คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : - ( a d m i s s i o n 2 0 1 3 ) - ร ะ ย ะ ป ล อ ด ภั ย
Title : Admission at Heart
Auther :แซมซมูเอล
“พี่อี้ฟานนนนนน”
ตอนนี้ผมกำลังเอาหน้าถูกับแขนพี่ชายผู้เป็นที่รักอยู่ครับ...
โดนงอนอย่างรุนแรง YY _YY
“ไม่ต้องมาอ้อนเลยนะ”
“โถ่พี่ก็... ก็ผมขอโทษแล้วไง”
เรานั่งคุยกันตามลำพังมาสักพักแล้วครับ ผมไล่พี่ชานยอลกับเซฮุนไปข้างนอกก่อน เพื่อที่จะคุยกับพี่อี้ฟาน อธิบายให้พี่เขาฟังด้วยตัวเอง แต่พออธิบายไปพี่เขาก็โกรธผมแบบนี้แหละครับ ผมทั้งนั่งง้อทั้งนอนง้อยืนง้อมาตั้งนานแล้ว
“ขอโทษแล้วคิดว่าพี่จะหายโกรธเลยรึไง ทำไมต้องปิดเป็นความลับ? ทำไมถึงไม่เล่าให้พี่ฟัง”
“ถ้าเล่าให้ฟังแล้วพี่ก็โกรธผมแบบเนี่ย ผมเลยไม่กล้าเล่าอะ”
“เถียง?”
“ไม่ได้เถียงนะ ผมกำลังอธิบาย T^T”
พี่ชายผมเป็นแบบนี้ตลอดเลยครับ อธิบายก็หาว่าเถียง เงียบก็หาว่าไม่ฟัง ยิ้มก็หาว่าไม่สำนึกผิด ทำหน้าเศร้าก็ดุว่าไม่ต้องมาตี หน้าเศร้าเลยนะ เป็นแบบนี้ตลอดเลย มีพี่เหมือนมีพ่อจริง ๆ นะครับ ฮือออออออออ T____T
“เราน่ะโตแล้วนะโบยอน รู้ใช่ไหมว่าพี่ห่วงและหวงเรามากแค่ไหน พี่ไม่โกรธหรอกถ้าโบยอนจะมีแฟน แต่พี่โกรธที่เดี๋ยวนี้โบยอนที่เคยเล่าทุกเรื่องให้พี่ฟัง คอยปรึกษาพี่ทุกเรื่องหายไปไหน?”
พี่อี้ฟานดีดเหม่งผมดังเป๊าะ!
ไหนบอกไม่โกรธ ทำไมต้องทำร้ายร่างกายด้วยเล่า!
“ขอโทษครับ ขอโทษ... ต่อไปผมจะเล่าให้พี่ฟังทุกเรื่องเลยครับ (_ _)”
รู้สึกผิดเบา ๆ ครับ มัวแต่กลัวว่าพี่อี้ฟานจะดุจนมองข้ามไปว่าพี่เขาอยากรู้เรื่องของผมทุกเรื่อง คอยบ่นคอยว่าก็เพราะเป็นห่วงผม ทั้งนั้น
“รู้ว่าทำผิดก็ดีแล้ว พี่มาหาเพราะเห็นหายไปเลย พอมีแฟนแล้วพี่ชายคนนี้ก็ไม่อยู่ในสายตาเลยสินะ”
“ไม่ต้องมาหาเรื่องผมเลยนะ พี่เองก็ไม่โทรหาผมเหมือนกันนั่นแหละ แล้วพี่ยังไม่เปิดเทอมเหรอไง ทำไมโผล่มาถึงนี่”
“คิดถึงหมา ก็เลยต้องมาหาหมา”
“ผมไม่ใช่หมานะ!!”
พี่อี้ฟานเลิกต่อล้อต่อเถียงกับผมเพราะได้ยินเสียงคนเปิดประตู ผมเองก็หันไปดูและเห็นว่าเป็นพี่ชานยอลกับเซฮุนก็เลยกลับโหมดระทึกเหมือนเดิม
พาแฟนมาเจอพี่นี่เหมือนพาแฟนมาเจอพ่อเลยครับ Orz
“สวัสดีครับ”
“ครับ สวัสดีครับ”
พี่ชานยอลเป็นฝ่ายเอ่ยทักพี่อี้ฟานก่อน พี่ชานยอลเดินมานั่งบนเตียงข้างๆ ผม ส่วนพี่อี้ฟานนั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าโต๊ะเขียนหนังสือที่ปลายเตียง เซฮุนก็หลบมุมอยู่แถวโซนนั่งเล่นของมัน
“คุยกันรู้เรื่องรึยัง” พี่ชานยอลกระซิบถาม
“ก็...รู้เรื่องแล้วมั้งครับ”
“นายคือคนที่ผมเจอวันนั้น?”
คุณพี่ชายของผมถามพี่ชานยอลด้วยน้ำเสียงค่อนข้างจะกดดันฝ่ายตรงข้าม ผมฟังแล้วยังรู้สึกขนลุกแปลกๆ แต่พี่ชานยอลเองก็ใช่ว่าจะน้อยหน้า
“ใช่ ถ้าวันนั้นหมายถึงวันสอบสัมภาษณ์ล่ะก็นะ”
“เหอะ...”
บรรยากาศกลิ่นอายเริ่มไม่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ตัวผมได้แต่ส่งสายตาไปหาเซฮุนเพื่อนรัก เป็นสัญญาณว่า ‘ช่วยกูด้วย T_T’ แต่มันกลับทำหน้าตาไม่รู้ร้อนรู้หนาว ก่อนจะลุกเดินออกจากห้องไปเพราะมันไม่ชอบยุ่งเรื่องของใคร แม้แต่เรื่องของเพื่อนสนิทอย่างผม มันไม่แม้แต่จะเหลียวหลังมามองผมสักนิด
“ผมไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอก ไว้ใจได้”
พี่ชานยอลไม่ได้ตอบแต่ปาก แต่ตอบพร้อมกับยื่นแขนมาโอบเอวผมแล้วดึงผมเข้าไปใกล้กับพี่เขามากกว่าเดิม
“พะ... พี่ชานยอลครับ...”
ผมหน้าไปกระซิบดุอีกคนเบา ๆ T_T พี่ไม่ควรทำแบบนี้นะครับ เดี๋ยวพี่อี้ฟานก็ยิ่งโกรธหรอก
“หึ”
นั่นไง พี่อี้ฟานโกรธจริง ๆ ด้วย... OTL
“ผมอยากให้นายสบายใจได้ว่าผมจะดูแลแบคฮยอนเป็นอย่างดี ไม่ต้องเป็นห่วง”
“นายไม่ต้องพูดหรอก เพราะยังไงนายก็ต้องดูแลแบคฮยอนให้ดีอยู่แล้ว ถ้านายไม่ทำอย่างที่นายพูด ถึงวันนั้นนายก็จะรู้เองว่าจะ เกิดอะไรขึ้น... ส่วนเรื่องที่บอกให้ผมอย่าห่วงน่ะ คงไม่ได้หรอก เพราะแบคฮยอนเป็นน้องชายของผม นายก็น่าจะรู้นี่”
“อาฮะ”
ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้แล้ว.............................
“พี่อี้ฟานรีบกลับเถอะครับ กลับดึกเดี๋ยวแม่รอนะพี่”
ผมแกะแขนพี่ชานยอลออกก่อนจะเดินไปดึงพี่อี้ฟานให้ลุกขึ้น ผมต้องไล่พี่เขากลับไปก่อน ขืนปล่อยให้คุยกันแบบนี้ต่อไป ผมว่าคงต้องมีแลกเลือดกันแน่ ๆ
“อืม พี่กลับก่อนแล้วกัน เราก็กลับบ้านบ้างนะ ถ้าอาทิตย์ไหนเรียนน้อยเรียนไม่เหนื่อยก็กลับบ้าน แม่เขาคิดถึง รู้บ้างไหม”
“คร้าบบบบบบบบบบบบ ทราบแล้วครับคุณพ่อ”
เฮ้อ T^T
เหนื่อยใจจังเลยครับ พี่อี้ฟานเหมือนจะไม่ชอบพี่ชานยอลเท่าไหร่เลย เพราะผมเองแหละ ที่ปิดเป็นความลับ ไม่ยอมเล่าให้พี่อี้ฟานฟัง เรื่องมันถึงได้วุ่นวายแบบนี้
“หมาน้อยของพี่ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
“ผมไม่ใช่หมานะ!”
นี่ก็อีกคน ทำไมต้องไปต่อล้อต่อเถียงกับพี่อี้ฟานด้วย แทนที่จะยอมๆ ให้มันจบไป
“ทำหน้าเป็นลูกหมาเมาแฟ้บแบบนี้แล้วยังจะปฏิเสธอีก”
พี่ชานยอลพูดพร้อมกับดึงผมลงไปนั่งที่เตียง ข้างๆ เขา หลังจากไปส่งพี่อี้ฟานขึ้นรถเสร็จ ผมก็มาขลุกตัวอยู่ห้องพี่ชานยอล เรายังมีเรื่องต้องคุยกันนิดหน่อย แล้วห้องผมเซฮุนมันก็กลับขึ้นมาแล้ว เลยย้ายก้นมานั่งอยู่ห้องพี่เขา เพราะพี่เขาอยู่คนเดียวอยู่แล้ว ไม่มีรูมเมท จะคุยอะไรกันมันก็ง่ายหน่อย
แต่จะว่าไปก็ขอตีแฟนคนนี้สักทีเถอะ นี่แน่ะๆๆ!!! ผมฟาดมือลงไปที่แขนอีกคนแบบไม่ยั้ง
“ตีพี่ทำไมครับเนี่ย...” พี่ชานยอลพยายามเบี่ยงตัวหลบแต่ก็หลบไม่พ้น
“เพราะพี่นั่นแหละ ไปต่อปากต่อคำกับพี่อี้ฟาน พี่เขาเลย โกรธเลย”
“อ้าว ก็เขาว่าพี่ก่อนนี่ครับ พี่ไม่ผิดสักหน่อย”
พอผมตีหนักมือเข้าเลยถูกอีกคนรวบมือทั้งสองข้างไว้
“ก็ใช่... แต่ก็...”
“แบคฮยอนต้องเข้าใจพี่ด้วยสิครับ เรื่องที่เราเป็นแฟนกันมันไม่ผิดสักหน่อย เราก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ”
พี่ชานยอลพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงจากตอนแรก ได้ฟังน้ำเสียงแบบนี้แล้วใครจะไปโกรธลงเล่า (_ _)
“เฮ้อ...ผมว่าเราเลิกคุยเรื่องนี้กันดีกว่า ยังไงตอนนี้มันก็จบ ไปแล้ว”
พูดจบผมก็ยันตัวลุกขึ้นจากเตียง แต่กลับถูกอีกคนดึงจนผมล้มลงมานอนหงายอยู่บนเตียง ก่อนที่ร่างสูงกว่าจะตามมาคร่อมทับไว้
เหตุการณ์แบบนี้มันยังไงๆ อยู่นะ...
“พะ... พี่เป็นอะไรไปน่ะ”
ผมถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ พยายามจะลุกออกแต่ก็โดนพี่ชานยอลจับกดลงมาเหมือนเดิม
“เรื่องมันยังไม่จบหรอกครับ มันเพิ่งเริ่มต่างหากล่ะ”
พูดเสร็จก็ทิ้งตัวลงมานอนทับผมทั้งตัว พร้อมกับซุกหน้าอยู่ที่ซอกคอผม...
จั๊กจี้จังเลยครับ... รู้สึกร้อนวูบวาบไปหมดทั้งตัวเลยด้วย...
“ขออยู่แบบนี้สักพักได้ไหม”
เสียงพูดดังอู้อี้อยู่ข้างหูผม แถมด้วยไออุ่นๆ ที่ออกมาจากปากประทะกับช่วงซอกคอกับหลังหู มันทำให้ผมรู้สึกขนลุกไปหมดเลย TTvTT
ทำอะไรไม่ถูกเลย ไม่รู้จะเอามือเอาแขนไปวางไว้ตรงไหน ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงขี้อ้อนแบบนี้นะ Orz
“ได้สิครับ...”
ทั้งๆ ที่เขินตัวแทบจะแตกตายแต่ผมก็ตอบตกลง TTT.TTT
อ่า... นี่ผมเผลอหลับไปหรอเนี่ย...
พอลืมตามาเห็นนาฬิกาก็แทบตกใจครับ ปาเข้าไปตีสอง กว่าแล้ว ป่านนี้เซฮุนมันจะนอนไปรึยังหว่า... ผมว่าผมกลับห้องก่อน ดีกว่า
ผมค่อยๆ ยกแขนของอีกคนที่พาดอยู่บนเอวผมออก ถ้ากลับไม่บอก ตื่นมาจะโกรธไหมล่ะเนี่ย
“พี่ครับ... พี่...”
พอลุกมานั่งแล้วผมก็หันไปสะกิดพี่เขาเบาๆ
“หืม...”
“ผมกลับห้องก่อนนะครับ”
“ไม่ให้กลับ”
ตอบเหมือนระบบตอบรับอัตโนมัติเลยครับ
มือหนาของอีกคนคว้าเอวผมไว้ พร้อมกับขยับหัวมาหนุนที่ตักผมทั้งๆ ที่ยังงัวเงียอยู่ ต่างจากผมที่ตอนนี้ตื่นเต็มตาแล้ว เพราะคนที่นอนอยู่บนตักไม่ได้นอนนิ่งๆ อย่างที่ควร ใบหน้าที่ผมหลงใหลนักหนากำลังซุกไซร้อยู่ตรงหน้าท้องของผม
“ไปนอนดีๆ สิครับ”
“อยากให้พี่นอนดีๆ ก็นอนด้วยกันสิครับ”
โอ้ย... อย่าอ้อนได้ไหมครับ TTvTT
ระหว่างที่ผมกำลังก้ำกึ่งว่าจะอยู่หรือจะกลับก็โดนอีกคนจับกดลงกับเตียงพร้อมกับมอบจูบอันเร่าร้อนให้ซะแล้ว
“อื้ออออออ”
ผมได้แต่ร้องอู้อี้ในลำคอ เมื่อถูกคนตัวโตกว่าเอาเปรียบ...
ลิ้นร้อนค่อยๆ รุกล้ำเข้ามาในปากของผมอยากจาบจ้วง จากตอนแรกที่ผมพยายามดันพี่ชานยอลออก ตอนนี้แขนขาของผมไร้เรี่ยวแรงหมดแล้ว จูบที่ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไร้ซึ่งการยับยั้งช่างใจ กำลังบดขยี้ริมฝีปากผม เสียงลมหายใจของเราทั้งคู่ถี่ขึ้นเรื่อยๆ ตามการสั่นของหัวใจที่หน้าอกซ้าย ผมรับรู้ได้ว่าเราทั้งคู่กำลังเหนื่อย
“อื้อออออออ... พี่...ชานยอล พอก่อนครับ”
สุดท้ายก็เป็นผมเองที่ทนความร้อนแรงของรสจูบนี้ไม่ไหว ต้องรีบดันร่างอีกคนออก ไม่อย่างนั้นผมอาจจะขาดอากาศหายใจตายตรงนี้จริง ๆ ก็ได้
แต่เมื่อผมเงยหน้าขึ้นไปมองอีกคนก็พบกับแววตาคมคายที่กำลังจดจ้องมาที่ใบหน้าของผม และความพิเศษของนัยน์ตาคู่นี้คือทุกครั้งที่ผมมองมันทำให้ผมรู้สึกหวั่นไหวอยู่เสมอ ที่ผ่านๆ มา ผมถึงไม่กล้าจ้องตากับพี่เขาสักเท่าไหร่
ทั้งหวั่นไหว ทั้งหลงใหล...
ผมควรจะหยุดทุกอย่างก่อนที่มันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้
แต่มันก็เป็นอีกครั้งที่ผมพยายามจะลุกขึ้นและเป็นอีกครั้งที่พี่เขากดให้ผมนอนราบลงกับเตียง...
ตอนนี้ผมเองก็เริ่มคอนโทรลจิตใจตัวเองไม่ได้แล้วเหมือนกัน...
เมื่อร่างบางใต้ร่างเริ่มสติหลุดลอย ร่างสูงกระหน่ำจูบบนแก้มที่ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นสีชมพูดระเรื่อไปแล้ว ร่างสูงมอบจูบที่ร้อนแรงอย่างยับยั้งช่างใจไม่ไหวอีกต่อไปให้กับร่างบางที่อยู่ใต้ร่าง รุกรานมากขึ้นเรื่อยๆ จนอีกฝ่ายได้แต่ครางเสียงเบาหวิว
“อะ...อื้ออออ...”
เล้าโลมจนอีกฝ่ายเริ่มคล้อยตาม ปากหนาก็ค่อยๆ เคลื่อนมาประกบกับริมฝีปากบาง ใช้ลิ้นอุ่นดันเบาๆ ที่กลีบปาก แม้อีกฝ่ายยังดูเหมือนจะคงความดื้อดึงและพยายามต่อต้านอยู่เล็กน้อย แต่สุดท้ายเมื่อร่างสูงพยายามต่อ ร่างเล็กก็ยินยอมปล่อยให้ลิ้นร้อนๆ ของคนเอาแต่ใจเข้าไปควานหาความหวานและเกี่ยวพันกับลิ้นเล็กของตนได้ในที่สุด
ร่างสองร่างกอดประคองแนบชิดติดกัน ลมหายใจร้อนๆ เริ่มขาดหาย เมื่อริมฝีปากบางถูกบดขยี้และเสียดสี ความเขินอายค่อยๆ จางหายและแปรเปลี่ยนไปตามอารมณ์ความต้องการ ลิ้นหนายังคงไล่เกี่ยวกระหวัดควานหาความหวานอย่างไม่รู้จักเบื่อ มือสองข้างเนียนไล้ใต้เสื้อที่อยู่บนร่างเล็กถลกขึ้นอย่างช่ำชอง โดยค่อยๆ สอดมือลูบไล้เรือนร่างที่อยู่ใต้เสื้อผ้าอย่างมันมือ
“อะ...”
ร่างเล็กที่ตอนนี้แม้แต่แรงจะเอ่ยปากห้ามก็ยังไม่มี ไม่สามารถต้านทานอารมณ์คล้อยตามที่อีกฝ่ายเป็นคนสร้างขึ้นมาได้ ดวงตาหวานค่อยๆ ปรือลง ดูเหมือนเป็นการเย้ายวน สมองไม่รับรู้แล้วว่าต่อไปนี้จะเกิดอะไรขึ้น มันขาวโพลนไปหมด เมื่อร่างสูงพยายามเบี่ยงเบนความสนใจทั้งหมดให้อยู่กับรสชาติที่ดื่มด่ำของรสจูบและมันก็ได้ผล เพราะแบคฮยอนไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเสื้อผ้าของตัวเองกำลังหลุดลอยออกไป ทีละชิ้น จนตอนนี้แทบไม่เหลืออะไรติดร่างกาย เหลือเพียงชั้นในสีขาวตัวเล็กเท่านั้นที่เป็นเศษผ้าชิ้นสำคัญที่กำลังบดบังร่างกายส่วนสำคัญ ของตนไว้
“ถอดนะ”
มือหนาแตะที่ขอบชั้นในพร้อมกับเอ่ยถามร่างเล็กที่สติเริ่มไม่เหลือแล้ว แต่ก็ยังไม่วายงอแงส่ายหน้าไปมา
“พี่...หยุดเถอะครับ...”
ความคิดของแบคฮยอนตอนนี้คือทั้งอายทั้งเขิน จนไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดไว้ตรงไหนแล้ว ได้แต่โทษตัวเองว่าทำไมปล่อยให้เรื่องมันเลยเถิดมาขนาดนี้!
“หยุดไม่ได้แล้ว...”
มือหนากระตุกขอบชั้นในลง ร่างบางถึงกับสะดุ้งรีบคว้ามืออีกคนไว้ก่อนที่อีกคนจะดึงเอาเศษผ้าชิ้นสุดท้ายนี้ออกไป
“ผะ...ผม...อาย...”
พอได้ยินแบบนั้น ปาร์คชานยอลถึงกับหลุดยิ้มออกมาเพราะความไร้เดียงสาของแฟนตัวเอง แต่รอยยิ้มนั้นกลับทำให้อีกคนเขินจนแทบจะร้องไห้โฮออกมา
TTTTT^TTTTT <<<แบคฮยอน
“ไม่เอาไม่ทำหน้าแบบนั้นสิครับ โอเคๆ พี่หยุดแล้ว~”
มือหนาคว้าผ้าห่มใกล้ตัวมาห่มให้คนร่างเล็กที่ทำหน้าเบะเหมือนจะร้องไห้ พอมองแล้วก็นึกสงสาร เขาเองก็ไม่ได้ใจร้อนอะไร แต่เห็นแล้วมันอดไม่ได้ ทุกครั้งที่ได้กอดได้กลิ่นมันรู้สึกอยากกลืนกินอีกคนทั้งตัว
“อื้อออออ”
“หยุดทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว เดี๋ยวพี่ก็อดใจไม่ไหวหรอก”
พูดจบก็ดึงคนตัวเล็กมาประคองกอดภายใต้ผ้าห่มหนา
“อะไรเล่า... T^T”
“หลับตาซะ ไม่งั้นโดนต่อแน่”
แบคฮยอนรีบหลับตาปี๋ ไม่อยากรับรู้สิ่งใดอีกต่อไปแล้ว แค่นี้ก็เขินจนตัวจะปริแตกออกมาอยู่แล้ว อย่างน้อยๆ หลับตาไปก็จะได้ไม่ต้องเห็นหน้าคนที่อยู่ข้างๆ คนที่ทำให้เขาเขินได้มากมายขนาดนี้...
“หึ ๆ ฝันดีครับ เคโระ...”
TBC.
ความคิดเห็น