ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้น (100%)
บทที่ 1 จุดเริ่มต้น
“โอ้โห .....คุณแม่ขรา นี่บ้านใหม่เราเหรอค่ะ ทำไมสวยแบบนี้ค่ะ ดาวชอบจังเลยค่ะ มีสนามด้วย” เสียงเล็กๆของเด็กน้อยที่ตื่นตาตื่นใจกับบ้านหลังใหม่ ทำให้คนเป็นแม่อดยิ้มตอบเด็กน้อยในอ้อมกอดไม่ได้ แก้มยุ้ยๆของเด็กน้อย พองป่องด้วยไม่อาจหยุดรอยยิ้มได้ ทำให้เธออดคิดไมได้ว่า สิ่งที่เธอตัดสินใจทำนั้นมันเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้วสำหรับเด็กน้อยร่างบางในอ้อมกอดนี้
“คุณแม่ขรา เร็วๆๆค่ะ พาดาวไปดูดอกไม่นั่นหน่อยค่ะ เดินไวไวซิค่ะ”
“ค่ะ อย่าเร่งซิค่ะ คุณแม่เดินเร็วที่สุดแล้วน่ะค่ะ วันนี้ทำไมลูกสาวคนสวยของคุณแม่ใจร้อนจังเลยล่ะค่ะ ดอกไม้ไม่หนีหายหนู๋หรอกน่ะค่ะ อ่ะ ...... นั่งดูตรงนี้น่ะค่ะ”
“ว่าไงค่ะ คนสวยหนู๋ชอบบ้านหลังนี้ไม่ลูก”
“ชอบค่ะ คุณปู่ หนู๋ดาวชอบ มีดอกไม้เยอะแยะเลย มีสนามหญ้าด้วย และก็มีพี่ผีเสื้อด้วย อ่ะๆๆๆ นั่นไงค่ะ คุณปู่เห็นไม่ค่ะ พี่ผีเสื้อบินไปนู่นแล้ว” ยังไม่ทันขาดคำของเด็กน้อย วิ่งได้ 3-4 ก้าวก็ล้มลง ร้อนถึงคนเป็นแม่ที่ถลาไปรับตัวลูกน้อยทันทีที่เห็นร่างเล็กเตรียมวิ่งไปหาผีเสื้อ
“วิ่งทำไมค่ะ เกิดหนู๋ล้มขึ้นมาทำไงค่ะ ต้องไปหาอาหมอให้ทำแผลอีกน่ะค่ะ คราวหลังไม่เอาน่ะ จะเอาอะไรให้บอกคุณแม่น่ะค่ะ แม่ไม่อยากให้หนู๋ล้ม เข้าใจแม่ไม่ค่ะ” ปลายฟ้าก้มลงบอกเด็กน้อยในอ้อมกอดด้วยน้ำเสียงตกใจ
“หนู๋ฟ้า หนู๋ดาวเป็นหนักขนาดนี้แล้ว สิ่งที่หนู๋ทำตอนนี้ ชั้นอยากบอกหนู๋ว่ามันถูกต้องที่สุดแล้ว ให้เค้าได้อยู่ที่ๆพร้อม ที่ๆที่จะดูแลเวลาเค้าอาการแย่ลง ที่ๆจะทำให้ปลอดภัยเถอะ สบายใจได้ ชั้นจะอยู่ข้างๆหนู๋ เป็นที่พึ่งให้หนู๋ เป็นที่พึ่งทางใจ เป็นญาติผู้ใหญ่ให้หนู๋เอง”
“ขอบคุณค่ะ ฟ้าเองคิดมาตลอดว่าสิ่งที่ทำมันถูกต้องแล้วใช่ไม่ แต่เมื่อได้เห็นรอยยิ้มของยัยหนู๋ ฟ้าคิดว่าฟ้าทำถูกต้องแล้ว รอยยิ้มอันสดใสนี้ไม่ว่าต้องแลกกับอะไรฟ้ายอมค่ะ“มือน้อยๆ ทั้งสองข้างพนมแนบอกและโน้มเข้ากับอกอันอบอุ่น อกที่ก่อนหน้านั้นเธอไม่คิดที่จะมีที่พึ่งพึงสำหรับเธอ แต่วันนี้อกของผู้ใหญ่สูงวัยคนนี้ทำให้เธอรู้สึกว่าเธอไม่ได้เลี้ยงดูเด็กน้อยเพียงลำพัง
“พะเน้าพะนอขนาดนี้ คุณพ่อจะบังคับให้ผมแต่งงานทำไมครับ ทำไมไม่แต่งเองซ่ะเลยล่ะครับ เห็นแล้ว รักไม่ลงจริงๆ ผู้หญิงส่ำส่อน”
“ตาวัฒน์ ให้เกียรติหนู๋ฟ้าหน่อยน่ะ พูดแบบนี้แกมันน่านัก เฮ่อ หนู๋ฟ้า พายัยตัวเล็กเข้าบ้านเถอะ ดูซิตาปรอยแล้ว ถึงเวลานอนกลางวันแล้วซิ”
สิ้นเสียงประมุขของบ้านบุคคลทั้ง2 และเด็กอีก 1 ก็ได้หันหลังกลับเข้าตัวบ้านทันที ทิ้งให้บุคคลที่เข้ามาใหม่ นึกเครียด
“คุณท่านค่ะฟ้าไม่เป็นไรค่ะ ฟ้าไม่ถือสาเอาความค่ะ หนู๋ดาวค่ะ มาค่ะเข้าบ้านกับคุณแม่น่ะค่ะ ถึงเวลานอนกลางวันของหนู๋แล้วน่ะค่ะ” เธอไม่อยากสนใจผู้ชายฝีปากร้ายคนนี้จริงๆ เขาไม่เคยเปิดใจให้เธอเลย และไม่เคยรับรู้ถึงเหตุผลการมาอยู่ร่วมชายคาของเธอเลย เมื่อมันเป็นเช่นนี้ การไม่เผชิญหน้า มันจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเธอ
.........จบตอนที่ 1 แล้วคร้า ............
รู้สึกยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้ บอกกล่าวกันได้นะคะ ไรท์เตอร์จะได้พยายามปรับปรุงเนื้อ
เรื่องให้น่าสนใจ และจะพยายามมาอัพ ไม่ทิ้งไม่ดองคะ
.........ขอบคุณค่ะ............
..........................................
ห้องนอนสีฟ้าใสอ่อนๆ ทำให้เธอหวนคิดถึงบ้านหลังเล็กค่อนข้างเก่าที่เธออาศัยมาตั้งแต่ยัยหนู๋ดาวอายุได้ 9 เดือนกว่าๆ สถานที่ที่เธอรับรู้ได้เป็นอย่างดีถึงความขัดสน ห้องนอนสีทึมที่เธอและเด็กน้อยใช้ร่วมกัน แต่ถึงแม้บ้านจะเก่า ห้องจะแคบ หรือขัดสนสักแค่ไหนเธอก็พร้อมยิ้มสู้ขอเพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มน้อยๆของนางฟ้าตรงหน้า จนเมื่อไม่นานมานี้ ความจริงบางอย่างก็ถูกเปิดเผยหากเธอยังอยู่ในสภาพกึ่งขัดสนอยู่แบบนี้ โอกาสที่เธอจะได้เห็นเด็กน้อยตรงหน้ายิ้มอย่างมีความสุขมันจะไม่มีอีกเลย นั่นจึงเป็นเพียงเหตุผลเดียวที่ทำให้เธอยอมลดศักดิ์ศรีตัวเองเข้ามาบ้านหลังนี้เพื่อทนต่อสายตาเหยียดหยาม
“เด็กดีของคุณแม่ นอนซ่ะนะคะ ตื่นขึ้นมากหนู๋จะได้มีแรงไงคะ แล้วคุณแม่สัญญาหนู๋ตื่นมาแล้วเราไปเดินเล่นกัน ตกลงไม่ค่ะ” เด็กน้อยในเตียงสีฟ้าอ่อน เริ่มจะงอแงไม่อยากพักผ่อน ทั้งที่ก่อนหน้านั้นตาปรือปรอยอยากล้มตัวลงที่นอนเต็มที่แล้ว แต่พอถึงเตียงสีฟ้าอ่อนนุ่มซึ่งมีตุ๊กตารายล้อม เด็กน้อยตาปรือก็เริ่มอยากจะเล่นอีกแล้ว ร้อนถึงคนเป็นที่ทราบสภาพร่างกายของลูกน้อยดีว่าหากหักโหมใช้แรงมากเกินไป จะไม่ส่งผลดีแน่ต่อลูกรักของเธอ
“หนู๋ฟ้า มาๆมานี่ ชั้นมีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย”
“เราไปที่สวนดีกว่า ชั้นอยากคุยเรื่องของหนู๋ดาว” อืม ดีเหมือนกัน เธอก็อยากพูดคุยและตกลงเรื่องของหนู๋ดาวเสียทีปล่อยให้เนิ่นนานมันจะเป็นเสียมากกว่าผลดี คิดได้ดังนั้นเธอจึงค่อยๆ เดินตามผู้เป็นประมุขของบ้าน
“ยัยหนู๋ต้องไปหาหมออีกทีเมื่อไร” ไม่รอให้เสียเวลา คนตรงหน้าก็รีบเปิดประเด็นเข้าเรื่อง
“เสาร์หน้าคะ คุณหมอนัดตรวจร่างกาย” ทุกครั้งที่เธอพาหนู๋ดาวไปหาคุณหมอ เธอต้องหลอกล่อทุกวิธีทาง เพราะดูเหมือนว่ายัยหนู๋จะกลัวโรงพยาบาลและอาหมอเสียเหลือเกิน และทุกครั้งที่พาไป ต้องเป็นเธอเช่นกันที่ร้องไห้ก่อนลูกน้อยทุกครั้งที่เริ่มต้นการรักษา
เธอไม่เคยรู้เลยว่าลูกน้อยของเธอจะเป็นเด็กที่โชคร้ายได้ขนาดนี้ จนกระทั่งเช้าวันนึงหนู๋ดาวไม่มีแรงลุกจากเตียงนอน ได้แต่ตะโกนร้องให้เธฮไปหา หัวใจเธอกระตุกวูบ เกิดแต่คำตอบขึ้นมาทำไม ทำไม ลูกเธอถึงเป็นแบบนี้ หลังจากได้ความช่วยเหลือจากข้างบ้านหนู๋ดาวก็ถึงมือหมออย่างปลอดภัย พร้อมด้วยโรคร้ายที่ตามมา
“ลูกสาวของคุณ เป็นโรคกล้ามเนื้อสมองอ่อนแรงครับ”
“ห่ะ....อะไรนะคะ ทำไมถึงเป็นค่ะ แกยังเด็กอยู่เลยนะคะ”
“จากการวินิจฉัยโรคนี้ทางการแพทย์ หมอคาดว่าช่วงตั้งครรภ์แม่ของเด็กของมีสถาวะจิตใจที่เครียดมาก จึงส่งผลกระทบต่อเด็กในครรภ์โดยตรง ทำให้เด็กมีสภาวะไม่พร้อมเมื่อได้ออกมาสู่โรคภายนอก”เสียงทุ้มนุ่มของเจ้าของไข้หนู๋ดาว กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ แต่ช่างบาดลึกใจเธอเสียจริง
“แล้วยัยหนู๋จะเป็นไงบ้างคะ ชั้นต้องดูแลลูกยังไงบ้างคะ”
“ตอนนี้อาการของคนไข้ยังอยู่ในช่วงแรก คือยังเดินได้ ขยับอวัยวะได้ และสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวได้ แต่ที่วันนี้คนไข้ขยับร่างกายไม่ได้นั้นเพราะอยู่ในช่วงที่ไม่มีสติควบคุม เช่น อยู่ในช่วงตื่นนอน หรือกำลังสนใจสิ่งหนึ่งสิ่งใดอยู่ทำให้หมกหมุ่นอยู่ในสิ่งนั้นๆ การจะขยับร่างกายเพื่อลุก หรือขยับอาจจะทำไม่ได้ เพราะสมองไม่ได้สั่งการ สิ่งส่วนนี้ก็ต้องเข้ามารับการรักษากับหมอ โดยเราจะรักษาควบคุมกัน ทั้งให้ยา และกายภาพ ซึ่งการทำกายภาพของเด็กอาจจะง่ายกว่าผู้ใหญ่หน่อยตรงที่เราจะเอาสิ่งเร้ามาเป็นตัวยั่วยุ”
“ยังไงคะคุณหมอ” เธออดที่จะแทรกคำตอบระหว่างการอธิบายไม่ได้ เธอต้องทำทุกอย่าง ทุกวิธีทางเพื่อให้ยัยหนู๋สามารถใช้ชีวิตแบบเด็กปกติทั่วไปให้ได้
“เราต้องใช้ของเล่นมาล่อ ให้ขยับแข้งขา ขยับแขน ขา นิ้วมือ และอาศัยการเดินเป็นตัวช่วยเพื่อให้คนไข้สามารถฝึกสมองส่วนสั่งการให้มากที่สุด ให้เด็กช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด ตักอาหารทานเอง แปรงฟันเอง แต่งตัวเอง เดินเล่นตัวเย็น รวมไปถึงการวิ่งแบบเหยาะๆ ซึ่งสิ่งเหล่านั้น ล้วนเป็นการบังคับสมองให้ทำงาน” เธอตั้งใจจดจำทุกคำพูดของคุณหมออย่างตั้งใจ ทุกคำพูดล้วยตราตรึงอยู่ในสมองน้อยๆของเธอ ต่อไปนี้เธอต้องดูแลหนู๋ดาวให้มากกว่านี้ ใส่ใจให้มากกว่าที่เคยใส่ใจ ห่วงใยให้มากกว่าที่เคยห่วงใย เธอสัญญาเธอจะทำทุกอย่างให้หนู๋ดาวหาย ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรก็ตามเธอก็จะแลก
“คุณแม่ขรา” เสียงใสใส ร้องเรียกเธอในอ้อมกอดของแม่บ้านวัยกลางคน โดยโน้มตัวมาหาเธอพร้อมรอยยิ้มสดใส ที่เธอชื่นชม
“ขอบคุณคะป้าบัวที่พาหนู๋ดาวมาหาฟ้า”
“ไม่เป็นไรคะ ป้าเห็นคุณหนู๋ดาว เธอนั่งขัดสมาธิอยู่ที่หัวบันไดก็กลัวว่าจะเป็นอะไรไป ถามเธอ เธอก็บอกว่าอยากมหาคุณ ป้าเลยพามาหาค่ะ” เฮ่อ อีกแล้วเนี่ย หนู๋ดาวของแม่ควบคุมตัวเองไม่ได้หลังจากตื่นนอนอีกแล้วเหรอ
“หนู๋ฟ้า ยัยหนู๋เป็นแบบนี้มานานหรือยัง ควบคุมตัวเองไม่ได้หลังจากตื่นนอน” เด็กน้อยในอ้อมกอดของสาวร่างบางคนนี้ เป็นหนักขนาดนี้เลยเหรอ เขาละเลยเด็กน้อยคนนี้มานาน นานพอจะให้อาการของเด็กน้อยเลวร้ายจนสังเกตได้ง่ายขนาดนี้เลยเหรอ
“ลูกจ๋า ลูกที่อยู่บนสวรรค์ พ่อขอโทษลูก พ่อขอโทษ ยังไงพ่อจะรักษาหลานคนนี้จนสุดความสามารถ พ่อจะทำทุกวิธีทางให้หลานหายป่วย ทำทุกอย่างให้หลานหายให้ได้พ่อสัญญาลูก พ่อสัญญา” เสียงร่ำไห้ในใจ ภาวนาให้ลูกสาวที่อยู่บนสวรรค์รับรู้ถึงเจตนาที่แท้จริงที่ได้กระทำ ภาวนาให้คนเป็นลูกที่อยู่บนสวรรค์เข้าใจ และเป็นกำลังใจให้การรักษาผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
..........................................
ปลายฟ้าไม่อาจรับรู้ได้เลยว่าแววตาหม่นเศร้าของผู้สูงวัยตรงหน้า ได้ซ่อนน้ำตาและความขื่นขมไว้มากมายแค่ไหน แต่ต่อให้ผู้ชายร่างท้วมสูงวัยตรงหน้าเธอตอนนี้ ร้องไห้ ความรู้สึกที่ไม่อาจให้อภัยได้ก็ยังคงตราตรึงไม่อาจลืมเลือน เธอไม่มีวันลืมความโหดร้าย ทั้งน้ำเสียง แววตา และการกระทำใน 5 ปีที่แล้วได้เลย 5 ปีที่พี่สาวของเธอต้องทุกข์ทรมาน และ 3 ปี ที่เด็กน้อยในอ้อมกอดของเธอจะไม่ได้รับรู้ถึงความรัก ความห่วงหา ความอาทร จากคนที่ยอมทำทุกอย่างแม้กระทั่งยอมแลกชีวิต เพื่อให้เด็กน้อยได้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้เลย
“คุณท่านค่ะ อย่าว่าฟ้าใจร้ายเลยนะคะ ถ้าคุณท่านจะเสียใจต่อการกระทำที่ผ่านมา ฟ้าขอ อย่าทำหน้าเศร้าให้ฟ้าเห็นเลยคะ เพราะมันทำให้ฟ้าเจ็บ ฟ้าทรมาน”
“หนู๋ฟ้า” เสียงสั่นเครือ ดวงตาแดงกร่ำ ก้มลงมองเด็กน้อย และสาวตรงหน้าอีกครั้ง
“อย่าเข้าใจความหมายฟ้าผิดนะคะ ที่ฟ้าพูดแบบนั้น ไม่ใช่ฟ้าเป็นห่วงคุณ หรือเห็นใจคุณ แต่มันทำให้ฟ้ามองเห็นภาพที่ซ้อนทับกันถึงความโหดร้ายของคุณ ที่ทำไว้กับชายหญิงคู่หนึ่ง และเด็กที่ไม่เคยรับรู้เรื่องราวความโหดร้ายของจิตใจคน ทำให้คนๆนึงเหมือนตกนรกทั้งเป็น มันคงจะไม่แปลกและโหดร้ายเกินไป ถ้าตั้งแต่วันนั้นวันที่คุณรู้สึกผิด คุณจะเริ่มรับรู้ถึงความเจ็บปวด และความทรมานของความผิดของคุณ ถึงเวลาแล้วใช่ไม่ค่ะ ที่คุณต้องชดใช้ความผิดให้เด็กคนนี้เสียที เด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แต่ต้องเป็นคนที่รับผลพวงการกระทำของคนทั้งหมด” ทุกคำ ทุกความรู้สึกที่พรั้งพรูออกมานั้น เป็นสิ่งที่ปลายฟ้า อยากบอกให้ผู้ชายสูงวัยคนนี้ได้ตระหนักถึงความโหดร้ายของตัวเอง และมันจะยังไม่สาย ถ้าทุกๆวันที่ผ่านไปตอนนี้ จะทุ่มเทแรงกายและแรงใจ ทุ่มทุกอย่าง เพื่อยื้อลมหายใจของเด็กน้อยตรงหน้านี้ และเธอก็ยอมลงทุนทุกอย่างเช่นกัน เพื่อลงเล่นเกมส์กับมัจจุราชยื้อชะตาและลมหายใจของเด็กน้อยตรงหน้า คนที่เป็นดั่งลมหายใจของเธอ
.........จบตอนที่ 1 แล้วคร้า ............
รู้สึกยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้ บอกกล่าวกันได้นะคะ ไรท์เตอร์จะได้พยายามปรับปรุงเนื้อ
เรื่องให้น่าสนใจ และจะพยายามมาอัพ ไม่ทิ้งไม่ดองคะ
.........ขอบคุณค่ะ............
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น