ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (EXO) SLEEPWITH - CHANKAIHUN :

    ลำดับตอนที่ #1 : - ( sleepwith ) - file one

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ค. 57


     

     

    FILE ONE

    วันที่ฝนตก... ไหลลงที่หน้าต่าง

     

     

               

     
     

    Nants ingonya mabagi thi Baba [Here comes a lion, Father] !!!!

     

    เสียงเพลง Circle of Life จากเรื่อง Lion King ดังลั่นห้องพักหลังมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง (ใครไม่เคยฟังลอง Search ใน Youtube เลย จะได้รู้ว่าซาวน์มันกระแทกโสตประสาทแค่ไหน)

     

    “โอยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!

     

    เสียงโอดครวญของเด็กหนุ่มวัยแรกแย้มที่ต้องพยายามลากตัวเองลุกขึ้นจากเตียงเพื่อเข้าคณะเอารายงานชิ้นสุดท้ายก่อนสอบไฟนอลไปส่ง ร่างโปร่งกดปิดเสียงนาฬิกาปลุกเตรียมทำท่าจะนอนต่อ แต่พอหลับตาลงปุ๊บจิตใต้สำนึกดันบอกให้หยิบมือถือมาดูก่อนว่ากี่โมงแล้ว พอเห็นเวลาก็ทำเอาตาแทบถลน

     

    9.45 AM

    “ชิบหายแล้ว!!

     

    เวลาเดทไลน์ส่งงานคือในคาบเรียนวันนี้และคาบเรียนวันนี้เริ่มเรียนตอนสิบโมงตรง!

     

    ร่างโปร่งรีบเด้งตัวคลานลงจากเตียงไปที่ห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟัน น้ำเนิ้มไม่อาบเพราะไม่มีเวลาแล้ว หยิบกางเกงยีนตัวโปรดที่ใช้มาร่วม 3 ปีแล้ว (กางเกงที่ไม่เคยผ่านน้ำ) กับเสื้อนักศึกษามาใส่ ติดกระดุมไปแปรงฟันไป ความสามารถนี้คงหาจากเด็กคณะไหนไม่ได้แล้วนอกจากเด็กสถาปัตย์อย่างเขา

     

     

    “เอ้า... ฝนเสือกตกอีก!! กูอยากจะบ้าตาย...”

     

    ปากบางเบ้ก่อนจะก้มลงไปถกขากางเกงยีนขึ้น เตรียมลุยน้ำฝนไปโบกแท็กซี่หน้าปากซอยหอเข้ามหาลัย แต่โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงดันสั่นขึ้นมาขัดจังหวะซะก่อน

     

     

    สายเรียกเข้า เจ้าสัว

     

     

    พอดีเลย...

     

    “โหล... พี่... พี่มารับผมเข้ามอหน่อยได้ป่ะพี่”

     

    <ห้ะ?> จากเสียง... ปลายสายคงจะงง เพราะเขาเป็นคนโทรมา แต่เซฮุนดันรับสายแล้วเปิดประเด็นเองก่อน

     

    “นะพี่นะ ผมรีบจริงๆ ผมรออยู่หน้าหอผมนะพี่”

     

    <โอเคๆ แป๊บนึงละกัน>

     

     

    ถึงจะงงแดกแต่ปลายสายก็ตอบสนองต่อความต้องการของเซฮุนได้เป็นอย่างดี อีกห้านาทีเริ่มเรียน สายสักห้านาทีสิบนาทีก็ยังโอเคอยู่ล่ะนะ ได้แต่ภาวนาว่าอาจารย์จะไม่ล็อกประตูห้อง

     

    ความเย็นชื้นจากสายฝนที่ตกลงมาไม่ช่วยให้เซฮุนรู้สึกใจเย็นขึ้น เพราะครั้งนี้เป็นโอกาสสุดท้ายที่อาจารย์ประจำวิชามอบให้เขาแล้ว... จากการที่เขาเข้าเรียนเพียงแค่ 3 ครั้งตลอดเทอมที่ผ่านมา ครั้งนี้นับว่าเป็นจุดแตกหักของชีวิตเลยก็ว่าได้ การติด F วิชาภาษาเกาหลีไม่ใช่เรื่องตลกนะครับ คนเกาหลีที่ F วิชาภาษาเกาหลี เอาทรานสคริปไปสมัครงานที่ไหนคงเป็นอันต้องอายที่นั่น

     

    ระหว่างที่ร่างโปร่งกำลังคิดถึงความอัปยศของชีวิต รถฟอร์ดเฟียสต้าสีแดงสดก็เข้ามาจอดตรงหน้า พอเห็นแบบนั้นเซฮุนรีบวิ่งฝ่าฝนไปขึ้นรถโดยไม่ปล่อยให้เสียเวลากันอีกต่อไปแล้ว

     

    “ไปส่งคณะผมทีพี่”

     

    เจ้าของรถมองร่างที่เกือบจะเปียกเพราะฝนที่เทลงมาอย่างหนักแบบสงสัย แต่ดูเหมือนอีกคนจะรีบมากจนไม่มีเวลาให้เขาได้สงสัยอะไร เลยจำต้องเข้าเกียร์เหยียบคั่นเร่งตรงไปยังที่หมายที่อีกคนบอกมา...

     

     

     

    คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์

     

    “เห้ยพี่ชานยอล ขอบคุณมากพี่ ว่าแต่พี่โทรมามีไรเปล่า”

     

    เซฮุนที่เหมือนจะเพิ่งนึกออกว่าอีกฝ่ายโทรมาหาเขาซึ่งนั่นหมายความว่าอาจจะมีเรื่องอะไรก็ได้... พอถูกถามแบบนั้นชานยอลเองก็คิดขึ้นมาได้ว่าตอนแรกเขาเป็นคนโทรหาเซฮุนเองนี่หว่า

     

     

    “พี่ลืมไปแล้วว่ะ... รีบไม่ใช่หรอ รีบไปสิ”

     

    “ครับๆ งั้นผมไปก่อนนะพี่ มีไรโทรมาๆ”

     

    พูดจบก็ปิดประตู... กอดกระเป๋าไว้แน่นประหนึ่งของรักของข้า แต่จริงๆ แล้วเปล่าเลย ถ้าไม่ติดว่ามีรายงานอยู่ในนั้นเขาคงจะเอากระเป๋าขึ้นมากันฝน ไม่ทนให้หัวเปียกไปเข้าเรียนแบบนี้หรอก

     

     

    “กว่าจะมา กูนึกว่ากูต้องลงเรียนใหม่ละครับเพื่อน!

     

    เพื่อนที่ยืนรออยู่หน้าห้องทำหน้าบอกบุญไม่รับ... ความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่มันเกิดจากการที่พวกเขาสองคนโดดเรียนวิชานี้พร้อมกันและมันเป็นวันที่อาจารย์สั่งรายงานกลุ่ม... ซึ่งตามปกติแล้ว... พวกเขาจะไม่มีวันทำงานกลุ่มด้วยกันเด็ดขาด เพราะรู้ว่ามันไปไม่รอด!! ส่วนใหญ่จะไปเกาะเด็กคณะอื่นเอาเพราะมันเป็นวิชาเรียนรวมทั้งมหาวิทยาลัย แต่เพราะกลุ่มอื่นเขาจับกลุ่มกันไปหมดแล้ว... นั่นเลยเป็นเหตุผลที่เขาทั้งสองคนต้องมาทำงานร่วมกัน ไม่มีกลุ่มให้อยู่ ไม่มีใครรับ ไม่มีใครสนใจและไม่มีใครต้องการ

     

     

    “กูบอกแล้วให้เอางานไว้ที่มึง”

     

    “เซฮุนเพื่อน... ก็เมื่อคืนกูนอนหอมึง...”

     

    “แล้วเมื่อเช้าทำไมมึงไม่เอาไปกับมึงด้วยวะ ตื่นไม่บอกกู”

     

    ต่างคนต่างพยายามโยนความผิดให้อีกฝ่าย ไม่มีใครคิดว่าตัวเองผิดทั้งนั้น... นี่แหละเพื่อนแท้ คิดอะไรก็พูด ไม่มีคำว่าเกรงใจหรือถ่อมตัวหรือรู้สึกผิดใดๆ ทั้งสิ้น

     

    “ก็กูรีบกลับมาเปลี่ยนชุดนักศึกษา มึงบอกมึงจะตื่นแล้วนี่หว่า... ช่างมัน... เข้าไปได้ละไอ้สัด ติด F กูไม่ซี แต่ให้กูมานั่งเรียนใหม่กูไม่เอา!

     

    “จงอิน...”

     

    “อะไร...”

     

    “เดี๋ยวค่อยเข้าได้ป่ะวะ ดูดบุหรี่แป๊บนึง”

     

    ถ้าจงอินซื้อหวยก็คงจะถูกไปแล้ว ร่างดำทมิฬได้แต่คิดในใจ แต่ก็พยักหน้า... เพราะเขารู้ว่าเพื่อนเขาเลือดขาดนิโคตินไม่ได้และการเข้าเรียนสายก็ทำให้เขาไม่มีหน้าจะขอออกมานอกห้อง... มันเป็นจุดเด่นเกินไป...

     

     “มึงมีบุหรี่ป่ะวะ กูไม่ได้หยิบมา”

     

    จงอินควานเอาไอเท็มในกระเป๋ากางเกงนักศึกษาออกมาส่งให้เพื่อนรัก ดีนะที่เขายังมีสติพอที่จะหยิบมา ไม่งั้นเซฮุนได้ร้องโวยวายลากเข้าออกไปซื้อนอกมหาลัยอีก ไม่ต้องส่งพอดีรายงาน เป็นคนที่ต่อให้มีเรื่องรีบเร่งด่วนแค่ไหนก็ขอให้ได้ดูดบุหรี่ก่อน...  ไม่งั้นจะทำอะไรต่อไม่ได้ ไม่รู้จะบำบัดเด็กคนนี้ยังไง

     

    “พี่ชานยอลโทรหามึงยัง”

     

    “โทรมาละ... เขาเป็นคนมาส่งกูเอง ทำไมวะ”

     

    “อ่าว เขายังไม่ได้มึงหรอว่าวันนี้เลี้ยงสาย”

     

    “เลี้ยงอีกแล้วหรอวะ!!

     

    บุหรี่ที่คาบอยู่แทบร่วงจากปาก เลี้ยงสายที่ว่านั่นคือสายรหัสแต่ไม่ใช่สายรหัสของมหาลัยหรอกนะ เพราะชานยอลกับเซฮุนเรียนคนละคณะ... เป็นสายรหัสตั้งแต่ทั้งคู่อยู่ม.ปลาย ซึ่งเรียกกันว่าสายเทพ (โรงเรียนฮานานิม) เนื่องจากเป็นโรงเรียนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในประเทศเลยมีกิจกรรมสานสัมพันธ์กระชับมิตรอะไรทำนองนี้ค่อนข้างเยอะ (บางทีอาจจะว่างไม่รงไม่เรียนหาอะไรเกรียนๆ ทำไปเรื่อย ให้มันเด่นให้มันต่างจากคนอื่นเขา) แต่มันก็ทำให้รุ่นพี่รุ่นน้องรักกันดีนั่นแหละ

     

    “ก็มึงอยู่สายใครล่ะ สายเจ้าสัวเลยนะไอ้สัด กูว่าเขามีเงินพอเลี้ยงมึงทุกวันแหละ”

     

    เจ้าสัวคนนั้นก็คือชานยอลนั่นเอง เป็นรุ่นพี่ที่ฐานะทางบ้านค่อนข้างดี ทำให้เซฮุนและจงอินได้รับผลบุญผลกรรมไปด้วยกันมาแต่ไหนแต่ไร

     

    “แรกๆ ก็ดีนะไอ้สัด หลังๆ กูเริ่มเอียนละ แดกกับพี่แกแม่งเหนื่อยชิบหาย กูแดกจะเมาแล้วเมาอีก สร่างแล้วเมาอีก พี่ชานยอลแม่งไม่ยอมเมาสักที...”

     

    “คอพี่แกเอามีดแทงยังไม่เข้าเลยกูว่า แข็งจัด ฮ่าๆ”

     

    พูดไปก็ขำไป... ยังดีที่มีจงอินมาเป็นติ่งอยู่ในสายเดียวกัน เพราะว่ารหัสนักเรียนจงอินมันเป็นเลขท้ายๆ เลยไม่มีพี่รหัสตัวเอง ก็เลยเลือกรุ่นพี่ได้... แล้วก็เหมือนเป็นก้าวที่พลาด ที่เลือกมาอยู่สายเดียวกับเซฮุน...

     

    “ป่ะ เข้าห้องกัน”

     

    เซฮุนโยนก้นบุหรี่ลงพื้นแล้วเหยียบก่อนจะหยิบขึ้นมาเพื่อเอาไปใส่ถังขยะ ซึ่งนั่นนับว่าเป็นจิตสำนึกที่ดีเพียงน้อยนิดที่เซฮุนมีอยู่...

     

    ก็แค่ไม่อยากให้ที่ๆ มันสะอาดต้องสกปรก... เพราะคงมีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้นแหละที่แอบมาสูบบุหรี่ข้างตึกเรียน ถ้าที่อื่นมันมีก้นบุหรี่อยู่แล้ว เซฮุนก็จะไม่ลังเลเลยที่จะทิ้งไปเฉยๆ

     

     

     

    “มึงเข้าไปก่อนดิ!

     

    “มึงมาช้าอะเซฮุน มึงนั่นแหละเข้าไปก่อน”

     

    นิสัยแบบนี้ไม่ว่าใครก็ต้องเป็น... จริงๆ แล้วยังไงก็ต้องเข้าไปด้วยกัน ยังไงก็เด่นทั้งคู่ แต่มันมีจุดประกายความคิดเล็กๆ ที่ว่า เข้าไปก่อนเด่นกว่า แต่จริงๆ มันไม่จริงเลย

     

    เซฮุนถูกจงอินผลักเข้าไปในห้อง... และนั่นก็ทำให้นักเรียนทุกคนหันมาสนใจพวกเขาทั้งสองคนเพราะว่าประตูเข้าห้องมันอยู่หน้าห้องเรียนเลย ทั้งคู่ตั้งสติก่อนจะโค้งและยิ้มให้อาจารย์ก่อนจะรีบวิ่งไปหาเก้าอี้เล็กเชอร์ตัวที่อยู่ไกลอาจารย์ที่สุด นั่นคือหลังห้องแล้วรีบนั่งก้มหน้าหลบสายตาของเพื่อนร่วมเซค... เดี๋ยวพออาจารย์เริ่มสอนก็ไม่มีใครสนใจพวกเขาแล้ว... ทั้งคู่คิดแบบนั้น

     

    “เซฮุน... เอารายงานมาส่งท้ายคาบด้วยนะ”

     

    สิ่งที่เซฮุนเกลียดที่สุดในห้องเรียนคือ... การที่อาจารย์จำชื่อเขาได้

     

    ถ้าจำได้เพราะการเป็นเด็กเรียนดี เข้าเรียนทุกคาบมันจะให้ความรู้สึกตรงข้ามกับตอนนี้มาก นี่ถูกอาจารย์จำชื่อได้เพราะขาดเรียนบ่อย... ทุกครั้งที่ถูกเรียกชื่อมันชวนให้ขนลุก... แล้วเรียกทีถูกคนอื่นมองที กลายเป็นจุดรวมสายตาของเพื่อนในห้อง...แบบนี้ทุกที!

     

     

    “ครับอาจารย์...”

     

     

     

    นี่มันลางร้ายชัดๆ!!!

    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×