คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ✚ DOCTOR - 다섯。
DOCTOR✦✧
ตอนนี้ผมอยู่ที่โรง'บาล
มาเฝ้าคนป่วย
ก็นะ..อย่างที่คุณคิด ไม่ใช่น้องฮุนแต่เป็นไอ้หมอจงนั่นแหละ คนที่ผมอยากจะเตะมันออกไปให้ไกลรัศมีสายตาทุกสามวินาทีนั่นแหละครับ
ต้องเล่าย้อนไปถึงเมื่อคืน ที่ผมไปบ้านไอ้หมอแล้วก็อยู่ค้างคืนที่นั่น หลังจากที่นั่งมองหน้ามันไปสักพัก คิดว่าคงไม่มีอะไรแล้วก็ล้างหน้าแปรงฟันให้เรียบร้อย แล้วมานอนมันข้างๆโซฟาคนป่วยเลย ไม่คิดว่าตัวเองจะหลับลึกขนาดหนักกลายเป็นว่าพอตื่นมา ไอ้ผ้าห่มที่ควรจะอยู่บนตัวหมอจงเมื่อตอนค่ำดันมาอยู่บนตัวผมในตอนเช้า ส่วนไอ้คนที่ควรจะอาการดีขึ้น ก็กลายเป็นไข้ขึ้นหนักจนผมต้องรีบหิ้วมันมาส่งโรงพยาบาลแล้วก็เฝ้ามันมาจนถึงตนนี้อย่างที่เห็นนี่ล่ะครับ
"คยอง..คยองซู"
เสียงแหบแห้งพึมพำเบาๆมาจากคนบนเตียงทำให้ผมต้องรีบลุกไปดูอาการ หมอมันตื่นแล้วเหรอ ตายังปิดอยู่เลยนี่ หรือมันละเมอ แล้วละเมอเรียกชื่อผมทำไม ตกใจหมด
เฮ้ย ไม่ใช่ผมขวัญอ่อนนะ คือร้อยวันพันปีไอ้หมอมันไม่คิดจะเรียกชื่อจริงๆผมสักครั้งอ่ะ เลยตกใจเฉยๆ
“หมอ ไอ้เชี่ยหมอ ตื่นยังมึง” ผมลองเอามือตบข้างแก้มมันเบาๆทดสอบว่ามันตื่นจริงๆหรือแค่ละเมอ ตาปรือๆของไอ้หมอค่อยๆขยับเปิดขึ้นทีละนิดเพื่อปรับตัวรับแสงไฟที่สาดเข้าตา หลังจากตื่นแล้วหมอจงก็มองซ้ายมองขวาแบบงงๆสุดท้ายสายตาของมันก็มาหยุดที่ผม
ตาง่วงๆของมันเหลือกขึ้นมองผมอย่างตกใจแบบโอเว่อร์แอ็คติ้ง จากนั้นมันก็พุ่งตัวมาซุกผมอย่างกับรถไฟหัวกระสุน คือ จะบอกยังไงดีว่าจุกจนพูดไม่ออกอ่ะครับ
“หมีน้อยยย แค่ก”
...แล้วมึงมาไอใส่หน้ากูทำไมวะ
ผมบ่นในใจเบาๆก่อนจะดันหัวไอ้หมอจงออกจากตัว แต่มันก็ยังพยายามที่จะคว้ามือผมไปกุมไว้ให้ได้แถมยังส่งยิ้มกว้างมาให้ด้วย หน้าดำๆของมึงซีดอย่างกับผีอ่ะหมอ อย่ายิ้มเลย กูกลัว
“เป็นไงมั่งหมอ ปวดหัวป่ะ นี่กี่นิ้ว” ผมลากเก้าอี้มานั่งข้างๆเตียงคนไข้ แล้วชูนิ้วกลางไปตรงหน้าไอ้หมอจง มันเบ้หน้าใส่ผม
“ห้านิ้ว โป้ง ชี้ กลาง นาง ก้อย อยู่ครบดีอ่ะหมีน้อย” นี่จงใจกวนตีนกูใช่ป่ะ
“หมีน้อยอ่ะ เมื่อคืนนะไม่ยอมดูแลตัวเอง นอนก็ไม่ห่มผ้า ลำบากหมอต้องเอาผ้าไปห่มไห้ เห็นไหมหมอไข้ขึ้นเลย หมีน้อยต้องรับผิดชอบหมอนะ ทำให้หมอป่วยหนักกว่าเดิมอ่ะ” เอ้า ไอ้เชี่ยหมอนี่ ความผิดกูเหรอครับ
“มึงยังอยากนอนบนเตียงดีๆ หรืออยากลงไปนอนที่พื้นระเบียงครับ ไอ้คุณหมอจงอิน” ผมแยกเขี้ยวใส่มันพลางชูกำปั้นขู่ ไอ้หมอจงก็หัวเราะร่ากับท่าทางของผม ไม่ได้มีวี่แววความกลัวเลยสักนิด ผมถอนหายใจปลงๆ แล้วเอื้อมมือไปอังหน้าผากไอ้คนป่วยก็พบว่าความร้อนยังแผ่ออกมาไม่ขาด รวมทั้งหน้าป่วยๆของไอ้หมอที่แดงจากพิษไข้ ผมจัดแจงเตรียมอาหารเบาๆท้องให้คนป่วยทานตามด้วยยาลดไข้ ก่อนจะไล่ให้หมอจงนอนพักผ่อนเพื่อตัวเองจะได้ไปเยี่ยมน้องฮุนแล้วออกไปเปิดร้านสักที
“เย็นนี้ ต้องมาดูแลหมอนะ”
นั่นคือสิ่งที่คนเป็นไข้แต่ไม่เจียมตัวบอกกับผมก่อนจะฝืนฤทธิ์ยาไม่ไหว แล้วหลับไป
มึงไม่ต้องบอก กูก็มาอยู่แล้วล่ะน่า : /
△ △ △ △ △ △ △ △ △
แสงอาทิตย์ในยามเช้าแทรกผ่านแพขนตาหนาปลุกคนตัวโตที่นอนหลับอยู่ให้ตื่นขึ้นจากฝันในยามเช้า เปลือกตาสีน้ำผึ้งเปิดกว้างเผยให้ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ใบหน้าเรียวยังคงแฝงด้วยความสะลึมสะลือ ตามอาการของคนเพิ่งตื่นนอน ผ่านไปได้สักครู่ ตาคู่คมก็เหลียวไปเห็นร่างเล็กกำลังนอนหลับอยู่โซฟาปรับนอนที่ห่างออกไปเพียงเล็กน้อย
ดวงหน้าหวานมีร่องรอยความเหนื่อยล้าจากการทำงาน เปลือกตาปิดสนิทพอจะทำให้รู้ว่าคนตัวเล็กยังหลับอยู่โดยไม่รับรู้ว่าเพื่อนร่วมห้องอีกคนตื่นแล้ว คนตื่นก่อนยกมือขึ้นแตะที่หน้าผากและตามตัวของตนเพื่อเช็คอุณหภูมิร่างกาย ความร้อนที่ลดลงจากเมื่อตอนก่อนจะหลับไปทำให้พอเดาได้ว่า อาการไข้คงลดลงไปมากแล้ว
เมื่อแน่ใจแล้วว่า คนตัวเล็กหลับสนิทและคงไม่ตื่นในเร็วๆนี้จึงได้ถือโอกาสก้าวขาลงจากเตียง ย่องเข้าไปในห้องน้ำและทำธุระส่วนตัวให้เบาที่สุด ล้างหน้าล้างตาพอเป็นพิธีแล้วก็ออกมาข้างนอก มองไปที่ระเบียงเห็นแสงอาทิตย์ที่เริ่มส่องแสงจ้าขึ้นกว่าก่อนเลยดึงม่านปิดจะได้ไม่รบกวนคนนอน หันตัวกลับมาก็เห็นร่างเล็กขยับตัวหมุนหนีแสง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเหมือนเด็กไม่พอใจที่มีอะไรมารบกวนการนอน คนที่ยืนมองอยู่เลยอดอมยิ้มน้อยๆไม่ได้
มองนาฬิกาก็เห็นเข็มยาวกำลังเดินหน้าเข้าไปใกล้เลขแปดเข้าทุกที เขารื้อหาโทรศัพท์ของตัวเองในลิ้นชักตู้ข้างเตียงสักพักก็เจอมันนอนนิ่งอยู่ใต้หนังสือ คว้าขึ้นมากดเบอร์โทรออกฟังเสียงรอสายได้สองสามครั้งก็มีคนรับสาย ร่างสูงขยับลุกขึ้นเดินออกตรงประตูระเบียงแล้วกรอกเสียงลงไป
“ฮัลโหล คุณพยาบาล นี่หมอจงอินนะครับ.. ครับ ดีขึ้นมากแล้วล่ะ ตอนนี้ผมมีเรื่องจะวานหน่อย ช่วยซื้อโจ๊กกับน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋มาให้ผมที่ห้องพักหน่อยได้มั้ยครับ เอาอย่างละสองชุดนะ ครับ ขอบคุณมากครับ รบกวนด้วยนะ”
“หมีน้อย หมีน้อยครับ”
“อือ.. อย่ากวน จะนอน”
“หมีน้อยตื่นเร็ว สายแล้ว มากินข้าวกัน”
แรงเขย่าประมาณเจ็ดจุดแปดริกเตอร์ทำให้หลับไม่ได้อีกต่อไป ผมลืมตาขึ้นมาตีหน้ายุ่งมองคนปลุกที่ยืนค้ำหัวยิ้มร่า เมื่อความพยายามครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้สำเร็จสักที
ความง่วงยังคงยึดครองพื้นที่ของสติส่วนใหญ่ของผมอยู่ แต่ถ้าจะให้นอนต่อ ไอ้หมอหมีควายนี่คงอุ้มผมไปนั่งบนเตียงคนไข้แล้วจับป้อนข้าวแน่ๆ ผมทำจมูกฟุดฟิดเมื่อได้กลิ่นหอมอ่อนๆลอยมา เอียงตัวมองข้ามไปด้านหลังหมอจงก็เห็นถาดอาหารวางอยู่ คิดว่าน่าจะเป็นโจ๊กสองถ้วย ทันใดนั้นผมก็รู้สึกได้ว่า...
ท้องผมกำลังจะออกอาการงอแง
"อะแฮ่ม.. ไปกินก่อนไป ขอไปล้างหน้าก่อน" ผมแสร้งกระแอมทีนึงแล้วก็ลอดใต้วงแขนอีกคนเดินไปเข้าห้องน้ำ พอกลับออกมาก็เห็นคนป่วยนั่งยิ้มตาใสแจ๋วรออยู่ที่เตียง ช้อนยังวางอยู่ที่เดิมบ่งบอกว่าอีกคนยังไม่ได้แตะต้องอาหารมื้อนี้ ผมส่ายหัวให้กับความดื้อรั้นของไอ้หมอแล้วลากเก้าอี้ไปนั่งข้างๆเตียง
"เนี่ย ร้านเนี้ย โจ๊กอร่อยมากเลยนะ หมอกินทุกวันก่อนไปร้านหมีน้อยเลย กะจะชวนมากินด้วยกันตั้งหลายรอบแล้ว ได้กินซะทีเนอะ" หมอจงพูดไปเรื่อยๆ มือก็คว้าเอาช้อนไปตักโจ๊กเข้าปากจนเหมือนหมีหิว ผมก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง รู้สึกเหมือนยังไม่ตื่นดี เลื่อนชามโจ๊กของตัวเองเข้าหาตัว ถือช้อนเตรียมจะทานบ้างเหมือนกัน
โจ๊กนี่กลิ่นหอมมาก หน้าตาก็น่าอร่อยจริงๆอย่างที่หมอมันว่าแหละครับ
หงับ
"เหี้ย ร้อน!"
"ตีหมอทำไม y y"
ผมเป่าลมเข้าออกปากเสียงดัง รู้สึกถึงเลือดที่ไหลเวียนขึ้นมาวิ่งเล่นบนหน้า หมอจงกุมแขนตัวเองที่แดงปื้นเป็นรอยห้านิ้ว ซึ่งคนทำก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก ผมเอง
คือโจ๊กมันร้อนมาก แล้วผมลืมเป่า ตักขึ้นมาก็เอาเข้าปากเลย ผลคือมันลวกปาก ร้อนจนต้องหาที่วางมือวางไม้จนได้ไปเป็นอนุสรณ์อยู่บนแขนไอ้หมอมันนั่นแหละ
"...กูช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดมึงเดินไงหมอ จะได้หายเร็วๆ" คิดคำแก้ตัวแบบแถสีข้างถลอกไปก่อน ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก้มหน้าก้มตาตักโจ๊กกินต่อไป คราวนี้ก็ไม่ลืมที่จะเป่าให้ความร้อนมันบางลง จนกระทั่งมันเหลือติดก้นถ้วยนั่นแหละ เราสองคนถึงยอมวางช้อนกัน
"นี่ๆ หมอมีปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้ด้วยนะ" ขณะที่ผมกำลังรวบช้อนส้อมเตรียมจะเก็บชามไปล้างก็มีถุงหูหิ้วที่ข้างในมีขนมปังแปะกันเป็นคู่สีเหลืองอร่ามกับนมถั่วเหลืองอย่างละสองชุด ผมเงยหน้าขึ้นมองคนยื่นถุงมาให้แบบงงๆ นี่คือมันลงไปซื้อมาตอนผมหลับเหรอ มึงสำเหนียกไหมไอ้หมอว่ามึงป่วยอยู่
สุดท้ายผมก็ต้องเลื่อนถ้วยจานที่กินเสร็จแล้วไปไว้ด้านข้าง แล้วจัดแจงเอาปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้ใส่แก้วจานกินด้วยกัน ระหว่างกินไอ้หมอจงก็งุ้งงิ้งๆไปตลอดเวลา ยื่นปาท่องโก๋มาจ่อปากจนแทบจะทิ่มตามั่ง เอาแก้วน้ำเต้าหู้มาทาบแก้มจนหน้าแดงมั่ง จนผมแทบจะสาดน้ำเต้าหู้ในแก้วตัวเองใส่หน้ามันให้รู้แล้วรู้รอดไปซะเลย
แค่กินโจ๊กกับปาทองโก๋ผมเสียเวลาไปเกือบสองชั่วโมง จนแสงแดดข้างนอกบ่งบอกว่าสายมากแล้ว
ถึงมันเสียเวลาไปหน่อยก็เถอะ แต่ผมก็อดที่จะแอบยิ้มกับตัวเองไม่ได้ ถ้าคุณเห็นคุณห้ามบอกหมอจงนะครับ ห้ามเลย!
เพราะมื้อนี้ ผมอร่อยจนไม่อยากอิ่มเลยล่ะครับ : )
△ △ △ △ △ △ △ △ △
อันที่จริงแล้วผมคิดว่าเวลานี้ ผมควรจะอยู่ที่ร้านกาแฟของผม
ยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์เตรียมเครื่องดื่มไม่ก็ขนมหวานไปเสิร์ฟลูกค้า หรือถ้าร้านมีลูกค้าไม่เยอะมากผมก็คงจะรดน้ำต้นไม้อยู่ด้านหลัง ไม่ก็นั่งคุยกับลูกค้าบ้างอย่างที่ชอบทำบ่อยๆ
บรรยากาศดูอบอุ่นนุ่มนวลดีนะครับ..
ที่พูดไปทั้งหมดนั่นมันตรงข้ามกับสิ่งที่ผมเผชิญอยู่แบบคนละโลกเลยเถอะ ให้ตาย
ถ้าจะให้คำจำกัดความสถานที่ๆผมยืนบื้ออยู่ในตอนนี้... คงไม่พ้น ที่ๆเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะสนุกสนาน ถึงจะวุ่นวายแต่ก็ผ่อนคลายไปในตัวล่ะมั้งครับ..
เด็ก เด็ก และเด็กเต็มไปหมด...
พลั่ก!
"โอ้ย..."
ผมครางเบาๆเมื่อรู้สึกถึงแรงกระแทกที่สีข้าง ก้มลงมองก็เห็นเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่งนั่งแหมะอยู่ไม่ไกล ก็คงจะเป็นคนที่ชนผมเมื่อกี้ เด็กน้อยลุกขึ้นปัดฝุ่นตามตัว ซึ่งผมก็ได้แต่ยืนมองมึนๆ สติผมยังไม่เข้าร่องเข้ารอยเท่าไหร่ บ่นยาวไปหน่อย...
"พี่ชายเจ็บมั้ย" เสียงหวานเอ่ยถามเบาๆทำให้ผมพอจะเดาได้ว่าอีกคนคงเป็นเด็กผู้ชายอายุน่าจะประมาณสิบสามสิบสี่
"พี่ไม่เป็นไรครับ เราล่ะเจ็บรึเปล่า" ผมก้มลงช่วยเด็กคนนี้ปัดเศษฝุ่นออก ใบหน้าหวานๆเงยขึ้นมาสบตากับผมครู่หนึ่งให้ผมได้มองหน้าเขาเต็มๆตา
ตากลมกับปากแบบนี้เคยเห็นที่ไหนนะ..
คุ้นๆแฮะ
"หมีน้อยยยยยย หมอมาแล้ว" เสียงตะโกนลั่นที่มาก่อนตัวดำๆของหมีควายชื่อจงอิน ไอ้หมอจงวิ่งเข้ามาขัดความคิดผมเมื่อสักครู่ให้ปลิวหายไปทันที ผมไปมองหน้าหมอจงพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่น
"มึงไม่ใช้โทรโข่งไปเลยล่ะ คนเยอะดี" ผมแหวใส่มันเบาเมื่อมันวิ่งจนถึงที่ๆผมยืนอยู่ หมอจงก้มลงมองผมด้วยหน้าเหมือนหมียิ้ม ก่อนจะเบนสายตาไปมองเด็กที่ยืนอยู่ใกล้ๆผม
เด็กชายยิ้มแหยๆมองพี่ชายสองคนที่พร้อมใจกันหันมามองเขาโดยไม่รู้จะพูดอะไร อันที่จริงเขาควรจะรีบออกจากตรงนี้ไปให้เร็วที่สุดมากกว่า
“เอ่อ.. งั้นผมไปก่อนนะฮะ ขอโทษอีกครั้งนะพี่”
ไม่ทันที่ผมจะได้คิดคำตอบ น้องเขาก็รีบโค้งให้ผมหนึ่งทีแล้วหายไปกับฝูงเด็กในสวนสนุกทันที อ้อ.. ถ้าใครยังเดาไม่ออก ผมจะบอกว่าตอนนี้เราสองคนอยู่ที่สวนสนุกน่ะครับ
ครับสองคน ผมโดคยองซู และไอ้หมอคิมจงอิน สองหน่วยถ้วน ไม่ขาดไม่เกิน - _ -
ส่วนเรื่องที่เจ้าของร้านกาแฟกับคุณหมอที่ได้ชื่อว่าป่วยนั้นมาเดินเสนอหน้าทำอะไรกันที่สวนสนุกเนี่ย ผมให้คุณไปถามไอ้หมอจงเองดีกว่า
หลังจากกินข้าวเสร็จ มันก็ถึงเวลาที่ผมควรจะออกจากโรงพยาบาลไปเปิดร้านแล้วนะ แต่ด้วยความที่สติคงจะไม่เหลือแล้วของไอ้หมอจงครับ ระหว่างที่ผมไปเยี่ยมน้องฮุนก่อนออกไปร้านอย่างทุกที เปิดประตูออกมาก็เจอกับหมอตัวดำยืนหน้าระรื่นในชุดไปรเวท ผมซึ่งกำลังงงๆอยู่ก็ถูกแรงหมีควายลากมาแบบมึนๆ ไม่รู้ว่าโดนยัดเข้าไปในรถตอนไหน รู้ตัวได้อีกทีก็ตอนมายืนเหม่ออยู่หน้าสวนสนุกจนโดนเด็กชนเมื่อกี้นี่แหละครับ
วันนี้ผมพูดไปกี่รอบแล้วว่าคนป่วยแม่.งโคตรไม่เจียมตัวอ่ะ คือขออีกรอบนะ หมอมึงเจียมกะลาบ้างเหอะ กูขอเลย!
“คือไรอ่ะหมีน้อย” หน้าหมีงงของไอ้หมอจงหันมาทางผม ตาดำๆอัดแน่นไปด้วยเครื่องหมายคำถามทำเอาผมอยากเอาหัวโขกหน้ามันสักสองทีถ้าไม่ติดเรื่องความสูง
ไม่น่ามีปัญหาเรื่องความสูงเลยโว้ย!
“เด็กใหม่กูเอง” ผมเลือกที่ยักคิ้วกวนๆตอบ ไอ้หมอจงเบิกตากว้าง ปากนี่ก็อ้ากว้างตามไปด้วย ถามว่าคนหน้าตาดีทำแล้วเป็นยังไง คนอื่นมองก็คงจะบอกว่าหล่อ... น่ารักอ่ะครับ แต่คุณต้องเข้าใจนะว่าผม ...คิดว่ามันอุบาทว์น่ะ
“อะไรนะเด็กใหม่เหรอ!! หมีน้อยยยยย ทำไมปู้ยี่ปู้ยำหัวใจหมออย่างนี้ นี่เรามาเดทกันนะ ทำไมหมีน้อยทำกับหมออย่างนี้ ฮืออออออ”
และแล้ว สวนสนุกก็มีหมีควายนอนชักดิ้นชักงออยู่หน้าทางเข้าหนึ่งอัตรา...
ผมเดินเข้าไปข้างในเลยดีไหม ? หรือโบกแท็กซี่กลับดี ? ไม่ได้สิ.. ผมควรจะโทรเรียกปศุสัตว์ให้มาพาหมีกลับสวนสัตว์ก่อนสินะ
“อยากกลับสวนสัตว์เหรอหมอ ลุกดิ่ จะเข้าไปป่ะ” ผมเอาเท้าเขี่ยๆไอ้หมอจงที่นั่งเขี่ยพื้นเป็นก้อนดำๆอยู่ ไอ้ครั้นจะอายสายตาคนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็เหนื่อยเหลือเกิน หรือผมจะเก็บยางอายใส่กระเป๋าแล้วค่อยเข้าไปข้างในดีล่ะ หมอจงสูดน้ำมูกฟืดๆอยู่สองสามทีก็ยกแขนขึ้นปาดหางตาที่ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวน้ำตาอยู่ออก
“อยากเล่นกับหมอแล้วล่ะสิ หมีน้อยนี่ปากแข็งจริงๆเล้ย” ขายาวๆลุกพรวดขึ้นมาจนหัวของหมอจงแทบจะเสยคางผม มือหนายื่นมาคว้าเข้าที่มือของผมจากจะกระตุกทีเดียว การเดินทางของผมกับหมีควายก็เริ่มต้นขึ้น
นี่ผมกำลังจะอู้งาน ร้านกาแฟของผมจริงๆใช่มั้ยเนี่ย
บอกอีกครั้งนะว่า ผมคิดผิดจริงๆที่เลือกเป็นเพื่อนกับผู้ชายที่ชื่อ คิมจงอิน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
“ม..หมีน้อย เดี๋ยวก่อนหมอจะ...จะ อึก”
“อย่า..อย่านะเว้ย ตรงนี้คนเยอะ ไปที่ลับตาคนก่อนดิ่หมอ”
“แต่..ม..หมอจะ..อึก ไม่ไหวแล้ว”
“เอ่อ..หมอ!”
“อุ่ก...”
“เชี่ย.. หมอมึงมองตากู อย่าเพิ่งนะเว้ย อีกนิดเดียวจะถึงแล้ว”
“หมอ..ไม่ไหวแล้ว โอ้กก”
จบกัน ห้องน้ำอีกอยู่ตรงหน้าแล้วนะเชี่ยหมอ…
ผมปิดจมูกยืนหันหลังให้อีกคนพลางเอื้อมมือไปลูบหลังให้ไอ้หมอเบาๆ ส่งยิ้มแห้งๆให้คู่รักที่เดินผ่านมาเห็นท่าทางของเราสองคนแล้วส่งสายตาเข้าใจมาให้ เหลือบไปดูอาการคนที่ยืนโก่งคออยู่ข้างหลังเห็นว่ายังไม่เสร็จภารกิจ ก็หันหน้ากลับมาทางเดิม
“อุ่..แหวะ”
เสียงของไอ้หมอ ยังดังให้ได้ยินเป็นระยะ ผมได้แต่ทำหน้าเนือยไปพลางสลับกับลูบหลังให้ไอ้หมอเป็นระยะ เป็นไงล่ะ หมอจงอินคนเก่งแห่งห้องตรวจ พูดซะดิบดีว่าคนหล่อเขาไม่เมารถไฟเหาะกัน รถออกตัวไปไม่ทันจะถึงไหนไอ้หมอก็หันหน้าซีดๆมามุดกับคอผมแทบจะทันที
“เจียมกะลาหัวมั่งนะมึงอ่ะ ไอ้ไข้รึก็ยังไม่หายยังจะซ่ามาเล่นรถไฟเหาะ”
ผมว่าพร้อมกับขาเตะก้นไอ้หมอจงเบาๆ หมอจงรับน้ำไปจากมือผมแล้วหันไปบ้วนปากก่อนจะเอาหน้าป่วยๆของมันมาวางแหมะอยู่ที่ไหล่ของผม นี่แน่ใจยังว่าสะอาด คือถ้ามีเศษอ้วกมาติดตัวกูนะ มึงไม่ได้แค่ป่วยเพราะไข้แน่
“ฮือ.. ก็หมอเปิดดูข้อความ แล้วมันส่งมาว่า หมอได้บัตรส่วนลดสี่สิบเปอร์เซ็น หมดอายุวันนี้นี่นา หมอเห็นว่าหมีน้อยก็ไม่ได้มาสวนสนุกนานแล้วก็อยากมากับหมีน้อยอ้ะ หมอผิดตรงหนายยย”
ไอ้หมอจงงอแง เอานิ้วชี้จิ้มกันเบาๆพยายามทำท่าทางให้เหมือนตุ๊กตาลูกหมีน่ารักๆ เอาเถอะ..ผมจะไม่ออกความเห็น
“มึงผิดตั้งแต่มึงเกิดมาดำอ่ะหมอ รอนี่ก่อน หน้ามึงซีดอย่างกับหมีใกล้ตาย เดี๋ยวกูไปซื้อน้ำกับผ้ามาให้ อย่าซนนะมึง”
โหดก็อยู่ส่วนโหด ห่วงก็อยู่ส่วนห่วง ถึงไอ้หมอจะยังคงคอนเซ็ปไร้สติของมันต่อไป แต่หน้าของมันที่เริ่มซีดมากขึ้นบวกกับที่เมื่อกี้มันเอาหน้ามาใกล้ ทำให้ผมรู้ว่าตัวหมอจงเริ่มจะร้อนขึ้นมาอีกแล้ว ผมเดินออกมาหาร้านขายน้ำใกล้ๆแถวนี้ ก็เจออยู่ร้านนึง ผมสั่งน้ำเปล่าแบบไม่เย็นมาสองขวด เหลือบไปเห็นในตู้แช่มีผ้าเย็นวางขายก็เลยสั่งมาด้วยสองผืน แม่ค้ายื่นของทั้งสองอย่างมาให้ด้วยรอยยิ้ม ผมก็ยิ้มตอบหน่อยๆก่อนจะเอามือล้วงหากระเป๋าตัง
.....ที่ไม่มี
เดี๋ยวนะ กระเป๋าตังผมก็เอาใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงด้านหลังนี่ หรือหยิบออกมาใส่กระเป๋าเสื้อ? ผมลองเอามือตบๆที่กระเป๋าเสื้อ
นี่ก็ไม่มี...คือกระเป๋าตังผมหายใช่มั้ยเนี่ย
“กระเป๋าตังผมหายอ่ะพี่ งั้นผมไม่เอาแล้ว ขอโทษทีนะครับ”ผมส่งยิ้มจืดๆให้พี่คนขาย ซึ่งแม่ค้าก็พยักหน้าเข้าใจหันเอาน้ำกับผ้าไปเก็บที่เดิม ผมเดินหน้ายุ่งกลับไปหาไอ้หมอจงก็เห็นมันกำลังยืนคุยกับเด็กคนนึงอยู่ หน้าดำๆซีดๆของมันดูเคร่งเครียด
หือ ทำไมเด็กคนนั้นดูคุ้นๆ
“ทำไมทำแบบนี้” เสียงของหมอจงฟังดูผิดไปจากปกติยิ่งทำให้ผมต้องรีบสาวเท้าเข้าไปใกล้คนทั้งสองคน
“ผมไม่ได้ตั้งใจ..” เด็กที่ยืนประจันหน้ากับหมอจงตอบเสียงเบาหวิว ผมเดินเข้าไปอยู่ข้างๆหมอจงและมองสลับไปมาระหว่างทั้งสองคน
อ้าว...เด็กคนนี้ที่ชนกับผมที่ทางเข้านี่
“ขโมยที่ไหนเขาไม่ตั้งใจกัน เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าโกหกผู้ใหญ่” ผมเลิกคิ้วกับสิ่งที่ได้ยิน เด็กคนนี้เป็นขโมยเหรอ จ้องเด็กน้อยที่ยืนก้มหน้าจนกางแทบจะชิดอก มือทั้งข้างประสานกันแน่น ท่าทางของอีกคนทำให้ผมแอบสงสารจนต้องหันไปหาไอ้หมอจง คนตัวสูงกว่านี่ก็ยืนกอดอกปล่อยรังสีกดดันจนผมอึดอัดแทนน้องเขา
“มึงอย่าทำหน้าดุมากดิ่วะ คุยกันดีๆ” ผมปรามเบาๆ
“แต่เด็กนี่ขโมยกระเป๋าตังมึงนะ” หมอจงหันมาบอกประโยคที่ทำให้ผมต้องนิ่งไป
กระเป๋าตังผม ?
หมอจงที่เห็นผมนิ่งค้างไปก็ชูกระเป๋าหนังสีดำสนิทใบคุ้นตาขึ้นมาให้ผมดู ผมพินิจพิจารณาอยู่ครู่เดียวก็สรุปได้ในทันทีว่ามันคือกระเป๋าตังที่ผมทำหายไปจริงๆ
“น้องเอากระเป๋าตัวพี่ไปเหรอ?” ผมหันไปถามคนที่ยืนก้มหน้าอยู่ ก็เห็นเด็กตรงหน้าถอนหายใจเบาๆแล้วก็พยักหน้ารับ
“ผม..ผมขอโทษ ผมหลงทาง” เสียงหวานพูดอึกๆอักๆ ผมจับหน้าอีกคนให้เงยหน้าขึ้นมา เด็กตรงหน้าหลุบตาลงพื้นไม่ยอมสบตา เหมือนคนกลัวความผิด
“แล้วทำไมต้องขโมย” ผมถามเสียงเรียบ
“ผมหิว.. แต่ผมไม่มีเงิน” ถึงคนตรงหน้าดูจะกลัวๆอยู่แต่ก็ยังยอมตอบ ดูแล้วก็คงพูดความจริง ผมถอนหายใจออกมาพรืดแล้วหันไปมองหน้าหมอจงซึ่งมองอยู่ก่อนแล้วอย่างจะขอคำปรึกษา
จะว่ายังไงดีล่ะ ไอ้โกรธก็โกรธอยู่หรอก แต่ท่าทางของเด็กคนนี้มันน่าสงสารจนผมไม่อยากจะเอาความอะไรมาก
“แล้วกินอะไรรึยัง” คราวนี้ หมอจงเป็นคนถามบ้าง เด็กน้อยเงยหน้ามองคนถามนิดหน่อย ปากเล็กๆนั่นเม้มเข้าหากันก่อนจะส่ายหัวเป็นคำตอบ
“ผม...ไม่กล้าใช้”
กล้าขโมย แต่ไม่กล้าเอาตังไปใช้.. ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไงดีเลยนะเนี่ย แล้วผมจะทำยังไงกับเด็กคนนี้ดีล่ะ อยากจะปล่อยไปอยู่หรอกเพราะได้กระเป๋าคืนแล้วแต่ก็กลัวจะไปขโมยใครเขาอีก แต่จะให้เอาความก็สงสารน้องเขา
“งั้น...”
“ไปกินข้าวกับพี่หมอละกัน เดี๋ยวพี่หมอเลี้ยง”
ผมตัดสินใจจะปล่อยน้องเขาไป แต่ไม่ทัน ..
หมอจงคว้ามือผมลากไปอีกทาง พร้อมมืออีกข้างก็กอดคอเด็กคนนั้นให้เดินตามมาด้วย ผมที่ถูกลากอีกรอบถึงกับทำหน้าไม่ถูก ที่ไอ้หมอจงตัดสินใจแทนผมขึ้นมาซะดื้อๆ
อารมณ์ไหนของมึงเนี่ยหมอ ?
โปรดติดตามตอนต่อไป
แว้บมาแก้ และบอกว่า เค้ากลับมาแล้วน้า
จุ้บๆ คุณหมอจงอินพระเอกสุดๆอ่ะ ทำไมพาร์ทนี้หล่อจัง เฮื้อะ
ความคิดเห็น