คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ✚ DOCTOR - 여섯。
DOCTOR✦✧
จงอินหายไป
ผมยืนกอดอกมองผู้คนมากหน้าหลายตาเดินสวนกันไปมาได้ราวๆครึ่งชั่วโมงโดยข้างกายไร้วี่แววของไอ้หมอ หลังจากขมวดคิ้วหน้ายุ่งใส่คนอื่นๆที่มองมาจนรู้สึกเหมือนบรรยากาศรอบผมมันเริ่มจะขมุกขมัว ผมก็ตัดสินใจออกเดินไปทางหนึ่ง บอกตรงๆว่าตอนนี้ความหงุดหงิดนี่แตะที่แปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว เดินเตะลมเตะฝุ่นไปพลางก็อดที่จะมองไปรอบๆเพื่อตามหาไอ้เพื่อนตัวดำที่ทิ้งให้ผมต้องมาเดินคนเดียวแบบนี้ไม่ได้
ไอ้หมอบ้านั่น.. อย่าให้เจอตัวนะ พ่อจะถีบให้ตายคาสวนสนุก
คือมันมีเหตุให้ผมต้องมาเดินเดียวอย่างนี้นะครับ แต่ผมจะไม่ขอนับว่ามันเป็นเหตุผล เพราะมันงี่เง่า
เรื่องมันมีอยู่ว่า
พอไอ้หมอจงตัดสินใจจะเลี้ยงข้าวเด็กคนนั้น เราก็เลือกร้านอาหารมาร้านนึง แน่นอนว่าตามใจคนเลี้ยงอย่างไอ้หมอ ระหว่างที่กินกันไปก็ได้รู้ว่า เด็กผู้ชายผู้เกือบจะเป็นหัวขโมยคนนั้นชื่อ ลีแทมิน หลังจากแอบคุยกันในแชทเงียบๆ (ไอ้หมอพูดคนเดียว) ก็คือเราตกลงว่าจะพาแทมินเที่ยวสวนสนุกด้วยกัน
แต่ด้วยอะไรไม่รู้เหมือนกัน ที่เจ้าเด็กแทมินนั่นดูจะชอบผมมาก เลยเอาตัวมาติดกับผมตลอดเวลาที่เล่นเครื่องเล่นหรือแม้กระทั่งตอนเดินไปรอบๆ และเพราะแบบนั้นคุณน่าจะเดาออกใช่ไหม ถ้ามันจะมีเสียงประมาณว่า..
“ย่า ไอ้เด็กบ้า ห้ามจับมือหมีน้อยนะ!!”
“หมีน้อยทำไมไม่กอดแขนหมอบ้างอ่ะ!!”
“ย๊าา นายห้ามนั่งตักหมีน้อยนะ!”
“ฉันจะจับนายไปส่งตำรวจ!! ปล่อยหมีน้อยนะ!!”
“หมีน้อยเป็นของหมอนะ T ^ T!!”
อืม… ก็ประมาณนั้นนั่นแหละครับ
ไอ้หมอจงงอแงตลอดเวลาที่เราไปเล่นเครื่องเล่นกัน ซึ่งจริงๆผมก็ชินบ้างรำคาญบ้างตามประสา แต่วันนี้มันจะต่างไปหน่อยตรงที่ เอ่อ.. ผมแอบจงใจแกล้งมันด้วยแหละครับ เพราะแทมินหน้าคล้ายหมอจงตอนเด็กๆมันเลยทำให้ผมรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้ พอโดนเกาะแกะผมเลยไม่รู้สึกอะไร ออกจะสนุกด้วยซ้ำที่ให้เห็นไอ้หมอโวยวายเป็นหมีกินผึ้งอยู่คนเดียว ในขณะที่ผมกับแทมินแอบหัวเราะแท็กมือกันอย่างสนุกสนาน
จนราวๆบ่ายสาม ก็มีประกาศตามหาตัวลีแทมิน ซึ่งบอกว่ามีผู้ปกครองมารับ ผมกับจงอินก็เลยพาแทมินไปฝ่ายประชาสัมพันธ์ ก็ได้เจอกับพี่ชายของเขา เขาบอกว่าจู่ๆแทมินก็หายตัวไปและมีธุระด่วนพอดีจึงต้องออกไปทำธุระก่อน กลับมาถึงก็รีบมาประกาศตามหาตัวทันที ก่อนแทมินจะกลับไปแทมินมากระซิบข้างหูว่าเรียนอยู่โรงเรียนมัธยมใกล้ๆร้านกาแฟของผม ถ้ามีโอกาสจะไปหาที่ร้านแล้วเราก็เกี่ยวก้อยสัญญากันโดยมีไอ้หมอจงยืนมองอยู่ไม่ไกล และโดยไม่ทันตั้งตัว แทมินก็กระโดดโน้มคอผมลงไปจุ้บแก้มเบาๆทำเอาผมอึ้งค้างไปพักหนึ่ง
“ย่า ลีแทมิน ใครสอนให้ทำแบบนั้นเนี่ย”
เป็นพี่ชายของแทมินที่เดินเข้ามาดุน้องพร้อมกับก้มหัวขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ โดยเจ้าตัวการกลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ยิ้มหวานให้ ผมเองก็ไม่รู้องค์แม่พระที่ไหนเข้าสิงถึงได้ไม่โกรธสักนิด แต่ถ้าเป็นไอ้หมอจงทำมีเข้าโรงบาลซ้ำสองแถมอยู่นานกว่าเดิมแน่ๆ
“ไปได้แล้วไป” ผมออกปากไล่ พร้อมยีผมแทมินอย่างเอ็นดู แล้วทำไมไอ้หมอจงไม่มาลาน้องมั่งวะ ตัวเองก็เป็นคนชวนเขามากินข้าวแถมพาเที่ยวเล่นเองแท้ๆ ผมบ่นในใจก่อนจะหันไปด้านข้างตั้งใจจะเรียกไอ้หมอจงมาบอกลาแทมินแต่ที่ตรงนั้นกลับว่างเปล่า
“อ้าว..”
ผมร้องออกมาอย่างงงๆ
“มีอะไรรึเปล่าครับ” พี่ชายของแทมินถามผมที่ยืนมองที่ๆจงอินเคยยืนอยู่แบบเซ่อๆ
“อ่า.. เพื่อนผมมันหายไปน่ะครับ”
“ถ้าเพื่อนคุณคนนั้น ผมเห็นเขาเดินไปทางโน้นแล้วล่ะครับ”
“.....!” ผมหันขวับไปตามมือที่อีกคนชี้ ซึ่งไม่เห็นแม้แต่เงาหัวไอ้หมอจงอินสักนิด นี่มันจะทิ้งผมไปอย่างนี้เฉยๆน่ะนะ ?
ผมข่มอารมณ์หงุดหงิดไว้แล้วหันไปบอกลากับทั้งสองคนครั้งสุดท้าย แล้วหมุนตัวไปทางที่ไอ้หมอจงเดินหนีไป สมาร์ทโฟนถูกหยิบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ผมจิ้มไปที่ไอคอนรูปโทรศัพท์เขียวๆแล้วกดไปที่เบอร์ล่าสุด
หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้..
ผมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งรับ (?) แบตหมด? ปิดเครื่อง? กดตัดสายและตัดสินใจลองโทรไปที่เบอร์เดิมอีกครั้ง
หมายเลขที่ท่านเรียก...
ผมกดตัดสายทิ้งไปอีกครั้งและเก็บสมาร์ทโฟนเข้ากระเป๋าตามเดิม ขยี้ผมตัวเองอย่างหงุดหงิดแล้วก็ออกเดินไปรอบสวนสนุกอีกครั้งโดยไม่มีคนเดินข้างๆเหมือนตอนที่เข้ามา
นั่นแหละครับ จนตอนนี้ก็ประมาณห้าโมงกว่าๆ ผมก็ยังไม่เจอไอ้หมอจงและติดต่อมันไม่ได้ เดินไปพลางก็ถอนหายใจเซ็งๆหยิบเอากระดาษใบหนึ่งในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดู
“เป็นคนชวนเองแท้ๆไม่ใช่หรือไง..”
ตั๋วขึ้นชิงช้าสวรรค์ รอบ 6.30
สำหรับ 2 ท่าน
ผมพรูลมหายใจออกมาอีกรอบก่อนจะเก็บตั๋วนั่นใส่กระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม กะจะเดินวนๆหาไอ้หมอจงอีกรอบ ก็หันไปสะดุดเข้ากับตุ๊กตาหมีหน้าตายที่นั่งนิ่งจ้องหน้าผมอยู่ในขายของฝาก..
“หมีน้อยยย ดูตุ๊กตานั่นดิ่ ที่หมีน้อยบอกว่ามันหน้าเหมือนหมออ่ะ น่ารักเนอะ”
จงอินเขย่าแขนเพื่อนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆ พร้อมกับทำหน้าตาตื่นเต้นพลางชักชวนเพื่อนให้มองดูตุ๊กตาหมีหน้าตายที่นั่งแปะอยู่บนชั้นโชว์ในร้านขายของฝาก
“เหรอ กูว่ามันหน้าโง่มากกว่านะ แต่เหมือนจริง”
คยองซูทำหน้าเนือยพยายามแกะมือปลาหมึกที่จับเขาหนึบแถมเขย่าจนตัวเขาคลอนตามแรงไปด้วย
“ถึงจะหน้าโง่ ก็โง่เพราะร๊ากกกกหมีน้อยนะ ดูดิ่ เห็นตุ๊กตาหมีขาวที่นั่งข้างๆกันป่ะ หมีน้อยเลยอ่ะ เป๊ะ!”
ชี้มือไปมาระหว่างตุ๊กตากับคนข้างๆเพื่อจะบอกว่ามันเหมือนจริงๆ ร่างสูงถึงได้โดนฝ่ามืออรหันต์จากเพื่อนหน้าหวานไปหนึ่งดอกเพียวๆ
“โอ๊ย หมอป่วยอยู่นะหมีน้อย ตบทำไมอ้ะ”
“คนป่วยอย่างมึง ต่อให้กูถีบก็คงไม่ตายหรอก”
ความทรงจำเมื่อตอนเช้าแว้บเข้ามาในหัวผม ผมยืนจ้องตากับไอ้หมีหน้าตายอยู่สักพักนึงก็ตัดสินใจเดินเข้าไปในร้านขายของฝากนั่น
พอเข้ามาในร้านผมก็เดินเลี่ยงสายตาพนักงานที่เคาน์เตอร์เข้าไปที่มุมของฝาก พวกแก้วน้ำ ที่คาดผมอะไรเทือกๆนั้น กวาดสายตามองชั้นวางของตรงหน้านิดหน่อยก็ค่อยๆขยับไปโซนตุ๊กตาที่มีไอ้ตุ๊กตุ่นหน้าขนเรียงโชว์อยู่เต็มไปหมด
สิงสาราสัตว์ที่ไม่มีชีวิตนับพันครอบครองพื้นที่การมองเห็นของผม ผมนวดขมับหน่อยๆแล้วก็เลือกเดินไปที่มุมหนึ่งที่มีตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลวางตั้งเรียงอยู่
“ใหญ่ไปป่ะวะ..”
ผมแตะๆ จับๆตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลตัวหนึ่ง ขนาดของมันคงจะสูงพอๆกับผมแถมยังอ้วนกว่าผมอีกด้วย ผมขมวดมองเจ้าหมีนี่อยู่นานก่อนจะหันไปเห็นพนักงานที่เดินตรวจร้านพอดีก็เลยยกมือเรียก “หมีตัวนี้เท่าไหร่ครับ”
“20,000 วอนครับ”
“แล้ว.. มีตัวเล็กกว่านี้มั้ยครับ?”
“มีครับ ตัวนี้เป็นสินค้าขายดีในช่วงนี้เลยนะครับ เราเลยผลิตออกมาหลายแบบ มีทั้ง...”
เมื่อซื้อของเสร็จ ผมก็เดินออกมาจากร้านขายของฝากแล้วเดินเตร็ดเตร่ต่อไปเรื่อยเปื่อย ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มแดงบ่งบอกว่าใกล้ถึงเวลาพระอาทิตย์ตกดินแล้ว ยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาดูหน้าจอก็บอกเวลาหกโมงกว่าๆโดยไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ นี่ไอ้หมอจงมันทิ้งผมไว้แล้วกลับไปแล้วจริงๆเหรอ..
ม้านั่งตัวหนึ่งถูกผมเลือกจับจอง ผมวางถุงจากร้านของฝากไว้ข้างๆแล้วหยิบตั๋วในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูอีกรอบ
“นี่ๆๆ หมีน้อยไม่ได้มาสวนสนุกนานแล้วใช่มั้ยล่ะ” จงอินเดินมาดักหน้าคยองซูแล้วก้าวถอยหลังไปพลางพูดไปพลาง เพื่อจะได้ประจันหน้าคุยกัน
“ก็.. สามสี่ปีได้มั้ง” ร่างเล็กทำท่าคิดอยู่ครู่ก่อนจะตอบคำถามอีกคน
“งั้นวันนี้หมอขอสั่งเลยนะ ว่าเราจะขึ้นไอ้นั่นกัน!!” นิ้วชูขึ้นมา แล้วชี้ขวับไปที่เครื่องเล่นขนาดยักษ์ที่ตั้งเด่นอยู่ไกลออกไป วงล้อขนาดใหญ่ที่อยู่ไกลลิบๆทำให้คนหน้าหวานเลิกคิ้วมองเจ้าคนมัดมือชก
“ชิงช้าสวรรค์? โตเป็นควายขนาดนี้อ่ะนะ”
“โธ่ มันไม่ได้เกี่ยวกับโตไม่โตนะหมีน้อย มันโรแมนติกต่างหาก โรแมนติกอ่ะ!! เนี่ย หมอไปซื้อตั๋วมาแล้วด้วยนะ!”
จงอินเบ้ปากทำเสียงงอแงใส่อีกคน มือก็หยิบเอาตั๋วสองใบออกมาแล้วยื่นให้อีกคนรับ
“หกโมงครึ่งวิวดีมากอ่ะ เชื่อหมอนะ มันสวยม๊ากก!”
ผมนั่งคิดถึงตอนที่เพิ่งเดินเข้ามาในนี้ แล้วไอ้หมอก็เป็นคนยัดตั๋วนี่ใส่มือมัดมือชกว่าเย็นนี้เราจะขึ้นไปด้วยกันเงียบๆ ผู้คนเดินผ่านผมไปเรื่อยๆเหมือนกับเวลาที่เดินไปจนหน้าปัดเตือนว่า อีกไม่กี่นาทีจะถึงรอบที่ผมจะได้ขึ้นชิงช้าสวรรค์แล้ว
ผมหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาอีกครั้ง จิ้มเข้าไปที่แอพพลิเคชั่นสำหรับแชทสีเขียวๆ มือเล็กกดพิมพ์ยุกยิกๆอย่างรวดเร็วตามประสาคนใช้โซเชียลบ่อยๆแล้วเก็บกลับเข้ากระเป๋ากางเกงตามเดิม
kayungdo : มึงจะผิดสัญญากับกูจริงๆเหรอหมอ..
Rrrrrr Rrrrrr
“ฮัลโหล... อยู่โรง’บาล ..อืม อยู่กับไอ้หมอ.. เออ..เจอกัน”
ผมถอนหายใจเบาๆมองโทรศัพท์ในมือสลับกับมองคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง ผู้ชายผิวเข้มในชุดคนไข้นอนหลับตานิ่งอยู่บนเตียง ตาคมปิดสนิทบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังหลับอยู่ ผมละสายตากลับมาเงยหน้ามองเพดานอยู่เงียบๆ ในใจก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
ผมกลับมาอยู่ที่โรงพยาบาลอีกครั้ง และวันนี้ก็ยังคงต้องมาเฝ้าอาการไอ้หมอจงเหมือนวันก่อนๆ หลังจากที่ต้องหิ้วปีกไอ้คนตัวสูงกลับมาที่โรงพยาบาลอย่างทุลักทุเลสุดท้ายก็พาคนป่วยกลับมาถึงโรงพยาบาลได้อย่างปลอดภัย ผมถูกคุณพยาบาลที่ต้องเฝ้าดูอาการไอ้หมอดุ เรื่องที่แอบพาไอ้หมอออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกและกลับเข้ามาด้วยสภาพที่เยินสุดๆถึงแม้ต้นเหตุจะเป็นไอ้หมีควายที่นอนหลับเป็นหมีตายอยู่บนเตียงตอนนี้ก็ตาม
“คยอง ไอ้จงอินเป็นไงบ้าง”
เสียงประตูเปิดพร้อมกับคำทักทายจากคนมาใหม่เรียกความสนใจจากผมที่กำลังนั่งเซ็งอยู่ได้พอดี ผมลุกเดินไปหาไอ้ชานยอลที่เปิดประตูเข้ามา ตามด้วยน้องฮุนที่นั่งรถเข็นอยู่โดยมีไอ้เจ๊กเป็นคนเข็นให้
“ก็...ไข้ขึ้นสูงกว่าเดิม หมอเลยให้กินยา เช็ดตัวแล้วก็นอนพักซะ เลยนอนตายเป็นหมีเน่าอย่างที่เห็น”
ผมอธิบายตอบพลางพยักพเยิดไปทางคนที่หลับอยู่ ชานยอลพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไปใกล้ๆเตียงคนป่วย ก้มลงดูหน้าไอ้หมอจงพร้อมกับเลิกคิ้วนิดๆ
“หน้าซีดขนาดนี้เลยเหรอ จะตายมั้ยเนี่ย ไข้มันสูงเท่าไหร่วะมึง?”
“ก็.. 39.2 อ่ะ”
“อื้อหือ.. ร้อนขนาดเอาเนื้อมาย่างได้”
ไอ้เจ๊กทำหน้าแหยงๆพลางทำมือประกอบ ผมเลยผลักหัวมันไปทีนึงโทษฐานตลกไม่ดูเวลา
“แล้วมึงไปทำอะไรกันที่สวนสนุก อีกอย่างไหงกลับมาแล้วถึงได้เยินขนาดนี้ ไปเล่นหิมะกันมารึไง?” ไอ้ชานยอลกอดอกหันมาถามต่อ ซึ่งผมรู้สึกเหมือนกำลังถูกคุณพ่อดุ ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแท้ๆ
“ก็..เข้าใจผิดกันนิดหน่อย” ผมตอบเบาๆ หลบสายตาเพื่อนทั้งคู่รวมถึงน้องฮุนที่จ้องผมเขม็ง ทำไมผมต้องทำเหมือนนักโทษทำความผิดด้วยวะ ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย...
“เออออ ไม่มีอะไรหรอก กูแค่ทะเลาะกันตามปกติเว้ย มึงสองคนอ่ะพาน้องกูไปนอนเลยดึกแล้ว น้องฮุนนอนได้แล้วนะ พักผ่อนเยอะๆจะได้หายไวๆ” ผมส่ายหน้าใส่พวกมันพร้อมเอ่ยปากไล่ ก่อนจะหันไปลูบหัวน้องฮุนที่นั่งทำตาซื่อมองอยู่
“เดี๋ยวหมอก็ให้น้องฮุนออกได้แล้วล่ะพี่หมี คืนนี้พี่หมีจะนอนกับพี่หมอหรือกลับคอนโดอ่ะ?” น้องฮุนเอียงคอถาม
“ก็..คงอยู่เฝ้าไอ้หมอมันน่ะ พรุ่งนี้เช้าน้องฮุนอยากกินอะไรมั้ย พี่จะได้ซื้อเข้าไปให้” ผมเหลือบตามองไอ้คนป่วยนิดหน่อยก่อนจะตอบกลับไป
“เดี๋ยวลู่ไปซื้อให้เองก็ได้ ยังไงก็นอนเฝ้าน้องฮุนอยู่แล้ว” ไอ้เจ๊กยกมืออาสา น้องฮุนพยักหน้าสำทับ ผมก็เลยพยักหน้าเลยตามเลย ทั้งสามคนบอกลาผมแล้วก็ออกจากห้องไป
เมื่อความเงียบกลับเข้ามาเยือนห้องพักอีกครั้ง ผมก็ได้แต่นั่งเท้าคางมองไอ้หมอจงพลางคิดไปถึงเรื่องเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
“บัตรจองสำหรับ 2 ท่านนะครับ”
“ครับ”
“แล้ว... อีกท่านล่ะครับ?”
พอได้ยินคำถามนั้น กลีบปากเล็กก็เม้มหากัน “มาคนเดียวครับ..”
“คนเดียวนะครับ งั้นเชิญเลยครับ กระเช้าจะหมุนไปอยู่จุดสูงสุดตอน 6.45 นาทีนะครับ และจะกลับลงมาถึงตอน 7.00 พอดี ขอให้สนุกกับชิงช้าสวรรค์นะครับ” พนักงานประจำเครื่องเล่น ผายมือไปด้านในกระเช้าที่เปิดประตูค้างไว้ ร่างเล็กเม้มปากแน่น ชั่งใจอยู่เล็กน้อยก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งที่ฝั่งหนึ่งแล้วรอให้กระเช้าเคลื่อนตัว
สนุกงั้นเหรอ..
แขนเล็กยกขึ้นเท้ากับพนักวางแขน ตากลมเหม่อมองออกไปนอกกระเช้าอย่างไร้จุดมุ่งหมาย ในขณะที่กระเช้าก็ค่อยๆเคลื่อนสูงขึ้น สูงขึ้น เวลาผ่านไปจนกระเช้าของคนตัวเล็กหมุนมาตามสายพานจนอยู่บนที่เกือบจะสูงที่สุด มือขาวคว้าเอาถุงเล็กข้างตัวขึ้นมาวางบนตัก หยิบของในถุงขึ้นมาชูในระดับสายตา เพื่อจะได้มองให้ถนัดๆ
ตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลขนาดเท่าฝ่ามือ สำหรับตั้งบนโต๊ะจ้องมองมาที่ตากลมนิ่งตามประสาหมีที่ไม่มีชีวิต
“มึงมันหมีขี้โม้” ปากรูปหัวใจขยับพูดกับตุ๊กตาหมี
“.....” ไร้การตอบรับใดๆจากหมีสีน้ำตาล
“ตอบกูมานะ .. มึงทิ้งกูทำไม” ปากเล็กยังคงพูดต่อราวกับตุ๊กตานั้นมีชีวิต
“.....” แต่ตุ๊กตาหมีตัวนั้นก็ยังเงียบสนิท
“ตอบสิ..” เสียงหวานเอ่ยต่อสั่นๆ
“......”
“ทิ้งกูทำไม..จงอิน..” ตากลมที่เริ่มสั่นไหวหลุบลงมองพื้น ขณะที่มือเรียวก็ทิ้งลงข้างตัวตามแรงโน้มถ่วง
ครืด ครืด
ทันใดนั้น สมาร์ทโฟนที่นอนนิ่งอยู่ในกระเป๋ากางเกงของคนตัวเล็กก็สั่นขึ้นมา เจ้าตัวสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะรีบหยิบโทรศัพท์ของตนเองขึ้นมาดู การแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นสีเขียวที่กำลังเป็นที่นิยมทำให้ใจเขากระตุกวาบ
doctorkim : doctorkim send you a message
doctorkim : หมีน้อย หมอขอโทษ
doctorkim : หมีน้อยอยู่ไหน
doctorkim : อยู่ข้างบนนั้นแล้วเหรอ
doctorkim : หมอไม่ได้ตั้งใจ..
doctorkim : ขอโทษนะหมีน้อย
doctorkim : รออยู่นะ..
ร่างเล็กขยับพรวดไปติดกระจกกระเช้า ตากลมพยายามกวาดมองที่พื้นด้านล่างจนไปสะดุดเข้ากับใครบางคนที่นั่งอยู่ตรงม้านั่งเยื้องจากตัวเครื่องชิงช้าสวรรค์ไป
นั่นมัน..
มือเล็กคว้าเอาสมาร์ทโฟนขึ้นมากดเบอร์โทรล่าสุดทันที เสียงสัญญาณรอสายดังขึ้นเพียงไม่กี่ครั้งปลายสายก็กดรับ
“หายไปไหนมา”
“หมีน้อย.. อยู่ข้างบนแล้วเหรอ อยู่ตรงไหนแล้วอ่ะ” กลุ่มผมสีดำที่ร่างเล็กจดจ้องอยู่ขยับเงยขึ้นมองมาข้างบน
“ไปไหนมา”เสียงหวานกดถามอีกครั้งน้ำเสียงราบเรียบ
“อยู่อันบนสุดรึยังอ่ะ วิวสวยใช่ม้า หมอบอกแล้ว นี่น่ะ จุดพีคของชิงช้าสวรรค์เลยน้า” ปลายสายยังคงจ้อไปเรื่อย ราวกับไม่ได้ยินคำถามของอีกคน
“กูถามว่ามึงทิ้งกูไว้ แล้วหายหัวไปไหนมาคิมจงอิน!!!”
“.........”
“.........”
“หมอขอโทษ... ลงมาแล้วจะเล่าให้ฟังนะ”
“ถ้าไม่เล่าตอนนี้ มึงก็กลับไปเลย กูจะไม่ไปเฝ้ามึงอีก” ตากลมจ้องมองอีกคนด้วยสายตาว่างเปล่า น้ำเสียงเรียบเฉยกลับหนักแน่นแบบที่อีกคนเข้าใจดีว่า เพื่อนตัวเล็กหมายความอย่างนั้นจริงๆ
“หมอ... หมอแค่หงุดหงิด ก็เลยจะเดินไปซื้อไอติม” ปลายสายๆค่อยเล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“.........”
“แต่ว่า...แถวมันยาวมากเลย พอวิ่งกลับไป หมีน้อยก็ไม่อยู่แล้ว หมอก็เลยออกไปตามหาหมีน้อย แล้ว... หมอไข้ขึ้นก็เลยเป็นลมไป...”
“........”
“หมอขอโทษนะ...”
“.......อืม”
“ข้างบนเป็นยังไงบ้าง”
กึง!
ตัวเช้ากระตุกเล็กน้อยจากการการที่สายพานเลื่อนมาหยุดตรงจุดล็อคของมัน ตากลมเหลือบมองด้านข้าง ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
6.45 …
“กระเช้าบนสุด..”
“.......”
“สวยมาก....” ปากบางกระซิบพูดเบาๆ แต่ดวงตากลับมองตรงไปที่คนด้านล่าง
“ใช่ไหมล่ะ... รีบลงมานะ หมอคิดถึง”
“อืม..”
ตอบพลางกดตัดสายไป ร่างเล็กทรุดลงนั่งกับเก้าอี้อีกครั้ง แขนเรียวถูกขึ้นเท้ากับพนักเพื่อรองรับใบหน้าที่เอามาเกยไว้ ตากลมเหม่อมองออกด้านนอกกระเช้าก็พบวิวยามค่ำคืนของโซลที่เค้าไม่ได้เห็นมานาน
แปะ...แปะ
หยดน้ำที่กลั่นตัวจากเมฆด้านบน เรียกให้ตาคู่สวยเบิกกว้างขึ้น กระจกด้านนอกเริ่มพราวระยับไปด้วยหยาดฝนที่โปรยลงมา
หมอจงอยู่ข้างล่าง
นึกได้ดังนั้นก็รีบเคลื่อนตัวไปชิดด้านข้างกระเช้าอีกครั้ง มองลงไปยังม้านั่งก็เห็นหัวกลมๆของเพื่อนตัวสูงนั่งอยู่ไม่ไปไหน ตากลมถลึงมองราวกับอีกฝ่ายยืนอยู่ตรงหน้า มือเล็กคว้าเอาสมาร์ทโฟนขึ้นมาเปิดโปรแกรมแชทแล้วพิมพ์ลงไปอย่างรวดเร็ว
kayungdo : ไปหลบฝนดิ่หมอ
kayungdo : มึงไข้ขึ้นอยู่นะ ไม่ต้องรอก็ได้ กลับไปก่อนเลย
doctorkim : หมอรอได้ อยู่ตรงม้านั่งใกล้ๆชิงช้าสวรรค์นะ
doctorkim : รีบลงมาน้าาาา ^^
เขาแทบจะโทรออกไปด่าอีกคนที่นั่งตากฝนอยู่ด้านล่างให้รู้แล้วรู้รอด สายฝนเริ่มเทลงมาหนักขึ้นเรื่อยๆนั่นทำให้ร่างเล็กทำอย่างที่ใจอยากไม่ได้ คยองซูทำได้เพียงนั่งกระสับกระส่ายรอให้กระเช้าเคลื่อนกลับลงไปที่จุดปล่อยตัวออกให้เร็วที่สุด
“ครบรอบแล้วครับ ขอบคุณที่ใช้บริการครับ”
เมื่อกระเช้าเคลื่อนมาถึงจุดปล่อยตัว พนักงานประจำเครื่องเล่นก็เข้ามาเปิดประตูกระเช้าออกให้พร้อมรอยยิ้มและการโค้งคำนับ แต่ร่างเล็กไม่สนใจรีบพุงตัวไปหาใครบางที่นั่งกอดอกนั่งงอตัวอยู่บนชิงช้าไม่ใกล้ไม่ไกลจากชิงช้าสวรรค์
“มึงมันบ้า!!” เสียงหวานตวาดออกมาทันทีที่ก้าวมาหยุดตรงหน้าอีกคน ใบหน้าคมเข้มที่ติดซีดเงยขึ้นมองคนที่ยืนค้ำหัวอยู่ รอยยิ้มจางๆถูกไปให้คนที่กำลังโกรธจัด
“มาแล้วเหรอหมีน้อย หมอรอตั้งนานแน่ะ”
“......”
“ไหนดูซิ ไม่เจอกันตั้งนาน ทำไมยังตัวเล็กเหมือนเดิมเลยเนี่ย” คนตัวสูงลุกขึ้นยืนแล้วขยับเข้าไปใกล้อีกคน ทำมือเทียบหัวคนตัวเล็กกว่าไว้พร้อมพูดเย้าแหย่ตามประสา หยดน้ำที่เกาะอยู่บนเส้นผมสีดำสนิทไหลลงตามสันกราม
คยองซูปัดมืออีกคนทิ้ง ดวงตาวาววับจ้องมองคนที่ทำหน้าระรื่นไม่รับรู้ถึงอารมณ์คุกรุ่นของเขา
“ทำไมไม่กลับไป”
“.............”
“.............”
“หมอแค่.....ไม่อยากทิ้งหมีน้อยอีก”
โปรดติดตามตอนต่อไป
เดี๋ยวมาแก้ไขค่ะ คือพิมพ์แบบง่วงๆมึนๆ y __ y
เก็บตังไปคอนกันเถอะค่ะ เย้..
ความคิดเห็น