คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ก่อนเริ่มต้น [เพิ่มอะไรบางอย่างลงไปหน่อย ลองอ่านดูล่ะกัน]
ตอนนี้เราเอาเนื้อเรื่องบางส่วนที่ไม่ได้ลงในตอนแรกเอามาลงให้ได้อ่านกัน เป็นตอนที่เกี่ยวกับชื่อเรื่องของตอนนี้เลยจริงๆเพราะว่านี่เป็นจุดก่อนเริ่มต้นของทุกคนและทุกอย่าง อดีต ส่งผลมาถึงปัจจุบันและอนาคต ดังนั้น ตอนนี้จึงเหมาะสมกับชื่อในตอนนี้จริงๆค่ะ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ท่ามกลางท้องฟ้าที่ฝนตกลงมาในห้องของปราสาทแห่งหนึ่ง ร่างของหญิงสาวนางหนึ่งนอนสงบนิ่งอยู่บนเตียง ผมของนางแผ่สยาย ดวงตาของนางปิดสนิททั้งๆที่ยังมีน้ำใสๆคลออยู่ที่ขนตา ไม่มีลมหายใจของนาง ร่างของนางนั้นได้ไร้ชีวิตและจิตวิญญาณแล้ว
ข้างเตียงที่หญิงสาวที่นอนอยู่นั้นมีหญิงสาวที่หน้าตางดงามคนหนึ่งกำลังนั่งร้องไห้อยู่ด้วยความเสียใจ น้ำตามากมายไหลออกมาไม่ขาดสาย
โดยข้างกายมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่หน้าตาหล่อเหลายืนอยู่ข้างๆหญิงสาวที่นั่งร้องไห้ ชายหนุ่มคนนั้นกำลังยืนนิ่งด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นเมื่อชายหนุ่มคนนั้นได้สติจึงนั่งลงข้างๆหญิงสาวที่นั่งร้องไห้อยู่พลางพูดปลอบใจหญิงสาวคนนั้นว่า
“เจ้าอย่าร้องไห้ไปเลย สิ่งที่น้องเจ้าทำไปนั้นคือการตัดสินใจของนางแล้ว”หญิงสาวคนนั้นยังคงไม่หยุดร้องไห้พร้อมกับพูดด้วยความสงสัยว่า
“ข้าไม่เข้าใจความคิดของนางว่าทำไมนางถึงทำอย่างนี้”
““บางทีนางคงคิดว่าวิธีนี้จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับนางก็เป็นได้”
ชายหนุ่มคนนั้นตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งๆทั้งที่ในใจลึกๆเจ็บปวดไม่แพ้กัน หญิงสาวคนนั้นส่ายหน้าเหมือนจะไม่อยากเชื่อก่อนจะร้องไห้ต่อไป ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆได้แต่ปล่อยให้หญิงสาวคนนี้ร้องไห้ต่อ เพียงสักพักหญิงสาวที่ร้องไห้อยู่ก็พูดด้วยความคับแค้นใจว่า
“ข้าแค้นชายหนุ่มผู้นั้นนัก ทำไมถึงกล้าทำร้ายน้องข้าได้ลงคอ”
“เค้าคงจะมีเหตุผล”ชายหนุ่มที่นั่งข้างๆพูดเบาๆราวกับจะปลอบหญิงสาวคนนั้นแต่หญิงสาวคนนั้นส่ายหน้าก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธเคืองว่า
“หึ เหตุผลของเค้าก็คือการทำให้น้องข้าเสียใจ ที่นางทำแบบนี้ก็เป็นเพราะเค้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น!!!”
“เอริน่า...”
ชายหนุ่มเรียกชื่อหญิงสาวอย่างแผ่วเบาพลางคิดในใจอย่างเศร้าสร้อยว่า...เค้ารู้ว่าหญิงสาวคนนี้รู้สึกเช่นไร หญิงสาวผู้ที่รักน้องสาวคนนี้ยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด...เพราะน้องสาวของเธอคนนี้เป็นน้องสาวเพียงผู้เดียว...เป็นหญิงสาวที่ทำให้คนอื่นมีความสุข...ทำให้ผู้อื่นสมหวังในความรักแต่ตนกลับต้องเป็นผู้ที่เจ็บปวดกับความรักเสียเอง...เรื่องราวของหญิงสาวผู้นี้ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้านัก ชายหนุ่มคิดในใจอย่างเศร้าสร้อยพร้อมกับหญิงสาวที่อยู่ข้างๆตนพร่ำพรรณนาต่างๆให้หญิงสาวที่นอนหลับอยู่ และจะหลับอย่างนี้ชั่วนิรันดร
“น้องรัก...น้องรักของพี่ เจ้าลืมตาขึ้นมาจะได้หรือไม่...ลืมตาขึ้นมาสิบอกพี่สิว่า เจ้าคนที่เจ้ารักหมดใจนั้นทำอะไรเจ้า...ทำไมเจ้าถึงได้ปิดผนึกมนตราเช่นนี้...หรือว่าที่เจ้าเป็นแบบนี้เพราะพี่...เพราะพี่หรือเปล่าน้องรัก...เพราะพี่ใช่หรือไม่ที่ทำให้เจ้าเป็นแบบนี้...เพราะว่าพี่ไม่ค่อยได้ทำงานให้สตาร์เรียใช่ไหม...พี่คอยแต่ให้เจ้าคอยทำงานของ
สตาร์เรียเพียงคนเดียว...น้องรักเจ้าช่วยบอกพี่เถอะว่าเพราะอะไรเจ้าถึงเป็นแบบนี้...บอกพี่ทีเถอะเอรินเนีย...”หญิงสาวร้องไห้คร่ำครวญและร้องไห้ต่อไปไม่หยุด ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆได้แต่คอยดูเท่านั้น เค้าไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากการเฝ้าดูและยืนอยู่ข้างๆเธอผู้เป็นที่รักของเค้าเท่านั้น...
เพียงสักพักหญิงสาวที่ร้องไห้ก็เริ่มหยุดร้อง มองชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆด้วยสายตาที่ว่างเปล่าเพราะนางได้สูญเสียน้องอันเป็นที่รักของตนและประชาชนไปเสียแล้ว...
“เจ้าจะทำเช่นไรกับชายผู้นั้น...”หญิงสาวถามชายหนุ่มด้วยท่าทางที่สงบนิ่ง
“ข้าคงทำอะไรไม่ได้...ทั้งที่เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะว่าชายผู้นั้น...ถึงแม้ว่าข้าจะมีตำแหน่งสูงศักดิ์เพียงใดก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดและการตัดสินใจของชายผู้นั้นได้...”หญิงสาวคนนั้นยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า
“ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้าทำอะไรหรือบอกอะไรชายผู้นั้นให้เปลี่ยนใจในการตัดสินใจของชายผู้นั้น...”
“แล้วเจ้าต้องการอะไร” หญิงสาวยิ้ม...ยิ้มแบบที่ไม่ควรยิ้ม ยิ้มแบบที่ชายหนุ่มรู้ดีว่าหญิงสาวคนนี้คิดที่จะทำอะไรบางอย่างที่ไม่ค่อยดีแน่พร้อมกับหญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า
“ในเมื่อน้องข้าปิดผนึกมนตราเช่นนี้แล้ว...ข้าคิดว่ามันคงไม่มีประโยชน์อะไรที่ข้าจะอยู่ต่อไปเช่นกัน...”
“นี่เจ้า...”
“ข้าจะปิดผลึกมนตราเพื่อน้องของข้าชั่วนิรันดรและข้าขอสาปให้ดินแดนแห่งนี้เป็นดินแดนต้องห้ามผู้ใดที่คิดจะเข้ามาผู้นั้นจะต้องมีอันเป็นไป!!!โดยเฉพาะสายเลือดแห่งจันทราข้าจะให้คนที่คิดจะย่างกรายมาที่นี่จักรู้ความทรมานที่น้องของข้าและข้าได้รับเป็นหมื่นเป็นแสนเท่า ถ้าข้าไม่อนุญาตดินแดนแห่งนี้ก็ไม่มีใครสามารถเข้ามาได้ทั้งนั้น!!!”
“เอริน่า...”ชายหนุ่มเรียกหญิงสาวอย่างแผ่วเบาแต่หญิงสาวไม่สนใจเสียงเรียกของชายหนุ่มพลางพูดว่า
“ขออำนาจพลังทั้งหมดของข้าจงเป็นไปตามคำสาปของข้าเมื่อกี้นี้ตราบที่น้องสาวของข้านั้นปิดผนึกตัวเอง”ชายหนุ่มเสียใจมากที่หญิงสาวตรงหน้าทำอย่างนี้หญิงสาวหันมามองหน้าของชายหนุ่มก่อนจะพูดว่า
“เชอร์เอล ข้าปิดผนึกตัวเองเพื่อน้องข้าแล้ว เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป”
“...ในเมื่อเจ้าปิดผนึกตัวเจ้าแล้วข้าอยู่คนเดียวก็ไร้ความหมาย ยังไงข้าก็จะปิดผนึกอยู่เพื่อเจ้าด้วย...”
“ขอบคุณนะ...”
“เจ้าและข้าเปรียบเสมือนคนเดียวกัน ถ้าเจ้าเจ็บข้าเองก็เจ็บไม่แพ้เจ้าเช่นกัน...แต่ว่าข้ามีเรื่องหนึ่งที่ต้องจัดการเสียก่อน เจ้าจะรอข้าไหม”
“...ข้ารอเจ้าได้เสมอเพราะเจ้าทำเพื่อข้ามากมาย ถ้าเจ้าจะมาก็บอกข้าก่อนนะเพราะคำสาปของข้าได้ร่ายมันออกไปแล้ว”
“ข้ารู้...”
“แล้วเจ้าจะไปทำอะไร”
“ข้าจะให้เมืองสตาร์เรียและเนอร่ามูนนั้นรวมกันเป็นเมืองๆเดียวเพื่อให้คนรุ่นหลังรับรู้ความรักของพวกเรา...และให้เตือนสติของคนรุ่นหลังไว้ว่าถึงแม้ว่าคนสองคนจะรักกันมากเพียงใดแต่ถ้าไม่สามารถอยู่ร่วมกับคนที่เรารักได้มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าขนาดไหน...”หญิงสาวพยักหน้าพร้อมกับชายหนุ่มเดินจากไป เสียงประตูปิดลงและจะไม่เปิดอีกชั่วนิรันดร...
กาลเวลาผ่านไป...
ณ สิเรียเนีย เมืองแห่งความงามยามราตรี
สายลมที่คอยพัดเอื้อยๆอยู่เรื่อยๆนั้นสร้างความเย็นกายสบายใจให้แก่ผู้คน สายลมที่แผ่วเบานั้นได้พัดให้ต้นไม้พลิ้วไหวไปกับสายลมท่ามกลางท้องฟ้าที่แสนสดใส มีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งเหม่ออยู่บนม้าหินแห่งหนึ่งท่ามกลางสวนดอกไม้และต้นไม่ที่มากมายหญิงสาวคนนั้นนั่งเหม่อไปเรื่อยๆจนกระทั่ง...
มีเสียงหนึ่งที่ทำให้หญิงสาวคนนั้นได้ตื่นจากภวังค์ทั้งปวง...
"มีเรื่องอะไรหรือเปล่า เอรินเนีย"
ผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาหญิงสาวคนนั้นพร้อมกับถามหญิงสาวด้วยความห่วงใย หญิงสาวที่ถูกเรียกว่า“เอรินเนีย”นั้นมองชายหนุ่มด้วยสายตาเมินเฉยก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างแข็งว่า
"เปล่า"
"บอกมาดีกว่านะว่ามีเรื่องอะไร"ชายหนุ่มคนนั้นยังคงถามหญิงสาวต่อไป หญิงสาวที่ชื่อว่าเอรินเนียหันมามองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจว่า
"ไม่มีอะไรสักหน่อย อย่ามามัวนิ่มจะได้ไหม แซ็ค" เมื่อหญิงสาวพูดจบฝ่ายชายหนุ่มก็ไม่คิดจะเถียงต่อจึงนั่งลงตรงข้ามกับหญิงสาวแล้วพูดว่า
"เธอนี่มันเหมือนแม่เธอจริงๆนะ มีเรื่องอะไรก็ไม่เคยบอกใคร" คำพูดที่ชายหนุ่มพูดนั้นกระตุกความรู้สึกบางอย่างภายในใจของหญิงสาวได้ในทันที ดวงตาของหญิงสาวเศร้าเพียงชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อล้อต่อเถียงกับฝ่ายชายว่า
"ก็ฉันเป็นอย่างนี้ ใครจะทำไม" ฝ่ายชายได้แต่ยิ้มน้อยๆกับคำพูดของหญิงสาวก่อนจะถามหญิงสาวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า
"เอรินเนีย เราคบกันมากี่ปีแล้ว มีอะไรก็บอกมาตรงๆเลยดีกว่าอย่าคิดอ้อมค้อม"เอรินเนียเริ่มโมโหนิดๆจึงตอบกลับไปว่า
"ฉันเองก็คบกับนายมานาน มีหรอที่จะไม่รู้ธาตุแท้ของนาย แซ็ค"
"เอรินเนีย ถ้าฉันไม่อยู่สักพักเธอจะอยู่คนเดียวได้ไหม"น้ำเสียงของชายหนุ่มดูเหมือนจะเศร้าเล็กน้อยแต่เจ้าตัวกลับทำหน้าระรื่น หญิงสาวมองหน้าฝ่ายชายแลบลิ้นใส่แล้วจึงพูดว่า
"ดีซะอีก รีบไปเลย ไปไกลๆไม่ต้องรีบกลับมาล่ะ"
เมื่อหญิงสาวพูดจบฝ่ายชายก็นิ่งเงียบเหมือนกับกำลังใช้ความคิดตัดสินใจในเรื่องบางอย่างจนผู้ที่คิดจะนั่งเหม่ออยู่ต้องหันมามองดูพร้อมกับเรียกชื่ออีกฝ่าย
"แซ็ค..." ฝ่ายชายหันมายิ้มให้ก่อนจะพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักว่า
"ล้อเล่นหรอกนะ"
เมื่อฝ่ายหญิงได้ยินคำพูดอย่างนั้นจึงโมโหน้อยๆและพยายามเก็บอารมณ์โกรธของตนอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนต่างนั่งด้วยกันอยู่บนม้าหินตัวนั้น...แต่ทว่ากลับไม่มีใครพูดอะไรกันเลย จนกระทั่ง...
"แซ็ค!!"
เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจของเอรินเนียและแซ็คในทันที พร้อมกับเห็นร่างของหญิงสาวคนหนึ่งผมดำตรงสลวย ตาสีฟ้าสดใส ท่าเดินดูสง่าเดินมาหาพวกเค้า
เมื่อเอรินเนียเห็นก็ได้แต่นึกถึงคำพูดในวันนั้น...วันที่หญิงสาวผู้นั้นได้บอกเธอเรื่องความรู้สึกที่เธอคนนั้นมีต่อแซ็ค ความรู้สึกเจ็บปวดภายในใจของเอรินเนียส่งผลให้เธอลุกขึ้นและฝืนยิ้มพลางถามว่า
"สวัสดีจ๊ะ การ์เน็ต มีอะไรกับแซ็คหรอ" การ์เน็ตส่ายหน้ายิ้มๆพร้อมกับเอรินเนียเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างจึงบอกกับแซ็คว่า
"แซ็ค ฉันกลับบ้านก่อนนะ เดี๋ยวท่านพ่อจะเป็นห่วง"
"ไม่กลับด้วยกันหรอ"แซ็คถาม เอรินเนียส่ายหน้าก่อนจะบอกว่า
"ก็การ์เน็ตมีเรื่องจะคุยกับแซ็คไม่ใช่หรอ ฉันว่าฉันกลับก่อนนะดีกว่า"
“อื้อ กลับบ้านระวังตัวด้วยล่ะ ช่วงนี้มีเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก...”
"อื้อ ขอตัวก่อนนะจ๊ะ การ์เน็ต แล้วเจอกันใหม่จ๊ะ" เอรินเนียส่งยิ้มให้การ์เน็ตก่อนจะรีบเดินออกไป...
ช่วงเวลาที่ผ่านมา ช่วงมาเวลาที่เธอได้รู้จักกับแซ็คมันก็ผ่านมาใช่น้อย เธอไม่เคยรู้สึกกับแซ็คอย่างนั้นเลยจนกระทั่งเมื่อ 3 ปีแล้ว 3 ปีที่เธอพึ่งรู้ใจตัวเอง ถ้าไม่มีหญิงสาวคนนั้น...เพื่อนของเธอ เธอก็คงจะไม่รู้หัวใจตัวเองจนถึงวันนี้ ความรู้สึกที่เจ็บปวดหัวใจ เหมือนมีอะไรมาทิ่มแทงใจจนหายใจไม่ออก แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้เพราะแซ็คคือคนของประชาชน...
ไม่รู้ว่ามันนานเท่าไหร่ที่เธอถามผู้อื่นเสมอว่าแซ็คนั้นหายไปไหน...เมื่อไหร่ที่แซ็คจะกลับมาและคำตอบที่เธอได้รับคือ “ไม่ทราบเหมือนกัน...”คำตอบที่เธอได้รับทำให้เธอเหนื่อยใจในการรอคอยในครั้งนี้ เธอทำได้แค่เพียงแต่นั่งเหม่อลอยดูท้องฟ้าอย่างเงียบงัน...
ก๊อกๆเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้นว่า
“องค์หญิงทรงอยู่ในห้องไหมเพค่ะ” เอรินเนียสะบัดมือเหมือนกับรำคาญใจพลางพูดว่า
“เข้ามา...” เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับร่างของหญิงสาวนางหนึ่งเดินเข้ามาพลางทำความเคารพหญิงสาวที่นั่งอยู่ในห้องอย่างสง่างาม
“ท่านพี่ราเชล...”เอรินเนียมีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า
“ท่านพี่มีอะไรหรือค่ะ”หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าราเชลยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า
“ท่านราชาทรงเรียกหานะเพค่ะ”
“ท่านราชานะเหรอ...”
“เพค่ะ องค์หญิง”เอรินเนียถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ว่า
“น้องบอกท่านพี่หลายครั้งแล้วนี่ค่ะว่าอย่าเรียกน้องว่า องค์หญิง” ราเชลยิ้มและพูดว่า
“แต่ศักดิ์ของหม่อมฉันต่างกับองค์หญิงนะเพค่ะ”
“ถ้าท่านพี่คิดอย่างนั้น น้องจะเพิ่มศักดิ์ให้ท่านพี่เป็นเจ้าหญิง”
“อย่าเลยเพค่ะ หม่อมฉันกลัวท่านราชาจะทรงกริ้วเอา”
“ท่านพ่อไม่มีวันกริ้วหรอกเพค่ะ”ราเชลยิ้มๆแต่ไม่พูดอะไร
“เดี๋ยวเราไป ไปบอกท่านพ่อด้วย”เอรินเนียตะโกนบอกนางกำนัลที่ยืนอยู่ข้างหน้าประตูก่อนจะหันมาถามหญิงสาวที่อยู่ในห้องว่า
"ท่านพี่ราเชลพอจะรู้ไหมค่ะว่าแซ็ค เค้าหายไปไหน" ราเชลยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า
”ท่านหญิงถามคำถามนี้หลายครั้งแล้วนะค่ะ แล้วหม่อมฉันก็ขอยืนกรานคำตอบเดิมค่ะ ว่าหม่อมฉันมิทราบ”
เอรินเนียมีสีหน้าเศร้าๆก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินออกนอกห้องไปทิ้งให้ราเชลส่งยิ้มตามไป และภายในใจของเอรินเนียก็ยังคงมีคำถามเดียวอยู่ว่า แซ็คนายหายไปไหนของนายนะ ถึงแม้เธอจะถามคำถามนี้ครั้งแล้วครั้งเหล่าเธอก็ยังคิดจะถามคำถามนั้นถึงแม้จะไม่มีใครผู้นั้นตอบเธอก็ตาม....
ร่างของหญิงสาวเดินไปตามระเบียงที่สวยงามในปราสาท เท้าเดินไปข้างหน้าอย่างคุ้นเคย ร่างของหญิงสาวหยุดเดินเมื่อเจอประตูบานหนึ่ง พร้อมกับหญิงสาวที่อยู่หน้าประตูทำความเคารพอย่างนอบน้อมก่อนจะพูดว่า
“ท่านราชาเพค่ะ ท่านหญิงเอรินเนียเสด็จเพค่ะ”
“ให้เข้ามา...”ร่างของเอรินเนียพยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าประตูเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไป
เมื่อเอรินเนียเดินเข้าไปก็เจอผู้คนมากมายนั่งอยู่ราวกับมีการประชุมอะไรกันอยู่ เอรินเนียทำความเคารพพระราชาก่อนจะทำความเคารพคนทั้งหมดอย่างงดงาม ราชาแห่งสิเรียเนียพยักหน้าก่อนจะพูดว่า
“เอรินเนีย เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าที่พ่อเรียกลูกมามีเรื่องอะไร”
“ลูกไม่ทราบเพค่ะ ท่านพ่อ”ราชาแห่งสิเรียเนียถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า
“ช่วงนี้สถานการณ์ของเมืองทั้ง 6 ไม่ค่อยดีนัก...”
“รวมทั้งเมืองของเราด้วยหรอเพค่ะ”ราชาเอริตซึ่งเป็นราชาแห่งสิเรียเนียส่ายหน้าก่อนจะพูดต่อว่า
“เมืองของเราไม่แย่เท่าเมืองอื่นๆหรอกนะ”เมื่อราชาเอริตพูดจบก็ถอนหายใจ เอรินเนียมองใบหน้าของผู้เป็นพ่อของตนด้วยความไม่สบายใจนักพร้อมกับพูดว่า
“หม่อมฉันได้ข่าวมาว่าเอเลเบเลียนนั้นได้เกิดสงครามกันขึ้น...ไม่ทราบว่าเรื่องนี้เป็นจริงหรือไม่เพค่ะ”
“เป็นเรื่องจริงพะย่ะค่ะ ท่านหญิง ตอนนี้เอเลเบเลียนกำลังเผชิญปัญหานั้นอยู่แต่ว่าเราได้ส่งคนของเราไปจัดการแล้วขอรับ”ขุนนางคนหนึ่งในนั้นพูด
“เป็นเรื่องจริงหรือ ท่านกาเดี่ยน”เอรินเนียถามชายหนุ่มคนหนึ่งที่ตนรู้จักในนั้นดี
“พะย่ะค่ะ และพวกหม่อมฉันได้ข่าวว่าเป้าหมายของกลุ่มต่อไปของคนพวกนั้นก็คือ โนเร็คทาวน์พะย่ะค่ะ”
“โนเร็คทาวน์? เมืองที่ได้ขนานนามว่า “เมืองแห่งความรู้”นะหรอ”เอรินเนียถามด้วยความสงสัย
“พะย่ะค่ะ”
“ทำไมล่ะ ถึงเมืองแห่งนั้นจะได้ขนานนามว่าเมืองแห่งความรู้แต่ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องใดๆทั้งปวงไม่ใช่หรือ”
“พะย่ะค่ะ แต่หม่อมฉันคิดว่าที่ฝ่ายนั้นต้องการทำลายเมืองแห่งความรู้นั้นเพื่อที่จะไม่มีใครมาทำร้ายตนได้นะพะย่ะค่ะ”
“เจ้าคิดเช่นนั้นหรือ...”
“พะย่ะค่ะ”
“แต่เราไม่คิดเช่นนั้น...เราคิดว่าเป็นการแก้แค้นต่างหาก นางผู้นั้นคงต้องการทำลายเมืองทุกเมืองโดยเฉพาะเมืองที่นางเกลียดซึ่งก็คือ “เมืองโนเร็คทาวน์”ซึ่งเป็นเมืองเกิดของท่านแม่...”
“...”
ทุกคนนิ่งเงียบในความคิดของหญิงสาวผู้มีศักดิ์คนนี้ เพราะว่าท่านหญิงคนนี้ได้รับสายเลือดแห่งดวงดาว...สายเลือดแห่งการพยากรณ์เหตุการณ์ต่างๆ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่เหตุผลที่ท่านหญิงสูงศักดิ์คนนี้พูดจะเป็นความจริง...
“เรื่องนี้หม่อมฉันจะไปตรวจสอบอีกทีพะย่ะค่ะ”
“ก็ดี...แล้วเรื่องนี้เราจะทำอย่างไร”
“เราจะส่งคนของเราไปโนเร็คทาวน์”
“...ลูกขอดูแลเรื่องนี้เองได้ไหมเพค่ะ”เอรินเนียหันไปถามผู้เป็นพ่อ เอริตคิดเพียงเล็กน้อยจึงพยักหน้าและพูดว่า
“ได้...แต่เจ้าต้องรายงานเรื่องทุกเรื่องให้กับข้าฟัง”
“เพค่ะ”
“เจ้าออกไปเถอะ เดี๋ยวพ่อจะประชุมกับพวกขุนนางต่อสักหน่อย”
“เพค่ะ”เอรินเนียทำความเคารพอย่างสง่างามและเดินออกไป
ที่ห้องนอนห้องหนึ่งในปราสาทสิเรียเนีย
ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเช็คดูของอะไรบางอย่างอยู่เหมือนกับว่าจะเดินทางไปไหนสักแห่งพร้อมกับเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างของหญิงสาวคนหนึ่งก็เดินเข้ามา ร่างของหญิงสาวที่อยู่ในห้องนั้นหันมามองเล็กน้อยก่อนจะพูดพร้อมกับส่งรอยยิ้มไปให้ว่า
“สวัสดีค่ะ ท่านพี่ราเชล”
“ทะ..ทำไมเธอจะต้องไปโนเร็คทาวน์ด้วย”ราเชลถามหญิงสาวผมสีทองที่หันมาส่งสายตาดุๆจนเธอต้องเปลี่ยนแปลงคำพูดในทันที
“มันเป็นงานนี่ค่ะ”
“แต่ว่าเธอไม่น่าจะไปคนเดียวนะ รอแซ็คกลับมาก่อนนะ จะได้ปลอดภัย”หญิงสาวคนนั้นส่ายหน้าก่อนจะพูดว่า
“ไม่ล่ะค่ะ จะกลับเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ไม่รู้ว่าจะต้องรออีกนานหรือเปล่าสู้ไปเองน่าจะเร็วกว่านะค่ะ”
“ถึงแม้จะเป็นคำสั่งของคนผู้นั้น เธอก็ไม่น่าจะไปเสี่ยงอันตรายคนเดียวนะ มันอันตรายมาก แถมเป็นผู้หญิงด้วยเดินทางคนเดียวคงไม่ดีนัก”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ท่านพี่ราเชล เอรินเอาตัวรอดได้อยู่แล้วนะค่ะ”หญิงสาวคนนั้นแทนชื่อตัวเองว่าเอรินพลางส่งยิ้มให้ราเชลที่กำลังจะเถียง
“แต่ว่า...”
“พอดีกว่านะค่ะท่านพี่ ไม่ต้องห่วงเอรินมากนะค่ะ เอรินมีความสามารถพออยู่แล้วนะค่ะ เมื่อถึงแล้ว เอรินจะส่งจดหมายไปหานะค่ะ ถ้ามีอะไรก็ส่งนกไปหาที่โนเร็คทาวน์ได้เลยนะค่ะ”เอรินส่งยิ้มให้ราเชลพร้อมกับราเชลพูดว่า
“ขอให้เอรินโชคดีนะ ขอให้ไปทำงานที่นั้นประสบความสำเร็จอย่ามีอุปสรรคเลยนะจ๊ะ”
“ขอบคุณค่ะ ไม่น่าจะมีปัญหาหรอกนะค่ะแต่คงจะมีปัญหามากแน่ๆถ้าแซ็คตามไปด้วย เพราะแซ็คเรื่องมากอย่างกับอะไรดี”เมื่อพูดจบสองสาวก็หัวเราะและส่งยิ้มให้กันในทันที
“อ๊ะ ได้เวลาแล้วล่ะจ๊ะรีบไปเถอะนะ อีก 4 วันก็จะมีการทดสอบแล้ว”
“ค่ะ ไปก่อนนะค่ะ แล้วเจอกันใหม่ค่ะ”เอรินพูดพร้อมกับร่ายเวทย์หายตัวไป ราเชลมองตรงที่เอรินเคยยืนอยู่พร้อมกับพูดเบาๆกับตัวเองว่า
“...ข้าคงได้แต่ภาวนาไม่ให้เรื่องราวนี้ยุ่งวุ่นวายไปมากกว่านี้เลย”
** จบ **
ความคิดเห็น