คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2 ความลับของร้านขายของชำ
บทที่ 2
“เธอคิดว่า เขาจะตายไหมเนี่ย” เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น นี่ฉันยังไม่ตายหรอกเนี่ย
“คงไม่หรอก ท่านนายช่วยรักษาให้แล้วนิ” เสียงของเด็กสาวในตอนนั้นนิ!!
ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมองรอบๆ ที่นี้มันที่ไหนกันนะ เป็นห้องเล็กๆใต้หลังคา ตกแต่งแบบเรียบง่าย ดูอบอุ่นดีจังเลย
“เขาฟื้นแล้วล่ะ มิคุ” เด็กผู้หญิงผมแกะสีเหลืองคนหนึ่งพูดขึ้น นี้มันอะไรกันละเนี่ย
“ที่นี่ที่ไหน??” ฉันพูดพร้อมกับพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง
“อย่าเพิ่งลุกสิ เธอยังไม่หายดีนะ” เด็กผู้หญิงผมสีเหลืองเข้ามาช่วยประคองฉันไว้ให้นอนลองอย่างเดิม
“ที่นี่คือร้านขายของชำของเจ้านายของพวกเรา ฉันต้องขอโทษจริงๆน่ะที่ไปขวางทางรถของเธอ” หญิงสาวผมสีฟ้าที่ยืนอยู่ปลายเตียงก้มหัวคงขอโทษฉัน
“พวกเธอเป็นใคร แล้วทำไมฉันยังไม่ตายล่ะ” ฉันหันไปถามพวกเขาทั้งสองคน
“ฉันชื่อมิคุจ๊ะ ที่เธอยังไม่ตายก็เพราะ เออ...คือ...”
“เจ้านายของพวกเราเป็นหมอน่ะเลยช่วยรักษาให้ ฉันชื่อรินยินดีที่ได้รู้จักนะ” รินรีบพูดแทรกขึ้น ที่นี่แปลกประหลาดดีจริงๆเลยแหะ
“เดี๋ยวพวกฉันจะออกไปทำข้าวต้มให้กินนะ ระหว่างนั้นห้ามออกไปจากห้องนี้ละ”
“นี่...” ไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไรทั้งสองคนก็จูงแขนกันออกไปจากห้องซะแล้ว อ่า..ทำยังไงดีล่ะเนี่ย ฉันอยากเข้าห้องน้ำจะแย่อยู่แล้วน่ะ
จะว่าไปที่นี่เป็นร้านขายของชำงั้นหรอ ไม่ยักกะรู้แหะว่ามีร้านแบบนี้อยู่แถวนี้ด้วยคงจะเพิ่งมาเปิดใหม่ละมั้งเนี่ย บรรยายที่นี่ชวนให้นึกถึงนิทานโลกเวทมนตร์ตอนเด็กๆที่แม่นมเคยเล่าให้ฟังจังเลย คิคิคิ ถ้ามีจริงๆก็คงจะดีนะ ฉันละอยากเป็นแม่มดแล้วเสกให้ตาไคโตะนั่นมารักฉันจริงๆเลยเชียวล่ะ....
“กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดด ที่ไขลานของฉัน เอาคืนมานะเจ้าหนูสกปรก” เสียงกริ๊ดของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นด้านนอกห้อง ดูเหมือนพวกเขากำลังวุ่นวายอยู่
“ลูกะใจเย็นๆสิ อย่าวิ่งแบบนั้นเดี๋ยวเจ้านายก็บ่นหรอก”
“กริ๊ดดดดดดดดดดด แต่ไอ้หนูสกปรกนั่นมันคาบที่ไขลานของฉันไปนิ กริ๊ดดด”
“เฮ้ย!!! เจ๊ลูกะระวัง!!!”
“โครม!!!!” อ่า...เสียงดังจังเลยแหะ เหมือนมีอะไรล้มอยู่หน้าห้องด้วย อยากรู้จังว่าอะไร คิคิคิ ลุกขึ้นไปเปิดดูดีกว่า คิคิ’
.
[ห้ามออกไปจากห้องนี้ละ]
คำพูดของสองคนนั้นผุดขึ้นในหัวของฉันจริงสิน่ะ พวกเขาห้ามให้ฉันออกไปจากห้องนี้นี่น่า แต่... จะทำยังไงดีเนี่ยความสอดรู้สอดเห็นของฉันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆซะแล้ว ตึกตัก ๆ ๆ หัวใจของฉันเต้นแรงซะจน.....
.
“ตึง!!!!!!!!!!!!!!!” และแล้วประตูก็ถูกเปิดออก
“เธอกำลังจะออกไปไหนกันน่ะ!!” มิคุ กับริน ยืนขวางประตูและจ้องฉัน บ่งบอกว่าพวกเขากำลังโกรธที่ฉันขัดคำสั่ง
“ฉันได้ยินเสียงดังเลยจะแค่ออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นก็เท่านั้นเอง” ฉันพูดพร้อมกับเดินทำหน้าเซ็งๆกลับมานั่งที่เตียง ขอแค่ออกไปดูหน่อยก็ไม่ได้ ชิ!!
“ยัยนี้ชักจะสอดรู้สอดเห็นเรื่องของพวกเรามากไปแล้วนะ ไม่น่าช่วยให้รอดเลย ชิ!!” รินพูดอย่างโมโหพร้อมวางถ้วยข้าวต้มลงบนโต๊ะ แหม ฉันละรำคานยัยนี่จริงๆเลยเชียว
“น่าๆ รินจังใจเย็นๆสิพวกคุณเมย์โกะก็เสียงดังกันเกินไปนิ” มิคุยิ้มอย่างอ่อนโยน ยัยนี่ก็ทำตัวอย่างกะนางเอก
“ฉันหิวแล้ว รีบๆเอาข้าวต้มมาให้ฉันกินสักทีสิยะ” ฉันนั่งทำท่าทางแบบคุณหนูบนเตียงกวักมือเรียกคนใช้ ชิ ก็ฉันนะเริ่ด เชิ่ด อยู่แล้วนิ
“คิดว่าตัวเองเป็นใครกันย่ะ!!!!” ยัยหัวเหลืองตะโกนเสียงดังหนวกหูจริงๆเลยเชียว
“ฮัตสึเนะ กุมิ เอ้ย! ไม่ใช่สิฉันไม่ยอมรับนามสกุลนั้นหรอกน่ะ ฉันก็คือ กุมิ เมกพอยด์ ลูกสาวคนเดียวของตระกูลเมกพอยด์ ผู้สืบทอดธุรกิจหลายพันล้านยังไงล่ะ ” ฉันจิกตาใส่ยัยหัวเหลืองที่บังอาจมาตะโกนใส่คนอย่างฉัน
“นี่เธอรู้จักคนที่ชื่อ ฮัตสึเนะ มิคุโอะไหม” ยัยหัวเขียวทำหน้าตากระตืนรือร้น ยัยนี่รู้จักมิคุโอะด้วยหรอ
“ฉันเป็นภรรยาของเขาเองล่ะ แต่ก็แค่ทางนิตินัยนะ ฉันกับเขาก็แค่แต่งงานกันทางธุรกิจก็เท่านั้นเองแหละ”
“ภะ...ภรรยางั้นหรอ” ยัยหัวเขียวพูดอย่างตระกุตระกักก่อนเดินออกจากห้องไป อย่าบอกนะว่ายัยนี้ก็เป็นหนึ่งในผู้หญิงของไอ้บ้านั่น แม้แต่ผู้หญิงซื่อๆใสๆก็ไม่เว้นเลยหรอเนี่ย
“นี่ยัยบ้าเธอพูดอะไรลงไปรู้หรือเปล่ายะ ขอให้ข้าวต้มติดคอตายไปเลย!!!” ยัยผมเหลืองพูดขึ้นก่อนจะวิ่งตามยัยนางเอกลงไป ชิ!! น่าหมั่นไส้ชะมัดเลยแหะ ชักหิวแล้วสิ ทานข้าวต้มดีกว่า
“แต่ว่าเมื่อกี้มันเสียงอะไรกันนะ” ฉันพูดพึมพำกับตัวเองพร้อมกับมองไปที่ประตู หลังประตูบานนั้น ถ้าฉันเปิดมันออก แล้วมันจะมีอะไรเกิดขึ้นไหมนะ จะมีนางฟ้าตัวน้อยๆ หรือพ่อมดสุดหล่อโผล่มาไหมนะ คิคิ...
.
.
.
ท้องฟ้าสีครามสดใสค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นสีซีเปียอย่างช้าๆ ในยามเย็น ก่อนที่ดวงตะวันจะลาลับขอบฟ้า เข้าสู่ค่ำคืนอันมืดมิน เสียงเพลงกล่อมเด็กของจันทราดังขึ้นทั่วทุกสารทิศในหุบเขาเวทมนตร์
“ฮารุ ซาคุรัส วีรีส โอม นานา ฮุราฮุรา..” เสียงร่ายคาถาดังขึ้นกลางความเงียบ กลบเสียงบรรเลงเพลงลง
.
“เสียงของใครกันน่ะ...” ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นในกลางดึก เสียงของใครบ้างคนเหมือนกำลังท่องคาถาอย่างสักอย่างอยู่ มันคืออะไรกันนะ
“ซายาซายา ฮาซุ บลาโฮล...” เสียงดังขึ้นอีกแล้ว มันก้องอยู่ในหัวของฉันไปหมด ใครกำลังทำอะไรกันนะ โอ๊ย!!... ปวดหัวไปหมดแล้ว ฉันต้องรู้ให้ได้เลยว่าที่นี่มันมีอะไรกันแน่!!
“พรึ่บ!!!!!!!!!!!!” ฉันลุกจากเตียงขึ้นไปเปิดประตูออก เอ๊ะ!! เอ๊ะ!! ถ้าฉันจำไม่ผิดห้องที่ฉันอยู่มันคือห้องใต้หลังคานิ!! แต่พอเปิดประตูออกมาทำไมมันถึงกลับกลายเป็นสวนดอกไม้ล่ะ!! แถมยังปราสาทตรงหน้าของฉันอีก ที่นี่มันคือร้านขายของชำจริงๆนะหรอเนี่ย!!
“ฮาโรฮาโมล่า ฮาวิส คุซา....” อะ เสียงนั้นดังขึ้นอีกแล้ว ดังมาจากในหอคอยบนปราสาทนั้น มันคืออะไรกัน ราวกับกำลังเรียกฉันให้เข้าไปหามัน..
ฉันเดินไปตามทางเดินในสวนเพื่อไปที่ปราสาท สวนนี้ดูแปลกตาจริงๆมีทั้งต้นไม้และดอกไม้ประหลาดเต็มไปหมด หรือว่านี้จะเป็นโลกเวทมนตร์จริงๆละเนี่ย แต่ว่าโลกเวทมนตร์มันจะมีจริงๆหรอ?? คุณแม่นมเคยบอกว่ามันมีแต่ในเทพนิยายนี่น่า
“แอ๊ดดดดด!!” ไม่ทันไหร่ฉันก็เดินมาถึงที่หน้าประตูของปราสาท และค่อยๆเปิดมันออก เสียงประตูนี้น่ากลัวจัง แถมเสียงร่ายคาถานั่นก็ดังซะจนปวดหัวไปหมดแล้ว ยังไงก็ต้องไปขอร้องให้เขาหยุดร่ายคาถาก่อนละนะ
“ว่าแต่ว่าเจ้าหอคอยนั่นมันขึ้นไปทางไหนกันนะ” ฉันมองไปยังบันไดวนทั้ง 4 ทิศ อ่า..สงสัยต้องอาศัยฟังเสียงแล้วค่อยๆตามมันไปซะแล้วสิ แต่เอ๊ะ..พอมาถึงตรงนี้ทำไมเสียงร่ายคาถานั้นเงียบไปละเนี่ย
“กุกัก กุกัก กุกัก” เสียงอะไรบ้างอย่างดังขึ้นแทนเสียงร่ายคาถานั้น มันดังออกมาจากห้องใต้บันได้ทางทิศเหนือ
“นั้น ใครน่ะ!!” ฉันรีบวิ่งไปดูพร้อมกับเปิดประตูห้องใต้บันไดนั้นออก
“พรึ่บ!!!!!!!!!”
“กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!”
ความคิดเห็น