ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (EXO) FINAL IMPOSSIBLE - CHANBAEK KAIHUNHAN

    ลำดับตอนที่ #2 : - ( final impossible ) - file one tournament

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.ย. 57


    © themy  butter

      

     

     

    FILE ONE

    TOURNAMENT

     

     

     

    เคยคิดว่าเข้าเรียนมหาลัยแล้วชีวิตจะสุขสบายกว่าตอนเรียน ม.ปลาย

     

     

    แต่แท้จริงแล้วผมคิดผิด!

     

     

    มัธยมเรียนคาบแรกยัง 8 โมงครึ่ง แล้วนี่มันอะไร ทำไมคาบแรกมันเริ่มเรียนกันตั้งแต่ 8 โมงตรงวะ!! แล้วเรียนวันแรกไม่รู้จะไปนั่งตรงไหนกับใคร ถ้าเข้าห้องเรียนไปนั่งเรียนคนเดียวทั้งโดดเดี่ยวและเสี่ยวแดกมาก รู้สึกอ้างว้างและเปล่าเปลี่ยวหัวใจ และผมก็คิดว่าผมไม่ควรจะปล่อยให้คนอื่นรู้สึกแบบผม (จิตใจสาธารณะมากครับ)

     

     

    “ตรงนี้มีคนนั่งป่ะครับ”

     

    พอเห็นเป้าหมายผมก็เดินตรงเข้าไปถามคนที่โดดเดี่ยวเหมือนผมที่นั่งอยู่แถวหลังสุดของห้อง เป็นเด็กผู้ชายใส่แว่นหน้าตาแลดูละอ่อนบ้องแบ๊ว

     

    “ไม่มีครับ” เป้าหมายตอบ

     

    “ขอนั่งด้วยคนนะ” ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ ผมดึงเก้าอี้ออกมาจากใต้โต๊ะแล้วทิ้งตัวลงนั่งทันที บรรยากาศในห้องเรียนนี่นักศึกษาคนอื่นดูเหมือนจะเริ่มจับกลุ่มกันได้แล้ว แต่ผมคือเด็กชายที่ไม่เคยไปทำกิจกรรมอะไรก่อนเปิดเรียน ไม่ว่าจะเป็นปฐมนิเทศหรือกิจกรรมรับน้องคณะ รับน้องสาขา อะไรต่างๆ นานาที่รุ่นพี่สร้างสรรค์ขึ้นมาให้ สำหรับผมแล้วผมมองว่ามันก็ไม่ได้มีเนื้อหาสาระอะไร แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าจากการที่ผมไม่ได้ไป... มันทำให้ผมไม่รู้อะไรและไม่รู้จักใคร

     

    งงแดกตั้งแต่ชื่อห้องแล้ว MI3 ต้องเอาไปเซิร์ชพี่เกิ้ลให้เขาช่วยหาว่ามันคือตึกไหน การเรียนวันแรกนี่ทำเอาวุ่นวายไม่น้อยเลยทีเดียว นอนก็ไม่ได้นอน วิชาเรียนคาบแรกนี่ก็หรรษาเหลือเกิน ทักษะพื้นฐานสำหรับวิทยาการสารสนเทศ

     

    เปิดเทอมมาก็เอาวิชาชวนปวดหัวมาให้เรียนแล้ว ได้แต่หวังว่าอาจารย์จะไม่เริ่มสอนตั้งแต่วันแรก... แค่นั้นก็พอแล้วครับสำหรับความปรารถนาขั้นสูงสุดในวันนี้

     

    “นายชื่อไร?”

     

    เด็กหนุ่มที่นั่งข้างๆ ผมหันมาถาม ถือเป็นโอกาสดีสำหรับผมที่จะได้เริ่มมีปฏิสนธิ... เอ้ย... ปฏิสัมพันธ์กับใครสักคน ผมควรจะรู้จักใครสักคนเพื่ออย่างน้อยจะได้ไม่ต้องโดดเดี่ยวและเสี่ยวแดกอีกต่อไป

     

    “บยอนแบคฮยอน”

     

    ผมตอบออกไป เพื่อนใหม่เงียบไป ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเขาจะเงียบทำไมหรือผมควรจะต้องถามต่อว่านายล่ะ ผมตอบสั้นไปหรอหรือยังไง

     

     

     

    “เราปาร์คชานยอล” ในที่สุดเขาก็ตอบผมออกมาหลังจากเงียบไปพักใหญ่ หรือหมอนี่จะมีระบบประมวลผลชื่อ แต่ช้าขนาดนี้เทียบได้กับคอม CPU เพนเทียม RAM 128 การ์ดจอไม่มีวินโดว์มีอีกต่างหาก

     

    “มีเพื่อนยัง” ผมถามเพื่อประคองบทสนทนาของเราสองคนให้ยาวขึ้นอีกนิด ไม่อยากให้มันจบแค่การแนะนำตัว

     

    “ยังไม่รู้จักใครเป็นพิเศษ”

     

    “แสดงว่าคงรู้จักบ้างแล้วสินะ”

     

    “ไม่ได้เข้าปฐมนิเทศหรอ ทำไมไม่คุ้นหน้า” เข้าถามผมพร้อมกับจ้องหน้าผมผ่านแว่นเลนส์หนาๆ นั่น ขอเดาว่าสายตาเขาน่าจะสั้นไม่ต่ำกว่า 300 ดูจากความหนาของเลนส์แว่นตาแล้ว บางทีผมอาจจะได้เพื่อนที่คงแก่เรียน ถ้าเป็นแบบนั้นก็เยี่ยมไปเลยครับ จะได้มีคนไว้ถามงานเวลาไม่เข้าเรียน เฟี้ยวเงาะกระเพาะหมูไปเลย

     

    “ไม่ได้เข้าอะ เราไม่ว่าง” ผมตอบไปโดยไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะถามต่อ แต่ดูเหมือนผมจะยังด้อยประสบการณ์เกินไป

     

    “ทำไร ทำไมไม่ว่าง”

    ทำไรดีวะ... ที่ผ่านมาก็ไม่เคยทำตัวดีมีประโยชน์กับชาวบ้านชาวเมืองซักเท่าไร แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ตอบไรก็ตอบไปเถอะ (มั้ง)

     

    “พอดีเรามีทัวร์นาเมนต์อะ”

     

    “ทัวร์นาเมนต์อะไร” พอผมตอบไปอีกคนก็ขมวดคิ้วทันที

     

    “เก็บโฮลอินวันกับอัลบาทรอส” กล้าถามก็กล้าตอบวะ ตอบเองก็ขำเองในใจ... ก็พอรู้อยู่หรอกว่าที่ตอบไปมันกวนตีน แต่ผมก็ทำแบบนั้นจริงๆ นี่หว่า

     

    “ปังย่า?”

     

    อ่าว... รู้จักด้วยว่ะเห้ย ไม่ธรรมดา... แสดงว่าก็เคยบุกป่าลุยน้ำในเกมออนไลน์มาบ้างเหมือนกัน ดูจากท่าทางแล้วไม่น่าเป็นเด็กเล่นเกม... มันตัดสินกันจากภายนอกไม่ได้จริงๆ สินะ

     

    “แม่นแล้ว เล่นเหมือนกันหรอ” ตอบพร้อมกับถามไป บางทีผมอาจจะได้เพื่อนเล่นเกมคนใหม่ก็ได้ ถ้าไม่ได้เพื่อนเรียนก็ขอเพื่อนเล่นเกมก็ยังดีล่ะนะ

     

    “ตอนนี้ไม่ได้เล่นแล้ว ยังเล่นอยู่อีกหรอ นั่นมันเกมตั้งแต่ขนอวัยวะเพศยังไม่ขึ้นเลยนะ”

     

    อีกฝ่ายตอบมาพร้อมกับยิ้มขำ... ผมก็ขำตาม... ดูมันพูดดิ คำพูดคำจาโคตรอุบาทว์ไม่เข้ากับหน้าตาเลยจริงๆ ลองคิดภาพเด็กใส่แว่นตาหนาๆ แล้วพูดคำว่าขนอวัยวะเพศดูสิครับ โคตรฮา

     

    “ย้อนวัยเว้ย แต่เล่นปังย่าเถื่อนนะ”

     

    “บางทีก็ย้อนไป ทำไมไม่กลับไปเล่นพินบอลปิกาจูตบวอลเลย์บอลไปเลยล่ะ หน้าตาอย่างนายก็ดูเหมาะกับเกมปัญญาอ่อนแบบนั้นดีนะ”

     

     

    “อันนี้มึงกวนตีนกูละ”

     

    ผมมองหน้าพร้อมกับเท้ายันขาอีกคนไปหนึ่งที... และก็เป็นเวลากับที่อาจารย์เดินเข้ามาในห้องพอดี การสนทนาเลยสะดุดอยู่ที่ตรงนี้

     

    ระหว่างที่อาจารย์กำลังพูดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับวิชาเรียนและการปรับตัวเพื่อเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัย ซึ่งมันเป็นอะไรที่ทำให้ผมง่วงนอนมาก อาจเพราะว่ายังไม่ได้นอนเลยตั้งแต่เมื่อคืน แต่ถึงจะนอนมาผมก็คิดว่าสิ่งที่อาจารย์กำลังพูดอยู่มันเป็นอะไรที่ชวนง่วงนอนอยู่ดี

     

    เห้อ... อาจารย์นี่ก็สอนไม่เกรงใจคนเรียนเลย เวลาเห็นนักศึกษาหลับในคาบก็ปลุกให้เขาตื่นมาฟัง ไม่รู้จักเกรงอกเกรงใจกันบ้างเลย การปลุกคนอื่นนี่มันเป็นบาปนะครับอาจารย์

     

    ผมแก้ความง่วงด้วยการนั่งสร้างแลนด์มาร์กในมือถือ มันเป็นแอพลิเคชันแก้เบื่อที่ดีจริงๆ เลยครับ

     

     

    “ขอไลน์หน่อยดิ” มือหนาสะกิดสีข้างผมพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ของตัวเองมาให้ผมกดไอดีไลน์ให้

     

    baekhyunee

     

    “แบคฮยอนนี่... มุ้งมิ้งจังวะ”

     

    ID กูมุ้งมิ้ง แต่ตีนกูไม่มุ้งมิ้งนะ”

     

    ชานยอลขำแล้วก็อดแอดมา... เหมือนอีกคนจะสนุกกับการกวนตีนผม ถ้าไม่เห็นว่าเป็นที่พึ่งในการปลดปล่อยความโดดเดี่ยวนี่ผมว่าผมอาจจะได้ด่าอีกคนเป็นแน่

     

    “แบคฮยอนนี่ มึงอยู่หอนอกหรือหอใน”

     

    การเรียกชื่อที่ทำให้ผมไม่ค่อยอยากตอบเท่าไหร่... ชื่อ ID ไลน์ผมเหมือนเป็นอะไรที่พลาดอะครับ ก็ตอนสมัครมันสมัคร baekhyun เฉยๆ ไม่ได้ มันมีคนใช้ไปแล้ว ผมก็เลยพิมพ์ ee เพิ่มเข้าไป แค่นั้นเอง...

     

    แต่มันก็พลาดจริงๆ แหละ พิมพ์ nn ไป มันยังจะดูดีซะกว่า

     

    “หอนอก”

     

    “เหมือนกัน มึงอยู่กับใคร”

     

    “อยู่กับใครก็ได้ โตแล้ว”

     

     

    ทีใครทีมันว่ะ ห้าห้าบวก

     

     

    “เคยได้ยินไหมว่าโตไวตายไวนะครับแบคฮยอนนี่”

     

    แต่เหมือนจะไม่ใช่ทีผมละ ผมว่าเหมือนเป็นทีของอีกคนมากกว่า... ทำไมวันนี้สกิลปากผมกากจังวะครับ

     

     

    “แล้วมึงอะ อยู่กับใคร”

     

    “กูก็อยู่กับใครก็ได้ โตแล้วเหมือนกัน”

     

     

    ไอ้ซัซ... ผมว่ามันเริ่มไม่ใช่ผูกมิตรแล้วล่ะ เหมือนจะเป็นการสร้างศัตรูมากกว่า...

     

     

    “มาดูกันว่ากูหรือมึงจะตายก่อนกัน” ผมตอบพร้อมกับหันไปจ้องหน้าอีกคน

     

    “กูยอมมึงก็ได้ ฮ่าๆ... กูอยู่คนเดียว”

     

    “กูก็พอจะดูออกว่าอย่างมึงนี่ไม่น่าจะมีคนคบ”

     

     

    ผลจากสกิลปากที่กวนตีนได้ตลอดเวลา

     

     

    “เลิกเรียนแล้วไปไหนป่ะ”

     

    “กลับหอ”

     

    “กลับไปทำไร อยู่ทั้งวันไม่เบื่อบ้างไง”

     

    “ไม่เคยเบื่อ อยู่ได้ทั้งวันทั้งคืน อยากอยู่ที่หอตลอดไป ไม่อยากออกไปไหน การอยู่แต่ในหอเป็นอะไรที่สบายที่สุดสำหรับกูว่ะ”

     

    “แล้วสรุปมึงอยู่กับใคร”

     

    “กูอยู่กับพี่อีกสองคน”

     

    “หมายถึงรวมมึงก็เป็นสามคนอะนะ ไม่อึดอัดหรอ”

     

    “ก็ไม่นะ กูว่าก็สบายๆ ดี ค่าห้องก็ถูกลงไง ประหยัดดี”

     

     

    ประหยัดสุดๆ ไปเลยครับ หารสามค่าห้องค่าน้ำค่าไฟค่าเน็ต มีเงินไปทำอย่างอื่นได้... แต่ผมก็พูดไปงั้นแหละ นี่ไม่เคยเหลือเงินเก็บซักเดือน ช็อตทุกเดือน ไม่รู้มันหายไปไหน ทำไมในกระเป๋าตังค์มันถึงไม่มีระบบแจ้งเตือนเหมือนตอนโทรออกบ้างว่า ยอดเงินในกระเป๋าของคุณกำลังจะหมด กรุณาเติมเงินด้วย อะไรแบบนี้...

     

    “แต่กูชอบอยู่คนเดียวมากกว่า”

     

    “ถึงมึงไม่ชอบมึงก็คงต้องอยู่คนเดียวอยู่ดีแหละกูว่า แล้วเลิกเรียนมึงไปไหน?”

     

    คุยไปคุยมาผมว่าผมเป็นคนเริ่มปากหมาใส่อีกคนก่อนแล้วแหะ แต่ก็ช่างมันเถอะ... ยังไงชานยอลก็กวนตีนผมก่อนตอนแรก(มั้ง) คิดซะว่าเอาคืน

     

    “กูว่ากูก็คงกลับหอ มึงกลับไง”

     

    “กูแว้นมาก็คงแว้นกลับ”

     

    “ไปส่งกูด้วยดิ” ชานยอลบอกพร้อมกับเก็บของเข้ากระเป๋าเป๋ใบใหญ่ที่เขาสะพายมาเรียนทั้งที่ยังเหลืออีกตั้งเกือบชั่วโมงกว่าจะหมดคาบ... แล้วนี่ขนอะไรมาเรียนบ้างวะน่ะ มองๆ ดูแล้วเหมือนเด็กหนีออกจากบ้านหรือมันเป็นเทรน

     

    “ได้ หอมึงอยู่ไหน?”

     

    “หน้ามอ เลยโรงบาลมอไปหน่อย”

     

    “โอเค” ผมตอบตกลงแบบง่ายๆ เพราะว่าผมเองก็อยู่หน้ามอเหมือนกัน อย่างน้อยๆ ก็ไม่ต้องไปส่งไกลหอแล้ววนรถกลับมา วนไปวนมามันไม่สนุกเลยสำหรับคนที่ขี้เกียจขับแบบผม

     

     

     

    “อาจารย์มีตัวอย่างข้อสอบมาให้ดูก่อนเริ่มเรียน...”

    อาจารย์ยังคงตั้งใจสอนต่อไป... ให้ดูตัวอย่างข้อสอบตั้งแต่วันแรกที่เริ่มสอนเลย อะไรจะขยันจิตใจมุ่งมั่นสอนขนาดนั้นครับ แบคฮยอนคนนี้กำลังหมดแรง

     

    เห้อ... เมื่อไรอาจารย์จะสอนเสร็จวะ อยากกลับไปนอนแล้ว ง่วงโว้ยยย

     

     


     

     

     

     

     

     

    พอเลิกเรียนปุ๊บผมนี่เดินออกจากห้องคนแรก เพราะอยู่แถวหลังสุด อยู่ใกล้ประตูที่สุด อยู่หลังเสาอีก ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ทำมาเพื่อให้เด็กขยันเรียนอย่างผมจริงๆ

     

    “เชี่ย ฝนตก”

     

    ผมนี่น้ำตาแทบนองหน้า หนึ่งในพันเรื่องที่ผมเกลียดที่สุดก็คือการตากฝนเนี่ยแหละ แล้วมันจะอะไรหนักหนาก็ไม่รู้ ทุกวันแรกของการเปิดเทอมจะต้องมีฝนตก เป็นแบบนี้ตั้งแต่ประถมมัธยมยันมหาลัยเลย

     

    “นิดเดียวเองมั้ง รีบกลับดิเดี๋ยวมันตกหนัก” ถึงมันจะนิดเดียวแต่มันก็คือฝนป้ะวะ จะตกนิดเดียวหรือตกหนักยังไงมันก็คือฝนตกอยู่ดีอะ

     

    “มึงขับเป็นไหม”

     

    “เป็น”

     

    “ดีเลย งั้นมึงขับกูจะได้ใช้มึงเป็นกำบังฝน”

     

     

    ชานยอลมองหน้าผมนิดนึง คงคิดในใจแหละมั้งว่าคนอะไรจะเหี้ยได้ขนาดนี้ ก่อนจะตอบผมว่า “ได้... เพราะถึงกูจะนั่งซ้อนมึงกูก็คงใช้มึงเป็นที่กำบังฝนไม่ได้อยู่แล้ว”

     

    ผมขอเปลี่ยนใจไม่ไปส่งมันแล้วได้ไหมครับ

     

     

    “มีหมวกกันน็อคกี่อัน” เพื่อนใหม่ถาม

     

    “ก็เห็นอยู่อันเดียวตรงตะกร้าหน้ารถนั่นอะ มีสองอันมั้ง”

     

    “มึงจะใส่ไหม”

     

    “ใส่ดิ เดี๋ยวผมกูเปียก กูขี้เกียจอาบน้ำ”

     

    อาบเถอะ” ชานยอลที่ขึ้นไปนั่งคร่อมอยู่บนรถแล้วพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบหมวกกันน็อคหน้ารถมาส่งให้ผม... ขับขี่ปลอดภัยต้องใส่หมวกกันน็อคครับ อีกอย่างกันฝนได้ ถึงมันจะกันได้แค่ส่วนหัวก็เถอะ

     

     

     

    การเดินทางเป็นไปอย่างปลอดภัย หลังจากส่งชานยอลเสร็จผมก็รีบขับกลับหอทันทีและพอจอดรถปุ๊บฝนก็เทกระหน่ำเหมือนกับกำลังบอกผมว่า... ไม่ต้องไปเรียนหรอกตอนบ่าย... ตอนบ่ายไม่ต้องไปเรียน... คาบแรกอาจารย์คงยังไม่สอนหรอก... นอนอยู่ห้องดีกว่า...

     

    ไม่รู้ว่าเป็นเสียงจากฝนหรือเสียงจากสมองซีกที่ชั่วร้ายของผมกันแน่ แต่ผมขอสรุปเอาเองว่าบ่ายนี้ไม่ควรไปเรียนก็แล้วกัน

     

    ตืด ตืด

     

    ลืมไปเลยว่าใส่มือถือไว้ในกระเป๋ากางเกง... พังเปล่าวะเนี่ย

     

     

    ParkCY9211: บ่ายนี้ไปเรียนไหม

     

    เห็นไลน์แจ้งเตือนเด้งอยู่ที่หน้าล็อกสกรีนก็แสดงว่ามือถือของผมมันคงยังไม่เป็นอะไร แต่คนทักมาถามนี่อาจจะเป็นอะไร กวนตีนกันตั้งแต่เจอหน้าครั้งแรก ยังทักมาถามอีกว่าบ่ายจะไปเรียนไหม ถึงไปกูก็ไม่นั่งกับมึงหรอก

     

    >> ไม่ไป

     

    ParkCY9211: ว่าจะไม่ไปเหมือนกัน

     

     

    ผมอ่านแล้วไม่ตอบ ไม่รู้จะตอบอะไร... จะให้บอกว่าเออดีๆ โดดเป็นเพื่อนกันแบบนี้หรอก จะประถมไปไหน

     

    ParkCY9211: ไม่ไปเรียนแล้วทำไร

     

    >> นอน

     

    ถึงในใจจะคิดว่าจะถามทำไมแต่ผมก็พิมพ์ตอบไป ไม่ใช่ตามมารยาทแต่มันเป็นการตอบห้วนๆ ให้รู้ว่าผมไม่อยากคุยด้วย

     

     

    ParkCY9211: นอนไรนักหนา นอนตั้งแต่เด็กแล้วไม่เบื่อรึไง

     

    >> อย่าให้กูเห็นมึงนอนนะ

     

    ParkCY9211: เล่นเกมกัน

     

    >> เกมไร

     

    ParkCY9211: ฮอน

     

    >> 1-1 ป้ะล่ะ

     

    ParkCY9211: มาดิ

     

     

    ได้เวลากินไก่แล้วครับ... ผมรีบเปลี่ยนชุดถอดกางเกงโยนไปทางเสื้อโยนไปทางแล้วหยิบอะไรที่ใกล้มือที่สุดมาใส่โดยไม่รู้ว่ามันได้รับการซักหรือยัง... ซึ่งจากกลิ่นแล้วน่าจะยัง แต่ก็ใส่ๆ ไปเถอะ คนรับควรได้รับเชื้อแบคทีเรียบ้างเพื่อสุขภาพที่สมบูรณ์

    พอใส่เสื้อผ้าเสร็จแต่ยังไม่เรียบร้อยตัวผมก็กระโจนเข้าหาคอมพิวเตอร์ลูกรักอย่างรวดเร็ว ผมเป็นแบบนี้เสมอ... อยู่ในห้องเรียนนี่โคตรง่วงแต่พออยู่หน้าคอมแล้วการง่วงเป็นยังไง ไม่รู้จัก

     

     

    >> ชื่อในเกมอะไร

     

    ParkCY9211: P1127

     

    ชื่อโคตรเสร่อเลย บอกไว้เลยครับว่าชื่อในเกมที่มีตัวเลขนี่มันดูบ้านนอกบ้านนามาก ดูจากการตั้งชื่อแล้วไม่อยากจะเล่นด้วยให้เสียประวัติเลยจริงๆ

     

    เปิดมาที่การเลือกฮีโร่... การเลือกฮีโร่ในเกมตอน 1-1 นี่มันเป็นอะไรที่แบบ... กดดันนะครับ บางทีถ้าเลือกเล่นตัวที่ถนัดที่สุด แต่โดนอีกฝ่ายเลือกตัวมาดักทางทีนี่เกมเผ็ดเลยนะ (เกมพลิก)

     

    แต่ด้วยความที่ผมเอิกเกริก เลยกดเลือกตัวไปก่อนโชว์ห้าว อยากให้มันรู้ๆ ไปเลยว่าผมต่อให้... ผมกดเลือก Berserker มา... หึ... มึงโดนกูแน่ 1-1 มึงจะเอาตัวอะไรมาสู้วะ ฮีโร่กูโหด

     

    Wretched Hag

     

    หือ... เอาฮีโร่สาย int มาสู้ สาย str เนี่ยนะ คิดได้ไงวะ ขำว่ะ

     

     

    ผมรีบออกของแล้วไปรอตุ้ยตรงหน้าเกทที่มันวาร์ปออกจากป้อมเลยครับ เพราะสร้างโหมดมิดวอร์มาจะได้จบเร็วๆ ไปรอคิลหมู

     

    พอชานยอลวาปลงมาปุ๊บผมกดสกิลดึงเลย มึงโดนกูแน่... ชานยอล มึงต้องโดน...

     

     

    เชี่ย... แม่งอัพบลิ้งมา แม่งบลิ้งหนีเข้าป้อม

     

    BYUNINBAEK: กากว่ะ

     

     

    ขณะที่ผมกำลังเดินกลับไปทีเลนแล้วก็พิมพ์ด่าไป อยู่ดีๆ ชานยอลก็วาร์ปลงมาใหม่ แล้วก็ยิงตอดผมจากข้างหลัง... ผมหันกลับไปจะบวก มันก็เดินหนีไปตีไป ด้วยความที่ฮีโร่ผมเป็นตัวตีใกล้แต่ฮีโร่ชานยอลเป็นตัวตีไกลเลยเข้าถึงตัวอีกฝ่ายยาก ชานยอลก็ยิงไปหนีไป... จนเลือดผมเหลือน้อยกว่าครึ่งหลอดซึ่งมันเริ่มไม่เข้าท่าแล้ว ผมเลยรีบเดินหนีหามุมมืดของแมพแล้วก็เดินหนีมาเรื่อยๆ ซึ่งเหมือนจะรอดครับแต่...

     

     

    BLOODLUST!!

     

     

    ไม่รอด... แม่งบลิ้งมาแล้วกดสกิลใส่ผม... สลีฟวิท... เชี่ยยยยยยยยย

     

    P1127: 555555555555555555

     

    BYUNINBAEK: ขำเชี่ยไร

     

    P1127: ขำคนห้าว

     

     

    เออได้ เดี๋ยวมึงรอกูเลท กูจะคิลให้ขำไม่ออกเลย เดี๋ยวก่อน... ผมคิดแบบนั้นแต่ก็อดเสียเซลฟ์ไม่ได้ โดนคิลก่อนนี่มัน... แม่ง... การคิลได้ก่อนนี่มันเหมือนวัดแล้วนะว่าใครชนะหรือไม่ชนะ เพราะได้เงินก่อน ออกของได้ก่อน ไล่กดได้เลย แต่ผมก็ยังทำใจดีสู้เสือ ยังไงฮีโร่ผมก็โหดกว่า... เล่นเซฟๆ แล้วรอเลทเดี๋ยวก็ดีเอง อย่าเพิ่งหัวเสียไป ผมได้แต่บอกตัวเองแบบนั้น...

     

     

    แต่... มันเป็นไปตามสเต็ปเลยครับ ผมโดนชานยอลไล่ตอดจนเลือดลดไปเยอะ ต้องซื้อเลือดมาเติมตลอดเพราะไม่อยากทิ้งเลน จนไม่มีเงินออกของและตอนนี้ไอเท็มก็เริ่มห่างกันเกินไป นี่ผมก็ตายไปสองตัวแล้ว ตึงเลย ถ้าโดนคิลอีกตัวนี่หมดสิทธิ์ชนะละ... และก็เป็นไปตามคาด ชานยอลเหมือนรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่... ก็เลย...

     

     

    เข้ามาสกิลใส่ผมสองสกิลบวกด้วยการยิงอีกสองที... นอน...

     

     

    P1127: ยังไง

     

    BYUHINBAEK: เออ กูยอม

     

    แม่งเอ้ย... เริ่มผิดนิดชีวิตเปลี่ยน ไม่น่าไปห้าวแจกคิลไปตัวนึงเลยตอนแรก ผมกดยอมแพ้ในเกม... แต่... เคยได้ยินไหมครับเกมแพ้คนไม่แพ้

     

     

    BYUNINBAEK: ชนะกูแล้วอย่าทำได้ใจไป กูเลือกฮีโร่ก่อน กูต่อให้มึงเฉยๆ เหอะ

     

    P9211: อาฮะ

     

    ดูมันตอบดิ ตอบมาแค่เนี่ย กวนตีน... ตึงเลย

     

    P9211: เล่นต่อป่ะ ไปเล่นกับคนอื่นกัน

     

    BYUNINBAEK: ไม่อะ กูไม่อยากเล่นกับมึง

     

     

    ผมพิมพ์ตอบไปแล้วก็กดปิดเกมทันที... โมโห หงุดหงิด... ง่วง... นอน!! ผมต้องแพ้ชานยอลเพราะผมง่วงนอนแน่ๆ ไว้ค่อยไปท้าใหม่... นอนซักตื่นก่อน... พ่อจะฆ่าให้ไม่ได้ผุดได้เกิดเลย

     

     

     

     

     

    ร อ กู น อ น ตื่ น ก่ อ น น ะ ช า น ย อ ล

     

     

     


     

     

     

     

     

    ครืดดด ครืดดดดดดดดดด~~~~~~~~

     

    ใครโทรมาวะ... กี่โมงแล้วล่ะเนี่ย...

     

     

    “ว่า” ผมตอบรับสายที่โทรมาด้วยคำพูดที่ถ้าไม่ใช่คนสนิทกันก็คงบอกว่าผมไม่มีมารยาทไปแล้ว นั่นเพราะพอเห็นชื่อคนที่โทรมาโชว์หราอยู่บนหน้าจอมือถือนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน... เขาคือมนุษย์เด็กผู้ชายที่ผมค่อนข้างจะสนิท ถึงจะไม่เคยเจอหน้ากัน... แค่เล่นเกมด้วยกัน แต่ก็เล่นด้วยกันมาเป็นเดือนแล้ว

     

     

    <แบคฮยอนอยู่ไหน> ...และมันก็ไม่เคยเคารพผมเหมือนกัน นานๆ ทีสามสี่วันจะเรียกผมว่าพี่สักครั้ง แต่แค่นั้นผมก็ประทับใจมากแล้ว

     

    “หอ”

     

    <ทำไร ไมไม่ออนการีน่า>

     

    “นอนอยู่อะ” รู้ไหมว่าการปลุกคนอื่นมันเป็นบาป

     

    <ตื่นเลย เล่นเกมกัน>

     

     

     

    ผมควรจะชินได้หรือยังนะ ทำไมช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมานี้จงอินโทรหาผมทุกวันหลังเลิกเรียน บางทีผมก็รู้สึกเหมือนผมเป็นพ่อมากกว่าเป็นพี่ที่ต้องคอยรับโทรศัพท์รายงานจากลูกว่า เลิกเรียนแล้วนะ กำลังกลับบ้าน เล่นเกมกัน... ประโยคเดิมๆ ซ้ำๆ แบบนี้ทุกวี่ทุกวัน

     

     

     

    “แป๊บนึง”

     

    <เร็วๆ เปิดคอมแล้วเข้าทอคเค้ามาเลยนะ>

     

    “อืออออออออออ”

     

    ผมควานมือไปที่ปุ่ม Power CPU ที่วางอยู่ข้างที่นอน... ที่นอนผมเป็นแค่ฟูกต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เพราะห้องที่เรา (ผม-พี่ซูโฮ-คยองซู) เช่าอยู่มันมีเตียง 5 ฟุตแค่เตียงเดียว การที่จะไปนอนเบียดกัน 3 คนอยู่บนนั้นมันไม่ใช่อะไรที่เข้าท่า โชคดีนะที่เจ้าของห้องเช่าทิ้งฟูกไว้ในห้อง ผมเลยได้โอกาสรับบทผู้เสียสละนอนบนฟูก ก็เลยจัดการเอาโต๊ะญี่ปุ่นมาตั้งข้างๆ และวางคอมแสนรักไว้ข้างที่นอน ง่ายต่อการเล่นและง่ายต่อการนอน เพราะสิ่งที่ผมรักมีอยู่สองอย่างเนี่ยแหละ ที่นอนของผมกับคอมของผม ขาดสองสิ่งนี้มันคงเป็นชีวิตที่ไม่ใช่ชีวิต

     

     

    ตอนแรกก็งงว่าทำไมยังรู้สึกง่วงมากมายมหาศาลขนาดนี้อยู่ แต่พอเห็นตัวเลขที่มุมขวาของหน้าจอคอมก็ไม่แปลกใจเพราะมันยังไม่สองทุ่มเลย เพิ่งนอนไปนิดเดียวเองนี่หว่า

     

    “แบคฮยอนมาแล้วเว้ยๆ” พอกดเข้าไปในห้องทอคปุ๊บก็เอิกเกริกกันปั๊บ โดยเฉพาะจงอินนี่ตัวเอิกเกริกเลย

     

     “เข้าฮอนดิแบคฮยอน ฮู้ว... ให้สองคนรอคนๆ เดียว รู้สึกเกรงใจบ้างไหม”

     

    “เออ เข้ามาเร็วๆ ดิแบคฮยอน”

     

     

    มาเป็นลูกคู่ครับ... จงอินมีลูกคู่อยู่อีกคนนึง... คือไอ้คนที่พูดประโยคสุดท้าย... เด็กชายลู่หาน คือไอ้เด็กพวกนี้เป็นรุ่นน้องผมปีนึง ซึ่งตามหลักการแล้วพวกมันควรจะเรียกผมว่าพี่ แต่เพราะอะไรเพราะเหตุใดทำไมไอ้เด็กสองคนนี้ถึงไม่เรียกผมว่าพี่ผมก็ไม่รู้กับพวกแม่งเหมือนกัน หรือผมทำตัวไม่น่าเคารพนับถือก็ไม่รู้ ทำตัวเหมือนเป็นหัวโจกเด็กร้านเกม

     

     

    “แป๊บดิ คอมค้างแล้ว คอมเครื่องนี้กูใช้มาตั้งแต่ ม.3 ยังเล่นฮอนกับพวกมึงได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว”

     

    “แบคฮยอนแม่งกากว่ะ ซื้อใหม่เหอะ คอมหรือไมโครเวฟ โคตรช้าเลย”

     

    “จงอิน มึงไม่รู้หรอกว่าสมัยกูอยู่ ม.1 คอมกูแรงที่สุดในตำบลเลยนะเว้ย”

     

     

    ผมเถียงกลับถึงแม้ว่ามันจะดูไม่น่าภูมิใจอะไรเท่าไร แต่มันเรื่องจริงนะครับที่ตอนนั้นคอมผมนี่ลื่นหัวแตกอะ คิดดูว่าคอมที่มีอายุการใช้งานมานานกว่า 6 ปี แต่ยังเล่นเกมหนักๆ ของยุคสมัยนี้ได้ มันซุปเปอร์คอมขนาดไหน

     

     

    “คือตอนนั้นมันก็แรงไง แต่ตอนนี้มันไม่ใช่”

     

    “เนี่ย เข้ามาแล้วเนี่ย”

     

    “คอมแม่งแก่เหมือนคนเลยว่ะ”

     

    “มึงเกิดหลังกูปิดเดียวเองนะ ชวนดิ”

     

     

    ชวนที่ว่าคือการชวนเข้ากลุ่มครับ... เวลาที่เราจะเริ่มเล่นฮอนมันจะต้องรวมกันให้อยู่ในห้องเดียวครับ เพื่อที่จะเข้าคิวไปต่อสู้กับทีมอื่น

     

     

     

    P1127: เล่นเปล่า

     

    พอเห็นชื่อคนที่ซิบมาเท่านั้นแหละครับ ผมนี่ยืนขึ้นเลย... เกือบลืมแม่งไปแล้ว...

    ชานยอล = คนที่ฆ่าฉัน

     

     

    >> มึงมีกี่คน

     

    P1127: 3 คน เล่นด้วยกันไหม

     

     

    อะไรจะพอเหมาะพอเจาะขนาดนั้น ได้โอกาสที่ผมจะล้างแค้น... ได้โอกาสที่ผมจะฆ่าล้างโคตรเง้าศักราชก็คราวนี้แหละ... เคยเห็นป่ะครับ... เวลาอยู่คนเดียวนี่อย่างหมา แต่รวมแก๊งกันทีนี่อย่างกับซุปตาร์ MARVEL

     

     

    “เห้ย เจอโจทก์ว่ะ” ผมพูดบอกเด็กๆ ในทอค (ทอคคือแอพพลิเคชันเสริมสำหรับคุยกันเวลาเล่นเกมในการีน่า)

     

    “ใครวะ” ลู่หานถาม เสียงนี่โหมดจริงจังมากเมื่อผมพูดว่าโจทก์ มันเหมือนเป็นคำศัพท์ศักดิ์สิทธิ์เวลาใช้ตามพวกพ้อง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเวลาไหนแค่โทรบอกว่าเจอโจทก์ ต่างคนต่างมากันเหมือนที่บ้านเป็นเจ้าของเครือ Airline เร็วแบบตดไปยังไม่ทันหายเหม็น แต่ผมก็ไม่เคยมีโจทก์หรอกครับ เพราะวันๆ อยู่แต่ในห้องไม่เคยมีปัญหากับคนอื่น ถ้าจะมีก็มีกับชานยอลนี่แหละ... เขวี้ยงโปเกบอล... ชานยอล... กูเลือกมึง...

     

     

    “โจทก์กูเอง ไปคิลมันกัน มันมี 4 เหมือนกัน” ใครจะไปกล้าพูดวะ ว่าวันนี้ไปท้าเขา 1-1 แล้วแพ้มา

     

    “มาดิ” จงอินขานรับด้วยเสียงจริงจัง มันเป็นเรื่องไร้สาระที่เด็กเล่นเกมเท่านั้นที่จะเข้าใจ... ความจริงจังที่เกิดขึ้นในการเล่นเกม ซึ่งผิดจุดประสงค์หลักของการเล่นเกม... เพราะมันมีไว้เพื่อคลายเครียด แต่เอาเข้าจริงๆ เวลาโมโหใครแล้วสู้กันในเกมนี่มันก็เป็นทางออกอีกทางนึงนะครับ อย่างน้อยก็ไม่ต้องไปแลกเลือดกันข้างทาง แต่มันก็มีบ้างครับที่เกมจบคนไม่จบ

     

     

    >> กูก็มี 4 เจอกันหน่อยป้ะล่ะ ใจเปล่าวัยรุ่น

     

     

    ผมซิบตอบกลับไปและใจจดจ่อรออีกฝ่ายตอบกลับมามาก นั่งภาวนาขอให้ชานยอลมันตอบตกลงให้ผมได้กู้เอกราชคืน ตอนที่แพ้ไปเมื่อตอนกลางวันนี่ผมเจ็บกว่าเสียแผ่นดินเกาหลีใต้ให้เกาหลีเหนืออีกนะ

     

    มันคือความอัปยศครั้งยิ่งใหญ่ของชีวิต

     

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    TBC

    แท็กซฺบซิบฟิคเรา #ฟนอ

    เด็กผู้ชายมันก็จะพูดกันภาษางี้แหละ ไม่ค่อยมีหรอกที่จะมานั่งงุ้งงิ้งมุ้งมิ้ง

    ฝากฟิคเรื่องนี้ด้วยนะตัวเอง

    .


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×