คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : จุดเริ่มต้นแห่งมิตรภาพกับชายหนุ่มที่พยายามหนี
ตอนนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปเยอะเหมือนกันนะค่ะ ก็ลองอ่านดูล่ะกันค่ะ ไม่รู้ว่ามันจะเป็นการปรับปรุงที่ดีขึ้นหรือว่าจะแย่ลงเหมือนกันยังไงก็ฝากไว้ด้วยล่ะกันนะค่ะ
ปล. ช่วยลงความเห็นให้หน่อยสิค่ะ ว่าจะให้เรื่องนี้จบลงอย่างไง เพราะเรายังตัดสินใจไม่ได้เลยนะค่ะ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ท่ามกลางป่าแห่งหนึ่งในเมืองโนเร็คทาวน์ ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่วิ่งด้วยความเร็วที่ค่อนข้างสูงและวิ่งต่อไปเรื่อยๆราวกับหนีอะไรบางอย่างมาได้สักพักก็หยุดลง
"คงจะไม่ตามมาแล้วใช่ไหม?"
เสียงของหญิงสาวถามตัวเองอย่างไม่แน่ใจพร้อมกับอาการหอบหายใจอย่างหนักเนื่องจากตนวิ่งมาค่อนข้าวเร็วและไม่ได้หยุดพัก ผมสีทองตรงสลวยพลิ้วไหวไปกับสายลม ตาสีน้ำตาลอ่อนที่ดูแล้วแสนอ่อนโยนกำลังมองหาเงาของร่มต้นไม้ที่ตนพอจะพักผิงได้
เมื่อเจอต้นไม้ที่ต้องการแล้วร่างของหญิงสาวก็นั่งลงบนร่มไม้ที่ตนคิดว่าเย็นสบายที่สุด สายลมที่คอยพัดผ่านร่างของหญิงสาวอยู่นั้นสร้างความเย็นกายสบายใจให้พร้อมกับหญิงสาวคิดที่จะรวบผมเพื่อให้สะดวกต่อการเดินทางเผยให้เห็นต่างหูรูปจันทราสีเหลืองทองซึ่งบอกได้ในทันทีว่าหญิงสาวคนนี้มาจากเมืองอะไร
เพราะความเหนื่อยที่หญิงสาววิ่งมานั้นทำให้ร่างของหญิงสาวนั่งพักนานเกินก็ที่ตนคิด ตาสีน้ำตาลอ่อนกำลังคอยมองดูสิ่งรอบตัวด้วยความระมัดระวังมีบางครั้งที่เหม่อลอยไปบ้างแต่ก็ยังดูเหมือนคนมีสติตลอดเวลา ปากสีชมพูที่ได้รูปสวยนั้นกำลังเม้นปากด้วยความครุ่นคิด
ก่อนที่จะเรียกคทาออกมาพร้อมร่ายเวทย์กางอาณาเขต คทาตั้งตระหง่านลอยอยู่หน้าหญิงสาวพร้อมกับส่องแสงสว่างจ้าไปทั่วบริเวณนั้นเมื่อหญิงสาวร่ายเวทย์เสร็จก็นั่งคิดด้วยความหนักใจว่า
“อีกไม่กี่วันก็จะถึงจุดหมายแล้วแต่จะทำอย่างไงถึงจะสลัดเจ้าคนที่ตามติดเธอราวกับปลิงให้กลับไปได้นะ...”หญิงสาวคิดพลางหันไปมองข้างหลังแล้วส่ายหน้าน้อยๆอย่างเหนื่อยใจ เธอนั่งมองบรรยากาศโดยรอบได้สักพักเธอก็ได้รับความผิดปกติบางอย่างกับเวทย์กางอาณาเขตของเธอว่ามีผู้บุกรุกใกล้เข้ามาและทำลายเวทย์อาณาเขตของเธอ
เธอถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วก็ลุกขึ้นพร้อมกับคว้าคทาของเธอที่ลดแสงลงเมื่อเวทย์กางอาณาเขตถูกทำลาย หญิงสาวยืนนิ่งสักนิดก่อนจะก้าวเดินไปข้างหน้าและพูดว่า
"นี่...ฉันบอกแล้วไม่ใช่หรอว่าอย่าตามมา ฉันไม่ได้ต้องการให้นายมาดูแลสักหน่อยที่มาที่นี่ก็เพราะเรื่องงานหรอกนะ ดังนั้นจะไม่ตามมาสักครั้งจะได้ไหมเนี่ย"
“ก็ช่วยไม่ได้นี่ เพราะมันเป็นเรื่องงาน ฉันก็ยิ่งต้องตามมา...”เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งพูดแต่ยังไม่ปรากฏร่างออกมาให้เห็น เมื่อหญิงสาวได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจและจะพูดว่า
“เพราะมันเป็นงานฉันจึงไม่อยากให้ใครตามมา โดยเฉพาะนาย...”
“ช่วยไม่ได้นะ ฉันตั้งคำมั่นสัญญากับท่านหญิงแห่งดวงดาวไปแล้วว่าจะทำงานนี้ให้สำเร็จให้ได้และอีกอย่าง...ฉันก็ต้องปกป้องเธอให้ได้”
“แต่ว่างานนี้มันอันตรายมากนะ...”หญิงสาวพูดพร้อมกับกำคทาแน่นขึ้น
“ก็เพราะว่ามันอันตรายมากนะสิ ฉันถึงคิดว่า ถ้าเธอทำคนเดียวคงไม่สำเร็จ ขนาดงานที่ฉันทำที่เอเลเบเลียนยังใช้เวลาตั้งนานเลยกว่าจะทำสำเร็จ”
“ทำไมไม่อยู่ที่สิเรียเนียล่ะ อยู่ทำงานที่นั้นไม่ดีกว่าหรอ”
หญิงสาวถามชายหนุ่มที่เดินออกมาจากพุ่มไม้ ผมสีน้ำตาลพลิ้วไหวไปกับสายลมน้อยๆนั้นทำให้หญิงสาวตลึงกับภาพตรงหน้าเล็กน้อยเพราะใบหน้าของชายตรงหน้านั้นมีความงามอยู่แล้วแต่พอมาเจอกับสายลมอ่อนๆนั้นช่วยสร้างให้ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นหล่อยิ่งขึ้นไปอีกแล้วยังรอยยิ้มน้อยๆที่เจ้าตัวมักจะไม่ค่อยได้ใช้นั้นปรากฏอยู่บนใบหน้านั้นมันก็พาลทำให้หน้าของหญิงสาวแดงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้...
“ก็ทำงานที่นั้นจนเบื่อแล้วนี่ ออกมาทำข้างนอกบ้างมันก็ดีออกนะ แปลกใหม่ดี”
‘ให้ตายสิ คิดอะไรของเค้านะ มีแต่คนที่อยากจะทำอยู่แค่ในเมืองของตนเท่านั้นสงสัยมีแค่นายนี่เท่านั้นล่ะมั้งที่อยากทำงานข้างนอก’หญิงสาวคิดในใจและดูเหมือนชายหนุ่มคนนั้นจะรู้ว่าหญิงสาวคิดอะไรชายหนุ่มก็หัวเราะน้อยๆก่อนจะพูดว่า
“ไม่ใช่แค่ฉันสักหน่อย เธอเองก็อยากจะทำงานข้างนอกด้วยไม่ใช่หรอ” หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มที่รู้ทันตนก่อนจะยิ้มน้อยๆและพูดว่า
“คงจะอย่างนั้นล่ะมั้ง”เมื่อหญิงสาวพูดจบฝ่ายชายก็แดงระเรื่อขึ้นเมื่อเห็นรอยยิ้มน้อยๆของหญิงสาวผู้นี้...
‘นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอผู้นี้...’ ชายหนุ่มคิดในใจอย่างเศร้าสร้อยพร้อมกับหญิงสาวพูดว่า
“ในเมื่อหนีขนาดไหนก็หนีไม่พ้น ดังนั้นก็มานั่งพักกันหน่อยเถอะ เพราะว่าพวกเราวิ่งกันมาแทบไม่ได้หยุดเลยนะ”ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างเห็นด้วยแต่เจ้าตัวกลับไม่มานั่งกับหญิงสาวและทำท่าจะเดินเข้าไปในพุ่มไม้พร้อมกับบอกหญิงสาวว่า
“อีกไม่นานก็จะเย็นแล้ว...ฉันจะไปหาผลไม้แถวนี้นะ”
“อื้อ...ระวังตัวด้วยนะ แซ็ค”หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มที่มีความอ่อนโยน ชายหนุ่มหันมาส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินหายตัวไปในพุ่มไม้...
หญิงสาวค่อยๆนั่งลงใต้ร่มเงาต้นไม้อย่างช้าๆพลางคิดและตัดสินใจในเรื่องอะไรบางอย่าง...
‘จะไปดีไหมนะ แต่ถ้าหนีไปอีก แซ็คก็ตามมาอยู่ดี แต่ถ้าไม่หนีก็ไม่สามารถทำในสิ่งที่ตนตั้งใจได้แล้วนะ ทั้งๆที่ตอนแรกตั้งใจแล้วนี่ว่าจะไปที่นั้นคนเดียว ขืนอยู่ต่อไปก็มีแต่จะทำให้แซ็คยิ่งตามเรามากขึ้น แต่ว่าถึงหนียังไงแซ็คก็ตามมาอยู่ดี สู้ไปด้วยกันเลยไม่ดีกว่าหรอ...’
ในขณะที่หญิงสาวตัดสินใจอยู่นั้น ชายหนุ่มก็ร่ายเวทย์คุ้มครองหญิงสาวในทันที หญิงสาวถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าชายหนุ่มได้ร่ายเวทย์ป้องกันการหนีของตนไว้แล้วแถมเวทย์นี้ยังสามารถคุ้มครองเธอได้อีกด้วย หญิงสาวจึงทำได้แค่เพียงนั่งนิ่งอย่างสงบ...
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ หญิงสาวก็ต้องประหลาดใจที่เวทย์ที่ใช้คุ้มครองเธอหายไปอย่างรวดเร็ว หญิงสาวลืมตาขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นมองหาบุคคลที่น่าจะมาหาตนเอง เพียงสักพักเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นเรียกความสนใจของฝ่ายหญิงได้ทันที
หญิงสาวหันไปมองทางต้นเสียงก็ต้องประหลาดใจเพราะบุคคลที่ตนเห็นไม่ใช่คนที่ตนคิดเอาไว้!!!
หญิงสาวเรียกคทาออกมาช้าๆพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า
“พวกนายเป็นใคร”
“ฉันเป็นคนดีนะ ไม่ได้คิดที่จะมาทำร้ายเธอนะ”ชายหนุ่มผมสีแดงซอยยาวแค่บ่าพูดขึ้น หญิงสาวยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากพร้อมกับพูดว่า
“คนดี...คำๆนี้ฉันกับฉันไม่ได้หรอกนะ”
“ฉันพูดจริงๆนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจมาโกหกเธอสักหน่อย”
“และที่นายมาที่นี่มีจุดประสงค์อะไร”
“ก็...เอ่อ...คือว่า...พวกฉันเห็นเธออยู่คนเดียว...และเห็นว่าเป็นผู้หญิงแล้วมาเดินทางคนเดียว...มันก็อันตรายอยู่นะพวกฉันก็เลยคิดว่าจะมาถามเธอว่า เธอจะไปไหน แล้วจะเดินทางไปด้วยกันไหม...เรื่องมันก็มีแค่นี้แหละ”
ชายหนุ่มผมสีแดงคนนั้นพูด หญิงสาวทำหน้านิ่งก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า
“ฉันไม่ได้เดินทางคนเดียวสักหน่อยมีคนเดินทางไปด้วย...แล้วใช่พวกนายหรือเปล่าที่ทำลายเวทย์อาณาเขตที่คุ้มครองฉัน” ชายหนุ่มผมแดงทำหน้าสงสัยก่อนที่ชายหนุ่มผมสีดำจะเดินออกมาจากพุ่มไม้พร้อมกับพูดว่า
“ต้องขอโทษด้วยที่ทำลายเวทย์อาณาเขตคุ้มครองของเธอ แต่พวกฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
“นายเป็นคนทำหรอ”หญิงสาวถามอย่างสงสัยพร้อมกับชายผมสีดำคนนั้นพยักหน้ายืนยันในคำพูดของตน...
‘เวทย์อาณาเขตคุ้มครองเป็นเวทย์บทหนึ่งที่ใช้พลังเวทย์ค่อนข้างสูงดังนั้นคนที่จะทำลายเวทย์นี้ได้ต้องมีพลังเวทย์มาก 2 คนนี้ดูท่าจะไม่ธรรมดาจริงๆ เป็นใครมากจากไหนนะ’หญิงสาวคิดในใจก่อนจะถามออกไปว่า
“พวกนาย 2 คนชื่ออะไรล่ะ”
“อ้อ ฉันเมเลน เบเรส”ชายหนุ่มผมสีแดงพูดพร้อมกับส่งรอยยิ้มไปให้หญิงสาว
“ส่วนฉันสฟิเนอร์ อาร์ทแกลล์...”ชายผมสีดำพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ หญิงสาวเลิกคิ้วสูงด้วยความแปลกใจเมื่อได้ยินนามสกุลนั้นก่อนจะพูดแนะนำตัวเองว่า
“ส่วนฉัน เอริน...เอรินเนีย เสเวเลซ”
“ชื่อเพราะจังนะ”เมเลนพูดพร้อมส่งรอยยิ้มจริงใจให้พร้อมกับเอรินเนียก็ถามว่า
“แล้วพวกนายจะไปไหนกันล่ะ”
“อ้อ พวกเรากำลังจะไปโรงเรียนเวทย์ในเมืองโนเร็คทาวน์นะ แล้วเธอล่ะ”
“ที่เดียวกัน จะไปด้วยกันไหมล่ะ”
“ว่าไง สฟิเนอร์ นายคิดว่าไง ส่วนฉันคิดว่ามันก็ดีนะ”
“ตกลง...ฉันเองก็เห็นด้วย เดินทางกันหลายๆคนน่าจะดีกว่า”
“แล้วเธอบอกว่าเธอไม่ได้เดินทางมาคนเดียวใช่ไหม”เอรินเนียพยักหน้าพร้อมกับเมเลนถามต่อว่า
“แล้วคนที่เดินทางร่วมกับเธอไปไหนล่ะ”เอรินเนียส่งยิ้มที่อ่อนโยนไปให้ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มนิดๆที่มุมปากว่า
“ดูท้องฟ้าสิ”เมเลนมองเอรินเนียด้วยความสงสัยก่อนจะมองท้องฟ้าตามที่เอรินเนียบอกและมองหน้าเอรินเนียอีกครั้ง เอรินเนียก็พูดพร้อมรอยยิ้มที่อ่อนโยนว่า
“ตอนนี้ใกล้เย็นแล้ว เพื่อนร่วมเดินทางของฉันก็เลยไปหาผลไม้มายังไงล่ะ พวกนายจะกินด้วยกันก็ได้นะ”เมเลนและสฟิเนอร์ส่ายหน้าอย่างช้าๆ ก่อนที่สฟิเนอร์จะบอกว่า
“เรามีเสบียงอยู่”เอรินเนียยิ้มและไม่พูดอะไรพร้อมกับเสียงของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้น
“เอริน!!!นี่มันเกิดอะไรขึ้นทำไมเวทย์ที่คุ้มครองเธอถึงหายไปและคนพวกนี้เป็นใครกัน”
“ใจเย็นๆนะ แซ็ค นี่คือคนที่จะร่วมเดินทางกับพวกเราไปที่โนเร็คทาวน์นะ คนที่มีผมสีแดงเค้าชื่อว่า เมเลน เบเรส ส่วนคนที่ผมดำนั้นเค้าชื่อ สฟิเนอร์ อาร์ทแกลล์”เอรินเนียพูดพลางส่งยิ้มให้แซ็คที่วิ่งมาหาตนอย่างเหนื่อยหอบก่อนจะถามว่า
“แล้วได้ผลไม้มาหรือเปล่า...”แซ็คพยักหน้าเอรินเนียถอนหายใจอย่างโล่งอกพร้อมกับแซ็คแนะนำตัวเอง
“ฉันชื่อ แซคคาเรีย ซิเรียเบล ส่วนนี่เอรินเนีย เสเวเลซ...คงจะรู้จักกันแล้วใช่ไหม”ชายหนุ่มอีก 2 คนพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า
“เรามาเตรียมที่พักกันเถอะ”
“อื้อ...”
ทุกคนรับคำก่อนที่จะทำหน้าที่ของตน ในเวลาไม่นานทั้ง 4 คนก็สร้างที่พักของตนเสร็จเรียบร้อย ชายหนุ่ม 2 คนกำลังนอนหลับอยู่ในที่พัก ขณะที่หญิงสาวคนเดียวในนั้นกำลังฟังเสียงของดวงดาวอย่างตั้งใจ...
“กำลังทำอะไรอยู่เอรินเนีย ฟังเสียงของดวงดาวอยู่อย่างนั้นหรอ”หญิงสาวหันมามองคนที่ทักตนอย่างเงียบๆก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดว่า
“ฉันกำลังฟังอยู่ว่าดวงดาวกำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่...”
“แล้วตอนนี้ดวงดาวกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ล่ะ”
“...ก่อนหน้านี้เป็นเรื่องเมื่อ 2000 ปีก่อนที่ฉันไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่...ส่วนตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าดวงดาวกำลังร้องไห้...”
“ร้องไห้?”
“ใช่...ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมดวงดาวถึงร้องไห้...เหมือนกำลังร้องไห้เรื่องอนาคตยังไงก็ไม่รู้...”
“คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง...”เอรินเนียไม่ได้สนใจคำพูดของแซ็คพลางพูดอะไรบางอย่างเหมือนพูดกับดวงดาว
“ท่านว่ายังไงนะค่ะ...ทำไมถึงจะเกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้นล่ะค่ะ...เรื่องเมื่อ 2000 ปีก่อนนั้นสามารถส่งผล
มาได้ถึงปัจจุบันเลยหรอค่ะ เป็นเรื่องจริงอะไรที่ทุกคนยอมรับล่ะค่ะ...ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรเลยนะค่ะที่จะยอมรับและทำมัน...”
เอรินเนียเพ้อพูดต่างๆนานาดวงตาที่สีน้ำตาลดูหม่นแสง+เหม่อลอยส่งผลให้แซ็คต้องเรียกหญิงสาวให้ตื่นจากภวังค์เหล่านั้น
“เอรินเนีย...เป็นอะไรหรือเปล่า”
“แซ็ค...ฉันไม่เข้าใจเรื่องที่ทำให้ดวงดาวต้องหม่นแสง...ฉันไม่เข้าใจเรื่องเมื่อ 2000 ปีก่อนสักนิด...ฉันไม่เข้าใจบรรพบุรุษของพวกเรา...ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมสงครามถึงเกิดขึ้น...ฉันไม่เข้าใจสาเหตุต่างๆเลยสักนิด”เอรินเนียพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาพร้อมกับแซ็ครับฟังคำพูดของหญิงสาวอย่างเงียบๆ
“ไม่เป็นไรหรอกนะ เอรินเนียสักวันเธอจะต้องเข้าใจเหตุผลทั้งหมดอย่างแน่นอน”
“ขอบคุณนะ...”เอรินเนียพูดอย่างแผ่วเบาพร้อมกับแซ็คจับหัวของหญิงสาวมาซบไหล่ของตนพร้อมกับเอรินเนียหลับตาลงและหลับไปในที่สุด...
เช้าวันรุ่งขึ้น
ท่ามกลางท้องฟ้าที่ดูสดใส ร่างของหญิงสาวกำลังตรวจดูความเรียบร้อยพร้อมกับชายหนุ่มทั้ง 2 คนก็เดินมาหาหญิงสาวพลางทักทาย
“สวัสดี เอรินเนีย”สฟิเนอร์ทักทายพลางหันไปมองเมเลนที่กำลังเดินมาหาเอรินเนียเช่นกัน
“อรุณสวัสดิ์จ๊ะ ตื่นสายจังนะ”
“งันหรอ...”
เอรินเนียเพียงยิ้มแต่ไม่พูดอะไรพร้อมกับเมเลนเดินมาหาพลางทักทายว่า
“อรุณสวัสดิ์ แล้วแซ็คล่ะ”
“อรุณสวัสดิ์จ๊ะ เมเลน ตอนนี้แซ็คกำลังไปหาเสบียงมาเพิ่มนะ”เอรินเนียพูดพลางส่งยิ้ม
“แล้วพวกเราจะออกเดินทางกันต่อเมื่อไหร่”สฟิเนอร์ถามด้วยน้ำเสียงนิ่ง
“ก็...เมื่อแซ็คกลับมาและพวกเราก็ต้องหาอะไรรองท้องไว้ก่อนออกเดินทางนะ เพราะว่าการที่เราไม่หาอะไรรองท้องก่อนเดินทางจะทำให้เราหิวตอนที่เราเดินทางและจะทำให้เสบียงอาหารของพวกเราหมดเร็วมากขึ้นอีกด้วย...แต่ว่าเสบียงของพวกนายก็อยู่กับพวกนาย พวกนายจะทำอย่างไงก็ได้อยู่แล้วนี่”
“เสบียงของพวกเราฝากไว้ที่เอรินเนียดีกว่าไหม เมเลน”
“ยังไงก็ได้...ตามใจสฟิเนอร์ก็แล้วกัน”
“งันตกลงตามนี้นะ เอรินเนีย”สฟิเนอร์พูดพลางหันมาถามเอรินเนีย
“ก็ได้จ๊ะ แต่ทำไมถึงมาฝากไว้ที่ฉันล่ะ”
“ก็คิดว่ามันคงดีกว่าที่จะเก็บไว้กับเมเลนนะ”
“หรอ...งันก็ได้แต่ว่าห้ามมาบ่นเด็ดขาดเลยนะเพราะว่าฉันจะไม่ให้เสบียงอาหารตอนที่เดินทางอยู่แน่นอน”เอรินเนียพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆทำให้เมเลนเริ่มหวั่นๆว่าคิดถูกไหมนะที่ให้ฝากไว้...ไม่นานนักแซ็คก็มาถึงเอรินเนียเก็บอาหารบางส่วนเข้าเสบียงของตนและสฟิเนอร์และนั่งกินอาหารบางส่วนและออกเดินทาง
ทั้ง 4 คนก็เดินทางไปโรงเรียนเวทย์โนเร็คทาวน์ การเดินทางของคนทั้ง 4 นั้นเป็นการเดินทางกันไปอย่างเงียบๆโดยไม่มีใครพูดอะไรกันเลย ทุกอย่างนั้นดูเงียบสงบมีเพียงสิ่งเดียวที่คนทั้ง 4 ได้ยินก็คือ เสียงลมหายใจของคนทั้ง 4ไม่รู้ว่าเป็นเวลานานเท่าไหร่ที่ทุกคนเดินกันไปโดยไม่พูดไม่จากันท่ามกลางความเงียบของป่าแห่งนี้ เพียงสักพักเสียงพูดคุยและเสียงฝีเท้าของคนกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งก็ดังขึ้น
ส่งผลให้คนทั้ง 4หยุดเดินพร้อมกับหันมามองหน้ากันพลางฟังบทสนทนาของคนกลุ่มใหญ่ที่กำลังเดินเข้ามาใกล้กับกลุ่มของตนแล้ว...
“นี่ เป็นเรื่องจริงหรอที่เค้าบอกนะ”เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งในนั้นพูดขึ้น
“เรื่องอะไรล่ะ”ชายหนุ่มอีกคนที่มาด้วยถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยอารมณ์ดีเท่าไหร่นักถาม
“ก็เรื่องคนที่ให้เรามาจับนะ เห็นเค้าบอกว่าเป็นคนที่มีตำแหน่งสูงมากเลยนี่ แถมยังบอกให้เราพาตัวผู้หญิงคนนั้นมาหรือไม่ก็สั่งให้ฆ่าได้เลยนะ”
“เออ เป็นเรื่องจริงที่ราชินีสั่งเราให้พาผู้หญิงคนนั้นไปหาท่านหรือไม่ก็ฆ่าทิ้งซะถ้ายายนั่นแผลงฤทธิ์มาก”
“จริงอ่ะ ฉันอยากรู้จังทำไมราชินีถึงสั่งให้พวกเรามาพาผู้หญิงคนนั้นไป ทำไมท่านไม่ยอมจัดการเอง”
“ไม่รู้สิ คงกลัวว่าจะมีใครรู้ล่ะมั้งว่ามีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่ง”
“นั้นนะสิ แต่ฉันอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นไปทำอะไรให้ราชินีของพวกเราไม่พอใจถึงกับให้สั่งฆ่าได้เลยนะ”
“ไม่รู้สิ เจอตัวก็คอยถามล่ะกัน”
“แล้วผู้หญิงคนนั้นลักษณะยังไง”
“ก็ลักษณะ...”ไม่ทันที่ชายคนนั้นจะพูดจบร่างของกลุ่มชายกลุ่มนั้นก็มาอยู่ตรงหน้ากลุ่มของแซ็คที่กำลังยืนนิ่งกันอยู่ ทั้ง 2 กลุ่มต่างฝ่ายต่างยืนอึ้งพียงสักพัก ฝ่ายชายกลุ่มนั้นก็ร้องขึ้นมาในทันทีพลางชี้ไปที่เอรินเนียและพูดว่า
“เฮ้ย!! นั่นมันผู้หญิงที่ราชินีสั่งเรานี่ เฮ้ย พวกเราจัดการ!!”
แซ็คมายืนอยู่หน้าเอรินเนียพร้อมกับมองชายกลุ่มนั้นอย่างแหวดระแวง เอรินเนียเพียงมองกลุ่มชายกลุ่มนั้นอย่างถี่ถ้วนก่อนจะเรียกคทาของตนออกมาพร้อมกับแซ็ค เอรินเนียหลับตาลงพร้อมกับร่ายเวทย์บาเรียสีขาวใสห้อมล้อมคนทั้ง 4ไว้ในทันทีพร้อมกับแซ็คร่ายเวทย์บางอย่างใส่ดาบและขว้างไปหากลุ่มคนพวกนั้น
ดาบของแซ็คบินวนล้อมรอบชายหนุ่มทั้ง 4 คนที่มาโดยไม่มีจุดประสงค์ดีพร้อมกับเห็นลักษณะคล้ายวงแหวนเวทย์อยู่ตรงพื้นบริเวณที่ดาบบินผ่านและคทาของเอรินเนียส่องแสงพลางร่ายเวทย์ พลันเวทย์สายฟ้านับสิบพุ่งตรงมายังบุคคลทั้ง 4 ที่ประสงค์ไม่ดีกับหญิงสาวพร้อมกับไม้เลื้อยขึ้นมาจากดินพันธนาการร่างของชายหนุ่มทั้ง 4 คนไว้พร้อมกับเอาอาวุธทั้งหลายออกหมดและแซ็คร่ายเวทย์ปิดปากไม่ให้ท่องเวทย์ได้จึงทำให้คนทั้ง 4 ไม่มีอะไรต่อสู้จึงแพ้ไปอย่างง่ายดาย
แซ็คมองหน้าคนทั้ง 4 นิ่งพลางถามด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่แฝงด้วยความโกรธว่า
“ใครสั่งให้พวกนายทำร้ายพวกฉัน”
“...”อีกฝ่ายนิ่งเงียบไม่ตอบ
“บอกมาใครเป็นคนสั่งให้พวกนายทำแบบนี้!!!” แซ็คตะโกนใส่กลุ่มคนพวกนั้นก็ยังคงเงียบพร้อมกับเอรินเนียพูดด้วยน้ำเสียงที่เซ็งๆว่า
“แซ็ค ทำไมนายไม่ถอนเวทย์ไม่มีเสียงล่ะ”
“ขืนถอนไปพวกนี้ก็ไม่บอกพวกเราอยู่ดี”เอรินเนียส่ายหน้าก่อนจะเดินมาหาคนกลุ่มนั้นพลางพูดว่า
“ฉันว่าเราน่าจะลบความทรงจำของคนพวกนี้สักหน่อยนะ แล้วค่อยส่งกลับไปหาคนที่สั่งให้มา...อีกอย่างฉันคิดว่าฉันพอจะรู้แล้วว่าใครที่ส่งคนพวกนี้มา ดูท่าการเดินทางครั้งนี้จะไม่ราบรื่นอย่างที่คิด”
“...”แซ็คนิ่งเงียบก่อนที่สฟิเนอร์จะถามว่า
“คนพวกนี้เป็นใคร ถึงต้องการจับตัวเอรินเนียไปล่ะ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะแต่คิดแล้วมันไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่เลยนะที่ต้องโดนตามจับตัวแบบนี้”
“ฉันว่าปัญหาไม่อยู่ตรงนั้น การที่พวกนั้นรู้ว่าเธออยู่ที่นี่ก็แสดงว่าพวกนั้นคงจะรู้แล้วว่า...”แซ็คพูดแบบให้เอรินเนียต่อเอาเองพร้อมกับเอรินเนียพยักหน้าพลางพูดว่า
“ใช่...พวกนั้นรู้ แต่เอาเถอะ ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับการที่ฉันจะไปโรงเรียนเวทย์โนเร็คทาวน์หรอกนะ”
“นั้นนะสิ”แซ็คยิ้มก่อนจะถามว่า
“แล้วจะเอาอย่างไงกับกลุ่มคนพวกนี้ดีล่ะ จะลบความทรงจำอย่างที่เอรินเนียบอกไหม”
“...มันก็ดีนะ จะได้ไม่ตามมาอีก”
สฟิเนอร์พูดพร้อมกับเมเลนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เอรินเนียจึงร่ายเวทย์ลบความทรงจำที่เจอกันของกลุ่มคนทั้ง 4 ไป ร่างของคนทั้ง 4 นอนบนพื้นไม่ได้สติพร้อมกับเอรินเนีย, สฟิเนอร์, แซ็ค, เมเลนเดินทางกันต่อ เมื่อทุกคนเดินมาได้สักพักสฟิเนอร์ก็ถามขึ้นว่า
“เอรินเนีย เวทย์เมื่อกี้ที่ลบความทรงจำนะ เธอลบทั้งหมดหรือว่าลบเฉพาะตอนที่พวกเราเจอกับกลุ่มคนนั้น”เอรินเนียส่งยิ้มให้สฟิเนอร์ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า
“ฉันลบแค่ความทรงจำที่คนที่สั่งพวกเค้ามาตามหาฉันก็เท่านั้นล่ะ ฉันคงไม่ใจไม้ไส้ระก่ำถึงขนาดลบความทรงจำของเค้าทั้งหมดเลยหรอกนะ”
“แล้วคนพวกนั้นมาตามเธอไปทำไมล่ะ ต้องการอะไรกัน”เอรินเนียเพียงแค่ยิ้มไม่ตอบคำถามของเมเลน คนทั้ง 4 เดินทางกันไปเป็นเวลานานพอสมควรก็ออกจากป่าและเจอโรงเรียนเวทย์โนเร็คทาวน์แต่พวกเค้าทั้ง 4 ตัดสินใจกันว่าจะไม่เข้าจนกว่าจะวันพรุ่งนี้พวกเค้าทั้ง 4 จึงตัดสินใจกันพักซึ่งไม่ห่างจากโรงเรียนเวทย์โนเร็คทาวน์นัก เอรินเนียก็พูดกับแซ็คเมื่อสฟิเนอร์และเมเลนเดินไปหาที่พักสักแห่งในป่าแห่งนี้และพูดว่า
“2 คนนี้สนิทกันดีนะไม่เหมือนคู่ของเรา...”
“...”
“ต่างคนต่างรู้ดีสินะว่าฐานะของเรา 2 คนต่างกันเกินไปถึงจะพยายามแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์อะไรใช่ไหม...”
แซ็คหันมามองหน้าเอรินเนียพร้อมกับทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายแซ็คก็ไม่พูดออกมาพร้อมกับมีนกตัวหนึ่งบินมาส่งจดหมายให้แซ็ค แซ็คอ่านจดหมายนั้นพร้อมกับแซ็คก็บอกกับเอรินเนียว่า
“เอรินเนีย ฉันต้องไปแล้วล่ะ”
“ไปไหน”เอรินเนียถามอย่างสงสัย
“ฉันต้องไปที่เอเลเบเลียนแล้วล่ะ”
“เกิดปัญหาอะไรขึ้นอย่างนั้นหรอ”เอรินเนียถามด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง
“อื้อ รู้สึกว่าจะเกิดปัญหานิดหน่อย ฉันเลยต้องกลับด่วนนะ ขอโทษนะทั้งที่ตั้งใจจะไปด้วยแล้วแท้ๆ ฉันขอโทษเธอจริงๆ”เอรินเนียยิ้มก่อนจะพูดว่า
“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย อีกอย่างคนที่จะตามมาเองก็คือนายนะ ไม่ใช่ฉัน ดังนั้นอย่ามามองหน้าฉันเหมือนคนรู้สึกผิดอย่างนั้น และนี่มันก็คืองานมันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นรีบไปที่เอเลเบเลียนเถอะ”
“อื้อ...ขอบคุณนะ แต่ว่าไปโรงเรียนเวทย์โนเร็คทาวน์คงไม่มีปัญหาอะไรนะ”
“อยู่แล้ว อีกอย่างฉันก็ได้เพื่อนร่วมทางที่ดีและใกล้ถึงโรงเรียนเวทย์โนเร็คทาวน์แล้วด้วย ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วงฉันมากหรอกนะ”
“ระวังตัวด้วยนะ ไว้ฉันจัดการงานที่นั้นเสร็จเมื่อไหร่ฉันจะรีบตามมาแล้วเมื่อถึงเมื่อไหร่ก็ส่งจดหมายมาหาฉันด้วยนะอย่าลืมล่ะ”
แซ็คพูดก่อนจะหายตัวไป...เมื่อแซ็คหายตัวไปเรียบร้อยแล้วเสียงถอนหายใจของหญิงสาวก็ดังขึ้นพร้อมกับคำพูดของหญิงสาวที่หลุดปากออกมาเบาๆว่า
“มันก็ควรจะเป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรกแล้ว...”หญิงสาวถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะเดินไปนั่งพักที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง นั่งมองดูท้องฟ้าพร้อมกับพลอยหลับไป...
** จบ **
ความคิดเห็น