งหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน ถึงแม้พวกเราจะชอบเถียงกันบ้างแต่ความจริงแล้วพวกเราก็รักและใส่ใจกันมากๆ เลยทีเดียว เรื่องปฐมนิเทศผมเองก็รู้สึกผิดนิดหน่อยที่ทำให้พวกฮยองต้องลำบาก แต่ก็แอบรู้สึกดีใจที่พวกเขาจะอยู่กับผมในวันนั้นและผมก็รู้ดีว่าพวกเขาเองก็รู้สึกตื่นเต้นกับมันเหมือนกัน


    เพราะปีที่แล้ววงบังทันของเรามีกำหนดการเดบิวต์ทำให้ผมจำเป็นต้องพักการเรียนไปหนึ่งปี แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สักเท่าไหร่นัก เหล่าบรรดาไอดอลมากมายที่ต้องดรอปเรียนเพื่อทุ่มเทให้กับการทำงาน ในกรณีอย่างผมถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย


                    จะว่าไปผมเองก็รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกันนะ ไม่ได้สวมเครื่องแบบนักเรียนมาตั้งหนึ่งปี การเริ่มต้นใหม่ในครั้งนี้จะเป็นยังไง ผมจะเข้ากับเพื่อนใหม่ได้หรือเปล่านะ เพราะเมื่อก่อนผมเอาแต่ทำตัวติดแจอยู่กับนานาทำให้ผมมีเพื่อนไม่มากนัก แต่ถึงอย่างนั้นช่วงชีวิตมัธยมต้นของผมก็เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ผมจำได้ว่าครั้งหนึ่งเราเคยพยามจะโดดเรียนวิชาภาษาอังกฤษเพื่อไปดูคอนเสิร์ตนักร้องวงโปรดของเราทั้งคู่แต่โชคไม่ดีที่อาจารย์จับได้เสียก่อน ผมกับนานาก็เลยถูกลงโทษให้อยู่ทำความสะอาดสนามกีฬาตั้ง
    2 อาทิตย์ ยัยนั่นบ่นไม่หยุดปากเลย แต่ก็ทำความสะอาดสนามกีฬาออกมาได้เนี๊ยบสุดๆ จนทำให้อาจารย์ใจอ่อนยอมลดโทษให้ครึ่งหนึ่ง ภาพที่เธอตั้งใจจะขัดคราบน้ำมันออกจากพื้นสนามอย่างเอาเป็นเอาตายมันตลกมากจิงๆ ฮ่าๆ

    จองกุกกี้อ่า นายยิ้มอะไรคนเดียว ซูก้าฮยองยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนผมตกใจ

    นายคงไม่ได้เครียดเรื่องไปโรงเรียนจนเป็นบ้าใช่มั้ย วีฮยองเอามือสองข้างขึ้นมาบีบแก้มผมแล้วทำท่าทางแอคติ้งโอเวอร์ตามแบบฉบับของเขา

    ป่าวซะหน่อย เลิกแกล้งผมซะทีได้ไหม ผมพูดเสียงอู้อี้ขณะที่แก้มทั้งสองข้างยังคงถูกวีฮยองดึงเล่นอยู่

     

    มันเจ็บนะฮยอง!

     

    ย่า! พวกนายเลิกเล่นกันซะที เตรียมตัวกลับกันได้แล้ว เมเนฮยองเดินเข้ามาบอกพวกเรา ทุกคนจึงต่างพากันเก็บข้าวของเพื่อที่จะเตรียมตัวกลับหอ

     

    ฉันนึกไม่ออกจริงๆ ว่าโรงเรียนที่ไม่มีเธอมันจะเป็นยังไงนะ คิม นานา

     

    สองตอนผ่านไปแล้วเป็นไงมั่งงงงง >< หนุกหนาน ฟินแลนด์ แฮปปี้ กันแค่ไหนก็เม้นมาบอกกันด้วยเน้อออ ไรท์อยากมีเพื่อนคุย ฮ่าๆๆ ตอนนี้อาจจะเนื้อเรื่องยาวไปนิดนุง( มันเพลินนน ) ก็อย่างเพิ่งเบื่อกันน้าาาา นานๆทีหนุ่มๆจะอยู่ครบวง ฮ่าๆ ไรท์จะพยามอัพฟิคต่อไปแต่ก็ขึ้นอยู่กับกำลังใจจากเม้น-โหวต จากทุกคนด้วยน้าา เลิฟ นางเอกทู้กคนน ม๊วฟๆๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×