ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ' e x o : DOCTOR ✦ (kaido)

    ลำดับตอนที่ #5 : ✚ DOCTOR - 넷 。

    • อัปเดตล่าสุด 12 ต.ค. 56


    DOCTOR

     

     

     

     

     

     

                "น้องติ๋ม ครบ32มั้ย"


                "พี่พยอน!! มาได้ไงเนี่ย"


                ประโยคนี้มันคุ้นๆนะ ว่ามั้ย    


                "เดินมาสิ พี่ไม่มีปีกนะ บินไม่ได้" ว่าพลางกางแขนทั้งสองข้างให้ดูแล้วทำท่ากระพือปีกเป็นการยืนยัน คนที่นอนอยู่บนเตียงก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เบ้ปากหน่อยๆ แล้วหันไปจ้องจอโทรทัศน์แทน


       "จริงอ่ะ น่าเบื่อจัง" พูดโดยที่สายตาจดจ่ออยู่กับหน้าจอสี่เหลี่ยม


                "เดี๋ยวเถอะเรา"คนถูกเมินเห็นเจ้าตัวแสบทำเป็นมองไม่เห็นก็ค้อนเข้าให้ซะวงเบ้อเร้อ


        ขอทีเถอะ โดคยองซูยังยืนอยู่ตรงนี้นะครับ พยอนแพคฮยอน โอเซฮุน! ตกลงใครเป็นพี่น้องใครกันแน่


                "อะแฮ่ม" ขอกระแอมหนึ่งทีเพื่อเรียกความสนใจ แน่ะ ยังจะมาเหลือบตามองอีก


                ตอนนี้ผมอยู่ที่โรงพยาบาลครับ หลังจากปิดร้านก็พาพยอนแพคมาเยี่ยมน้องฮุนตามที่คุยกันไว้ แต่ก็นั่นแหละ พอเข้ามาปุ๊ปทั้งพยอนแพคทั้งน้องฮุนก็คุยกันไปคุยกันมาอยู่สองคน ทิ้งให้ผมที่เดินตามเข้ามาทีหลังกับไอ้เจ๊กที่นอนแผ่อยู่ที่โซฟาให้กลายเป็นธาตุอากาศไปซะเฉยๆ มันน่าน้อยใจนัก


                "เราเป็นส่วนเกินเหมือนกันเลยอ่ะหมีน้อย ฮึก" ไอ้เจ๊กนี่ก็พอกัน พอเห็นว่าผมเองก็ถูกกันออกจากโลกของทั้งคู่ก็รีบวิ่งมาเกาะแกะผมทันที แค่กอดนี่ก็จะตายละยังจะเอาหน้ามาถูอีก ดีหน่อยที่หน้าตาไอ้เจ๊กเข้าข่ายมุ้งมิ้งพอดีกับส่วนสูง  ถึงได้ทำออกมาแล้วไม่เสียสายตา ไม่งั้นพ่อจะคีบหัวโยนออกนอกห้อง


                "ดโยจังไม่ต้องน้อยใจ มานี่ๆ อยากกอดทั้งพี่ทั้งน้องเลย" แพคฮยอนอมยิ้มเอื้อมมือมาคว้าคอเสื้อผมเข้าไปหาแล้วกระชาก..ย้ำนะครับว่ากระชากคอน้องฮุนลงมากอด กลายเป็นว่าเราสามคนก็ยืนกอดกันงงๆ ส่วนไอ้เจ๊กก็โดนเขี่ยออกไปนอกวง ทำหน้าสลดอยู่ปลายเตียงโน่น


        หึ! ใครเป็นส่วนเกินให้มันรู้ซะบ้างนะเจ๊กนะ (แหม เมื่อกี้ก็ยังเป็นส่วนกวนอยู่นะหมีน้อยนะ)


                ระหว่างที่เราสามคนยืนกระชับอ้อมกอดที่ห่างหายไปนานก็มีเสียงอันไม่พึงประสงค์เท่าไหร่สำหรับผมดังขึ้น


                ปัง!


                แย่ละ...


                "แพคฮยอนขี้โกง!! มากอดหมีน้อยของหมอได้ไงอ่ะ!!"


                ตัวป่วนมาแล้ว.. คยองซูปวดตับ


                "แบร่ จงอินมาช้าเอง ดโยจังเสร็จเราแล้ว"


                "อ๊าาา ไม่ได้นะ หมีน้อยต้องให้หมอกอดได้แค่คนเดียวสิ แพคฮยอนห้ามกอดหมีน้อยนะ ปล่อยเลยๆ"


                ว่าแล้วก็เกิดสงครามตะลุมบอนระหว่างหมีควายกับหมาในห้องพยาบาลที่ไม่ได้กว้างอะไรเลย ไอ้เชี่ยหมอครับ เมื่อไหร่มึงจะมาพร้อมคำว่าความสงบสักทีครับ แล้วนี่ทำไมสองคนนี้ต้องมาฉุดแขนผมคนละข้าง คนนะไม่ใช่ตุ๊กตา ถ้าแขนขาดขึ้นมามันเย็บใหม่ไม่ได้นะเว้ย


                "พอเลยมึง เชี่ยหมอ พยอนแพคมึงด้วย แขนจะขาดแล้วโว้ย" ด้วยความหงุดหงิดผมเลยยกเท้าถีบเข้าที่เอวไอ้หมอจงก่อนจะหันหน้าไปสั่งอีกคนให้ปล่อยแขนผมทั้งคู่ สองคนนี้เจอกันทีไรเป็นต้องแย่งกันทุกที ที่ไม่เข้าใจก็คือ ทำไมส่วนใหญ่ต้องมาแย่งกันกอดผมเกือบทุกครั้ง ผู้ชายสองคนมาแย่งกันกอดผู้ชายคนเดียวมันไม่ได้ดูดีหรอกนะบอกไว้เลย



                "หมีน้อยใจร้ายอ่ะ ทิ้งหมอไว้ที่ห้องคนเดียว เปล่าเปลี่ยวมากเลยนะรู้มั้ย หมอแทบจะเหงาตายแน่ะ ฮือ"


                ผ่านไปไม่ทันจะครบห้านาที ไอ้หมอจงที่ถูกไล่ไปนั่งติดมุมห้องก็ออกอาการงอแงเดินเข้ามาวุ่นวายกับผมอีก มึงช่วงอยู่นิ่งๆหน่อยได้ป่ะครับหมอครับ ดูอย่างพยอนแพคดิ้ นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่เงียบๆ ส่วนไอ้เจ๊กกับน้องฮุนก็นั่งคุยกันเงียบๆเหมือนโลกนี้มีกันแค่สองคน...เจ๊กมึงเอาหน้าไปใกล้น้องกูมากไปละ ถอย!!


                "โอ๊ย! คยองมึงตบหัวกูทำไมเนี่ย" ไอ้เจ๊กมันหันมามองผมพลางเอามือลูบหัวตัวเองป้อยๆด้วยสายตาเจ็บปวดรวดร้าว


                ตัวก็เล็กนะ แต่แรงมึงนี่ไม่ต่างจากหมีควายเลยนะครับ นี่ใช้มือหรือตีนตบ พี่ลู่อยากจิคราย T _ T


                "ใกล้ไปละมึง อย่าคิดว่ากูไม่เห็นนะ ส่วนมึง งานน่ะมีมั้ย มีอะไรก็ไปทำดิ่ เกะกะ" ชี้หน้ามันคาดโทษแล้วหันไปแว้ดใส่ไอ้หมอจงที่ยังคงเกาะแขนตัวเองอยู่ พาลครับฮึ่ม!! น้องใครใครก็หวงเคยได้ยินป่ะ แล้วไอ้ดำนี่ก็เกาะแกะจังเลย เดี๋ยวกูจับโยนลงถังขยะซะนี่


                "เค้าทำอะไรผิดอ่ะ" หมอจงทำเสียงสะอื้น ยืนขาชิดก้มหน้าเอานิ้วชี้จิ้มกันจึ้กๆ ทำไมมันเหมือนสติ้กเก้อร์ไลน์หมีบราวน์แปลกๆ มันเป็นพ่อลูกที่พลัดพรากจากกันรึเปล่า


                "ให้พี่หมีตอบ เดี๋ยวช้ำในตายนะพี่หมอ" น้องฮุนที่เปลี่ยนมานั่งฟังพวกผมเถียงกันตั้งแต่เมื่อไหร่รู้พูดขึ้นมา


                "เออถูก ช้ำจนเขียวเลยนะมึง" ไอ้เจ๊กที่เลิกคลำหัวแล้วหันมาพยักหน้าหงึกหงัก ช่วยเสริมทับพร้อมกับยื่นมือไปจับมือน้องฮุน เชี่ยลู่ พูดอย่างเดียว มือไม่ต้อง


                เพียะ


                "หมีน้อย มึงตีกูอีกแล้วนะ TOT"


                "กลับไปทำงานได้ละหมอ กูจะพาน้องเข้านอน" ผมไม่สนใจหน้าเบี้ยวๆของไอ้เจ๊กหันไปสะบัดมือไล่คนตัวดำที่ยืนทำท่าสะอื้นอยู่ หมอจงเบะปากใส่ผมแล้วเดินคอตกไปทางประตู


                "ถ้าหากเธอไม่รักกัน หมอพร้อมจะไป ฮึก.."


                เพลงเหี้ยไรของมึงเนี่ยหมอ!! - _ -





                "ไม่รั้งหมอเหรอ"


                ไอ้หมอจงยื่นหน้าเข้ามาถามหน้าหงอย หลังจากเปิดประตูและก้าวออกจากห้องไปแล้ว ก็ยังไม่มีใครคิดจะรั้งมันไวสักคน


                มึงไปสักทีเถอะหมอ!!


                ผมบ่นในใจพลางถลึงตาใส่มันไปทีนึง นั่นแหละไอ้หมอจงถึงได้ยอมพาร่างหมีควายของมันกลับไปทำงานได้จริงๆสักที


                และแล้วห้องพักพิเศษของน้องฮุนก็กลับมาสู่ความสงบสุขอีกครั้งหนึ่ง





                "ดโยจังนี่น้า แกล้งจงอินอยู่เรื่อยเลย" แพคฮยอนที่ทำตัวเป็นอากาศมานานหลังจากโดนผมสั่งให้ปล่อยแขนก็พูดขึ้น 


                อะไรทำไมต้องหรี่ตามองแล้วยิ้มแบบนั้น


                "ไม่ได้แกล้ง รำคาญมัน พอๆ น้องฮุนง่วงรึยังดึกแล้วนะ"  ผมพูดปัดๆแล้วหันไปหาน้องชายสุดที่รักแทน


                "น้องฮุนนอนเลยก็ได้ครับ แต่พี่เสี่ยวลู่ยังไม่ยอมอาบน้ำเลยอ่ะ พี่หมีไล่ให้หน่อย พี่เสี่ยวลู่ไม่เชื่อฟังน้องฮุนเลย" น้องฮุนพยักเพยิดหน้าไปทางคนที่นั่งยิ้มแป้นตาใสแจ๋วอยู่ก่อนจะเบะปากหน้าง้ำ เมื่อไอ้เจ๊กทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่


                "เจ๊กมึงอย่ามาสร้างมลภาวะเป็นพิษในห้องน้องกู จะไปอาบดีๆหรืออยากมีรอยบาทาเป็นของแถม"


                "เออๆ จะไปอาบแล้วเนี่ย ดุจัง แล้วมึงกับแพคฮยอนจะกลับเลยป่ะ" พอผมถลึงตาใส่ ไอ้เจ๊กถึงได้ยอมลุกจากข้างเตียงไปหยิบของใช้ในตู้เสื้อผ้าเตรียมจะเดินเข้าห้องน้ำ


                "กลับเลยมั้ยพยอนแพค" ผมหันไปถามอีกคน แพคฮยอนพยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหาคนที่นอนอยู่บนเตียง วางมือบนหัวทุยๆแล้วยีผมเบาๆ


                "กลับเลยก็ได้ เด็กติ๋มรีบนอนนะ เดี๋ยวว่างแล้วพี่จะมาเยี่ยมใหม่" น้องฮุนยิ้มตอบ


                "งั้นพี่หมีกลับแล้วนะน้องบาร์บี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าพี่มาเยี่ยมนะ" ผมเดินเข้าไปกอดน้องฮุนแล้วจุ้บหน้าผากน้องเป็นการบอกลา น้องฮุนพยักหน้าให้ผมก่อนจะโบกมือบ๊ายบาย ผมโบกมือตอบแล้วเดินออกมาจากห้อง โดยมีแพคฮยอนตามมาติดๆ


                ครืด ครืด


                จู่ๆโทรศัพท์ที่นอนนิ่งอยู่ในกระเป๋ากางเกงสั่นครืดคราดจนผมต้องหยิบขึ้นมาดู


                LINE doctorkim : send  you a  sticker


              "......."


                สติ้กเก้อร์รูปหมีบราวน์เอาใบตองมากางปิดหัวกันฝนนี่คืออะไรครับ....


                ผมเปิดอ่านโปรแกรมแชทแล้วก็ปิดหน้าจอเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงตามเดิม ขี้เกียจตอบครับ ไร้สาระ


                    "งั้นกลับละนะดโยจัง ฝันดีนะ คิดถึงมากๆเลย " แพคฮยอนหันมาทำท่าซารังเฮให้พร้อมรอยยิ้มกว้าง


                ผมเองก็ยิ้มกว้างๆขยิบตาให้เขาหนึ่งที


                "คิดถึงเหมือนกัน "

     












     

    △ ­  ­  ­  ­  ­  ­  ­  ­ △

     

     

     

                การเทียวไปโรงพยาบาลในตอนเช้าตรู่และกลับมาเฝ้าร้านตั้งแต่สิบโมงจนสองทุ่มเสร็จแล้วก็กลับไปโรงพยาบาลอีกรอบดูเหมือนจะไม่เหนื่อยเท่าไหร่ แต่เอาเข้าจริงๆนี่มันก็เหนื่อยเหมือนกันนะครับ ห้าวันแล้วตั้งแต่วันที่เกิดอุบัติเหตุน้องฮุนก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล ถึงจะมีไอ้เจ๊กช่วยดูแลให้ช่วงที่ผมต้องไปร้านมันก็ยังเหนื่อยอยู่ดี


                สาเหตุก็มาจากไอ้หมอจงนั่นแหละครับ ปกติถึงหมอมันจะอู้มาที่ร้านผมแทบทุกวัน ก็จะมาช่วงๆบ่ายจนเกือบจะเย็นแล้วก็นั่งแช่จนร้านจะปิด แต่พอน้องฮุนเข้าโรงพยาบาล ผมก็ต้องสู้รบปรบมือกับมันตั้งแต่เช้าตรู่ที่มาเยี่ยมน้องฮุน จนก่อนจะกลับก็ยังมีตัวดำๆของไอ้หมอจงมาป้วนเปี้ยนอยู่ไม่ห่าง


                ดีหน่อยก็ที่เมื่อวานหมอจงมันไม่โผล่มาให้เห็นเลย ค่อยสบายหูสบายหัวหน่อย วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ยามเช้ายังคงสดใสไม่มีหมีควายที่ไหนโผล่เข้ามารบกวน ถึงจะแอบแปลกใจนิดหน่อยที่หมอจงหายเงียบไปเลย แต่ผมจะไม่ยุ่งครับ เหนื่อย ขออยู่สงบๆสักวันสองวันเถอะ


                "เจ้าของร้านคนขยัน มาแอบนั่งอู้อะไรแถวนี้ล่ะ"


                "อ้าว ปาร์คชาน"


                "ไง"


                ผมหันไปทักคนที่เดินเข้ามาจากด้านหลัง แถมยังเอามือมายีหัวผมซะยุ่ง ร่างสูงโย่งของเพื่อนหูกางเดินยิ้มละไมเรียกเสียงกรี๊ดจากลูกค้าสาวๆในร้านได้เป็นอย่างดี ถึงขอบตามันจะคล้ำไปหน่อยก็เถอะ ชานยอลเลื่อนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามออกแล้วนั่งเอนหลังพิงพนักเหยียดขาเต็มความยาว แล้วทำท่าจะหลับซะตรงนี้เลย


                "อะไร นี่จะมานอนร้านกาแฟหรือไง"


                ผมเลิกคิ้วมองเพื่อนตัวเองที่คว้าหมอนอิงมากอดแนบอกแล้วเอาหน้าซุกลงไปจนมิด ชานยอลหัวเราะในลำคอแต่ก็ไม่ยอมเอาหน้าขึ้นจากหมอน สงสัยจะง่วงจริงแฮะ ตัวก็เริ่มจะเอียงไปแรงโน้มถ่วงของโลกทีละน้อยแล้วนั่น


                "ไปทำงานละ เดี๋ยวคุณพนักงานว่า เอาอะไรมั้ยจะได้ให้เด็กเอามาให้"


                นั่งไปได้สักพัก ชานยอลก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะทำอะไร และคุณลูกค้าที่น่ารักก็เริ่มทยอยเข้ามาเยอะขึ้น ผมก็คิดว่าควรจะกลับไปทำหน้าที่เจ้าของร้านที่ดีได้แล้ว ผมจิ้มจึ้กๆไปกลางหัวชานยอลเบาๆลองดูเผื่อว่าเขาจะยังไม่หลับสนิท ซึ่งชานยอลก็แค่พยักหน้าหงึกหงักเป็นการตอบรับแต่ไม่พูดอะไรต่อ ก็คงเอาเมนูเดิมล่ะมั้ง ผมพูดกับตัวเองในใจแล้วก็เดินกลับไปที่เคาน์เตอร์ หยิบเอากระปุกเมล็ดกาแฟ กับขนมปังออกมาวางแล้วลงมือทำเมนูตามที่คิดไว้


                "ยูจี เอานี่ไปเสิร์ฟชานยอลที อยู่หลังร้านนะ" ผมวางจานฮันนี่โทสกับแก้วลาเต้ลงบนถาด ก่อนจะกวักมือเรียกยูจีมาเอาไปกาแฟกับขนมให้คนที่นอนหลับอยู่มุมหลังร้าน ยูจีเดินมารับถาดยิ้มๆ


                "ถ้ามันหลับอยู่ก็ไม่ต้องปลุกนะ รบกวนด้วย"


                "โอเคค่ะ"


                ผมกำชับกับพนักงานคนเก่งนิดหน่อย เผื่อว่าเพื่อนหูกางจะยังหลับอยู่จะได้ไม่รบกวน ถ้าอย่างนั้น ผมก็ขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะครับ : )





     

               

                "แปลกนะคะ คุณหมอจงอินไม่มาที่ร้านตั้งสองวันแน่ะ"


                เสียงใสๆของยูจีพูดขึ้นในขณะที่พวกเรากำลังช่วยกันเก็บของในร้านให้เรียบร้อย หลังจากลูกค้าคนสุดท้ายเดินออกไป ตอนนี้ก็ถึงเวลาปิดร้านแล้วส่วนชานยอลหลังจากที่ตื่นมาเติมพลังจากขนมและกาแฟที่ผมเตรียมไว้ให้ก็ขอตัวออกไปทำงานต่อ ผมหันไปเลิกคิ้วมองคนเป็นลูกน้องที่เปิดประเด็นนี้ขึ้นมาพลางคิดตามไปด้วย


                จะว่าไปก็...แปลกอยู่นิดหน่อยล่ะมั้งครับ เพราะปกติไอ้หมอจงมันจะมาป้วนเปี้ยนที่ร้านตลอดเวลา ตั้งแต่เปิดร้านมานี่นับได้เลยนะว่ามีกี่วันที่หมอจะไม่เข้าร้าน


                ก็วันไหนที่ผมไม่เข้าร้าน วันนั้นก็ไม่มีหมอจงล่ะครับ


                "เบื่อแล้วมั้ง" ผมตอบขำๆ แล้วเราทั้งคู่ก็หัวเราะด้วยกันเบาๆ พอเก็บอะไรทุกเสร็จ ผมก็ออกมาส่งพนักงานที่หน้าร้านเหมือนทุกครั้งแล้วก็กลับเข้ามาเช็คสวิตช์ไฟในร้าน เดินไปก็พาลนึกไปสิ่งที่ยูจีพูดไว้ สองวันที่ไม่เห็นหน้าไอ้ดำเนี่ยจริงๆมันก็ไม่แปลกอะไรหรอกครับ เพราะใช่ว่าผมกับเพื่อนๆเดอะแก๊งจะเจอกันทุกวัน แต่ไอ้ดำนี่พิเศษหน่อยตรงที่ไม่ได้คิดจะเจอแต่มันจะเอาตัวเองมาอยู่ในสาระบบผมเองเป็นชีวิตประจำวัน


                ถ้าตัวมาไม่ได้ เสียงก็ต้องมา ถ้าเสียงมาไม่ได้ก็ใช้ตัวอักษรแทน เป็นคติของคิมจงอินครับ เพราะฉะนั้นการที่หมอจงเงียบหายไปเลยสองวันค่อนข้างจะผิดปกติ เพราะแม้แต่สายโทรเข้าจากไอ้หมอจงแม้แต่สายเดียวก็ยังไม่มีทั้งเมื่อวานและวันนี้



                เดี๋ยวนะ โทรศัพท์ผมอยู่ไหนเนี่ย



                แล้วผมก็เพิ่งนึกได้ว่า ผมลืมโทรศัพท์ไว้ในรถ กะจะออกไปเอาตั้งแต่กลางวันแล้วก็ลืมไปเลย ผมล็อคประตูร้านให้เรียบร้อยก่อนจะเดินมาที่รถตัวเอง เปิดประตูยื่นหน้าเข้าไปเบาะข้างคนขับก็เห็นโทรศัพท์ตัวเองนอนนิ่งอยู่ ผมพาตัวเองเข้ามานั่งในรถแล้วค่อยๆขับรถตรงไปยังโรงพยาบาล อย่างที่ทำทุกวันในช่วงเกือบหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา


                ปึง


          พอจอดรถเสร็จผมก็หันไปคว้าเอาของกระเป๋ากับถุงใส่ขนมขึ้นมาปิดประตูรถ แล้วเดินเข้าไปในตึกพักฟื้นของโรงพยาบาล หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนดูการแจ้งเตือนไปพลาง ก่อนจะสะดุดเข้ากับตัวหนังสือที่ปรากฏบนหน้าจอ


              19:24 Phone 1 miss called - ของดำ

              14:35 LINE docterkim : 2new messages

                10: 13 Messaging you have a new message from ของดำ

     

              อยากไปหาหมีน้อยอ้ะ คิดถึง T ^ T


                ผมขมวดคิ้วเมื่ออ่านข้อความจากไอ้หมอจบ แปลก..ปกติไอ้หมอจะไม่ส่งข้อความแบบนี้มาหาผมเท่าไหร่เพราะคนอย่างคิมจงอิน คิดจะมาก็มาเลยไม่เคยถาม ตอนนั้นเองที่มีพยาบาลที่ผมจำได้ว่าอยู่แผนกเดียวกับไอ้หมอเดินผ่านมา ผมจึงรีบเดินเข้าไปหาเธอเพื่อถามในสิ่งที่สงสัย


                "ขอโทษนะครับ วันนี้หมอจงอินเข้ามาทำงานรึเปล่า"


                "คุณหมอจงอิน ลางานตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ เห็นบอกว่าไม่สบาย"

               

     






     

     

    △ ­  ­  ­  ­  ­  ­  ­  ­ △

     

                แกร๊ก ..


                ผมบิดลูกบิดประตูอย่างเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะย่องเข้าไปด้านในเงียบๆ ตรงหน้าผมเป็นห้องรับแขกที่ตอนนี้ไฟถูกปิดไว้จนมืดสนิท ผมค่อยๆก้าวเท้าเดินไปยังโซฟาที่ตั้งอยู่กลางห้อง เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของใครบางคนค่อยๆดังขึ้นตามระยะห่างที่สั้นลง พอมาหยุดยืนอยู่ตรงโซฟาผมก็ยืดตัวข้ามโซฟาไปดูอีกฝั่งก็เห็นร่างสูงของใครบางคนที่หายไปถึงสองวันนอนหลับตาห่มผ้าอยู่



                ผมยื่นมือไปอังหน้าผากคนที่นอนหลับอยู่เบาๆเพื่อวัดอุณหภูมิแล้วก็ไม่แปลกใจนัก ความร้อนที่แผ่ออกมาทำบ่งบอกว่าหมอจงกำลังมีไข้ ผมสะกิดแขนหมอเบาๆลองดูว่าอีกคนหลับสนิทหรือยัง กระทั่งออกแรงเขย่าแล้วไอ้คนนอนก็ยังไม่ตื่นก็คงจะหลับจริงๆ แถมดูท่าว่าไข้กำลังจะขึ้นด้วย วิเคราะห์ได้ดังนั้น ผมก็รีบเดินเข้าในห้องครัวเพื่อเตรียมผ้ากับน้ำอุ่นไปเช็ดตัวให้คนป่วยทันที



                "สรุปที่หายไปนี่คือป่วยสินะ"



                ผมพูดไปพลางมองหน้าคนที่กำลังเช็ดตัวให้ ในใจก็นึกไปถึงข้อความในโปรแกรมแชทที่อีกคนส่งมาหาตั้งแต่บ่าย แต่เพิ่งได้เปิดดูตอนที่จะออกมาจากโรงพยาบาล สองข้อความที่อีกคนส่งมาพอเอามารวมกับสภาพที่เห็นอยู่นี่ก็ทำให้สรุปข้อสงสัยได้ว่า ไอ้ที่หายหัวไปนี่คือนอนตายอยู่ที่ห้องนี่เอง



              13:10 หมอปวดหัวจังเลยอ่ะหมีน้อย ฮือ ไม่อยากนอนเฉยๆแล้ววว

              14:35 คิดถึงหมีน้อยอ้ะ ไม่ได้เห็นหน้าตั้งสองวันแล้วน้า T ^ T



              พอเช็ดตัวเสร็จผมก็เอากะละมังใส่น้ำไปเททิ้ง แล้วเปลี่ยนน้ำใหม่เตรียมไว้ก่อนจะเดินกลับมานั่งข้างโซฟาตัวเดิม ยื่นมือไปอังหน้าผากคนป่วยอีกครั้งเพื่ออุณหภูมิ     


                RRRRRRRR


                เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาทำให้ผมต้องรีบหยิบมันมารับสาย ก่อนที่เสียงของมันจะทำให้หมอจงตื่น


                "ฮัลโหล"


                "เฮ้ยคยอง อยู่ไหนวะ น้องฮุนถามหาจนหลับไปแล้วเนี่ย" เป็นเสียงไอ้เจ๊กที่ตอบกลับมา และทำให้ผมต้องสะดุ้งตัวขึ้นนั่งหลังตรงทันที 


                เวรละ รีบออกมาบ้านไอ้หมอจนลืมน้องฮุนไปเลย



                "กูอยู่บ้านไอ้หมอว่ะ" ผมตอบไปพลางเกาท้ายทอยไปพลาง นี่ผมลืมน้องบาร์บี้สุดที่รักได้ยังไงกันเนี่ย พรุ่งนี้จะโดนน้องงอนมั้ยครับ ไม่เอานะ น้องฮุนงอนทีไรพี่หมีจะขาดใจทุกทีเลย


                "อ้าว ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะไป ทำไมวันนี้ถึงไปอยู่บ้านมันได้วะ" ไอ้เจ๊กถามกลับมาด้วยน้ำเสียงสงสัย นอกจากจะไม่ไปเยี่ยมน้องแล้วยังมาอยู่ที่บ้านเพื่อนตัวดำอีก พี่ลู่ของง


                "เชี่ยหมอมันไม่สบายอ่ะดิ่  คืนนี้กูคงอยู่ดูมันก่อนว่ะ  มึงก็ดูแลน้องฮุนดีๆนะเจ๊ก" ผมพูดไปก็เหลือบมองไอ้หมอไปด้วย ท่าทางของคนนอนหลับที่ขมวดไปคิ้วไปด้วยดูก็รู้ว่าคงไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่ทำให้ผมตัดสินใจจะอยู่ค้างที่นี่จะได้อยู่เฝ้าคนป่วยก่อน ถ้าเกิดทิ้งไว้อย่างนี้แล้วพรุ่งนี้ผมอาจได้ไปจองศาลาวัดสวดอภิธรรมให้ไอ้คุณหมอจงอินก็เป็นได้


                "อ้าวเหรอ เออๆ เดี๋ยวกูบอกน้องฮุนให้ละกัน"


                ไอ้เจ๊กว่าก่อนจะกดตัดสายไปทิ้งให้ผมนั่งมองหน้าหมอจงเงียบๆท่ามกลางความมืดในห้องรับแขก คือผมขี้เกียจเดินไปเปิดไฟน่ะ หมอจงขยับพลิกตัวมาทางผมจนปอยผมบางส่วนหล่นลงมาปรกหน้า ผมปัดผมพวกนั้นออกให้เบาๆแล้วนั่งมองหน้าหมอต่อไปพลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อย






                เวลาหลับนี่น่ารักกว่าตอนตื่นเยอะนะหมอ ช่วยหลับต่อไปนานๆนะ



    โปรดติดตามตอนต่อไป -

    สัญญาว่าจะไม่สัญญาอีกแล้ว 555555555555555
    มาลงดีเลย์อีกแล้ว ยังรอกันอยู่รึเปล่าเนี่ย ?
    ฮุ้ย หมีควายป่วยซะงั้น อ่ะๆ มีคุณป่วยก้ต้องมีคนดูแลเนาะ
    แต่มันชักจะไม่ ไคซูแล้วสิ นี่มันจะคยองไคแล้วนะ 55555555555555555
    เอาเป็นว่า ฝากติดตาม คุณหมอจงกับคุณคยองซูต่อไปด้วยนะคะ
    เวิ่นเว้อติดแท็ก #ฟิคคุณหมอ ได้น้า ขอบคุณสำหรับคอมเม้นทุกคนค่ะ อ่านแล้วฮึดมานั่งปั่นแต่เช้า
    ชอบก็กดโหวตได้น้า เจอกันตอนหน้าค่ะ

    นี่หน้าคุณคยองซูเวลาหมอจงแอ๊บแบ๊ว (อย่าฮาสิคะ!! 555555555555555)



     

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×