ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    - CHOICES : ( Fiction SHINee - Taemin x Minho x Onew )

    ลำดับตอนที่ #4 : C H O I C E S ' III

    • อัปเดตล่าสุด 27 พ.ย. 54









    - CHAPTER THREE -

     

     

     

    เพราะเมื่อใดที่พบรักแท้

    มนุษย์สามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อคนที่เรารัก

    โดยที่จะคิดถึงผลประโยชน์ของตนเองเป็นลำดับสุดท้าย

     

     

    ____________________________________________________________

     

     

                แสงแดดแก่ ๆ ในช่วงเกือบสายของวันอาทิตย์ต่างเล็ดลอดผ่านเข้ามาทางไรผ่านสีครามผืนเก่า มวลแสงเจิดจ้าสาดกระทบเรือนร่างหนาที่ยังคงนอนขดอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนยาวอย่างไม่รู้วันรู้คืน พื้นที่ข้างกายว่างเปล่า หากแต่เพราะคนตัวเล็กที่เคยนอนอยู่เคียงข้างเขาได้ลุกขึ้นมาแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมอาหารเช้าอย่างเช่นวันธรรมดาวันอื่น ๆ

                    แม้ว่ามวลกลิ่นหอมของอาหารจะฟุ้งตลบไปจนทั่วทั้งบริเวณห้อง แต่ก็ยังไม่อาจกระเทือนถึงห้วงแห่งฝันหวานเช่นยามวิกาลของชายหนุ่มร่างสูงได้เลยสักนิด ร่างเล็กปรายตามองลาดกายของคนรักผ่านทางช่องประตูบานกว้างที่ตนเปิดแง้มเอาไว้ก็อดอมยิ้มออกมาอย่างเสียไม่ได้ ศีรษะทุยส่ายหน้าไปมาช้า ๆ อย่างอ่อนใจ ก่อนที่จะแกล้งพรายเสียงเรียกชื่อของอีกฝ่ายขึ้นอีกครั้งอย่างลองเชิง

     

                    “พี่มินโฮ”

     

                    ไม่ได้ผล คนตัวใหญ่ก็ยังคงนอนนิ่งอยู่บนราบเตียงกว้างเช่นเคย เรียวมือบางถูกยกขึ้นปิดริมฝีปากของตนช้า ๆ เพื่อสะกดกลั้นเสียงหัวเราะเบา ๆ ระคนกับความรู้สึกหน่ายระอา ท่อนขาเล็กที่กำลังย่างออกไปตามบริเวณพื้นไม้กว้างก็ได้หยุดชะงักลงเมื่อมีเสียงของอะไรบางอย่างดังขึ้นมาจากห้องนอนของตน

     

              All I want to do is find a way back into love ~

     

                    เครื่องมือสื่อสารสีดำเครื่องใหญ่ที่ถูกวางไว้เหนือโต๊ะไม้ข้างเตียงส่งเสียงเรียกให้ผู้เป็นเจ้าของต้องขยับลำแขนแกร่งคว้ามันขึ้นมาแนบกับใบหู คนตัวเล็กหยุดมองการกระทำของคนรักเพียงชั่วครู่ ก่อนที่จะได้ยินเนื้อเสียงทุ้มแหบลั่นคำทักทายสู่ปลายสายในระยะถัดมา

     

                    “อือว่าไง”

     

                    เมื่อแน่ใจแล้วว่าปลายสายของอีกฝ่ายนั้นไม่ใช่หนุ่มสาวในรั้วมหาวิทยาลัยที่คอยตามตื๊อหรือราวีคนรักของตน เจ้าตัวจึงเคลื่อนร่างออกมาจากพื้นที่บริเวณนั้นแล้วหายลับเข้าไปในห้องครัวแต่โดยดี

                    กรอบตาคมหรี่ขึ้นมาเพียงครึ่งอย่างไม่คุ้นแสงพลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ บริเวณ เมื่อเห็นว่ารอบ ๆ กายนั้นดูปลอดภัยดีแล้ว เจ้าของเรือนกายสูงโปร่งจึงกรอกเสียงของตนลงไปในเครื่องมือสื่อสารเครื่องเดิมอีกครั้ง

     

                    “เข้าไปในครัวแล้ว คุยได้”

     

                    [ กูจะโทรมาบอกเรื่องเมื่อวาน ]

     

                    ร่างสูงนิ่งงันไปชั่วครู่อย่างใช้ความคิด เรียวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย ก่อนที่ภาพเหตุการณ์ในช่วงค่ำของเมื่อวานได้ผุดพรายขึ้นมาในหัวสมองของตนอีกครั้ง กรอบหน้าคมสันจึงพยักหน้าให้กับตนเองช้า ๆ

     

                    “อืมเมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้นวะ?”

     

                    [ เมื่อวานอ่ะ น้องมันนัดกับคีย์ที่นัมแดมุน ]

     

                    “อืมฮึ

     

                    [ แต่บังเอิญดันไปเจอไอ้ยุนโฮฮยอง ]

                   

                    อีกแล้ว

                ร่างสูงขบกรามแน่นก่อนที่จะขดเรียวนิ้วมือแกร่งบีบรัดเข้าหากันด้วยแรงโทสะ รูปตากลมยาวเบิกโพลงขึ้นมาอย่างคนเต็มตื่นดี ทันทีที่รู้สึกตัวความเจ็บร้าวก็เบียดกระแทกเข้ามาในแผ่นอกแกร่งอย่างสุดจะหาคำใดมาพรรณนา ขอบตาคมร้อนผ่าวราวกับกำลังจะกลั่นของเหลวรื้นขึ้นมาอย่างง่ายดาย หากแต่เรือนกายสูงโปร่งนั้นกักกลืนมันให้ย้อนกลับเข้าไปสู่จุดเริ่มต้นด้วยความหนักแน่น

    ทั้งเจ็บทั้งโมโห

     

    ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจมาเสมอว่าต่อให้ฝ่ายนั้นจะพยายามฉุดยื้อหรือดึงรั้งเอาไว้ให้ยิ่งนานสักปานใด แทมินก็จะไม่มีวันหวนกลับไปหาสิ่งเก่า ๆ และหากแม้ว่าเขาจะเข้าใจดีว่าในวันนี้และอีกเรื่อย ๆ ไป ทั้งร่างกายและหัวใจของคนตัวเล็กคนนี้จะมีเพียงชื่อของเขาเพียงผู้เดียวที่จะได้ครอบครองเป็นเจ้าของ

     

    เข้าใจสิ ทำไมจะไม่เข้าใจ ?

    ก็เข้าใจ

     

    เข้าใจแต่ทำไม่ได้….

     

     

     

     

     

                    พี่มินโฮ

     

                    เรียวมือบางแตะสัมผัสลงเหนือลาดไหล่แกร่งของตนเพียงครั้งอย่างแผ่วเบา ชายหนุ่มปรายตากลับไปมองเจ้าของเรียวมือนั้นด้วยแววตาและท่าทีตื่นตระหนก นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนจับจ้องมายังรูปหน้าคมคายอย่างนึกฉงนใจ ก่อนที่ร่างสูงจะระบายยิ้มออกมาแก้เก้อ

     

                    “ไปกินข้าวกันนะ”

                   

                    เรียวปากสีหวานเหยียดยิ้มออกมาพลางประกอบทีท่าที่น่าเอ็นดู เรียวมือบางฉุดรั้งแผ่นมือหนาขึ้นมาพลางลงแรงเพียงเล็กน้อย เห็นดังนั้นร่างสูงจึงลุกขึ้นตามแรงชักพาอย่างว่าง่าย

     

                    มื้อเช้าของวันนี้ได้ถูกจัดเตรียมใส่ชามเซรามิคสีน้ำตาลใบเก่าอย่างเช่นทุกวัน และก็ยังคงเป็นโจ๊กร้อน ๆ ที่อีกฝ่ายลงมือทำด้วยตัวเองอย่างเช่นที่เคยเป็นมา เนื้อข้าวสีขาวครีมที่ผ่านการปรุงรสถูกบรรจุขึ้นมาถึงค่อนชาม ต่างจากอีกชามที่ถูกจัดวางอยู่ในฝั่งตรงกันข้าม แทมินปรายยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อยเมื่อมองคนตัวสูงที่จับจ้องไปยังอาหารมื้อเช้าของตนอย่างสนอกสนใจ และคนรักของเขาก็จะมีปฏิกิริยาเช่นนี้อยู่เสมอ

                เพราะสำหรับชเวมินโฮแล้วรสมือของแทมินก็ยังคงเป็นที่หนึ่งอยู่เสมอ

     

                    “วิชาที่พี่มินโฮติดอยู่ ตอนนี้เป็นยังไงบ้างฮะ?”

     

                    เมื่ออาหารช้อนแรกได้ตกถึงท้อง น้ำเสียงหวานนิ่มของคนตรงหน้าก็ได้เอ่ยถามขึ้นมากลางคัน ร่างสูงหยุดมือที่ตักมื้อเช้าของตนลงชะงัก ใบหน้าคมสันฝืนยิ้มออกมาเจื่อน ๆ อย่างไม่สู้ดีสักเท่าไร แม้จะยังไม่ได้เอื้อนเอ่ยวาจาโต้กลับไป เจ้าของใบหน้าเรียวหวานก็ได้เปลี่ยนสีหน้าของตนไปโดยถนัด

     

                    “พี่มินโฮได้เกรดดี ๆ ทุกวิชาเลยต่อให้นี่มันจะเป็นแค่วิชาย่อย แทมก็ไม่อยากให้พี่มินโฮละเลยมันเลยนะ”

     

                เงียบ

     

                “ไม่รู้ล่ะถ้าสิ้นเทอมนี้แล้วพี่มินโฮยังแก้ภาษาอังกฤษไม่ได้ แทมจะไม่ให้มานอนที่ห้องแล้วนะ!

     

                    คนตัวเล็กพูดพลางกระแทกปลายช้อนลงบนผืนโต๊ะแข็งเบา ๆ อย่างเอาเรื่อง ดวงหน้าเรียวสวยแยกเขี้ยวเป็นเชิงขู่บังคับ ก่อนที่เจ้าของกรอบหน้าหล่อเหลาจะสะกดรอยยิ้มขึ้นมาพร้อม ๆ ทั้งเกาท้ายทอยของตนเองอย่างจำยอม

                    แต่สำหรับผู้ชายที่ชื่อชเวมินโฮคนนี้

     

                    ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน

     

                    เรียวปากหยักสะกดรอยยิ้มขึ้นมาอย่างเปี่ยมไปด้วยเล่ห์ นัยน์ตาสีรัตติกาลผลัดแววที่ประกายเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ร่างสูงทอดมองคนตรงหน้าอย่างแทะโลมอีกเพียงชั่วครู่ ก่อนที่ปลายนิ้วเท้ากร้านจะเคลื่อนขยับสีกับรูปขาเล็กเป็นนัย ๆ ดวงหน้าเรียวขาวหลุบสายตาของตนลงต่ำด้วยความเขินอาย พลางพร่ำบ่นอุบอิบอยู่เพียงคนเดียวกระทั่งสิ้นมื้ออาหารนั้นไปโดยปริยาย

     

                    ร่างสูงเคลื่อนกายค้อมมาทางด้านหลังของคนตัวเล็กกว่า ปลายจมูกโด่งรั้นโลมไซร้เข้าที่ต้นคอระหงพลางปัดป่ายแผ่นมือหนาไล้สัมผัสไปทั่วทั้งโครงกายหอมหวาน ริมฝีปากหยักดูดดุนผิวเนื้อเนียนขาวนั้นอย่างเกินจะหักห้าม เนื้อเสียงทุ้มพร่าส่งเสียงอื้ออึงในลำคอของตนเพื่อเร้ากระตุ้นอารมณ์ของคนตัวเล็กกว่า แทมินเอียงใบหน้าเพื่อรับสัมผัสจากริมฝีปากหยักอันหนักหน่วงที่กระทำเหนือบริเวณลำคอของตนอย่างเผลอไผล ก่อนที่จะดันกายของตนให้พ้นจากสัมผัสนั้นในทันที

     

                    “อื้อพี่มินโฮ

     

                    แววตาประกายสุกใสจับภาพใบหน้าคมคายของอีกฝ่ายเพียงชั่วระยะ แล้วจึงค่อย ๆ วางทาบแผ่นมือเล็กของตนลงบนเนื้อแก้มกร้านช้า ๆ ดวงตาคู่สวยช้อนมองคนตรงหน้าอย่างไว้เชิงพลางลอบอมยิ้มที่แฝงไปด้วยเล่ห์ขึ้นเป็นข้อต่อรอง

     

                    “แทมให้แค่ชั่วโมงเดียวนะ

     

                    ไม่นับว่าบ่อยครั้งนักตั้งแต่คบหากันมาที่มินโฮจะมีโอกาสสัมผัสเรือนร่างอันน่าหลงใหลได้โดยถนัด แม้ว่าการที่แทมินจะยอมรับข้อแลกเปลี่ยนนี้โดยดีจะเป็นสิ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย หากแต่ด้วยความเป็นแทมินแล้วไม่ว่าจะเรื่องใด ๆ ที่จะต้องเกิดร่วมกับผู้ชายที่มีเหตุผลร้อยเล่ห์ที่ยืนอยู่ภายหน้าของตน แทมินจำเป็นที่จะต้องวางตัวเองให้เป็นต่ออยู่เสมอ

     

    เรียวนิ้วมือเล็กเกลี่ยไล้ไปตามรูปหน้าคมคายอย่างเชื่องช้า ร่างสูงหยุดชั่งใจภายหลังจากชะงักสัมผัสเมื่อได้ยินข้อต่อรองที่หลุดออกมาจากริมฝีปากสีหวาน หนึ่งชั่วโมงอาจจะเป็นช่วงเวลาที่ถมเถสำหรับบุคคลทั่วไปในการแสดงออกทางความรักด้วยวิธีนี้ แต่ถ้าสำหรับชเวมินโฮแล้ว ระยะเวลาตั้งหนึ่งชั่วโมงที่ว่านั้นคงยังไม่เพียงพอ ซ้ำอาจจะยังน้อยเสียจนเกินไปสำหรับความต้องการที่จะได้ไต่ตอมเรือนร่างหอมหวานของคนรักจนหนำใจ

     

    “แต่ถ้าได้ A … แทมจะตามใจพี่มินโฮทุกอย่างเลย”

     

    น้ำเสียงแว่วหวานเปรยเสียงกระซิบกระเส่าลงข้างใบหูของอีกฝ่าย เรียวแขนเล็กโอบล้อมรอบลาดลำคอแกร่งเอาไว้เพียงหลวม ๆ พลางส่งเสียงหัวเราะขบขันให้กับตนเองเบา ๆ กรอบหน้าคมสันพยักหน้าลงช้า ๆ เพื่อยอมรับข้อเสนอนั้นอย่างไม่คิดชั่งใจ

     

    ทันทีที่แผ่นมือหนาป่ายสัมผัสเข้าสู่ลาดสะโพกเพรียวบาง แผ่นมือเล็กจึงกำรั้งชายเสื้อของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น ร่างทั้งร่างถูกยกขึ้นวางเหนือพื้นโต๊ะไม้เรียบแข็ง ก่อนที่คนตัวสูงกว่าจะโถมกายเข้าหาเพื่อจัดการให้คนตรงหน้าตกอยู่ภายใต้การควบคุมของตนอย่างเกินจะหักห้าม

     


    ลบเอ็นซี - ถ้าอยากได้ต้องคอมเม้นท์และฝากอีเมลนะคะ : P




     

                    ร่างสูงหอบกระเส่าก่อนที่จะหยุดการกระทำของตนลงเพียงครู่เพื่อทอดมองดวงตาคู่สวยของคนรักค่อย ๆ ปิดลงด้วยความอ่อนล้า เรียวมือเล็กรี่เข้ามาทุบตีเข้าที่ลำแขนแกร่งของตนด้วยเรี่ยวแรงเพียงน้อยนิด ใบหน้าคมคายระบายยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ ก่อนที่จะช้อนลำกายของคนรักขึ้นมาให้ตกอยู่ภายในอ้อมแขนแกร่ง

     

                    “พี่รักเรานะครับ”

     

                    น้ำเสียงทุ้มหวานเอ่ยขึ้นภายหลังจากที่วางเรือนกายบางลงสู่พื้นเตียงนิ่มหนา ใบหน้าคมคายปรายยิ้มให้กับคนรักอีกครั้งอย่างหลงใหล แล้วจึงล้มกายกอดเรือนกายของใครอีกคนเข้าแนบลำตัวแน่น

     

                    “แทมก็รักพี่มินโฮนะ

                   

                    เนื้อเสียงเล็กพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอู้อี้พร้อมทั้งเคลื่อนขยับเรียวหน้าขาวซุกเข้าหาไออุ่นจากแผ่นอกแกร่งเพื่อดิ่งลงสู่ห้วงแห้งนิทราไปพร้อม ๆ กับไรเหงื่อที่พรายไปตามดวงหน้าและผิวกายเนียนขาว เรียวนิ้วมือยาวสะกิดไล่ไปตามโครงร่างบอบบาง ริมฝีปากหนาผลิยิ้มออกมาให้แก่ทุก ๆ อิริยาบถจากคนรักของตนในขณะที่กำลังหลับใหลอย่างเสียไม่ได้

     

                    มินโฮรักทั้งและหวงแหนแทมินยิ่งกว่าสิ่งสำคัญอื่นใดในโลก รอยยิ้มของแทมินเป็นเสมือนสิ่งเดียวที่ทำให้เขาดำรงความรักอยู่ได้แม้ว่าจะต้องกักเก็บความปวดร้าวในหัวใจมากมายสักปานใดก็ตาม

     

                    หากว่าความรู้สึกของอีแทมินจะต้องแลกมาด้วยรอยแผลฉกาจที่แต้มแต่งในขั้วหัวใจของเขาอย่างสาหัสสากรรจ์  ถึงกระนั้นแล้วชเวมินโฮก็พร้อมยอมสละมันเพื่อแลกกับเศษเสี้ยววินาทีที่คนรักของตนหลีกพ้นจากสิ่งยั่วยุใด ๆ ที่คอยเย้าแหย่ให้หัวใจอันบอบบางดวงนั้นต้องได้รับความกระทบกระเทือน

     

                    เพียงเพราะรัก

                เพียงแค่ได้มีที่ยืนอยู่ตรงนี้เพื่อรัก

     

     

     

     

     

    -   C H O I C E S   -

     

     

     

     

                    ดวงตะวันเริ่มลาลับจากขอบฟ้าผืนกว้างอย่างเช่นวันเก่า ๆ ที่เคยผ่านพ้นมา สายลมเย็นหวิวผิวพัดผ่านไปในทางทิศตะวันตก พลางหอบมวลไม้ทั้งใบและดอกที่หลุดหล่นลงมาจากกิ่งก้านสาขา หากสังเกตดี ๆ แล้วจะพบว่าท้องฟ้าในยามนี้มืดไวกว่าปกตินัก หากเพราะย่างเข้าใกล้ฤดูเหมันต์เข้าไปเต็มที หมู่นกพิราบสีเทาขาวโบกโบยไปตามท้องฟ้ายามใกล้วิกาลเพื่อคืนกลับสู่รวงรัง

     

                    ชายหนุ่มร่างสูงยืนพิงกระจกรถยนต์สีดำขลับ ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมองไปยังผิวจอสัมผัส มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นกดโทรศัพท์มือถือในมือไปพลาง ๆ ด้วยท่าทีที่ไม่เร่งร้อนนัก เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ย่ำเข้ามาใกล้กระทบรวมกับเสียงมวลใบไม้หยาบแห้งภายใต้ผืนเท้าคู่นั้น เป็นเหตุให้เจ้าของร่างกายสูงโปร่งต้องละการกระทำตรงหน้าออกเพียงชั่วครู่

     

                    “ไง”

     

                    คำทักทายสั้น ๆ ง่าย ๆ ถูกเอื้อนออกมาจากทางผู้มาเยือน ริมฝีปากหนาเหยียดยิ้มให้เขาเพียงเล็กน้อยด้วยท่าทีที่เป็นมิตร มินโฮลอบมองคนตรงหน้าอยู่เพียงชั่วครั้งแล้วพยักเพยิดหน้าทักทายกลับไปอย่างเป็นกันเอง

     

                    ในขณะที่มินโฮและแทมินกำลังดูใจกันได้ในระยะเวลาที่ไม่นานเท่าไรนัก พี่ชายแท้ ๆ ของแทมินก็สั่งให้ยุติความสัมพันธ์นั้นลง เพราะไม่ต้องการให้น้องชายของตนเองต้องมานั่งเสียอกเสียใจในเรื่องของความรักอีกต่อไป รวมไปถึงกิตติศัพท์ในด้านผู้หญิงของชเวมินโฮที่หลาย ๆ คนต่างกล่าวขานกันเสีย ๆ หาย ๆ ด้วยแล้ว ทำให้พี่ชายของแทมินยิ่งออกตัวกีดขวางมากขึ้นกว่าเดิมอีกเป็นเท่าทวี แต่ด้วยความที่จงฮยอนและพี่ชายของแทมินเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม และตัวจงฮยอนเองก็รักแทมินไม่ต่างจากน้องชายแท้ ๆ จงฮยอนจึงมีโอกาสเข้ามาไกล่เกลี่ยให้ จนทั้งสองฝ่ายได้สานต่อความสัมพันธ์นั้นเรื่อยไปในที่สุด

     

                    ภายหลังจากที่พี่ชายของแทมินสอบชิงทุนและไปเรียนต่อที่ต่างประเทศได้สำเร็จ ยุนโฮก็เริ่มกลับเข้ามาวนเวียนในชีวิตของแทมินอีกครั้ง จึงเป็นหน้าที่ของจงฮยอนที่ต้องคอยตามกวาดตามล้างไม่ให้คราบคาวของความโสโมมจากคนพันธุ์นั้นให้กลับเข้ามาทำร้ายคนที่เปรียบเสมือนน้องชายของตนได้อีก เช่นเดียวกับที่มินโฮจะต้องค่อย ๆ เยียวยารักษาพื้นแผลภายในห้วงหัวใจของแทมินให้หายดี เหตุและผลของการเป็นไปในรูปแบบนี้ทำให้ชเวมินโฮและคิมจงฮยอนสนิทสนมกันมากขึ้นภายในระยะเวลาที่ไม่นานนัก ประกอบกับที่ฝ่ายพี่ไม่ใช่คนถือตัว ซ้ำยังออกจะตลกโปกฮา ในขณะที่มินโฮเองก็เป็นคนที่มีอารมณ์ขันไปตามประสาเด็กหนุ่มทั่วไป ทำให้ทั้งสองคนปรับตัวเข้าหากันได้อย่างน่าอัศจรรย์

     

                    “น้องมันมาเกริ่นกับกูเอาไว้ละ เรื่องเรียนใช่ไหม?”

     

                    คนที่มีอายุมากกว่าเอ่ยถามขึ้นมาพลางยกแก้วกาแฟใสขึ้นจ่อบริเวณริมฝีปาก มินโฮพยักหน้าตอบช้า ๆ พลางระบายยิ้มเจื่อน ๆ

     

                    “มึงติวอังกฤษให้กูหน่อยดิ”

     

                ชิ้งงง

     

                    แค่กแค่ก

     

                    จงฮยอนถึงกับสำลัก...

     

                    ไอ้ควาย! คิดจะถามกูบ้างป่ะว่าไอ้วิชาห่าเนี่ย เทอมนี้กูจะรอดไหม?”

     

                    คนพี่พูดขึ้นมาอย่างนึกขัน แล้วจึงส่ายหน้าไปมาช้า ๆ พลางหัวเราะออกมาอย่างไม่เอาความ ผิดกันกับคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามที่ตีสีท่าวิตกกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด เรือนร่างกำยำค่อย ๆ เอนกายพิงพนักเก้าอี้ช้า ๆ ก่อนที่จะปรายตามองคนตรงหน้าด้วยความห่วงใย

     

                    “เครียดใช่ป่ะ?”

     

                    “มันก็ใช่ คือแบบ เมียกูยื่นคำขาดแล้วอ่ะ”

     

                    น้ำเสียงทุ้มพร่าพูดออกมาด้วยเนื้อเสียงหนักแน่น เส้นคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเพียงเล็กน้อยอย่างใช้ความคิด พลางเคาะปลายนิ้วมือกร้านลงบนพนักแขนไปพลาง ๆ จงฮยอนหยิบคว้าโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วจึงเลื่อนสัมผัสไปบนหน้าสมุดโทรศัพท์ด้วยท่าทีที่ไม่เร่งร้อนเท่าใดนัก

     

                    “จริง ๆ แล้วกูมีเบอร์คน ๆ นึงที่อยู่ปีสามคณะมึงนะ และที่สำคัญคือมันเรียนเก่งมาก”

     

                    เด็กหนุ่มช้อนนัยน์ตาสีนิลขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างเปี่ยมประกายไปด้วยความหวัง คนที่มีอายุมากกว่าหยุดลอบมองปฏิกิริยาของคนตรงหน้าเพียงครู่ แผ่นมือหนาเอื้อมแตะบนหลังมือของคนน้องช้า ๆ อย่างพยายามจะสื่อความหมาย เจ้าของรูปหน้าเคร่งขรึมเลิกคิ้วขึ้นเพียงเล็กน้อยด้วยความสงสัย ก่อนที่อีกฝ่ายจะยกยิ้มขึ้นมาอย่างไม่สู้ดีนัก

     

                    “แต่มันเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใครง่าย ๆ คือหยิ่งอ่ะ”

     

                   

     

                    “และประเด็นคือกูไม่รู้จักมันว่ะ”

     

                อ้าว ฉิบหายมินโฮคิดในใจ

     

                    “แล้วมึงไปมีเบอร์เขาได้ไง?”

     

                    “ก็เพื่อนกูเคยจีบอยู่ตอนปีหนึ่ง แต่แม่งเหลวไม่เป็นท่า”

     

                    “เออนะ”

     

    เด็กหนุ่มพยักหน้ารับคำตอบนั้นอย่างเชื่องช้า ลมหายใจอุ่นร้อนถูกผ่อนออกมาทางโพรงจมูกโด่งรั้นของคนตัวสูงเพียงครึ่งลมหายใจ ดวงตาสีเข้มหลีกแววอย่างสิ้นหวังไปในเพียงชั่วอึดใจ

     

                    “แล้วมึงเอาไงอ่ะ?”               

                   

                    รูปหน้าคมสันเงยขึ้นสบตาคนเป็นพี่อีกครั้งเมื่ออยู่ในระหว่างการตัดสินใจ รูปกรามคมขบกันแน่นจนขึ้นเป็นสันนูน ก่อนที่เรียวนิ้วยาวทั้งสิบจะค่อย ๆ เคลื่อนประสานกันอย่างคนใช้ความคิด

     

                    “เอาไปเหอะเชื่อกู มันคงไม่ได้ใจดำกับมึงขนาดนั้น ถ้าไม่คิดว่าทำเพื่อตัวเองก็ถือซะว่าทำเพื่อเมียละกัน”

                   

                    รูปหน้าคมคายเพยิดหน้ารับอย่างจำยอม ปลายนิ้วมือกร้านกดเลื่อนเก็บเบอร์โทรศัพท์ของบุคคลที่สามเข้าสู่บัญชีหมายเลขโทรศัพท์ของตนแต่โดยดี คนทั้งคู่เอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบของกันและกันไปตามประสา ก่อนที่จงฮยอนจะขอปลีกตัวออกมาเสียก่อน ร่างสูงเอ่ยขอบคุณคนเป็นพี่อีกครั้งแล้วจึงลุกขึ้นโค้งตัวลงต่ำด้วยกิริยาที่สุภาพอีกเพียงครา

     

                    มินโฮบรรจุร่างของตนคืนเข้าสู่ตัวรถยนต์คันเก่า ด้วยเหตุเพราะไม่อยากจะเสียเวลาไปมากกว่าที่เป็น เมื่อไหน ๆ ก็ได้ออกมาข้างนอกแล้วก็ควรจะเดินเรื่องให้มันจบ ๆ ไปสักขั้นภายในวันนี้ ถ้ามันไม่ตรงตามแผนที่วางเอาไว้ อย่างน้อยที่สุดก็คงจะมีเวลาได้นอนคิดหาทางแก้ไขอื่น ๆ ได้ทันท่วงที

    คิดได้ดังนั้น ร่างสูงจึงตัดสินใจกดโทรออกไปในเลขหมายปลายทางที่ตนไม่คุ้นเคยในท้ายที่สุด

     

    ตู๊ด ตู๊ด           

     

    เสียงรอสายที่เรียบเป็นปกติโดยที่ไม่มีเสียงเพลงใด ๆ อย่างคนทั่วไปนิยมใช้ดังเข้าสู่โสตประสาท หากโทรไปแล้วปลายสายดันรับ ตัวเขาควรจะเริ่มพูดกับอีกฝ่ายด้วยวิธีไหน? ชื่อเสียงเรียงนามความเป็นมาของบุคคลนี้เป็นอย่างไร ตนก็ลืมถามจงฮยอนไปโดยสนิทใจ ท่ามกลางคำถามสารพัดสารพันที่ผุดแล่นเข้ามาในหัวพร้อมทั้งความตื่นเต้นที่ทำเอามือและเท้าเย็นไปหมด หากแต่ท้ายที่สุด สายแรกก็ผ่านพ้นไปโดยที่ไร้ซึ่งการตอบรับใด ๆ จากหมายเลขดังกล่าว

     

    ซึ่งมันก็คงดีเหมือนกัน

     

    แต่ทว่า

     

    All I want to do is find a way back into love ~

     

    บุคคลทางโน้นก็กลับเป็นแปรฝ่ายโทรที่กลับมาเสียจนได้

     

     

     

     

     

     

     

     

    TBC.

    ขอแสดงความยินดีให้กับแฟนฟิคทรูมินนะคะ .. คุณบรรลุเอ็นซีของไรเตอร์กีกี้แล้ว ฮ่า -_-

    ใครยังรู้สึกไม่หนำใจ ขอบอกว่ายังมีพาร์ทหน้าอีกค่ะ วะฮะฮ่า *หัวเราะร้าย*

    ส่วนสาวกโฮอนไม่ต้องน้อยใจนะคะ เมื่อไรที่ดำเนินเรื่องไปถึงจุดพลิกผัน

    เอ็นซีโฮอนจะมาแบบต่อเนื่อง เคล้าไปกับเอ็นซีทรูมิน - / -

    จริง ๆ ประเด็นหลักของเรื่องมันไม่ได้อยู่ที่เอ็นซีหรอกค่ะ มันอยู่ที่เนื้อหา .

    เรื่องนี้ขอแง้มปากบอกนิดนึงว่ามันเกิดมาจากชีวิตจริง ๆ ที่มันแบบว่าดราม่ามาก ๆ ของคนสามสี่คน .

    แต่เราขอยกขึ้นมาเขียนแค่บางส่วน ตัดออกและแต่งเติมนิดหน่อยเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น .

    อย่างที่บอกค่ะ ชีวิตจริงมันยิ่งกว่านิยาย - / -

     

    คนที่โทรเข้ามาหามินโฮและคนที่มินโฮโทรหานี้จะเป็นใครหนอ ? *กระพริบตาปริบ ๆ*

    นั่นแหละค่ะ เราขอบอกว่าคุณคิดถูกแล้ว ฮี่ฮี่ ~

    อดใจรอหน่อยนะคะ ต้นเรื่องมันยังแค่นิดหน่อยเล็กน้อยมาก ๆ .

    พอถึงจุด ๆ หนึ่งซึ่งไม่รู้ว่าจุดไหน ( ฮา ) รับรองว่าเจ็บแสบถึงขั้วหัวใจกันไปข้างแน่นอนค่ะ :$

     

    น้ำลดแล้วระวังเรื่องโรคระบาดด้วยนะคะ ไรเตอร์เป็นห่วงนะ : P

    ขอบคุณที่ยังติดตามและอดใจรอ choices อัพ

    ไรเตอร์ไม่ได้ขี้เกียจนะ แค่หนีน้ำเท่านั้นเอง แงแง T T

     

    คอมเม้นท์และทิ้งอีเมล์เอาไว้ ทางเราจะส่งเอ็นซีไปให้ไวที่สุดค่ะ : P

    รักษาสุขภาพด้วยนะ กีกี้รักแฟนฟิคทุกคนมากมากเลย !

    รักรักรักรักรักรัก ~

     

     

     

    ไรเตอร์กีกี้ .       

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×