คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : - ( a d m i s s i o n 2 0 1 3 ) - f i r s t d a t e
Title : Admission at Heart
Auther : แซมซมูเอล
วันนี้ผมตื่นนอนเร็วกว่าปกติ ปกติบ่ายโมงก็ยังไม่ตื่นครับ เมื่อคืนตั้งใจจะหลับตั้งแต่สองทุ่ม แต่พอเอาจริงๆ สามทุ่มก็แล้ว สี่ทุ่มก็แล้ว ก็ยังไม่หลับ หลับจริงๆ น่าจะตอนเกือบๆ ตีหนึ่งนั่นแหละ เพราะตอนดูนาฬิกาก่อนนอนครั้งล่าสุดก็เที่ยงคืนกว่าเข้าไปแล้ว
ผมลุกมาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จตอนสิบโมงนิดๆ ตื่นเต้นครับบอกตรง ตอนลงลิฟต์มานี่จินตนาการไม่ออกเลยว่าตอนผมเจอพี่ชานยอลที่ล็อบบี้ใต้หอควรจะทำหน้ายังไง
นั่นไงยืนอยู่ตรงนั้น ผมหันหลังกลับตอนนี้ทันไหมครับแล้วค่อยโทรไปบอกว่า ไม่สบายไปไม่ไหว... แต่...เบอร์ก็ไม่มี โถ่...
“มาแล้วหรอ พี่นึกว่าจะเบี้ยวซะแล้ว~”
ถูกเจอเข้าซะแล้ว... หลังจากที่ยืนนิ่งอยู่หน้าลิฟต์เป็นหุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซอยู่ได้สักพัก คนผ่านไปผ่านมาก็มองผมบ้างเล็กน้อย แต่ตอนนั้นผมไม่มีกระจิตกระใจจะสนใจสายตาของใครแล้ว
“ขอโทษที่เลทนะครับ (_ _)”
“อาฮะ ไม่เป็นไร พี่ก็พึ่งลงมาไม่นานนี่เอง ไปกันเถอะ”
พี่ชานยอลเอื้อมมือมาคว้ามือผมก่อนจะลากเดินออกไปข้างหน้าหอพักไปหยุดอยู่ตรงหน้ารถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่สีดำ (Big Bike) คันหนึ่ง
“เคยซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ไหม”
“เคยครับ” เป็นคำถามที่ไม่น่าถามเลยครับ ผมก็คนธรรมดาคนหนึ่ง ที่ก็ต้องมีจังหวะรีบๆ เลยต้องนั่งวินมอเตอร์ไซค์เหมือนกันนะครับพี่ครับ
“โอเค งั้นก็ใส่หมวกนี่แล้วก็ขึ้นมานั่งซ้อนท้ายพี่เลยน้อง”
ผมสวมหมวกกันน็อคแล้วก็ขึ้นไปซ้อนท้ายพี่แกอย่างว่าง่าย
“แล้วพี่ไม่ใส่หมวก?”
ผมถามก่อนที่พี่ชานยอลจะออกรถ แต่เหมือนพี่เขาจะไม่สนใจผมเท่าไหร่ และแค่หัวเราะออกมานิดๆ ผมเองก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรมาก ใส่ไม่ใส่ก็เรื่องของเขาเถอะ!
วันนี้ถือว่าเป็นวันที่อากาศดีวันหนึ่งเลยล่ะครับ อากาศเย็นๆ แต่ว่าก็พอมีแสงแดดอุ่นๆ ให้ได้คลายหนาว ผมไม่รู้หรอกว่าคนขับคนนี้จะพาผมไปที่ไหน แต่ดูเหมือนว่าจะเข้ามาข้างในมหาวิทยาลัยนะครับ
รถจอดลงที่ริมบ่อน้ำค่อนข้างกว้างภายในมหาวิทยาลัย นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ผมได้เข้ามาสำรวจมหาวิทยาลัย จะว่าไปแล้วที่นี่นอกจะมีชื่อเสียงเรื่องนักศึกษาหัวกะทิแล้วยังขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามด้วยนะ ติดสามอันดับมหาวิทยาลัยสีเขียวของประเทศด้วย แต่ผมจำไม่ได้ว่าอันดับที่เท่าไหร่
“ถ้าจะพาเข้าห้างหรือไปสวนสนุกพี่ก็กลัวว่าจะน่าซ้ำซากเกินไป มานั่งเล่นชมวิวดื่มดำกับบรรยากาศริมน้ำดีกว่า อากาศก็ดี มานั่งตรงนี้มา”
ผมถูกจูงอีกครั้งในรอบวัน พี่เขาคิดว่าผมเป็นเด็กสามขวบที่จะหลงทางง่ายๆ หรือยังไงกัน
ตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่ม้านั่งยาวสีขาวตัวหนึ่งข้างสระน้ำ บรรยากาศรอบๆ ก็มีเป็ดขาวปลอมๆ หลายตัว ตอนแรกมองเผินๆ ผมนึกว่าเป็ดจริง จ้องอยู่ตั้งนาน ก็คิดอยู่ว่าเป็ดบ้าอะไรจะนิ่งกันทั้งฝูงแบบนั้น
“อะนี่...” อยู่ดีๆ ร่างสูงก็โยนของมาให้ผมโดยไม่ส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้า
“มันคือ?”
“นมสดครับ ^^”
“แล้วพี่เอามาให้ผมทำไมครับ” ...จะสื่อว่าเตี้ยเอานมไปกินไปอะไรแบบนี้ใช่ไหม!!
“ยังไม่ได้กินอะไรมาเลยไม่ใช่หรอ ห้องพี่ก็ไม่มีอะไร รถขายนมตอนเช้าผ่านมาหน้าหอพอดี เห็นแล้วคิดถึงเด็กเตี้ยๆ ตาดำๆ”
ผมอยากจะเอาขวดนมตีหัวอีกคนให้ขวดแตกเป็นปากฉลามแล้วเสียบให้พี่เขาไส้ไหลจังเลยครับ...
“พี่ดูภูมิใจมากเลยนะครับที่ สูงกว่าผมไม่เท่าไหร่เนี่ย!”
“ก็หลายเซนต์อยู่นะ”
=_=!!!!
“เรากลับกันเลยดีไหมครับ... ผมว่าพี่ชักจะน่าฆ่าขึ้นทุกวินาที ขืนอยู่นานกว่านี้ผมได้กลายเป็นฆาตกรแน่ๆ”
พอพูดจบผมก็ลุกขึ้น เตรียมเดินกลับด้วยความเคืองครับ แต่ก็ถูกมือของใครอีกคนรั้งไว้ดึงกลับมานั่งที่เดิม จับข้อมือผมไว้ไม่ปล่อยเลยครับ ผมก็เลยหันไปแกะออกก่อนเลือกจะเปิดฝาขวดนมแล้วกระดกทีเดียวหมดขวด!
“โถ่ ล้อเล่นครับล้อเล่น 5555555555 อย่ากลับเลยนะครับคนดี ดูรอบๆ สิ ตรงนี้ออกจะวิวดี เหมือนอยู่ริมทะเลสาบเลยนะ ตรงนี้เป็นที่ของพี่คนเดียวเลยนะ ไม่ค่อยมีคนมานั่ง แล้วพี่ก็ไม่เคยพาใครมา นั่งด้วย”
“แล้วพาผมมาทำไมล่ะครับ -v-”
“อีกเดี๋ยวเราก็เป็นคนสำคัญของพี่แล้ว ไม่สิ ตอนนี้ก็เป็นแล้ว”
ไม่ต้องมาหยอดมุกเลยนะ ไม่ใจอ่อนหรอก แต่ใจเต้นแม้จะยังเคืองอยู่นิดๆ ก็ตาม
“หรอครับ...” ผมไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้วล่ะ คุยกับผู้ชายคนนี้ทีไร ไร้คำพูดทุกที มันพูดไม่ออกบอกไม่ถูกจริงๆ นะครับ
“อาฮะ แบคฮยอนอยากไปไหนรึเปล่า มีที่ๆ อยากไปไหม”
“ผมก็ไม่รู้ว่าแถวนี้มีอะไรน่าเที่ยว พี่ต้องเป็นคนนำเที่ยวสิครับ”
“พี่ก็ไม่รู้จะไปไหนเหมือนกัน งั้นก็นั่งคุยกันอยู่ตรงนี้แหละ เดี๋ยวอีกสักพักไปกินข้าวกัน”
“ถือเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจดีครับ”
“นมอร่อยไหม”
“ก็รสชาติจืดๆ แบบ...”
พูดยังไม่ทันจบอีกคนก็ดึงผมเข้าไปใกล้ พร้อมกับประกบริมฝีปากจูบเพียงเบาๆ มันทั้งอ่อนโยนและอบอุ่น... ถึงแม้จูบนี้จะทำให้ผมตกใจ แต่ก็รู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยเป็น...
จากแค่ประกบปากกันเพียงเบาๆ แต่ดูเหมือนอีกคนจะลืมจุดยืนของกันและกันไปแล้ว จูบเบาๆ กลายเป็นจูบหนักๆ ที่แย่งชิงอากาศหายใจผมไปจนหมด มือไม้เรี่ยวแรงเริ่มหดหาย ขวดนมที่ถืออยู่ในมือค่อยๆ ร่วงลงที่พื้นหญ้า
มันไม่ใช่แล้วนะ... นี่มันที่สาธารณะ!!!!
พอฉุกคิดขึ้นมาได้ ผมก็รีบผลักอีกคนออกทันที
“............”
เงียบครับ ผมก้มหน้างุดแล้วเงียบอย่างเดียว ยังรู้สึกเหนื่อย เหมือนไปวิ่งคบเพลิงกีฬาโอลิมปิกมา อยู่ๆ ทำไมพี่ชานยอลทำไมทำ แบบนี้เนี่ย อยู่ดีๆ ก็จูบ... จูบแรกของผมเลยนะ!! อยู่ดีๆ มาจูบกันแบบนี้ได้ยังไง TTvTT
“ขอโทษนะ~”
“...”
“ก็แค่อยากรู้ว่านมอร่อยไหม~”
อยากรู้ว่านมอร่อยไหม ?!!
บ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พี่เขาบ้าไปแล้ว!! โกรธจริงๆ แล้วด้วย!!!!
“เมื่อกี้แบคฮยอนบอกว่ามันจืดใช่ไหม แต่พี่คิดว่ามันหวานมากเลยนะ หวานจนอยากชิมอีก~” ร่างสูงพูดพร้อมกับระบายยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย
“ไม่ต้องเลยนะ ต่อไปพี่ห้ามเข้าใกล้ผมเกินสามเมตร”
ผมตั้งท่าจะลุกหนีเป็นครั้งที่สองในรอบวัน แต่กลับถูกอีกคนดึงมานั่งบนตักซะอย่างนั้น อะไรกันเนี่ย... อยู่ใกล้ๆ ไม่ได้แล้วแบบนี้ มีแต่เสียกับเสีย ฮือออออออออออ TwT
“ปล่อยเลยนะ!”
“ไม่ปล่อยครับ จูบพี่แล้วก็ต้องรับผิดชอบสิ”
“จูบบ้าอะไร! พี่นั่นแหละ มาจูบผมทำไม TvT”
ผมเขม่นตาใส่ แต่ร่างสูงกลับหัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมกับกอดเอวผมแน่นกว่าเดิม
“เป็นแฟนกันนะ”
“ไม่เป็น!!”
คราวนี้ผมตอบเต็มเสียงเลยครับ โกรธแล้ว โกรธแล้วจริงๆ ด้วย ไม่โกรธไม่ได้แล้วคนแบบนี้ นิสัยไม่ดี อยากทำอะไรก็ทำ TT^TT
“ไม่เป็นไม่ได้แล้วมั้ง เมื่อกี้ตอนที่จูบกัน เหมือนว่าแบคฮยอนจะจูบตอ...”
ผมรีบเอามือปิดปากอีกคนไว้ ก่อนที่พี่เขาจะพูดจบ
“ห้ามพูดนะ!!”
“ไม่พูดก็ได้ครับ แต่ตอนนี้... เราเป็นแฟนกันแล้วนะ ^^”
“อะ... อื้อ.....”
T_________T เขินชะมัด
“ปล่อยก่อนได้ไหม...”
ปล่อยผมลงจากตักพี่สักทีเถอะ อยู่แบบนี้นานๆ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า ผมคงไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดที่ไหน T_T
ก่อนปล่อยอีกคนก็ไม่วายที่จะลวนลามด้วยการหอมแก้ม
พี่เขานิสัยไม่ดีจริง ๆ นะ
ชอบทำให้เขินอยู่เรื่อยเลย TvT
ตอนนี้...ผมกับพี่เขาเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหม T_T
ผมมันใจง่ายเหมือนที่เซฮุนมันว่าจริงๆ นั่นแหละ แต่ปกติผมก็ไม่ได้รักใครง่ายๆ นะ ผมอาจจะชอบมองคนนั้นคนนี้เขาไปเรื่อย แต่ก็ไม่เคยรู้สึกดีมากกับใครเท่าพี่ชานยอลมาก่อน ทำไมกันนะ แค่เวลาสั้นๆ ทำไมผมถึงได้ชอบพี่เขามากขนาดนี้
ขณะผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ มืออุ่นๆ ของคนข้างๆ ก็มาดึงมือผมไปกุมแล้ววางไว้บนหน้าขาของตัวเอง
“ขอจับมือหน่อยนะครับ~”
โอ้ยยยยยย! ไม่ต้องมายิ้มเลยนะ รอยยิ้มที่ผมอยากจะปฏิเสธแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ ผมเลยจำต้องนั่งนิ่งๆ ปล่อยให้อีกคนกุมมืออยู่ อย่างนั้น
“พี่คิดมานานแล้วนะว่าอยากพาแฟนของพี่มานั่งด้วยกัน ตรงนี้”
“เพราะ?” ผมถามพร้อมกับมองไปรอบๆ เพื่อสังเกตว่าที่ตรงนี้มันมีอะไรดีขนาดนั้นเลยหรอ
“ไม่รู้สิ เวลาที่พี่อยากผ่อนคลาย พักผ่อน นอนหลับ พี่ก็ชอบมาอยู่ตรงนี้ ตรงนี้เหมือนเป็นอาณาเขตของพี่ไปแล้วล่ะ แล้วพี่ก็อยากให้คนที่พี่รักมาอยู่ในอาณาเขตของพี่เหมือนกัน”
“เอาแต่ใจชัดๆ” ผมพูดพร้อมกับยิ้มขำแล้วส่ายหัวไปมาในความเอาแต่ใจเหมือนเด็กของอีกคน พี่เขาอาจจะกำลังหาเรื่องคุยเพื่อให้ผมหายเขินอยู่ก็ได้มั้ง ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นอย่างนั้น
“ประมาณนั้นมั้ง“
“ไม่ประมาณแล้วครับ เอาแต่ใจเห็นๆ พี่เล่นจะเอาเข้ามาอยู่ในอาณาเขตของพี่แบบนี้ แล้วพี่ไม่กลัวเขาจะอึดอัดหรอครับ บางทีเขาก็อาจจะมีอาณาเขตของเขาเองเหมือนกันนะ”
ผมพูดอย่างเป็นเหตุเป็นผลและเอาตัวเองเป็นหลัก! แต่มันก็น่าจะเป็นอย่างที่ผมพูดจริงๆ นะ ถ้ามีคนที่คิดแต่จะเอาอีกคนเข้ามา อยู่แต่ในโลกส่วนตัวของตัวเอง คนที่ถูกกลืนกินอาณาเขตต้องรู้สึกอึดอัดใจแน่ๆ
“แบคฮยอนอึดอัดหรอ”
“ก็...เปล่าครับ”
“พี่ก็ว่างั้น พี่ไม่คิดจะให้เขาเข้ามาอยู่ในโลกของพี่ทั้งหมดหรอกนะ พี่เองก็พร้อมจะไปอยู่ในโลกของเขาเหมือนกัน แชร์อาณาเขตกัน แบบนี้ดีไหม”
“ติงต๊องครับ ไม่มีสักหน่อยโลกของพี่หรือว่าโลกของผม เราก็อยู่โลกกลมๆ ใบเดียวกันอยู่นี่ไง~”
พูดจบผมก็โดนมืออีกข้างที่ว่างอยู่ของพี่ชานยอลดึงปาก เบาๆ ถึงจะไม่เจ็บแต่ก็เคืองครับ ก็มืออีกข้างพี่เขาจับไว้จะลุกหนีทีไม่ได้เลย ได้ทีรังแกกันใหญ่เลยนะ นี่ขนาดพึ่งเป็นแฟนกันแท้... พูดว่าแฟนทีไรเขินทุกที TTvTT
“มันเป็นโลกของจิตใจ เด็กน้อยอย่างนายจะไปเข้าใจอะไร”
หาเรื่องกันละไง…
“ครับพ่อคนตัวโต พ่อคนตัวสูงชะลูด พี่น่ะโตแล้ว โตมาก ๆ เลย”
“พูดจาน่ารักแบบนี้อยากให้รางวัลจังเลยครับ ♡”
พี่ชานยอลพูดพร้อมกับยื่นหน้ามาหาผม ทำเหมือนกับจะจูบ ผมรู้ว่าพี่เขาแกล้งแต่สัญชาตญาณการป้องกันตัวของผมมันบอกให้ผลักออก และผมก็ผลักพี่เขาจนร่างสูงๆ นั่นล้มลงไปกองกับพื้นหญ้า
“โหยยยยยยยยย”
“เห้ยพี่ ผมขอโทษ” ผมรีบไปช่วยพยุงพี่เขามานั่งตามเดิม แต่ใบหน้านั้นกับยิ้มขำ ดูไม่เจ็บปวดอะไรตรงไหนเลย
“มือหนักเกินไปแล้วนะครับ”
“แล้วใครใช้ให้พี่เล่นแบบนั้นล่ะครับ”
“แบบไหนครับ หืม...”
“ก็...” แบบนั้นอะครับ
“ก็?”
“ช่างเหอะ ผม...หิวแล้ว”
อยากจะบ้าตายเพราะผู้ชายคนนี้... ทำไมชอบทำให้ผมหมดคำพูด ไม่ใช่ทำให้รู้สึกเซ็งจนไม่อยากจะพูดนะครับ แต่มันรู้สึกดี รู้สึกเขิน จนพูดไม่ออกมากกว่า
“งั้นไปหาอะไรกินกันเลยดีไหม”
“ก็ดีครับ (_ _)”
ในมหาวิทยาลัยตอนนี้เงียบสงบดีมาก นั่นเพราะว่าตอนนี้ยังเป็นช่วงปิดเทอมอยู่ อีกตั้งสี่วันกว่าจะเปิดเทอม ไม่ใช่ตั้งสิ อีกแค่สี่วันก็เปิดเทอมแล้ว การเริ่มต้นใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของผมกำลังจะเริ่มขึ้น เช่นเดียวกับความรักระหว่างผมกับพี่ชานยอลที่กำลังจะเริ่มต้น...
“ทำไมถึงเป็นผม...”
อยู่ดีๆ ผมก็ถามออกไป แต่ไม่ค่อยเต็มเสียงเท่าไหร่ มันดูช้าเกินไปนิดสำหรับคำถามนี้ในตอนนี้
“หมายถึง?” พี่ชานยอลหยุดเดินและจ้องหน้าผมเพื่อให้ผมทวนคำถามอีกครั้ง
“เดินไปพูดไปก็ได้ครับ...” ผมดันหลังร่างสูงให้เดินต่อก่อนจะทวนคำถามที่ผมถามไปเมื่อกี้
“ทำไมถึงขอผมเป็นแฟน เราพึ่งรู้จักกันยังไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ ถึงอาทิตย์รึเปล่ายังไม่รู้เลย”
ผมยู่ปากนิดๆ ไม่กล้าสบตากับอีกคนตอนถามคำถามนี้เลย มันเขินจนตัวแทบจะระเบิด พอพูดว่า ‘แฟน’
“พี่เคยบอกไปแล้วนี่ครับว่า รักแรกพบ”
“แล้วพี่มั่นใจหรอว่ามันคือความรัก เวลาที่เรารู้จักกันมันไม่น้อยเกินไปเหรอครับ”
ร่างสูงยืนนิ่งข้าง ๆ รถก่อนจะหยิบหมวกกันน็อคมาสวมให้ผม เรายืนสบตากันอยู่สักพักแล้วพี่เขาก็ระบายยิ้มออกมาบาง ๆ
“เคยได้ยินไหมว่า... ถ้าเรามองหน้าใครนานเกิน 8.2 วินาที นั่นแสดงว่าเราตกหลุมรักคน ๆ นั้นไปแล้ว แล้ว 1 อาทิตย์ มีตั้ง 168 ชั่วโมง 10,080 นาที 604,800 วินาที... ทำไมพี่จะรักแบคฮยอนไม่ได้ล่ะครับ”
ผมพูดอะไรไม่ออกครับ...
ความรู้สึกดีๆ ที่ผมมีให้พี่ชานยอล มันมากเกินไปแล้ว...
เขิน... ตอนนี้ผมกำลังเขิน... เขินมากจริง ๆ...
ต่อจากนี้ไปจะเป็นยังไงไม่รู้...
แต่ตอนนี้... ผมรู้แล้วว่าผมรัก... รักแม้รู้จักกันเพียงเวลาสั้นๆ
ขอบคุณเวลาที่หมุนให้เราได้มาเจอกัน!
TBC.
ความคิดเห็น