คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 พรีเวดดิ้ง (2) (100%)
บทที่ 3 พรีเวดดิ้ง (2) (30%)
“สวยมากเลยคะ คุณปลายฟ้า” เสียงพนักงานที่คอยจัดปลายกระโปรงให้เข้าที่เข้าทาง กลับเสียงดังขึ้น เมื่อว่าที่เจ้าสาวสำรวจความเรียบร้อยในกระจก เงาสะท้อนของปลายฟ้าไม่ได้ทำให้พนักงานสาวในร้านชื่นชมเพียงอย่างเดียว กลับมีชายหนุ่มอีกคนที่แอบชื่นชมความงามในกระจกที่สะท้อนเข้าสู่ม่านตาแบบเงียบๆ
“เอ่อ .. ขอบคุณนะคะ” ปลายฟ้าตอบแบบอ้อมแอ้ม เนื่องด้วยไม่ค่อยจะมีใครชมเธอตรงๆแบบนี้ แล้วผู้ชายหน้านิ่งที่ มองมาในมุมโซฟารับรองแขกตัวยาว ก็ทำให้เลือดในกายพร้อมใจกันวิ่งแล่นมากองที่หน้าได้อย่างไม่ยากนัก “จะจ้องอะไรนักหนา ตาบ้านี่ ชั้นก็อายเป็นเหมือนกันนะ” อยากจะเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วถามจริงๆ ว่าจะมองอะไรกันนักกันหนาอายเป็นเหมือนกันนะ สายตาที่มองเหมือนทะลุปรุโปร่งเข้าไปในเนื้อผ้าลายลูกไม้ แล้วจะยังรอยยิ้มมุมปากที่ยกน้อยๆ ทำให้หญิงสาวที่ทำเป็นไม่สนใจอดใจสั่นขาสั่นไม่น้อย
“คุณวัฒน์คะ ไม่ทราบว่าชุดนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ ติได้นะคะหากต้องการให้ปรับแก้ตรงไหน” พนักงานสาวในร้านเดินเข้ามาประชิดตัวตอนไหนชายหนุ่มไม่รู้เลย ก็เมื่อตอนนี้ทั้งสายตาและความสนใจพุ่งตรงไปที่หญิงสาวตรงหน้ากระจกหมดเสียแล้ว เธอช่างเหมาะกับชุดนี้เสียเหลือเกิน เธอเลือกชุดได้ตรงใจเขามากช่วงขาที่เรียวยาว และช่วงไหล่มน เป็นสิ่งที่เขาชอบในร่างกายของเธอ มันทำให้ญิงสาวร่างบางตรงหน้า ดูน่าทะนุถนอมและน่าโอบอ้อมยิ่งนัก
“สวยแล้วครับ เธอเหมาะกับชุดนี้มาก ผมชอบมากครับ”เผลอพูดออกไปอย่างใจคิด สิ้นประโยคตอบคำถามก็ได้รับเสียงกรี้ดกราดจากบรรดาสาวแท้สาวเทียมในร้านที่อดรู้สึกอิจฉาว่าที่เจ้าสาวไม่ได้ ที่ตอนนี้ยืนหน้าแดงอยู่หน้ากระจก
“งั้นหากทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญคุณภควัฒน์และน้องปลายฟ้าเข้าไปที่ห้องถ่ายภาพได้เลยคะ ทางเราจะเริ่มถ่ายภาพนิ่งเพื่อใช้เป็นรูปประกอบในงานคะ”
.ห้องถ่ายภาพนิ่ง.
เป็นห้องถึบพื้นหลังห้องเป็นฉากสไลด์ไว้ประกอบภาพในแต่ละอารมณ์ ภาพที่ตอนนี้ที่อยู่หลังห้องเป็นภาพธรรมชาติของทุ่งดอกไม้สีเหลืองทองเปล่งประกายชูช่อความสวยงามอวดโฉมอลังการของสีเหลือง ยิ่งมีแสงสปอร์ตส่องไปที่ภาพฉากทำให้ภาพฉากนี้ดูน่าหลงใหลยิ่งนัก
“เธอชอบรูปนี้เหรอ” อดจะรู้สึกแปลกใจไม่น้อย ก็เมื่อได้เข้าห้องนี้มาสายตาของปลายฟ้าโฟกัสไปที่รูปนี้อยู่รูปเดียวเหมือนตกอยู่ในภวังค์
“คะ ชั้นชอบภาพนี้ มันอดที่จะทำให้ชั้นนึกถึงอดีตไม่ได้ อดีตที่เคยสดใสชั้นเคยวิ่งเล่น จับดอกไม้มาถัดหู แล้วจับกรีบของดอกไม้ลอยขึ้นฟ้าแล้ววิ่งตามเก็บตอนมันกำลังจะร่วง แค่คิดชั้นก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้แล้วคะ”
“ไว้สักวันผมพาไปที่นั่นดีไม่”
..........................................
มาต่อ (50%) คะ
“ฮ่าๆๆๆ นี่คุณเชื่อเหรอว่าผมพูดจริง หึๆๆไม่ต้องเถียงหรอกนะ อาการมันฟ้องซะขนาดนี้”
“นี่ คุณหลอกชั้นเหรอ ไอ้บ้านี่แหนะ นี่แหนะ” ไม่ว่าเปล่ามือทั้งสองกุมเป็นกำปั้นรัวทุบที่อกแกร่งแบบไม่ยั้ง จะเอาให้ตายเลยไอ้คนบ้า สนุกรึไงหลอกกันแบบนี้ หึ ต่อไปชั้นจะไม่เชื่ออะไรคุณเลย ไอ้คนนิสัยไม่ดี
“อย่าหนีนะ” อ่ะ คิดจะหนีเหรอคนบ้า คอยดูเหอะถ้าไม่โดนสักหมัดน่ะคืนนี้ปลายฟ้าคงนอนไม่หลับเป็นแน่ คนอะไรร้ายกาจเสมอตนเสมอปลายจริงๆ
“ใครมันจะบ้ายืนเฉยๆ ให้ผู้หญิงอย่างเธอทำร้ายร่างกายละ แน่จริงก็จับให้ได้ซิ หึๆๆ” แกล้งยัยนี่ก็สนุกดีเหมือนกันนะ ชายหนุ่มนึกในใจนานมากแล้วที่เขาไม่ได้แกล้งใครแบบเด็กเหมือนอย่างวันนี้
“อ่ะ” ก่อนที่ปลายฟ้าจะได้ถึงตัวชายหนุ่ม ความซุ่มซ่ามที่เป็นนิสัยที่แก้ไม่หายก็กลับมาในคราวคับขัน ขาเรียวยาวที่ใครๆต่างชื่นชม กลับพลิกจากรองเท้าส้นสูงขนาด 2นิ้ว ทำให้ความโกลาหลในห้องถ่ายภาพนิ่งหยุดนิ่งโดยทันที
“คุณปลายฟ้า / ยัยตัวแสบ” เสียงตะโกนทั้งของพนักงานในร้านและว่าที่เจ้าบ่าวดังขึ้น หลังจากว่าที่เจ้าสาวคนสวยลงไปนอนเอ้งเม้งเหยียดขายาวที่พื้น หน้าเหยเกที่แสดงถึงความเจ็บปวด ทำให้ภควัตฒน์อดที่จะรู้สึกสงสารไม่ได้ “คงจะเจ็บไม่น้อย ดูซิหน้าอย่างก่ะตูดลิงแถมร้องไห้อีกต่างหาก ยัยตัวแสบเอ้ย เด็กจริงๆ” ใจนึงก็สงสารอีกใจนีงก็อดที่จะขำปลายฟ้า เธออายุเท่าไรแล้วเนี่ย ทำไมยังแสดงอาการได้เหมือนเด็ก 5 ขวบ หึๆๆ
“เจ็บมากไม่ ยัยตัวแสบ”
“เจ็บ ฟ้าลุกไม่ไหว คุณช่วยฟ้าหน่อยซิ” ปลายฟ้าเผลอหลุดคำเรียกชื่อตัวเองที่จะใช้กับคนที่สนิทสนมเท่านั้น เธอไม่เคยเลยสักครั้งที่จะพูดคุยด้วยความสนิทสนมเช่นนี้ ด้วยรู้ดีว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้ข้องเกี่ยวกับเธอเลยไม่แต่นิดเดียว แต่ด้วยนิสัยส่วนตัวที่ขี้อ้อน เวลาเจ็บและป่วยเธอจึงเผลอพูดออกไป แต่ความเผลอของปลายฟ้าส่งผลชายหนุ่มที่กำลังก้มลงไปประคองกลับต้องชะงักกับสรรพนามที่แสนสนิทสนมนี้
“เอ่อ ...มาซิ นั่งตรงนี้ก่อนละกัน” ทำไมแค่ปลายฟ้าใช้ชื่อแทนตัวเองมันทำให้เขารู้สึกดีแบบนี้ละ หรืออาจจะเป็นเพราะว่าแฟนสาวของเขา “น้องดา” ก็มักจะแทนตัวเองด้วยชื่อเลยทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยมันหรือเปล่า ภควัฒน์ก็ไม่อาจตอบคำถามที่มันผุดขึ้นมาหลังจากปลายฟ้าได้แสดงกริยาน่ารักแบบนี้ออกมา
“คุณปลายฟ้าไหวไม่คะ หรือว่าเราเลื่อนถ่ายภาพนิ่งเป็นวันอื่นก็ได้นะคะ”
“ไม่เป็นไรคะ ฟ้าไหว ฟ้าไม่อยากให้งานมันเสีย แต่งตัวขนาดนี้แล้ว และอีกอย่างหากมาวันหลังก็ต้องเสียเวลาอีก ไม่เอาอะคะ ขอฟ้าพักนวดข้อเท้าแปปนึงนะคะ พี่พอจะยาคลายกล้ามเนื้อไม่คะ” เธอไม่อยากมาวันอื่นให้เขาเสียงานหรอก แค่วันนี้ก็รู้สึกว่าคุณภควัฒน์ก็ดูจะอึดอัดกับการมาร้านนี้ด้วยกันอยู่แล้ว ถ่ายๆให้มันจบไปยังดีซ่ะกว่าที่ต้องมาใหม่ เริ่มใหม่อีกรอบ
“ง้นเดี๋ยวพี่ไปเอายามาให้นะคะ คุณปลายฟ้านั่งรอตรงนี้สักครู่นะคะ”
“ทำไมไม่ถ่ายวันอื่น เร่งวันเร่งคืนอยากเตรียมทุกอย่างให้มันเสร็จไวไวเพื่อรอเป็นคุณนายของเอกอัครไพศาลหรือไง” หลังจากพนักงานสาวได้ออกไป ภควัฒน์อดจะรู้สึกแปลกใจไม่ได้ ทำไมปลายฟ้าไม่มาถ่ายวันอื่น เห็นๆกันอยู่ว่าข้อเท้าเธอบวม และตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นสีม่วงคล้ำๆ
“ฟ้า ..เอ่อชั้นไม่ได้คิดแบบนั้น ชั้นคิดแค่ว่าคุณคงรู้สึกอึดอัดไม่น้อยกับการมาร้านนี้กับชั้น มากกว่ามากับคนรักของคุณ หากชั้นทำให้มันจบไวไวคงจะดีกว่าที่คุณต้องมานั้งทนอึดอัดอีกรอบที่ร้านนี้” ทำไมเขาไม่เคยคิดกับเธอในแง่ดีบ้างเลยนะ ตอนนี้ในใจเขาที่คิดกับเราก็คงมองไม่ต่างจากผู้หญิงเห็นแก่เงิน อยากแต่งงานเร็วๆเพื่อมีสิทธิ์ในทรัพย์สินของเค้าละซินะ น่าสมเพชตัวเองจังเลย แต่จะทำอย่างไรได้ ก็ในเมื่อที่เราตกลงแต่งงานก็เพื่อ”เงิน” จริงๆ
..........................................
(75%)
หลังจากพักนวดขาไปสักพักทุกอย่างก็เริ่มจะลงตัว ทั้งฉากแสงและอุปกรณ์ประกอบเข้าฉาก มองโดยรอบๆห้องอุปกรณต่างๆมากมายจัดวางพร้อมให้ทีมงานหยิบจับมาใช้งานได้ทุกเมื่อ มีทั้งตุ๊กตาตัวเล็กตัวใหญ่วางอยู่บนชั้น ดอกไม้หลากหลายชนิดที่ปักวางไว้ในแจกัน เก้าอี้รูปทรงแปลกตา และรวมไปถึงอะไรหลายๆอย่างรูปทรงหัวใจ หากใครมาเห็นคงชื่นชมสิ่งของน่ารักเหล่านั้นไม่ได้ แต่หนึ่งในนั้นที่ไม่ปลื้มก็คงเป็นปลายฟ้า เมื่อสภาวะจิตใจตอนนี้ของเธอไม่พร้อมที่จะยิ้มสู้กล้องอย่างมีความสุขได้เลยจริงๆ
“มัวชักช้ารีรออะไรล่ะปลายฟ้า รีบถ่ายรีบกลับเสียที ชั้นเหนื่อยเต็มทนละ”
“คะ” ไม่ใช่แค่คุณหรอกนะคะที่เหนื่อย ชั้นก็เหนื่อยไม่แพ้คุณเลยคะ เหนื่อยทั้งใจเหนื่อยทั้งกาย อยากกลับบ้านไปเอากำลังใจจากยัยหนูเช่นกัน เพื่อที่ชั้นจะได้มีแรงฮึดสู้กับคุณได้ในวันพรุ่งนี้ไงคะ ไม่มีเสียงตอบใดเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากสด แต่ทุกความรู้สึกท้อแท้มันช่างดังก้องในหัวใจปลายฟ้าเสียเหลือเกิน
“คุณทั้งสองคนนั่งลงที่พรมนะครับ นั่งหันหน้ามองกัน คุณเจ้าบ่าวก้มลงมาหน่อยครับ อ่า..นั่นละครับ แล้วเอื้อมมือไปประคองหน้าฝ่ายเจ้าสาว ฝ่ายเจ้าสาวนะครับเงยหน้าแล้วสบตาเจ้าบ่าวหน่อยครับ ส่วนมือข้างที่โดนจับแก้มก็ประกบฝ่ามือลงไปครับ ครับๆ อย่างนั้นละ ค้างไวนะคร้บ อ้าว 1 2 3 โอเค ” หัวใจของปลายฟ้าเกือบจะหยุดเต้นเมื่อมือใหญ่โตและแข็งแกร่งได้สัมผัสแก้มนวลเป็นครั้งที่สองของวัน มือน้อยๆสั่นไหวยามที่ต้องเอื้อมไปสัมผัสมือใหญ่อย่างแผ่วเบา ยิ่งประกายตาอ่อนหวานที่ก้มมองลงมามันทำให้ปลายฟ้าเกือบลืมหายใจ
“ฉากต่อไปเลยครับ” ตากล้องยังทำหน้าที่ของตัวเองอย่างไม่ขาดตกบกพร่องเมื่อเช็คภาพแรกเป็นที่พอใจแล้ว จึงได้จัดท่าทางของทั้งคู่ใหม่อีกครั้ง ซึ่งฉากต่อไปทำให้หญิงสาวถึงกับก้าวขาไม่ออก
“ทำไมกลัวเหรอ ไม่ต้องกลัวหรอกนะชั้นไม่คิดจะแตะต้องเธอ หรือทำอะไรที่นอกเหนือหน้าที่อยู่แล้ว สบายใจได้” ภควัฒน์ก็ให้คำตอบกับตัวเองไมได้ว่าทำใมต้องพูดจากระทบกระเทียบให้ปลายฟ้าต้องเสียใจ แต่เพียงแค่เห็นอาการหญิงสาวที่เผลอแสดงออกมาด้วยความรังเกียจ หรือจะกล้าๆกลัวๆที่จะอยู่ใกล้เขาก็ตาม ความรู้สึกที่ไม่พอใจก็ตีตื้นขึ้นมาอยากจะพูดจาให้หญิงสาวตรงหน้าได้รู้สึกเจ็บซ่ะบ้างที่ได้ทำอาการรังเกียจใส่เขาแบบนี้
“ชั้นไม่กล้ารังเกียจคุณหรอกคะ แต่เพียงแค่คิดว่ามันออกจะใกล้ชิดเกินไปกับภาพนี้ที่เค้ากำลังให้เราจะถ่าย”
ภาพที่ว่าที่ทำให้ปลายฟ้าเกิดอาการกลัวขึ้นมาก็คือ ชายหญิงทั้งสองนั่งอยู่บนม้านั่งตัวเล็กสีแดง โดยที่ปลายฟ้าต้องนั่งบนตักชายหนุ่ม ใบหน้าหันมองเจ้าของตักนุ่มที่ใช้เป็นฐานรองรับน้ำหนัก มือข้างนึงของทั้งสองกุมจับกันไว้ อีกข้างของฝ่ายหญิงสาวก็โอบรอบคอชายหนุ่ม ส่วนของอีกคนก็โอบรอบเอวบางไว้ ใบหน้าของทั้งคู่โน้มเข้ามาชิดใกล้ให้ปลายจมูกสัมผัสกัน พร้อมทั้งสายตาที่ต้องสบแสดงออกถึงความรักอันท่วมท้นที่มีต่อกัน แค่ได้ยินคำบรรยายปลายฟ้าก็ลมแทบจะจับอยากจะเป็นลมไปตรงหน้าเสียจริงๆ
“มีตรงไหนอยากเพิ่มเติมไม่ครับ” ตากล้องยังมีแก่ใจสอบถามทั้งคู่เพื่อขอความคิดเห็น
“ไม่มีแล้วคะ แค่นี้ฟ้าว่า ฟ้าก็ไม่ เอ่อ .....” อยากจะบอกว่าไม่กล้า แต่ติดที่ชายหนุ่มข้างๆยืนทำตาขวางใส่
“ผมอยากขอเพิ่มครับ แค่เอาจมูกแตะกัน ผมว่ามันยังหวานไม่มากพอ ผมอยากให้ริมฝีปากเราทั้งคู่แตะกันครับ”
100%
“หา ว่าไงนะ ไม่เอานะ ฟ้าไม่เอา” แค่ให้สบตาหน้าก็จะระเบิดแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆแล้วนะ แล้วนี่ยังจะให้จูบ แม้ว่าจะเป็นจูบที่แตะๆกันก็เหอะ แต่มันก็จูบเลยนะ เค้าคิดอะไรของเค้าเนี่ยจะแกล้งกันหรือไงนะ ฮื่อๆ อยากจะร้องไห้จริงเชียว
“อย่าเขินไปเลยนะคะคนดี เราจะได้ภาพที่สวยๆไปใช้ในวันงานไงคะ” อารมณ์อยากจะแกล้ง หรือติดใจริมฝีปากเรียวนุ่มที่ได้สัมผัสก่อนมาร้านนี้กันแน่ก็หาคำตอบได้ไม่แน่ใจนัก แต่ที่แน่ๆรสชาติของเรียวปากนุ่มนี้เค้าก็ชักจะติดใจรสชาติหวานลิ้นนี้ไม่น้อย ยิ่งในสถานการณ์นี้ ปลายฟ้าไม่อาจหลบหลีกเค้าได้แน่ๆ ฮึๆ ชักสนุกกับการต้อนยัยตัวแสบนี่แล้วซิ
“ผมว่าก็ดีนะครับ รูปจะได้ออกสวยหวาน แล้วก็ดูอบอุ่นด้วย”
“คะ ใช่พี่ก็เห็นด้วยนะคะ” ทำไมพี่ๆต้องเห็นด้วยกับคนขี้แกล้งละคะ ไม่เห็นเหรอคะเค้าแอบยิ้มพอใจฟ้าอยู่อะ ฮื่อๆ ทำไงดีล่ะ ยัยหนู๋ช่วยคุณแม่ด้วยซิคะ คุณแม่จะหัวใจวายตายก่อนจะได้กลับไปหาหนู๋ไม่คะ
ความเงียบเท่านั้นที่เกิดขึ้นหลังจากได้แรงสนับสนุนจากทีมงาน ปลายฟ้าโต้เถียงไปแต่ไม่มีใครเห็นดีเห็นงามกับเธอ ส่งผลให้เธอเงียบเสียดีกว่าที่ต้องป่าวประกาศหรือร้องขอให้ยุติการถ่ายภาพนี้เสียที ทั้งๆที่มันเพิ่งจะเป็นภาพที่สองที่ได้เริ่มถ่ายเท่านั้นเอง เฮ่อ เหนื่อยจัง เอาน่าถ่ายๆไปจะได้เสร็จจะได้กลับมาเสียที
“ตกลงคะ แบบนั้นก็แบบนั้น”
“งั้นเริ่มเลยดีกว่าครับ จะได้ไม่เสียเวลา”
“คุณสองคนกลับไปนั่งที่เดิม และแบบเดิมนะครับ ต่อจากเมื่อกี้เลย และพอผมให้สัญญาณคุณทั้งสองก็โน้มหน้าเข้ามาใกล้ริมฝีปากแตะกัน แล้วเอียงหน้าหันมาทางกล้องได้เลยนะครับ” ตากล้องสั่งให้ทำอะไรบ้างดูเหมือนปลายฟ้าจะไม่ได้ยินอะไรเสียเลยเพราะตอนนี้เหมือนสติของเธอจะหลุดไปกับการมองริมฝีปากบางที่กำลังเผยอแบบเชิญชวนของชายหนุ่มตรงหน้าเสียแล้ว
“ปลายฟ้า นี่เธอได้ยินที่ตากล้องเค้าบอกไม่เนี่ย ปลายฟ้า ...”ยัยตัวแสบนี่เป็นอะไรไป หรือเราจะแกล้งหนักไปจนจิตหลุดไปซะแล้ว
ภควัฒน์ไม่สนใจอาการมึนๆของปลายฟ้าอีกแล้ว สองแขนโอบกระชับรอบเอวบางมาวางแหมะไว้ที่ตัก โดยที่สองแขนแข็งแกร่งทั้งคู่ยังคงโอบกระชับรอบเอวเล็กไว้ใกล้ตัวจนได้กลิ่นหอมอ่อนๆของกายบางตรงหน้า ใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มกริ่มทำให้สายตาปลายฟ้าพร่ามัว จนเผลอมอบรอยยิ้มแบบขวยขวนตอบกลับไป ภควัฒน์อาศัยช่วงทีเผลอที่ปลายฟ้าไม่ได้ขัดขืนโอบรอบเอวให้เข้ามาแนบชิดมายิ่งขึ้น โน้มหน้าเข้ามาใกล้จนปลายจมูกโค้งมนทั้งสองสัมผัสแบบแผ่วเบาเพียงแค่นั้นก็ทำให้ปลายฟ้ากระตุกเล็กน้อย จนชายหนุ่มต้องโอบกระชับปลอบประโลมด้วยฝ่ามือร้อนผ่าวนี้
ไม่รอให้หญิงสาวตรงหน้าได้ตั้งสติมากไปกว่านี้ริมฝีปากบางเฉียบก็ลงมาโฉบเลาะชิมริมฝีปากเล็กนี้ให้ค่อยๆเผยอรับปลายลิ้นร้อนที่พยายามชอนไชเข้าไปทักทายปลายลิ้นเล็ก เนื่องด้วยน้อยประสบการณ์ของปลายฟ้าอาการที่ผลักไสปลายลิ้นร้อนนี้จึงกลับเป็นการกระตุ้นให้เจ้าของตักนุ่มกลับหึกเหิมและพอใจรสจูบนี้ไม่น้อย จากตอนแรงที่เพียงแค่ต้องการอยากแกล้งให้อาย แต่กลับกลายเป็นว่าเป็นเขาเสียเองที่หลงรสชาติกายหวานนี้จนชิมแล้วอยากชิมอีกจนอยากจะถอนจากริมฝีปากคู่งามนี้
“อื้อ..อึก”
อาการขัดขืนน้อยๆเพราะขาดอากาศหายใจ พร้อมด้วยกำปั้นน้อยๆที่ทุบลงมาที่อกแกร่งนี้ ทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าต้องถอนริมฝีปากออกอย่างเสียดาย แต่ก็อดที่จะหักหามใจไม่ได้ต้องโฉบลงมาชิมริมฝีปากบางเฉียบนี้เร็วๆอีกหนึ่งครั้งเป็นการปิดท้ายจูบหวานๆในวันนี้
“ขอโทษผมไม่ได้ตั้งใจ ผมเผลอคิดถึงน้องดาไปหน่อย เลยล่วงเกินคุณแบบนี้” ทำไมวันนี้ตัวกับใจถึงได้ไปคนละทางกันแบบนี้ ผมเป็นอะไรก็ตอบตัวเองไม่ได้ รู้เพียงแค่ว่าพอได้ชิมริมฝีปากบางคู่นี้แล้วก็ชักจะติดใจอยากลิ้มลองมันอีกครั้งและอีกครั้ง
“คะ ชั้นจะไม่โกรธคุณแต่ขอนะคะ ขอให้ครั้งนี้มันเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณจะเผลอคิดว่าชั้นเป็นคุณน้องดาแล้วทำอะไรลงไปแบบนั้นอีก” ทำไมเขาใจร้ายแบบนี้ มองเห็นเราซ้อนทับกับคนอื่นเหรอ แค่ที่รังแกก็มากเกินไปแล้วนะ แต่นี่อะไรกันเห็นคนอื่นซ้อนทับเหรอ คุณจะใจร้ายกับชั้นวันละกี่รอบคะ คุณภควัฒน์
“โอ้โห ภาพออกมาสวยมากเลยครับคุณภควัฒน์ ผมคิดว่าถ้าใช้ภาพนี้เป็นภาพเปิดตัวในงานต้องเป็นที่ประทับแน่ๆเลยครับ”
หลังจากผ่านพ้นเซ็ทภาพอันตรายกับหัวใจของปลายฟ้าไปแล้ว การถ่ายภาพนิ่งยังคงดำเนินต่อไปด้วยแพลนของการวางภาพของตากล้องและทีมงานตามเดิม แม้ว่าบางภาพจะมีการเพิ่มรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของภาพเพิ่มเข้ามาเพื่อความสวยงามของหลายๆองค์ประกอบ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ปลายฟ้าได้หนักใจอีกแล้ว เมื่อตอนนี้ใจเธอมันไม่ได้มีอารมณ์อ่อนไหวต่อแววตาคู่คมคู่นี้อีกแล้ว ก็ได้เมื่อชายหนุ่มได้โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ใบหูเล็กพร้อมเอ่ยคำเฉือดเชือนบาดหัวใจเธอ
“อย่าเข้าใจผิดที่ผมอ่อนหวานกับคุณในวันนี้ว่าผมรู้สึกดีๆด้วย จริงๆแล้วผมกำลังสร้างจินตนาการให้ตัวเองว่าคนที่ยืนข้างผมคือคนที่ผมรัก ซึ่งแน่นอนว่าคนนั้นมันต้องไม่ใช่คุณ”
“เจ็บดีไม่ล่ะยัยปลายฟ้าเกิดมาเพื่อเป็นแค่เหงา ฮึ.. ช่างน่าสมเพชตัวเองจริงๆ” เสียงเยาะเย้ยตัวเองในใจเพื่อพร่ำบอกให้ตัวเองเลิกเพ้อฝันว่าเขาจะดีด้วย เธอไม่ต้องการให้เขารักแต่ขอแค่ความเห็นใจ ความให้เกียรติ หรือในฐานะอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่”เงา” แต่วันนี้เธอเข้าใจแล้วว่ามันไม่สามารถเป็นไปได้เลย
หายไปหลายวันเนื่องด้วยงานที่รัดตัวจริงๆ
หวังว่ายังคงมีรีดเดอร์รออ่านเรื่องนี้กันอยู่บ้างนะคะ
คิดเห็นเกี่ยวกับนางเอกและพระเอกเรื่องนี้ยังไงบอกกล่าวกันให้คนแต่งรู้บ้างนะคะ
จะได้เป็นกำลังใจให้มีแรงฮึดในการแต่งต่อไปคะ
ความคิดเห็น