คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : หน้าที่ที่หนักใจ
สวัสดีค่ะ หลังจากที่หายไปนานเกินอาทิตย์ก็มาลงตอนใหม่ให้อ่านกันค่ะซึ่งตอนนี้ เป็นตอนที่เอรินเนียและแซ็คเริ่มเรียนเป็นวันแรกค่ะ(แต่ตอนนี้ยังไม่ได้มีการเรียนอะไรนะค่ะ) แต่ว่าการเริ่มเรียนวันแรกก็มีเรื่องที่หนักใจและเหนื่อยกายให้หญิงสาวเอรินเนียและแซ็คของเราเสียแล้ว ลองมาดูกันนะค่ะ ว่าเป็นเรื่องอะไร
แสงแดดในตอนเช้าค่อยๆคืบคลานเข้ามาในห้องของหญิงสาวมากขึ้นเรื่อยๆส่งผลให้หญิงสาวเจ้าของห้องตื่นขึ้นทันที หญิงสาวปรือตาขึ้นเล็กน้อยก่อนจะลุกไปอาบน้ำก่อนจะมาจัดข้าวของที่ตัวเองวางกองไว้
ก๊อก ก๊อก...เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลังจากที่เธอเก็บของหมดไปได้สักพัก
“...เข้ามาสิ”
แอ๊ด...เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างของหญิงสาวผมสีขาว ตาสีเขียวเดินเข้ามาหาพร้อมกับส่งยิ้มให้หญิงสาวที่อยู่ในห้อง
“มีอะไรหรอ ซาราซ่า”
“ฉันจะออกไปข้างนอก จะไปด้วยไหม”
“ไม่ล่ะ ไปกินข้าวหรอ”
“จ๊ะ ไปด้วยหรือเปล่า”
“เดี๋ยวฉันทำให้กินเอาไหม ฉันทำเก่งนะ บอกไว้ก่อน” ซาราซ่ายิ้มอย่างดีใจพร้อมกับพูดขอบคุณ
ห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบ ร่างของหญิงสาวผมสีทองกำลังนั่งอ่านหนังสืออย่าเงียบๆราวกับรอใครสักคนอยู่ก็พูดโพล่งขึ้นมาว่า
“นายตื่นสาย”เสียงของหญิงสาวดังขึ้นทันทีที่ร่างของชายหนุ่มเดินออกมาจากห้องของตน
“เมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย...”
“ทำอะไร...”แซ็คยิ้มๆอย่างไม่สนใจก่อนจะจัดการอาหารตรงหน้าของตน
“ฝีมือเธอไม่เคยตกเลยนะ เอริน”
“ถ้าตกก็แย่แล้ว” เอรินเนียพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งๆ สักพักแซ็คก็จัดการอาหารของตนหมด
“เมื่อคราวก่อนคำสาปออกฤทธิ์ใช่ไหม...”หญิงสาวชะงักมือที่จะเปิดหนังสือหน้าต่อไปในทันที ดวงตาสองสีน้ำตาลของทั้งสองคู่สบกันก่อนที่ฝ่ายหญิงจะหลบสายตาและพยักหน้าอ่านหนังสือของตนต่อ สักพักร่างของหญิงสาวก็ลุกขึ้นพร้อมกับเดินเข้าห้องของตนไป พร้อมกับร่างของชายหนุ่มอีก 3 คนเดินออกมา
“โอ๊ย หิวจังเลย มีอะไรให้กินบ้างไหม”เมเลนถามขึ้นอย่างโอดครวญแต่ก็ต้องตลึงกับอาหารตรงหน้า ชายหนุ่มทั้ง 3 ส่งสายตาไปถามชายหนุ่มที่นั่งอยู่คนเดียวในทันที
“อาหารของพวกนาย เอรินเนียทำให้ นางเก่งเรื่องพวกนี้ ลองกินดูล่ะกัน...” แซ็คพูดเสร็จก็เดินเข้าห้องไป ทั้ง 3 คนนั่งลงกินอาหารอย่างเงียบ สักพักร่างของหญิงสาวผมสีทองก็เดินออกมาจากห้อง
“เป็นไงบ้างบ้าง อร่อยไหม”เอรินเนียถามพร้อมส่งยิ้ม ทุกคนพยักหน้า หญิงสาวยิ้มอย่างดีใจก่อนจะพูดว่า
“นี่ก็ใกล้เวลาเรียนแล้ว ไปกันเถอะ” ทั้งสามคนพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นไปเก็บชามพร้อมกับเสียงของหญิงสาวตะโกนขึ้นมาว่า
“จานวางไว้นะ อย่าล้างล่ะ กลัวแตก...” ทั้ง 3 คนวางจานไว้พร้อมกับเดินไปหาหญิงสาวที่แต่งตัวเรียบร้อยพร้อมกับชายหนุ่มที่แต่งด้วยเครื่องแบบเต็มที่
“ไปกันเถอะ”เมเลนพูดพร้อมกับเดินออกไปแต่สฟิเนอร์กลับถามอย่างสงสัยว่า
“แล้วซาราซ่าล่ะ...”
“อ้อ นางออกไปก่อนเพราะอยู่คนละห้องกับเราและก็ไม่ได้เรียนด้วยกันด้วย จึงคิดว่าออกไปก่อนหน้าจะดีกว่า...”เอรินเนียพูดอย่างยืดยาวพร้อมกับตัวเองเดินออกไปข้างนอกตามด้วยคนอีก 4 คน
“สวัสดี นักเรียนทุกคน ในปีนี้ถือว่าเป็นปีที่โชคดีปีหนึ่งที่มีคนได้เป็นคณะกรรมการนักเรียนของหอเรา” หญิงสาวคนหนึ่งพูดขณะที่เดินเข้ามาในห้อง
“ดิฉันชื่อ เชอร์รี่ เอริทเอริ์ท เป็นคนสอนเวทย์เรียกแสงและเป็นมาสเตอร์ประจำห้องเธอด้วย...การเรียนของโรงเรียนเราก็ไม่ยากมากนัก การเรียนส่วนใหญ่นั้นจะเป็นเรียกเวทย์ต่างๆเท่านั้นและขอย้ำนะว่าไม่มีการใช้พลังในคทาช่วย เราจะอาศัยพลังในตัวเองเป็นสิ่ง
สำคัญในการร่ายซึ่งมันจะดีกว่าการที่เราใช้อาวุธหรือคทาอื่นช่วยเพราะถ้าสมมุติเราถูกขโมยอาวุธหรือคทาไปเราก็ไม่สามารถทำอะไรได้ถ้าเราไม่เคยร่ายเวทย์มาก่อนและดิฉันก็ได้ทราบข่าวมาว่า ห้อง 1 หอขาวของเรามีคนที่เก่งกาจทั้งสองคนที่มีสามารถทำการทดสอบได้เร็วที่สุดและยากที่สุดจริงหรือเปล่าค่ะ...” สายตาของเชอร์รี่ เอริทเอริ์ทกวาดไปทั่วห้องอย่างพินิจพิเคราะห์
“จริงค่ะ/ครับ”เสียงของคนในห้องตอบยกเว้นเจ้าตัวทั้ง 2
“ถ้าอย่างนั้นอยากให้ช่วยแนะนำตัวต่อหน้าห้องเรียนแห่งนี้หน่อยได้ไหมค่ะ” เอรินเนียมองหน้าแซ็ค ต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เจ้าตัวทั้ง 2 ก็ลุกเดินออกไป
“แซคคาเรีย ซิเรียเบล จากสิเรียเนีย*”
( สิเรียเนีย เมืองหนึ่งที่ได้ขนานนามว่าเมืองแห่งความงามในราตรี เมืองนี้เป็นเมืองที่ลึกลับที่สุดในเมืองทั้งหมด )
“ดิฉัน เอรินเนีย เสเวเลซ มาจากสิเรียเนียเช่นกันค่ะ”
“ดีค่ะ ขอทดสอบหน่อยนะค่ะ ในฐานะที่ผ่านการทดสอบมาที่ยากมาได้ ก็อยากจะรู้ว่ามีฝีมือมากขนาดไหน...”
เอรินเนียและแซ็คมองหน้ากันก่อนที่อาวุธของคนทั้งสองจะมาอยู่ในมือ เชอร์รี่ดีดนิ้วเพียงหนึ่งครั้ง ที่ว่างก็เกิดขึ้นในทันทีและแล้วการทดสอบฝีมือก็เริ่มขึ้น
แสงสว่างมากมายส่องแสงจ้าออกมาจากเชอร์รี่ เอรินเนียสะบัดคทาเล็กน้อยความมืดก็มาคลอบคลุมพื้นที่ของคนทั้ง 3 พร้อมกับร่างของชายหนุ่มเพียงคนเดียวในการทดสอบหายไปอย่างไร้ร่องรอย เชอร์รี่ ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะร่ายเวทย์สายฟ้าพุ่งตรงไปทั่วสารทิศ เอรินเนียใช้มือบังพลังสายฟ้าที่พุ่งตรงมาที่ตนเอาไว้พร้อมกับร่ายเวทย์แห่งไฟตรงเข้าไปหาเชอร์รี่ เชอร์รี่ร่ายเวทย์น้ำพุ่งตรงสลายเวทย์ไฟเหล่านั้นพร้อมกับพลังสายฟ้าพุ่งตรงไปหาเชอร์รี่อย่างเงียบๆ
เปรี๊ยะ!! เปรี้ยง!! พลังสายฟ้าพุ่งตรงเข้าชนกับร่างของเชอร์รี่อย่างแรงพร้อมกับเวทย์พายุหมุนรอบตัวของเชอร์รี่และพร้อมกับเวทย์ไฟ หญิงสาวยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับการปรากฏตัวของชายหนุ่มอยู่ข้างหลังหญิงสาวผมสีทอง เชอร์รี่ยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับพูดว่า
“ การทดสอบเสร็จสิ้นลง” เอรินเนียหมุนคทาเพียงรอบเดียวเวทย์ทั้งหมดก็หายไป 1หญิงกับ 1 ชายทำความเคารพอย่างงดงามก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่ของตน
“เก่งมากค่ะ ทั้งสองคน งานของคนคณะกรรมการนักเรียนก็ลำบากหน่อยนะ โดยเฉพาะพวกเธอที่เป็นหัวหน้าหอและผู้ช่วยหัวหน้าหอก็มีหน้าที่ที่หนักมากทีเดียว แต่ฝีมือของพวกเธอระดับนี้คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกมั้ง เอาล่ะ เราจะมาพูดคุยกันเรื่องตารางเรียนของพวกเรากันก่อนนะ มีใครสงสัยอะไรหรือเปล่า”
“ผมสงสัยครับ คุณเชอร์รี่...”
“เรียกมาสเตอร์คงจะดีกว่านะค่ะ คุณเมเลน...ว่าแต่สงสัยเรื่องอะไรค่ะ”
“เรื่องตารางเรียนครับ ทำไมเค้ามีเขียนไว้ว่าถ้าหากมีการเปลี่ยนแปลงอะไรจะแจ้งให้ทราบอีกทีล่ะครับและก็สงสัยว่าทำไมเค้าถึงเขียนว่าจะเรียนตามตารางเรียนนี้เป็นเวลา 1 เดือนแล้วค่อยเปลี่ยนเป็นแต่ละวิชาเป็นเวลา 3 อาทิตย์ล่ะครับ”
“เป็นคำถามที่ดีค่ะ การที่โรงเรียนเราให้เรียนวิชาต่างๆเป็นเวลา 1 เดือนก่อนก็เพื่อให้ทุกคนได้รับรู้ถึงความสามารถของตนเองยังไงค่ะ พอทุกคนรู้แล้วก็ค่อยมาช่วยกันให้ดีขึ้นอย่างไงล่ะ แล้วก็จะมีการจัดงานโรงเรียนอีกด้วยจะได้เลือกกันถูกอย่างไงล่ะ ว่าใครควรทำหน้าที่อะไรไงล่ะค่ะ”
“แล้วหน้าที่ของคณะกรรมการนักเรียนมีอะไรบ้างค่ะ” เอรินเนียถามขึ้นอย่างสงสัย
“ก็เป็นหน้าที่ที่ต้องดูแลความเรียบร้อยของคนในหอขาวอย่างไงล่ะค่ะ และก็คอยเป็นผู้ช่วยของหัวหน้าหอและผู้ช่วยหัวหน้าหอทำกิจกรรมต่างๆ”
“เช่นอะไรบ้างครับ” สฟิเนอร์ถามขึ้นเพราะเค้าเองก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการนักเรียนเช่นกัน
“ก็อย่างเช่นการจัดงานโรงเรียนไงค่ะ มันก็จะมีหลายฝ่ายที่ต้องทำหน้าที่อยู่แล้วไหนจะเรื่องการแสดง,สถานที่และดูแลความปลอดภัยและความเรียบร้อยด่านต่างๆพวกเธอเหล่าคณะกรรมการนักเรียนก็ต้องทำหน้าที่พวกนี้ซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว และบางทีคนหอขาวอาจจะมีการทะเลาะกันเองด้วยนะ เรื่องทะเลาะนี้ก็มีทุกปีล่ะ แต่ว่าคนที่ทำหน้าที่คอยไกล่เกลี่ยก็คือหัวหน้าหอและ
ผู้ช่วยหัวหน้าหอนะ คณะกรรมการนักเรียนไม่มีสิทธิ์เข้าไปห้ามนอกจากหัวหน้าหอจะอนุญาตหรืออีกฝ่ายมีมากกว่าหรือว่าการทะเลาะกันครั้งนี้คนเยอะเกินไป คนทั้งสองคนไม่สามารถจัดการได้หมดได้...พวกคณะกรรมการนักเรียนจึงสามารถเข้าไปยุ่งกับเรื่องการทะเลาะวิวาห์ของคนในหอได้”
เอรินเนียและแซ็คเริ่มมีสีหน้าเคร่งเครียดอีกครั้งในใจของหญิงสาวผู้ช่วยหัวหน้าหอนึกในใจอย่างเหนื่อยหน่ายว่า...งานพวกนี้หนักอย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด ไม่มีทางที่จะไม่หนักเลย นายแซ็คนั่นก็บ้ามาชวนเธอให้เหนื่อยเล่น แล้วท่าเกิดการทะเลาะวิวาห์กันเยอะจริงพวกเธอจะต้านได้แค่ไหน อย่างมากของเธอก็พวกอ่อนหัด 20 คน มีฝีมือหน่อยก็ 10 มีฝีมือมากก็ 5 คนแล้วการวิวาห์กันจะมีทางไหมที่ฝีมือจะยอดแย่ เอรินเนียคิดแล้วก็เหนื่อยใจ...
สฟิเนอร์และเมเลนเองก็นึกสงสารหญิงสาวที่เป็นผู้ช่วยหัวหน้าหอเช่นกัน ไม่น่าให้แซ็คเลือกเอรินเนียเป็นผู้ช่วยหัวหน้าหอเลย ดูสิท่าจะงานหนักนะเนี่ย คิดแล้วก็เหนื่อยใจ เค้าจะช่วยเธออย่างไงเมื่อเค้าตำแหน่งน้อยกว่าเธอ...
“ทำไมล่ะค่ะ ทำไมคณะกรรมการไม่มีสิทธิ์ยุ่งล่ะค่ะ”ฟรีย่าถามขึ้นอย่างสงสัย
“ก็เพราะคณะกรรมการนักเรียนไม่มีสิทธิ์ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของใครยังไงล่ะแต่ที่หัวหน้าหอและผู้ช่วยหัวหน้าหอยุ่งได้ก็เพราะว่า เค้าสองคนเป็นคนดูแลทุกสิ่งในหอขาวจึงมีอำนาจสูงสุดอย่างไงล่ะรองจากคนดูแลชั่วคราวกับท่านผู้อำนวยการนะ”
“แล้วงานโรงเรียนส่วนใหญ่จะทำอะไรหรอค่ะ”
“ก็เป็นการแสดงบ้างการประลองบ้างขึ้นอยู่กับโอกาส,สถานที่และเวลาที่เหมาะสม แต่ไม่ต้องห่วงไปกว่าจะมีงานนี้ก็ประมาณ 2 3เดือนและพวกคนของคณะกรรมการนักเรียนก็ต้องคุ้นกับการทำหน้าที่และเรียนรู้งานของตัวเองให้ครบก่อน ดังนั้นพวกเธอจึงมีเวลาเตรียมตัวอีกหน่อย ตอนนี้มีใครสงสัยอะไรหรือเปล่า ถ้าไม่มีก็ไปพบผู้อำนวยการที่ห้องโถงใหญ่เลยดีกว่าค่ะ”
เชอร์รี่พูดขึ้นพร้อมส่งรอยยิ้มเธอดีดนิ้วและหายตัวไป ทุกคนทยอยลุกขึ้นกันเก็บของต่างๆและลุกขึ้นไปเรียนเวทย์ในทันที หญิงสาวผู้มีตำแหน่งสูงสุดในหอหันมามองชายหนุ่มที่ทำให้ตนเดือดร้อนก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับฟรีย่าโดยไม่พูดอะไรสักคำ...
ชายหนุ่มทั้งสามคนหันไปมองคนที่มีอำนาจสูงสุดของหอขาวพร้อมกับเดินไปตบบ่าเบาๆและพูดว่า
“นายอยากให้นางโกรธเองนะ พวกเราเองก็ช่วยนายไม่ได้เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะนาย หวังว่าอีกสักพักนางก็คงหายโกรธนายล่ะมั้ง” ชายหนุ่มที่มีอำนาจสูงสุดของหอขาวส่ายหน้าพร้อมกับพูดว่า
“นางไม่ได้โกรธแต่นางไม่อยากทำตัวเองให้เด่นมากนัก...”
“ทำไมล่ะ”
“เพราะนางคิดว่า ยิ่งเด่นเท่าไหร่ ปัญหายิ่งเยอะเท่านั้น และนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่นีนาเดียไม่อยากอยู่ห้องพักคณะกรรมการนักเรียนไงล่ะและอีกอย่าง...เอรินเนียไม่ชอบมีเรื่องกับใคร” อีก 2 คนพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะเดินไปพบผู้อำนวยการอย่างเงียบงัน
ที่ห้องโถงใหญ่ ผู้คนในชั้นปีที่ 1 ต่างรวมกันอยู่ที่นี่ เพื่อมาฟังผู้อำนวยการพูดเรื่องต่างๆ
“สวัสดีนักเรียนทุกคน วันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรกของโรงเรียนเราในโนเร็คทาวน์ การเรียนของเราก็ไม่มีอะไรมาก ขอแค่ตั้งใจเรียนกับส่งงานให้ครบก็พอ งานของคณะกรรมการนักเรียน,หัวหน้าหอและผู้ช่วยหัวหน้าหอจะเริ่มงานกันตั้งแต่วันนี้นะ คิดว่าการได้รับเลือกเป็นคณะกรรมการนักเรียนนั้นงานจะไม่หนักเกินไปนะ...”
เอเทเบพูดพร้อมส่งรอยยิ้มไปให้เอรินเนีย เอรินเนียเพียงยิ้มๆแต่ในใจกำลังหวั่นวิตก
“ฉันจะรอดจากงานพวกนี้ได้ไหมเนี่ย”
“กฎของโรงเรียนเราก็มีไม่มากคือ ต้องเข้าเรียนห้ามโดดยกเว้นเหตุจำเป็นจริงๆ เช่น ป่วย ไม่สบายหรือติดธุระบางอย่างแต่ต้องบอกผมก่อนแล้วผมจึงจะบอกว่าอนุญาตหรือไม่ ตอนเที่ยงหรือตอนเย็นสามารถออกไปในเมืองได้แต่ว่าต้องกลับมาเรียนให้ทัน
ส่วนพวกคณะกรรมการนักเรียนหรือคนอื่นๆจะออกไปไหนต้องบอกคนที่มีตำแหน่งสูงไว้อย่างเช่นหัวหน้าหอ ผู้ช่วยหัวหน้าหอ แต่ถ้าผู้ช่วยหัวหน้าหอและหัวหน้าหอจะออกไปข้างนอกต้องลงชื่อเอาไว้ว่าจะออกไปข้างนอกโดยจะมีใครมาดูแลคนในหอนั้นๆแทน งานโรงเรียนในปีนี้ก็ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าจะเป็นการแสดงขึ้นอยู่กับหัวข้อที่ได้หรืออาจจะให้คิดว่างานโรงเรียนปีนี้พวกเธอจะทำกิจกรรมอะไรกันซึ่งในปีนี้พวกเธอจะต้องทำกันเป็นห้อง ยังไงก็ฝากเรื่องงานโรงเรียนปีนี้ของพวกเธอด้วยล่ะกันนะ”
“นอกจากชั้นปีของพวกเราแล้วยังมีพวกรุ่นพี่ด้วยหรือเปล่าค่ะ” ฟรีย่าถามขึ้น
“ครับ นอกจากรุ่นของพวกคุณแล้วยังมีการแสดงของรุ่นพี่ด้วย ยังไงก็แสดงให้เค็มที่ด้วยนะครับ”
“แล้วมีการแข่งขันด้วยหรือเปล่าค่ะ ท่าเอเทเบ” เอรินเนียถามขึ้นอย่างสงสัย เอเทเบหันมามองเอรินเนียก่อนจะตอบว่า
“ไม่มีการแข่งขันอะไรแต่ถ้าพวกคุณอยากจะให้พวกรุ่นพี่ตะลึงก็ได้นะแล้วแต่พวกคุณ”
“การแสดงนี่เป็นการแสดงเรื่องในตำนานได้ไหมค่ะ” หญิงสาวผมสีดำ ตาสีดำ ที่อยู่หอราตรีถาม
“แล้วแต่พวกคุณเอาล่ะกฎข้อที่ 1 ก็จบแล้วผมก็อยากจะถามพวกคุณทุกคนว่าทุกคนรู้จักหัวหน้าหอของตนกันหมดทุกคนแล้วใช่ไหม”คนส่วนใหญ่พยักหน้า เอเทเบมองแล้วพยักหน้าอย่างพอใจก่อนจะพูดว่า
“แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็อย่างให้พวกคุณทุกคนรู้จักหัวหน้าหอของทั้งสองด้วย...” เอเทเบหยุดการพูดไว้ชั่วคราวพร้อมกับหญิงสาวคนหนึ่งเดินมาหาโดยมีท่าทางเคร่งเครียดก่อนจะบอกอะไรบางอย่างกับเอเทเบ เอเทเบพยักหน้าพูดอะไรสองสามคำ หญิงสาวคนนั้นพยักหน้าแล้วเดินออกไปพร้อมกับเอเทเบพูดต่อว่า
“ ขอโทษทีพอดีมีเรื่องด่วนนิดหน่อยมาพูดกันต่อนะ ขอให้หัวหน้าหอทั้งสองออกมาแนะนำตัวให้ทุกคนเห็นและก็เอรินเนีย เสเวเลซข้าขอพบเจ้าหน่อย” แซคคาเรีย,เอรินเนียและชายหนุ่มผมสีดำตาสีเงินเดินออกมา ชายหนุ่มทั้งสองยืนอยู่บนเวทีต่อหน้าทุกคนพลางพูดแนะนำตัวเอง
“ผมทาสุเกะ ทาเรเบเลอร์ หัวหน้าหอราตรี” ทาสุเกะพูดด้วยท่าทางนิ่งๆพร้อมกับมองไปยังแซ็คอย่างวิเคราะห์ ...คนๆนี้ดูธรรมดาก็
น่าจะมีพอมีฝีมือแต่ถ้าดูดีๆแล้วฝีมือคงมีมากแน่ๆ คนในหอขาวช่างเลือกกันเก่งจริงๆ
“แซคคาเรีย ซิเรียเบล หัวหน้าหอขาว...” แซ็คพูดอย่างนิ่งๆแต่สายตากลับมองเอรินเนียที่คุยกับเอเทเบอย่างเคร่งเครียด ในขณะที่เอเทเบกำลังคุยกับเอรินเนียอยู่นั้น สายตาของเอเทเบก็เห็นว่าแซ็คมองเอรินเนีย เอเทเบก็เพียงส่งยิ้มไปให้แซ็คพร้อมกับเอรินเนียเดินออกไป
เอรินเนียเดินมาอยู่หน้าเอเทเบพร้อมกับย่อกายทำความเคารพอย่างงดงามแล้วถามว่า
“มีอะไรหรอค่ะ ท่าเอเทเบ”
“เจ้ามีตำแหน่งอะไรในหอขาวหรือเปล่า”
“มีค่ะ ดิฉันเป็นผู้ช่วยหัวหน้าหอขาวทำไมหรอค่ะ”
“ข้ามีเรื่องจะวานเจ้าหน่อยเอรินเนีย”เอเทเบพูดเสียงเครียด
“เรื่อง...เกี่ยวกับคนในหอขาว ใช่เรื่องการทะเลาะวิวาห์หรือเปล่าค่ะ” เอรินเนียเองก็เริ่มมีสีหน้าเคร่งเครียดเช่นกัน
“ใช่ คือว่าพวกรุ่นพี่ปีสามและปีสองทะเลาะกันเรื่องศักดิ์ศรีของเจ้าตัวทั้งสอง เรื่องของเรื่องก็คือ คนทั้งสองคนนี้ไม่ค่อยถูกกันจึง
มักจะมีเรื่องกันอยู่บ่อยครั้ง คนอื่นๆก็เห็นเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว จึงไม่ค่อยมีใครสนใจสองคนนี้มากนักแต่ว่าการทะเลาะกันของสองคนนี้มักจะนำความเสียหายมาให้เสมอ บางครั้งคนอื่นก็ได้รับบาดเจ็บ บางครั้งข้าวของก็เสียหาย ข้าจึงอยากให้เจ้าไปห้ามสองคนนั้นหน่อย จะได้ไหม” เอรินเนียพยักหน้าพร้อมถามว่า
“แล้วสาเหตุการทะเลาะกันครั้งนี้คืออะไรหรอค่ะ ท่าน”
“ต่างฝ่ายต่างดูถูกกันจนเกิดเรื่องนะ” เอรินเนียถอนหายใจก่อนจะย่อกายทำความเคารพแล้วเดินออกจากห้องไป
“เอาล่ะไหนๆก็รู้จักหัวหน้าหอทั้งสองแล้วนะคราวนี้คิดจะทำอะไรก็ระวังไว้หน่อยล่ะ เพราะหัวหน้าหอเก่งไม่ใช่เล่นๆเลยนะทั้งสองคนนี้ เอาล่ะ วันนี้ก็ไปพักกินข้าวเถอะ เพราะมีใครบางคนอยากจะออกจากที่ตรงนี้จะแย่แล้ว ส่วนใครที่สงสัยว่าผู้ช่วยหัวหน้าหอของตัวเองไปไหน ก็ขอบอกว่าตอนนี้ไปทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว ถ้าอยากจะตามไปก็เชิญ” เอเทเบพูดจบตัวเองก็หายไปพร้อมกับแซคคาเรียก็เดินออกจากห้องโถงพร้อมกับกลุ่มของตน
เอรินเนียเดินตางไปเรื่อยๆ เธอหลับตาลงตั้งจิตคอยสัมผัสพลังเวทย์ที่ปะทะกันอย่างรุนแรง เมื่อเจอตัวเองก็ร่ายเวทย์ขึ้นกลางวงส่งผลให้สองคนที่สู้กันอยู่ต่างหยุดชะงักในทันที
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นค่ะ ทำไมพวกรุ่นพี่ถึงมาทะเลาะและสู้กันเองอย่างนี้ รู้ไหมค่ะว่าคนอื่นเดือดร้อน”
“เธอเป็นใครมีสิทธิ์อะไรมายุ่งถึงแม้จะเป็นพวกคณะกรรมการนักเรียนก็ไม่มีสิทธิ์ยุ่งรู้ไว้ซะด้วย”ชายคนหนึ่งที่ถูกตรึงไว้พูดขึ้น
“ฉันเอรินเนีย เสเวเลซ เป็นผู้ช่วยหัวหน้าหอขาวพอใจไหมค่ะ”
“แล้วหัวหน้าหอขาวไปไหนเสียล่ะ ถึงให้ผู้ช่วยมาแทนคงเพราะรู้ตัวว่าฝีมือคงไม่ถึงขั้นหรอกมั้งถึงไม่กล้ามาที่นี่”ชายอีกคนพูด
“แล้วคุณจะเสียใจที่กล้าพูดอย่างนี้” เวทย์ที่ถูกตรึงคนทั้งสองหายไป สายตาที่เย็นชาปรากฏขึ้นมาในทันทีที่ชายหนุ่มคนนั้นพูดจบ เวทย์มากมายต่างพุ่งตรงเข้าร่างของคนทั้งสองมาแทน เอรินเนียยืนอยู่วงนอกอย่างสงบ เมื่อเวทย์ต่างๆสงบลงแล้ว เวทย์ที่ตรึงทั้งสองคนปรากฏขึ้นอีกครั้ง สภาพของคนทั้งสองต่างดูไม่ได้ เนื่องจากเอรินเนียค่อนข้างจะไม่มีคำว่าปราณีให้สองคนนี้เลยสักนิดหนึ่ง
“ฉันขอให้คุณถอนคำพูดเมื้อกี้”
“อ้อ ที่แท้ก็โมโหที่ว่าหัวหน้าหอนั้นเอง โธ่เอย นึกว่าเรื่องอะไร ทำไมแค่นี้ทนไม่ได้หรอที่ฉันว่าหัวหน้าหอ เป็นแค่เด็กชั้นปี 1 อย่ามาทำอวดเก่งไปหน่อยเลย”
“โธ่เอย บอกว่าตัวเองนะเก่ง เลิศเลอ มันก็แค่ภายนอกเท่านั้นล่ะว้า ความจริงฝีมือหัวหน้าหอมันก็ไม่ได้มีสักเท่าไหร่หรอก”
เผียะ!! เผียะ!! ฝ่ามือของเอรินเนียปะทะกับใบหน้าของชายหนุ่มทั้งสองที่ทำปากดีพร้อมกับกลุ่มของแซ็คเดินเข้ามาแต่คนที่ตบหน้าคนทั้งสองกลับยังไม่รู้ตัว
“ปากอย่างพวกนายนี่มันควรจะโดนสั่งสอนสักหน่อยนะ เพราะปากเสียๆอย่างนายมันเสียเกินกว่าจะบรรยายแล้วและฉันก็คงไม่คิด
ว่าจะหญิงสาวคนไหนที่จะรักคนที่ปากเสียๆอย่างพวกนายลงหรอกนะ แล้วถ้าฉันรู้ว่ามีการทะเลาะวิวาห์กันอีกล่ะก็มันคงไม่ได้เป็น
การสั่งสอนต่อหน้าพวกเธอสองคนเท่านั้นหรอกนะ แต่ฉันจะสั่งสอนพวกนายต่อหน้าทุกคนในหอขาว...ไม่สิทุกคนในโรงเรียนไปเลย ให้มันรู้กันไปสิว่า ใครมันแน่กว่ากัน อย่าคิดด้วยนะว่าฉันจะไม่ทำจริง และก็จำเอาไว้ด้วยนะถ้าคิดจะว่าหัวหน้าหอขาวอีกล่ะก็ฉันไม่ปล่อยพวกนายไว้แน่” เอรินเนียพูดด้วยท่าทางเรียบเฉย
“แล้วเธอไม่คิดที่จะปล่อยพวกฉันหรือไงกัน เธอจะให้ฉันอยู่ตรงนี้ไปถึงไหน”
“ก็ไม่ถึงไหนหรอก ฉันคิดว่ามันคงดีถ้าฉันจะปล่อยพวกนายสองคนอยู่ที่นี่ตรงนี้จนกว่าจะถึงตอนเย็นหรือไม่ก็ให้ใครสักคนมาถอดถอนเวทย์นี้เองล่ะกัน” 2 คนนั้นทำท่าลำบากใจและกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาพยายามจะถอดถอนเวทย์แต่ก็ถอนไม่ได้ เอรินเนียยังคงยืนมองอย่างสงบนิ่งก่อนที่จะหันหลังก็พูดขึ้นว่า
“เวทย์ที่ฉันใช้มีแต่หัวหน้าหอขาวและท่านเอเทเบเท่านั้นที่จะถอดถอนได้ ส่วนคนอื่นก็จะถอดถอนได้ก็ต่อเมื่อคนๆนั้นมีพลังเวทย์เทียบเท่ากับฉัน หวังว่าคงจะสำเร็จนะ”เอรินเนียพูดพร้อมกับเดินไปเพื่อจะกลับห้องโถงแต่ก็ต้องตกใจเมื่อเจอกับใบหน้าของคนที่มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าหอขาว
“แซ็ค...”
“ไง เอริน”
“นายมานานแล้วหรือยัง”
“มานานพอที่จะเห็นเธอตบหน้าสองคนนั้นก็แล้วกัน...คนสองคนนี้ช่างหาเรื่องผิดคนจริงๆนะ”แซ็คพูดพร้อมกับทำท่าจะเดินเข้าไปใกล้ แต่เอรินเนียดึงออกมาไม่ให้เข้าใกล้และพูดว่า
“สองคนนี้สมควรแล้วที่จะเจอแบบนี้ ปากก็เสียอย่างกับอะไรดี นิสัยก็แย่สุดขั้ว ถ้านายถอดถอนมนตรานี้สองคนนี้เค้าจะเข็ดหรือเปล่า ฉันว่าปล่อยอย่างนี้นะดีแล้ว”
“แล้วเธอจะไม่ปล่อยให้สองคนนี้ไปเรียนเลยหรอ”เอรินเนียทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า
“ก็ได้แต่ฉันจะถอนมนตราให้แค่บางส่วน สองคนนี้จะทำอะไรไม่ได้มากนักแค่เรียนกับกินข้าวอย่างอื่นทำไม่ได้และถ้าคิดจะทะเลาะ
วิวาห์กันหรอก็ ขอบอกไว้ก่อนนะว่าคิดผิดเพราะฉันรู้ความเคลื่อนไหวของพวกนายทุกอย่างและฉันก็จะประจานต่อหน้าทุกคนเลยขอให้รับรู้ไว้ในจิตสำนึกที่แย่ๆของนายด้วย” เมเลนมองเอรินเนียอย่างสยองถ้าเกิดเค้าโดนอย่างนี้บ้างก็คงแค้นเอรินเนียสุดขีดเลยล่ะ แต่ว่านะเวลาเอรินเนียโมโหแล้วเงียบๆแบบนี้น่ากลัวชะมัด เมเลนมองเอรินเนียพลางกลืนน้ำลาย เค้าจะไม่มีวันที่จะทำให้เอรินเนียโมโหเด็ดขาดไม่งั้นเอรินเนียต้องฆ่าเค้าตายแน่...
สฟิเนอร์มองเอรินเนียพลางยิ้มน้อยๆ เธอนี่น่ากลัวได้ใจจริงๆความโหดเหี้ยมของเอรินเนียคงไม่ได้มีแค่นี้แน่ๆ แต่สาเหตุอะไรที่ทำให้เอรินเนียโมโหได้ขนาดนี้...
ซาเลนเดอร์มองเอรินเนีย ใบหน้าที่เรียบเฉยเสมอนั้นมีรอยยิ้มนิดๆที่มุมปาก นางเป็นคนที่ชอบดันทุรังทุกๆเรื่อง นิสัยนี้เค้ารู้ตั้งแต่เจอกันใครแรกแล้ว สองคนนี้เลือกคู่ต่อสู้ที่ผิดจริงๆ
เอรินเนียมองหน้าแซ็คพร้อมถามว่า
“ฉันจะต้องเจอแบบนี้บ่อยไหม ถ้าฉันเจอแบบนี้บ่อยๆฉันอยากจะฆ่าตัวตายจริงๆ ให้ตายสิ ปากเสียชะมัด นิสัยก็แย่มีพลังเวทย์สูงซะเปล่า” แซ็คส่ายหน้าและยิ้มๆ
“ไม่รู้สิ คงไม่บ่อยนักหรอก...”
“ถ้าบ่อยนักฉันก็เหนื่อยใจเหมือนกันนะ”เอรินเนียพูดพร้อมกับเดินไปโรงอาหารโดยมีทุกคนเดินตามไป
แซ็คเองก็นึกในใจเหมือนกับเอรินเนียเช่นกันว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็..เฮ้อ..เหนื่อย”
ขณะที่ทุกคนเดินไปโรงอาหารนั้นในจิตใจของทุกคนต่างพูดอยู่เพียงคำเดียวว่า
“งานนี่น่าจะงานหนักซะแล้ว”
มีเรื่องอยากจะสารภาพค่ะ ช่วงนี้ไม่อยากจะพิมพ์เรื่องอะไรทั้งนั้นค่ะ(โดยเฉพาะเรื่องบันทึกรักพลังเวทย์) อาจจะเป็นเพราะว่าช่วงนี้เหนื่อยๆกับเรื่องที่โรงเรียนอยู่ก็เป็นได้ค่ะ ถ้าเกิดเห็นว่าห่างหายไปนานก็อย่าสงสัยเลยนะค่ะ
ความคิดเห็น