The wishes - The wishes นิยาย The wishes : Dek-D.com - Writer

    The wishes

    หากเดอะวิชเชส ผู้ที่สามารถทำให้คำขอเป็นจริงได้ทุกอย่าง มีพลังเท่ากับพระเจ้า นั้นมีจิง อยากจะขอให้ได้อยู่ใกล้เขาตลอดไป

    ผู้เข้าชมรวม

    122

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    122

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  26 ธ.ค. 49 / 10:49 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

           ...ว่ากันว่า หากพระเจ้าได้ประทานพลังพิเศษให้กับบุคคลใดแต่เกิด  คนนั้นจะถูกเรียกขานว่า “Son of the God” (บุตรของพระเจ้า)

          และถ้าหากหนึ่งในนั้น... เป็นพลังที่สามารถทำให้คำขอเป็นจริงได้ทุกอย่าง

           คนที่ได้รับพลังนี้... จะถูกเรียกว่า “The Wishes” (เดอะวิชเชส)

           ...พลังที่เรียกได้ว่า พลังที่เทียบเคียงกับพระเจ้ามากที่สุดแล้วนั่นเอง

       

       

                            ***********************************

       

           ในคริสตศักราชที่ 1980 ของเดือนธันวาคมซึ่งอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันคริสต์มาส  ทุกๆปีของเมืองเอลเดียจะมีการเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสที่ยิ่งใหญ่กว่าเมืองไหนๆที่อยู่รอบข้าง  มีชื่อเสียงในเรื่องความสวยงามของแสงสียามค่ำคืนมากที่สุด ซึ่งทุกคนที่ผ่านมาเที่ยวต่างลงความเห็นว่าเป็นเหมือนเมืองในนว-นิยายเลยทีเดียว
      เมื่อมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในเทศกาลมากแน่นอนโดยเฉพาะปีนี้  เพราะข่าวลือที่เมืองนี้มี “เดอะวิชเชส” อยู่ด้วย ทำให้ทั้งร้านอาหารหรือที่พักต่างยุ่งกันตลอดสามเดือนที่ผ่านมา  และนั่น...กำลังเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องต่อไปนี้

           “ อาริเอต้า! ช่วยเอาเบียร์พวกนี้ไปเสิร์ฟด้วย โต๊ะสุดท้ายแล้ว”
           “ค่ะ มาสเตอร์”
           เสียงตอบรับกับเสียงตะโกนจากหลังร้านที่มีลูกค้าหนาแน่น บ่งบอกถึงผู้คนที่แห่กันมาเที่ยวในช่วงคริสต์มาสนี่ได้อย่างดี  และคงไม่ต้องบอกว่าเพราะอะไรที่ทำให้คนหนาแน่นแบบนี้
           ผู้ชายที่ยังดูเป็นหนุ่มวัยกลางคน เพราะอาจจะเป็นที่เขาตัวสูง  ใส่แว่น และผมที่ถูกรวบไว้ข้างหลัง  เลยทำให้เขาดูมีบุคลิกภาพที่ดี เดินออกมาจากหลังร้านผ่านเข้ามาในเคาน์เตอร์ ก่อนที่เขาจะตะกอนด้วยเสียงที่ดังผิดกับรูปร่างของเขา
           “อาริเอต้า เธอไปพักก่อนก็ได้ เมื่อกี๊น่ะออเดอร์สุดท้ายแล้ว”
      หญิงสาวที่ยังดูเหมือนอยู่ในวัยรุ่น ผมของหล่อนมีสีทองได้ถูกรวบไว้อย่างดี ได้หันมาตอบรับที่มาสเตอร์ตะโกนบอก “ขะ...ขอบคุณค่ะ”
           เวลาได้ล่วงเลยผ่านไปจนถึงเวลาประมาณห้าทุ่ม ลูกค้าต่างทยอยกลับกันจนหมด อาริเอต้าหลังจากที่เธอเคลียร์พวกโต๊ะและพวกจานต่างๆแล้วก็มานั่งพักที่เคาน์เตอร์กับชายที่อาริเอต้าเรียกว่า “มาสเตอร์”
           “วันนี้ก็อีกวันนะ ถ้าไม่มีเธอมาช่วยแล้ววันนี้ไม่รู้ฉันจะรับมือไหวรึเปล่าด้วยซ้ำ”มาสเตอร์พูดพลางหัวเราะแหะๆไปด้วย
           “ค่ะ เพราะความบ้าเห่ออยากมาดู เดอะวิชเชส ตัวปลอมนี่กันมากสินะ” หล่อนพูดพลางถอนหายใจไปด้วย “เดอะวิชเชส  บุตรของพระเจ้าที่ต้องบริจาคเงินให้”
      มาสเตอร์มองสีหน้าของอาริเอต้าที่ดูแปลกเพราะว่าเหนื่อยจากการทำงานหรือโกรธกันแน่  ก่อนจะพูดให้อาริเอต้าดูสบายใจลง
           “อาริเอต้า เธออายุสิบหกแล้วน้า น่าจะมีเหตุผลบ้าง เธอก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่าปาฏิหาริย์ที่เขาแสดงน่ะเป็นของจริงไม่ใช่เหรอ”
           “แต่ว่า ถ้าอย่างนั้นแล้วฉันจะมาทำงานที่นี่ทำไมคะ ฉันเคยขอให้ให้เขาช่วยฉันทีนึง บุตรของพระเจ้าอะไรกัน ก็แค่พวกเห็นแก่เงิน”
           “แต่ว่า...”
           “ฉันไม่เชื่อหรอกคะว่าจะเป็นจริง  เค้าว่าถ้าขออะไร ที่ไหน ก็จะเป็นจริงไงคะ ถ้างั้น...”หล่อนหยุดพูด กลั้นน้ำเสียงที่เหมือนจะร้องไห้อย่างที่มาสเตอร์ไม่คิดว่าเธอจะร้องไห้ขนาดนี้ แล้วตะโกนออกไปดังๆ
           “ถ้าเดอะวิชเชสมีจริง ก็ขอให้โผล่มาที่นี่...”
           โครม!!!
           ไม่ทันที่น้ำเสียงของอาริเอต้าจะจบ เสียงดังโครมก็ดังอยู่ข้างนอกร้านและดูเหมือนจะชนประตูเข้าอย่างจัง
           “อะ...อะไรนะ”อาริเอต้ายังคงตกใจกับเสียงเมื่อกี๊ไม่หาย
           “คะ...คงไม่ใช่ เดอะวิชเชสมาจริงๆหรอกนะ!”
           ทั้งสองยังคงมองหน้ากันอย่างกล้าๆกลัวๆก่อนจะพูดขึ้นพร้อมกัน
           “งั้นไปเปิดดูก่อนสิ ครับ/ค่ะ”
           ทั้งสองคนอึ้งไปซักพัก...
           “เอาอย่างนี้ดีกว่า  ผมไปเปิดเอง”มาสเตอร์พูดเหมือนว่า มันช่วยไม่ได้นิ
            มาสเตอร์ค่อยๆเดินไปเปิดประตูที่ร้านอย่างระมัดระวัง ก่อนที่เขาจะค่อยเปิดประตูอย่างช้าๆ...
           ข้างหน้าพบเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลสั้นที่ดูยุ่งเหยิง  ดูจากประมาณหน้าตาและอายุแล้วดูเหมือนจะเท่ากับอาริเอต้า  แต่ที่แปลกคือ ดวงตาที่จ้องมาของเด็กหนุ่มมีสีครามและมีเส้นสีดำอยู่รอบตาดำ ท่าทางที่เขาเอามือกุมหัวและนั่งไปกองอยู่บนพื้นที่ปกคลุมไปด้วยหิมะทำให้อาริเอต้าซึ่งแอบอยู่ข้างหลังมาสเตอร์หัวเราะอย่างอดไม่ได้  ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเอ่ยบางอย่างขึ้นมา
           “เอ่อ...ไม่ทราบว่าร้านปิดรึยังละครับ คือผม...” แล้วเสียงท้อง(พยาธิ)ร้องระงมก็บอกถึงสาเหตุที่เขามาที่นี่แล้ว
           “เสียใจด้วยนะ เพิ่งปิดเมื่อกี๊เอง ลองหาร้านอื่นดูเถอะ”มาสเตอร์ตอบกลับอย่างไม่ใยดี
           “แต่ผมไปทุกร้านทั่วทั้งเมืองแล้วนะครับ เขาบอกว่าปิดกันหมด เพื่อให้คณะดาริโอ้กับเดอะวิชเชสมาเยี่ยมอะไรนี่แหละ เลยเหลือที่นี่เป็นที่สุดท้ายแหละครับ”ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็ยังกุมท้องต่อไป
           แต่ทั้งสองคนที่นั่งฟังกำมือหมับแน่นเพราะรู้แล้วว่าทำไมลูกค้ามันเยอะผิดปกติมาหลายวัน  อาริเอต้ามองไปที่เด็กหนุ่มผู้น่าสงสาร(มั้ง)และสังเกตเห็นว่า เสื้อผ้าที่เขาใส่มันแปลกๆ และไม่ใช่ของในเมืองนี้แน่นอน
           “นี่!” อาริเอต้าถามด้วยเสียงห้าว “เธอน่ะ ไม่ใช่คนในเมืองนี้ใช่มั้ย”
           เด็กหนุ่มพยักหน้าตอบอย่างเดียว คงเป็นเพราะความเจ็บบนหัวที่เจ้าตัวยังคงเอามือลูบหัวอยู่
           “เอาอย่างนี้ละกัน  ที่พักและข้าวน่ะกินที่นี่แหละ แลกกับการทำงานช่วยฉันนะ  ตกลงมั้ย?”ก่อนที่อาริเอต้าจะหันไปหามาสเตอร์เหมือนรู้ทัน
           “ห้ามเถียงนะมาสเตอร์  รู้ๆกันอยู่ว่าตอนนี้อีกแค่สัปดาห์ก็จะวันคริสต์มาสแล้ว  แล้วยิ่งไอ้ดาริโอ้กับเดอะวิชเชสตัวปลอมนั่นอีก  แค่หาคนมาช่วยทำงานแค่นี้คงไม่เสียอะไรมากนะ”
           มาสเตอร์รีบพยักหน้าพลางคิดว่าใครเป็นเจ้าของร้านกันแน่ แต่เพราะอารมณ์ของอาริเอต้าที่ไม่ดีอยู่แล้ว หากไปขัดอารมณ์หล่อนแล้ว คงรู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้น...
           “แล้วนายล่ะว่าไง” อาริเอต้าถามเด็กหนุ่มคนนั้นอีกครั้ง
           “กะ...ก็ได้  ก็ยังดีกว่าไม่มีที่กินข้าวล่ะนะ”

       

           “ว่าแต่นายชื่ออะไรเหรอ  หน้าตาแปลกๆแบบนี้สงสัยชื่อนายคงแปลกไปด้วยแหงๆ”อาริเอต้าถามขนะที่เด็กหนุ่มคนนั้นซัดข้าวเหมือนคนอดอยากมาจากไหนไม่รู้
           “ฉันเหรอ ก็ชื่อของร้านนี้แหละ”เด็กหนุ่มตอบแบบไม่ใส่ใจ
           “นี่นายรู้รึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา”อาริเอต้าถามกึ่งตกใจ
           “อดินาสเหรอ  ชื่อแปลกดีนะ” มาสเตอร์พูดแทรกขึ้นมา ก่อนจะถามคำถามบางอย่างขึ้นมา “แล้วเธอมาทำอะไรเมืองนี้ล่ะ  มาดูเดอะวิชเชสรึ”
      เด็กหนุ่มวางช้อนลง ก่อนตอบแบบไม่สนใจอะไร “ผมมาหาโบสถ์ เซนต์ อาเรียลครับ กะว่าจะมาตอนคริสต์มาสน่ะครับ แต่กะไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้เลยรีบมาก่อน” ก่อนที่เขาจะตอบพร้อมหัวเราะแหะๆไปด้วย
           “ไม่ต้องมาแหะ” อาริเอต้าแหว “ก่อนไปโบสถ์นายต้องมาช่วยงานฉัน ห้ามลืมสัญญาล่ะ”
      แต่ถึงอาริเอต้าจะพูดอย่างงั้น  ก็ยังเห็นเด็กหนุ่มยิ้มและตอบกลับ “คร้าบ” มาให้


           แต่จะว่าไป...คนชื่ออดินาสนี่ก็แปลกจริงๆซะด้วยสิ  ทั้งตอนช่วยงานในร้าน หรือตอนไหนๆ ก็ทำงานได้คล่องแคล่วกว่าคนปกติ  ซ้ำยังทำงานเสร็จเร็วกว่าคนปกติตั้งหลายเท่า  แถมบางทีชอบพูดอะไรแปลกๆก่อนทำงานด้วย
           ความคิดของอาริเอต้าขณะที่กำลังกวาดหน้าร้านพร้อมกับอดินาส เมื่อหล่อนจ้องมองที่เขาทีไร อดินาสมักจะยิ้มแบบใสซื่อกลับมาทุกที  แต่ความคิดของหล่อนก็ต้องสะดุดเมื่อเสียงของอดินาสดังขึ้น
           “วันนี้คุณอาริเอต้าไม่หยุดเหรอครับ เห็นว่า...”
           “นาย...รู้เหรอ”อาริเอต้าถามด้วยความประหลาดใจ “รู้มาจากใคร?”
           “ก็...มาสเตอร์สิคร้าบ  ก็เขายังงงเลยที่บอกว่าคุณไม่หยุดวันนี้”อดินาสทำหน้าตาเหมือนกับไม่รู้ไม่ชี้กับสิ่งที่ตอบ ทำให้อาริเอต้าสงสัยมากขึ้น  แต่หล่อนก็ถอนหายใจพร้อมยิ้มนิดๆ
           “จริงสินะ หลายวันแล้วนี่นะ ที่ฉันมาทำงานแล้วยังไม่ได้ไปเยี่ยมแม่”แล้วหล่อนก็ก้มหน้าเหมือนจะหลบสายตาจากคำพูดต่อมา “ทั้งๆที่แม่ป่วย แต่ท่านก็พยายามดูแลฉันตลอด ฉันทำงานเพื่อหาเงินรักษาแม่  แต่ไอ้ดาริโอ้เจ้าเมืองนี้เก็บภาษีอย่างแพงมาก แถมไอ้เดอะ...นั่นก็เข้าข้างมันอีก อ้างว่าเพราะไม่จ่ายภาษี เป็นคนบาป ก็เลย...”
           “แต่คุณก็ยังหวัง...ให้เดอะวิชเชสมาช่วยแม่คุณ ใช่มั้ยครับ”เด็กหนุ่มพูดสวนแบบกะทันหัน
           อาริเอต้าแปลกใจที่อดินาสพูดขึ้นมาอย่างนั้น  ไม่ว่ามันจะเกิดจากใจจริงหรือไม่ทันคิด การพูดอย่างงั้นมัน...
            “คุณแปลกใจหรือครับ” เด็กหนุ่มถามซ้ำ “สีหน้าคุณมันฟ้องนี่ครับ ถึงคุณจะเกลียดเดอะวิชเชสในเมืองนี้ แต่คุณก็ยังหวังให้เดอะวิชเชสคนอื่นมาช่วยคุณนี่ครับ เพื่อรักษาแม่ของคุณ”
           “ทำไมนายถึง...คิดอย่างนั้นล่ะ?”อาริเอต้าถามด้วยความประหลาดใจ
           “เพราะผม...คงไม่มีพ่อกับแม่ตั้งแต่เด็ก เลยทำใจกับเรื่องพรรค์นี้ได้มั้งครับ” เขาตอบพร้อมร้อยยิ้ม แต่อาริเอต้ากับสังเกตได้เป็นอีกอย่าง…
      รอยยิ้มของความเศร้า  ที่ชวนหดหู่เหลือเกิน...แต่ความคิดของหล่อนต้องสะดุดลงเมื่อเขาพูดประโยคถัดมา
           “ระบายออกมาเถอะครับ คำขอของคุณ” อดินาสพูดอย่างเปิดอก ก่อนที่เขาจะหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อย “คิดซะว่า...เดอะวิชเชสอยู่ตรงนี้ และคำขอนี้เป็นของขวัญวันคริสต์มาสละกันครับ”
           ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงพูดอะไรแปลกๆ แบบนั้น  แต่ทำไม...ถึงไว้ใจในคำพูดเขาขนาดนี้นะ
            อาริเอต้าที่ตอนนี้น้ำตาถึงกับคลอเบ้า ได้ตะโกนพร้อมกับคำอธิฐานดังๆ
           “ขอให้แม่ของฉันหายป่วยจากโรคร้ายเสียทีเถอะ ฉันขอร้องล่ะ”
           ทำไม...น้ำตามันไม่หยุด เพราะอะไรกัน
           “ดีมากครับ”อดินาสปลอบ “คำขอของคุณต้องเป็นจริงแน่นอน ตอนนี้คุณกลับไปหาแม่ของคุณเถอะครับ เดี๋ยวผมจะทำงานแทนทั้งวันเอง...”
           “นาย...”
           “ไปเถอะครับ อย่างน้อยท่านก็อยากเห็นหน้าคุณบ้างละครับ”
           “งั้นฉันขออะไรนายอย่างสิ”
           “เอ๋?”อดินาสงงกับสิ่งที่อาริเอต้าจะขอ
           “เลิกเรียกฉันว่าคุณซะที มันดู...ห่างเหินยังไงไม่รู้”อาริเอต้าพูดพร้อมกับหน้าแดงระเรื่อ แต่หล่อนก็ยิ้มในเวลาต่อมาเมื่อเห็นเขาหัวเราะแหะๆและพยักหน้าตอบตกลง
           “งั้น...ฉันไปก่อนนะ”อาริเอต้ากล่าวลาพร้อมโบกมือลาและเดินปาดคราบน้ำตาจากไป ทิ้งไว้แต่เด็กหนุ่มที่ยืนค้างท่ามกลางหิมะโปรย
           เด็กหนุ่มได้กวาดสายตาไปรอบๆตัวเองอย่างผิดสังเกต ก่อนที่เขาจะพูดอะไรบางอย่างออกมา
           “ตามมาตั้งแต่เข้าเมือง แล้วนี้ก็มาสังเกตฉันอีกเหรอเนี่ย เชื่อเขาเลย”


           เย็นวันนี้อาริเอต้าถึงกับตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยากไม่คาดฝัน ผู้ชายที่เพิ่งรู้จักดันมาร้องไห้ต่อหน้าเขาซะนี่ แต่ที่ต้องตะลึงกว่าคือ ตอนที่หล่อนกลับไปที่บ้าน ปรากฏว่าแม่ที่ป่วยจนลุกขึ้นไม่ไหว กลับลุกขึ้นทำงานบ้านตามปกติเฉย แถมพอพาหมอมาตรวจ ปรากฏว่าแม่หายป่วยดีแล้ว หล่อนถึงกับทุบหัวอย่างงงๆขณะที่เดินกลับไปที่ร้าน
           แต่สิ่งที่หล่อนสังเกตได้อีกอย่างคือ กลุ่มคนที่ดูเหมือนคนของดาริโอ้ประมาณสามถึงสี่คนเดินตามหล่อนมา ยิ่งหล่อนเดินเร็วเท่าไหร่ พวกมันก็เดินตามมาเร็วเท่านั้น แต่ไม่ทันที่หล่อนจะออกวิ่ง พวกมันก็มาดักหน้าเสียก่อน
           “พวกแก...”
           ตุบ!
           ความรู้สึกของอาริเอต้าค่อยหายไป สายตาที่มองเห็นค่อยๆมืดลงทุกทีและสติของหล่อนก็ค่อยๆ...วูบลง
          
          ในขณะเดียวกัน
           “อาริเอต้า! ทำไมป่านนี้ยังไม่กลับมาอีก”เสียงของมาสเตอร์บ่นพร้อมกับเดินวนไปวนมา
           “แต่วันนี้อาริเอต้าหยุดไม่ใช่เหรอครับ”อดินาสถามด้วยความสงสัย
           “เมื่อกี๊หล่อนโทรมา บอกว่าแม่หล่อนหายป่วยแล้ว เลยมาทำงานที่ร้านต่อตอนเย็น แต่นี่มันจะทุ่มนึงแล้ว ฉันสังหรณ์ไม่ดีเลย”
           เช่นเดียวกับอดินาส ที่ตอนนี้เขาดูไม่สบายใจเลย ยิ่งตอนที่เขา...ใช้พลังนั่นแล้ว ดันมีคนมาติดตามเขาตั้งแต่เข้าเมืองนี้ด้วยสิ เขาได้แต่ภาวนา ว่าอย่าให้ลางสังหรณ์เป็นจริงเลย...
           แต่ดูเหมือนคำขอของเขา ถ้าจะล้มเหลว...เมื่อมีจดหมายไม่ทราบผู้ส่งมาเคาะประตูและสอดใต้ประตูมาให้ ข้างในจดหมายมีเนื้อหาว่า
            ถ้าอยากได้เด็กผู้หญิงคืน ให้มาที่คฤหาสดาริโอ้ตอนสามทุ่ม
                                                                                   จาก...
           “เอาเข้าจนได้” อดินาสพูดพลางกำกระดาษในมือไว้แน่น “พวกมัน...”
           “อะไรเหรอ อดินาส?”มาสเตอร์สงสัยเพราะเห็นสีหน้าของอดินาสที่เต็มไปด้วยความโกรธ “พวกไหนกันน่ะ?”
           “พวกที่ตามผมตั้งแต่เข้าเมืองนี้ เพราะผม...ใช้พลังนั้นให้พวกมันเห็น”อดินาสตอบเหมือนหลีกเลี่ยงไม่ได้
           “ผมต้องไปช่วยหล่อนกลับมา มาสเตอร์ห้ามออกจากร้านนะครับ”ว่าแล้วอดินาสก็ออกจากร้านไปอย่างรีบร้อน
           “ดะ...เดี๋ยวสิอดินาส รอฉันด้วย”ว่าแล้วมาสเตอร์ก็วิ่งตามไปเช่นกัน

           “แกแน่ใจนะว่าเป็นมัน”
           “ครับท่าน”
           บทสนทนาของผู้ชายสองคน ได้ดังพอให้อาริเอต้าที่เพิ่งตื่นจากการสลบนี้ได้ยินชัดเจน โดยที่เสียงหนึ่งเป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยดี แต่อีกเสียงนึงเป็นเสียงที่หล่อนไม่เคยได้ยินมาก่อน เสียงใครกันนะ
           “โอ้ตื่นแล้วเหรอ คุณหนู”ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมา ดูรูปร่างอ้วนท้วน แต่งตัวเหมือนเป็นเศรษฐี ถ้าเธอจำไม่ผิด...
      ดาริโอ้ เจ้าเมืองของเมืองนี้นี่นา!!
           “นาย...จับฉันมาทำไม!?” อาริเอต้าถามด้วยน้ำเสียงที่ห้วนและแสดงถึงความเกลียดชัง
           “โอ้ นี่แสดงว่าไม่รู้เรอะว่า คนที่ชื่ออดินาสนั่นเป็นใครสินะ”ดาริโอ้พูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนแหย่อาริเอต้ามากว่า
           “!!!
           “งั้นผมจะบอกให้ว่าเค้าเป็นใครดีมั้ยครับ”
           เสียงเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่ง ดินเข้ามาในห้องจากประตู ถ้าดูลักษณะแล้วที่นี่มันเหมือนห้องใต้ดินชัดๆเลยนี่นา
           เด็กคนนั้นดูอายุไล่เลี่ยกับหล่อน ผมสีเงินยาวจนไปถึงไหล่ ใส่ชุดคลุมที่ประดับด้วนดิ้นทอง ถ้าดูจากลักษณะที่เห็นแล้ว เขาคือ เดอะวิชเชสที่อยู่กับดาริโอ้ คนที่มีชื่อเสียงอยู่ตอนนี้นี่เอง
           “โอ้ ผมลืมแนะนำตัวสินะ ชื่อของผม โอริอ้อน และคนที่ชื่ออดินาสนั่นน่ะ เขาก็คล้ายผมนั่นแหละ”เด็กหนุ่มคนนั้นพูดด้วยสีหน้าเย็นชา
           “งั้นเหรอ แต่ทำอย่างนี้แล้วเค้าคงมาช่วยหรอกนะ”อาริเอต้าพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนได้ชัยชนะ “เค้าไม่มีทางมาช่วยคนที่เพิ่งรู้จักอย่างฉันหรอก ไม่มีทาง!”
           “มีทางสิครับ”โอริอ้อนตอบด้วยความมั่นใจพร้อมกับรอยยิ้ม “คนที่เขาจะแสดงพลังให้เห็นน่ะต้องเป็นคนที่เขาไว้ใจเท่านั้นนะครับ”
           “และแม่แกไม่มีทางที่จะหายจากโรคนั่นหรอก นอกจากพลังของเดอะวิชเชสเท่านั้น” ดาริโอ้ย้ำอีก “แต่ไอ้หมอนี่น่ะมันตัวปลอม พลังหลอกลวงแบบนั้นเดี๋ยวก็หายไป เราเลยต้องจับมาลงโทษไงล่ะ ฮ่าๆๆๆ”
           “ที่ตัวปลอมน่ะ มันพวกแกต่างหาก!”อาริเอต้าเถียงออกไป “พวกแกมันไม่ต่างจากเศษเดนมนุษย์หรอก ไม่มีแม้กระทั่งความเมตตา พวกเห็นแก่เงิน!!”
      ไม่ทันที่เธอจะพูดจบ โอริอ้อนได้ใช้มือบีบที่ลำคอของอาริเอต้าอย่างแน่น พร้อมกับพูดคำที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นมนุษย์พูด
           “ก็เพราะมีมันนี่แหละ ผมถึงได้เป็นแค่ตัวปลอม ถ้าไม่มีมันซักคนผมคงเป็นตัวจริงไปแล้ว”
      อาริเอต้าที่ถูกบีบคอ หล่อนกำลังจะหมดสติอีกครั้ง หล่อนรวบรวมสติที่มีอยู่คิดถึงเขาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
           “ปล่อยอาริเอต้าเดี๋ยวนี้นะครับ ก่อนที่ผมจะใช้พลังกับพวกคุณ”
      เสียงที่อาริเอต้าได้ยิน และคุ้นเคยกับมันดี เสียงนี้...
           “อดินาส! มาสเตอร์!”เสียงของอาริเอต้าตะโกนออกไปที่ต้นเสียงนั้น
      โอริอ้อนที่เห็นบุคคลแปลกหน้าปรากฏตัวออกมา ได้ปล่อยอาริเอต้าลงไปกองกับพื้น และหัวเราะอย่างน่ากลัวต่างกับบุคลิกเดิมของเขาที่ผ่านมา
           “โผล่มาแล้วเหรอ หึ แกกล้ามากนที่มาถึงนี่”
           “เป็นไปได้ยังไงกัน! มันฝ่ายามมาได้ยังไง”ดาริโอ้ยังคงตกใจกับการปรากฏตัวของอดินาส
           “เพราะมาสเตอร์มีฝีมือด้านการต่อสู้นะสิครับ”อดินาสพูดตอบกลับ “เลยช่วยย่นเวลาเยอะเลย”
           “แกก็ไม่ต่างอะไรกับคนขี้ขลาดหรอก อดินาส!” โอริอ้อนพูดอย่างประชด “แกมีพลังไว้เป็นเครื่องประดับหรือไง เอามาสู้กันสิ!”
           “กับพลังของคุณที่มันไม่แท้ มาจากแค่แหวนที่ใส่ที่มือนั่นไม่ใช่เหรอครับ”อดินาสพูดพลางส่ายหน้าไปด้วย “ขอให้ยอมจำน...”
      ไม่ทันที่อดินาสจะพูดจบ ลำแสงที่ออกมาจากฝ่ามือของโอริอ้อนพุ่งมาที่อดินาสพร้อมกับคำพูดที่ดังกึกก้อง
           “ขอให้อดินาสจงสยบอยู่ใต้แทบเท้าข้า!!”
      อดินาสก็กางมือออกไปข้างหน้าและมีลำแสงออกไปเช่นกัน ต่างกันที่เขาไม่ได้พูดอะไรเลย
           ผลปรากฏว่า พลังและ “คำขอ” ของโอริอ้อนกลับหายไปทันทีท่อดินาสปล่อยพลังมาเช่นกัน ไม่ว่าจะทำสักกี่ครั้งผลก็ยังเหมือนเดิม และดูท่าว่ามีแต่โอริอ้อนที่ดูเหนื่อยล้าอยู่ฝ่ายเดียว
           “ทะ...ทำไม พลังของฉัน ถึงสู้แกไม่ได้!ทำไม!”
           “เพราะนั่นเป็นแค่เปลือกนอกของความโลภเท่านั้นเอง”
           อดินาสตอบพร้อมกับชี้นิ้วไปที่แหวนที่มือข้างซ้ายของโอริอ้อน มันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกมา
           “เดอะวิชเชสน่ะ เป็นทั้ง พระเจ้าสำหรับมนุษย์ แต่เป็นนรกที่กักขังตนเอง หากคิดจะเทียบเคียงพระเจ้า ก็จะถูกเด็ดปีกที่เรียกว่า “ชีวิต” หากฝ่าฝืนชะตากรรม จะถูกเด็ดขาที่เรียกว่า “อิสระ” ออกมา นายรู้มั้ย การที่เป็นเดอะวิชเชสน่ะ มันทรมานยิ่งกว่าไหนๆ เทียบกับการเป็นคนธรรมดาที่ไขว่คว้าอะไรด้วยตนเองมากกว่านั้น มันยังดีกว่าเสียอีก”
           โอริอ้อนได้แต่ก้มหน้าและไม่ยอมสบตากับอดินาส คงเป็นเพราะสิ่งที่เรียกว่า “ความโง่”ที่เขาถูกอดินาสเป็นคนเปิดทางจากเรื่องที่ก่อขึ้นมาทั้งหมดนี้ อาริเอต้าที่ได้ฟังประโยคนั้นก็ถึงกับอึ้งเหมือนกับทุกคนที่อยู่ที่นั่นเช่นกัน
           อดินาสเดินเข้าไปหาดาริโอ้อย่างช้าๆ แต่ละก้าวที่เขาเดินพร้อมกับใบหน้าที่ดุดันของเด็กหนุ่มอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ดาริโอ้เมื่อเห็นว่าท่าทีไม่ดีจึงรีบชักปืนออกมา
           “แก...ทำให้แผนการฉันพังหมด ถ้าเข้ามาใกล้กว่านี้ละก็”
           “จะยิงผมเหรอครับ...”อดินาสตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูน่ากลัวเข้าไปอีก
           “มีคุณเท่านั้นที่ผมไม่ให้อภัย หลอกใช้คนอื่น ทำให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องบาดเจ็บ จะตอบแทนให้สาสมเลยดีมั้ยครับ”อดินาสพูดพร้อมกับมือที่มีลำแสงออกมา
           “มะ...ไม่นะ อย่าเข้ามา”ดาริโอ้หวาดกลัวอย่างหนัก “แกจะทำอะไรฉัน! ไม่นะ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
           (บทต่อไปนี้อย่าดูเลยน่ะ มัน...น่าดู)


           เมืองเอลเดียวันนี้วันที่ 25 ธันวาคม วันที่ทุกคนต่างเรียกกันว่าวันคริสต์มาส ในเมืองมีการเปิดเพลงฉลองและงานเลี้ยงต่างๆ อดินาส มาสเตอร์กับฉันมาส่งเค้าหน้าร้าน พวกเราเจอเรื่องแปลกที่ช่วงเวลาระยะสั้นนี้ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีทีเดียว ดาริโอ้ถูกลบความจำและเป็นเจ้าเมืองที่ดีใหม่ โอริอ้อนเดินทางตามหาจุดมุ่งหมายที่แท้จริง แม่ของดิฉันก็สบายดี ไม่รู้ว่า เพียงไม่ถึงเดือนทุกอย่างมันจะเปลี่ยนขนาดนี้
           “ต้องไปแล้วสินะ ระวังตัวด้วยล่ะ คุณเดอะวิชเชส”มาสเตอร์กล่าวอำลาให้อดินาสแบบเหน็บแนม
           “อาริเอต้า ไม่กล่าวอะไรบ้างเหรอ ดูเธอเหมือนไม่ได้นอนเลยนะ”มาสเตอร์ถามเพราะเห็นว่าอาริเอต้าไม่ยอมพูดอะไรเลย
           ใครมันจะพูดลงล่ะ ว่าไม่อยาก...
           “ถ้างั้นผมไปก่อนนะครับ ขอบคุณกับเรื่องที่ผ่านมานะครับ”
            อดินาสเดินออกไปท่ามกลางหิมะที่ตกเหมือนกลีบดอกไม้โรย  แต่ไม่ทันที่เขาจะเดินออกห่างไปอีก...
           อ้อมแขนของคนที่ไม่ยอมกล่าวอะไรเลยกำลังเข้าไปาและร้องไห้ไปด้วย พันธนาการที่ยิ่งทำให้เขาไม่อยากจากที่นี่มากขึ้น เพราะผู้หญิงคนนี้เอาแต่พูดประโยคเดิมซ้ำไปซ้ำมา ว่าไม่อยากให้เขาไป อยู่ที่นี่กับหล่อนเถอะอย่างนี้ตลอด
           “พอเถอะครับ”อดินาสกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “มันเป็นชะตาที่ผมไม่อาจอยู่กับคุณได้ หากผมขอให้ตัวเองได้...ผมอยากขอให้ตัวเองเป็นคนธรรมดามากกว่า ผมต้องไปแล้วนะครับ”
           อดินาสใช้มือของเขาแกะอ้อมแขนของฉันอย่างอ่อนโยน ก่อนที่เขาจะเดินจากไปโดยไม่หันมามองอีกเลย ฉันรู้อยู่แล้วว่า เขาเป็นเดอะวิชเชส ตั้งแต่ที่เขาโผล่มาวันแรกแล้ว และในตอนนั้นฉันได้เพียงมองแผ่นหลังของเขาที่ห่างออกไปเรื่อยจนหายจากสายตา


           ห้าปีแล้วตั้งแต่ที่เขาจากไป ทุกวันคริสต์มาส มันทำให้นึกถึงเขาอยู่เสมอ แต่ไม่ว่าจะอธิฐานยังไง เขาก็ไม่มาหาแล้ว หากย้อนเวลาได้ ฉันจะขอให้เค้าอยู่กับฉันตลอดไป ไม่ว่าสุขหรือทุกข์ ฉันพร้อมที่จะเผชิญกับมันทุกอย่าง ฉันขอเอาไว้ในปีนี้ว่า หากเรายังมีชีวิตอยู่ ในโลกใบเดียวกันนี้ ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ซักวันก็ต้องเจอเขาให้ได้ ตราบที่ชีวิตของฉันได้ถูกกาลเวลานำพาให้จากโลกนี้ไป นี้แหละค่ะ คำขอของฉัน

       Fin.

      ***********************************************************************************

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×