ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผจญภัยในโลกต่างมิติ

    ลำดับตอนที่ #5 : การเผชิญหน้ากันครั้งที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 5 มี.ค. 58


    ตอนที่ 5  การเผชิญหน้ากันครั้งที่ 2

              ...................zzZZ  zzZZ zzZZ

              “........กร  ......กร  .......เจ้าหนูกร”   รอนเรียกเจ้าหนูกรพร้อมเขย่าตัวกรเบาๆ

              กรค่อยๆลืมตาขึ้น  และสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นลุงรอนอยู่ตรงหน้า

              “เจ้าหนูกร  เป็นไรมากไหม  เกิดอะไรขึ้น”  รอนพูดด้วยเสียงสั่นๆ เพราะเห็นร่างกายกรเต็มไปด้วยบาดแผล

              “.....อืม.... ไม่เป็นไรครับ  ได้หลับไปสักครู่ทำให้ผมอาการดีขึ้นแล้วครับ” กรพูดพร้อมขยับแขนขาให้รอนดูว่าตัวเองนั้นปลอดภัยดีไม่มีอันตรายร้ายแรงเกิดขึ้น

              “แล้วไปทำไรมาถึงมีบาดแผลเต็มตัวเนี่ยเจ้าหนู”  รอนถามหาสาเหตุถึงบาดแผลที่เกิดขึ้นตามตัวกร

              แหะ แหะ  กรหัวเราะแห้งๆ แล้วเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเอง  เมื่อเล่าเรื่องราวเสร็จเรียบร้อยแล้ว

              “ผมขอโทษครับลุงรอน  ที่ไม่ปฎิบัติตามกฎของลุงรอนจนทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น” กรพูดออกมาด้วยเสียงดังและสำนึกผิด  พร้อมก้มหัวขอโทษราวกับจะบอกว่ากรจะไม่แหกกฎของเขาอีกเป็นครั้งที่ 2

              “โป๊ก”  รอนเขกหัวกร

              “อูย... เจ็บ. เจ็บ..  ลุงรอนอะ...” กรกำลังพูด.. แต่ว่ารอนก็เอามือมาลูบหัวกร

              “เจ้านะ  ไม่ได้ทำผิดกฎของข้าสะหน่อย  เจ้าก็ยังไม่ได้ตายสักหน่อยเจ้าหนู แค่นั้นสำหรับข้าถือว่าเป็นกฎที่สำคัญมาก   เพราะหากเจ้าตายไปแล้วสิ่งต่างๆก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้  แต่นี้เจ้ายังไม่ตายเจ้าก็ควรมองก้าวไปข้างหน้าดีกว่ามองอดีตนะ ไอ้หนู”  รอนพูดพร้อมยิ้มให้กร

              กรรู้สึกทราบซึ้งมากที่มีใครมาพูดแบบนี้กับเขา   กรนั้นเปรียบรอนเหมือนกับ  [คนในครอบครัว]  เพราะตั้งแต่มาที่โลกนี้ก็ไม่มีใครหวงใยเขามาก่อน

              “เจ้าหนู  เจ้านี่เก่งมากเลยนะขนาดเจอเจ้า Air woof เจ้ายังสามารถหลบหนีและยังสามารถจัดการเจ้า Air woof นั้นได้อีก     ถ้าเป็นข้าคงจัดการเจ้า Air woof นั้นไม่ได้แน่”

              “ไม่จริงหลอกครับ ถ้าเป็นลุงรอนต้องสามารถจัดการเจ้า Air woof นั้นได้แน่   และที่ผมรอดจากเจ้า Air woof นั้นได้มันก็คงเพราะผมโชคดีที่ผมหลบหนีไปที่ดงกอไผ่ที่หนาทึบ และเจ้าต้นไผ่นั้นหวดไปที่ Air woof จนมันสลายไป” กรพูดกลับทันทีเพราะเชื่อว่าถ้าเป็นลุงรอนที่มีอาชีพนายพราน LV 10 แล้วละก็จะต้องชนะได้สบายแน่ๆ

                

              “เจ้าหนู.....   การต่อสู้ระหว่างความเป็นความตายนะ โชคดีนั้นไม่สามารถเกิดขึ้นได้ถ้าเราไม่ลงมือกระทำหรอกนะ     การที่เจ้าหนีที่ไปดงไผ่ทึบนั้นเจ้าก็คำนวณว่าจะสามารถจะหลบหนีจากมันได้ไม่ใช่หรือไง  และการที่เจ้ากำลังและเอามือไปขว้าต้นไผ่นั้นเจ้าก็เป็นคนทำไม่ใช่หรือ  หรือแม้กระทั่งที่เจ้าปล่อยมือจากต้นไผ่และต้นไผ่นั้นไปสังหารเจ้า Air woof ตัวนั้นได้นั้นก็ฝีมือของเจ้า      โชคดีนะมันไม่เกิดขึ้นกับผู้ไม่แสวงหาการกระทำให้เกิดขึ้นหลอกนะ  โชคดีที่เกิดขึ้นนะมันเป็นเพราะฝีมือและการกระทำของเจ้าที่ทำให้มันเกิดขึ้นมาเองเจ้าหนู”   รอนพูดตอบกร

              “..............” กรครุ่นคิดในใจถึงเหตุการณ์ต่างๆ และคิดว่าตามที่ลุงรอนพูดนั้นคือความจริง  ความจริงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ถ้าเราไม่แสวงหาการกระทำให้เกิดโชค   กรได้แต่พงกหัวเพื่อตอบลุงรอน

              “เอาเหอะ...  เรื่องนี้เอาไว้แค่นี้ก่อน นี่ก็ใกล้ค่ำแล้วมาจุดไฟทำอาหารเหอะ  ข้าชักหิวแล้ว” รอนพูด

              “ครับ”  กรพูดแล้วยิ้มออกมา

              “งั้นเดี่ยวผมทำเองนะครับ   ลุงรอนพักก่อนก็ได้ครับ  ลุงรอนพึ่งกลับมาจากการสำรวจอาจจะยังเหนื่อยอยู่”  กรพูดออกมาอย่างใสซื่อ

              “ฮา  ฮา  ฮา  เจ้าคิดว่าข้าแก่หรือไงแค่นี้ข้าไม่เหนื่อยหลอก” รอนพูดพร้อมกับเขกหัวกรอีกที “โป๊ก”

              “ครับ....  แค่พูดอย่างเดียวก็ได้ไม่เห็นต้องเขกหัวเลย”   กรบ่นเบาๆ

                                 **************************************************

              หลังจาก กรและรอน รับประทานอาหารเสร็จแล้ว พวกเค้าก็สนทนากันว่าสำรวจไปเจออะไรมาบ้าง

              กรก็เล่าแค่ว่าเดินไปทางเหนือสัก 30 นาทีได้แต่ก็ไม่พบเบาะแสอะไรที่จะนำพาไปพบเจ้า [บัวน้ำทิพย์] เลยครับ  และผมก็เดินตามรอยเจ้า Air woof ไป แต่ก็จำรายละเอียดไม่ค่อยได้เพราะมัวแต่วิ่หงหนีเจ้า Air woof อยู่

              ส่วนรอนนั้นมุ่งหน้าไปทางตะวันตก  ก็สำรวจแล้วก็ไม่พบอะไรที่เป็นเบาะแสที่จะพาไปพบเจ้า [บัวน้ำทิพย์] เลย  นอกจากกลุ่มมอนเตอร์ที่เขาล่านำมาเป็นอาหารคืนนี้

              “ยังไงเราก็ต้องเจอ [บัวน้ำทิพย์] แน่ๆครับ” กรให้กำลังใจ

              รอนก็แค่ยิ้มตอบกลับกรเล็กน้อย

              รอนกับกรก็ตกลงกันว่าจะไปสำรวจแถวไหนต่อไป  

              “ผมคงไปทิศเหนือเหมือนเดิมครับ  เพราะวันนี้ผมสำรวจไปได้แค่ระยะทางแค่นิดเดียวเอง” ก็พูดบอกกับรอน

              “โอเค...  งั้นเดี่ยวข้าจะลองไปแถวตะวันตกเฉียงใต้ดูสักหน่อย”  รอนพูดออกมาเพราะรอนคิดว่าตำแหน่งที่โอกาศเจอเจ้า [บัวน้ำทิพย์] สูงคงอยู่แถวตะวันตกเฉียงใต้ ถึง ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เพราะพื้นที่แถบนี้เป็นพื้นที่แบบมีเนินเขา  และมีแอ่งน้ำอยู่มากจึงมีสิทธิ์ที่เจอเจ้า [บัวน้ำทิพย์] ที่นี่

              เมื่อพวกเขาได้ข้อสรุปกันแล้ว กรและรอนก็ต่างกันพากันไปนอนเนื่องจากอ่อนเพลียจากการสำรวจและต้องสะสมพลังงานเพื่อที่จะสำรวจหา [บัวน้ำทิพย์] ต่อไปในวันพรุ่งนี้

                                  **********************************************

              รุ่งเช้าของวันถัดมา  [เหลือเวลาอีก 9 วันที่จะกำหนดชะตาชีวิตลูกของรอน]

              “ไปก่อนนะเจ้าหนู”  รอนพูดลาก่อนเดินลับเข้าไปในป่าไผ่ทางตะวันตกเฉียงใต้

              “ครับ”  กรกล่าวทักตอบไปในมันที

              แต่ว่ากรนั้นยังไม่มุ่งหน้าไปทางป่าไผ่ทางเหนือสักที  แต่เขากลับหยุดนิ่งและหันไปดูรอนว่าเขาไม่อยู่แถวนี้จริงๆ   เมื่อกรสังเกตุว่ารอนไม่อยู่แถวนี้แล้ว แต่เพื่อความปลอดภัยกรจึงกลับเข้าไปในกะท่อม

              White book on” กรเรียกหนังสือสีขาวออกมา

              ตามสันนิฐานของกรและรอนคิดว่าเจ้า [บัวน้ำทิพย์] นั้นต้องอยู่ในแหล่งน้ำที่ไหนสักแห่งในป่านี้

              กรจึงคิดได้ว่าตอนที่กรเจอเจ้า Air woof นั้นมันก็อยู่ริมลำธารพอดี  กรจึงคิดว่าจุดนั้นต้องสามารถเป็นจุดเริ่มต้นหาได้เป็นอย่างดี  ดีกว่าเดิมหาไปแบบสุ่มๆ

              กรรีบเปิดดูหนังสือสีขาวที่เป็นแผนที่ และหาตำแหน่งสถานที่ลำธารนั้น  เมื่อกรรู้ตำแหน่งแล้วก็รีบออกเดินทางทันที

              กรไปถึงสถานที่แห่งนั้นด้วยระยะเวลาแค่ 30 นาทีเท่านั้น แถมตอนนี้ยังไม่รู้สึกเหนื่อยและหอบเหมือนเมื่อตอนมาสำรวจเมื่อวันก่อน   กรคิดว่านี่คงได้รับผลกระทบจากทักษะของอาชีพนักสำรวจ

              กรสำรวจที่ลำธารแห่งนั้น  น้ำในลำธารนั้นใสมาก ใสจนกระทั่งเห็นก้อนหินที่นอนจมอยู่ในลำธาร

              กรคิดว่าการหาเจ้า [บัวน้ำทิพย์] ความจะตามหาจากต้นลำธารดีกว่า เพราะส่วนมากปลายลำธารจะเป็นการบรรจบแม่น้ำของแต่ละสายซึ่งกรคิดว่าแถวนั้นน่าจะไม่มี [บัวน้ำทิพย์] อยู่

              กรเดินสำรวจไปต้นลำธารเป็นเวลาอีก 30 นาที ก็พบเจอน้ำตกเข้าให้

              “ว้าว”  กรร้องว้าวออกมาในทันที  เพราะในโลกปัจจุบันของกรนั้น เขาเรียนอยู่ในตัวเมืองจึงไม่ได้สัมผัสบรรยากาศธรรมชาติมากนัก

              กรรีบไปตรงใกล้ๆน้ำตก เพื่อรองน้ำไว้สำหรับดื่มกิน

              “อึก อึก อึก .....อ่า-  สดชื่นจังเลย  แถมน้ำก็เย็นกำลังดีด้วย  อากาศก็สดชื่นไม่เหมือนกับที่กรอยู่เลย”       (**ก็แน่ละกรเติบโตในเมืองใหญ่จึงมีแต่ตึก อาคาร ก่อสร้างต่างๆ พวกต้นไม้ ลำธารที่ใสสะอาดแบบนี้หาเจอไม่ได้แน่ท่าอยู่ในเขตเมือง**)

              เหอ.. เดินมาตั้งนานก็ไม่ยักจะเจอเบาะแสของเจ้า [บัวน้ำทิพย์] เลยแหะ แถมระหว่างที่เดินมาไม่พบมอนเตอร์สักตัวเลยด้วยสิมันน่าแปลกแหะ    (**ไม่น่าแปลกหลอกจริงๆพื้นที่แถบนี้นั้นเป็นบริเวณของเจ้า Air woof ที่ดุร้ายตัวนั้น จึงไม่มีมอนเตอร์ตัวไหนเข้ามาพื้นที่ของเจ้า Air woof**)

              อึ๊บ... กรบิดขี้เกียจ  สงสัยต้องขึ้นไปค้นหาเบาะแสที่ต้นน้ำตกละมั้งเนี่ยกรคิดในใจพร้อมมองขึ้นไปข้างบน  

              “ทำไมสูงจังฟะ”  กรบ่นออกมา   

              (ขนาดความสูงของน้ำตกนั้นก็คงราวๆ ตึก 10 ชั้นได้)

              กรมองไปรอบๆ ก็ดูเหมือนไม่มีตำแหน่งไหนพอจะปีนได้  มีแค่ตำแหน่งเดียวคือบริเวณด้านข้างน้ำตก แต่ว่าบริเวณนั้นก็อันตรายอยู่ดี เพราะแรงน้ำที่ตกมาจากข้างบน+กระแสน้ำไหลของแม่น้ำถ้าน้ำตรงนั้นมาโดนตัวแล้วละก็ต้องเจ้บมากแน่ๆ และตำแหน่งหินและดินตรงนั้นลื่นมาก ถ้าก้าวพลาดไปก็อาจทำให้บาดเจ้บสาหัสได้  กรแค่คิดก็สั่นแล้ว

              “เพี๊ยะ” กรตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติกลับมา

              “เอาว่ะ....  ไม่มีทางเลือกแล้วจะอ้อมไปก็เสียเวลา ไปทางนี้แหละประหยัดเวลาที่สุดแล้ว” กรพูดคนเดียวออกแนวบ่นไปเรื่อยเปื่อย

              กรเริ่มขยับมือขยับเท้าไปอย่างช้าๆ เพื่อให้มั่นคงและคอยระมัดระวังสเก็ดน้ำที่กระเด็นออกมา

              “อัก” เสียงน้ำที่กระเด็นมาโดนตัวกร

              อูย   เจ็บชะมัด   กรคิดอยู่ในใจ  

              โอยไม่อยากปีนแล้ว  เจ็บ  เจ็บ เจ็บโว้ย กรคิดว่าไม่อยากปีนแล้วแต่ก็ทำไม่ได้เพราะกรปีนมาได้ประมาณตึก 4 ชั้นได้   (**การปีนขึ้นที่สูงนั้นขาขึ้นง่ายกว่าขาลงครับเพราะเราสามารถหาตำแหน่งจับและวางตำแหน่งขาได้ง่ายกว่า**)

              เมื่อปีนไปได้อีกสักพักกรก็พบเจอถ้ำอยู่ในบริเวณนั้น 

              กรรู้สึกหมดแรงกายเป็นจำนวนมาก  การปีนน้ำตกนี้ใช้พลังกายสูงจริงๆ กรคิด

              แวะพักที่นี่สักแปปดีกว่า  กรคิดได้และรีบพุ่งเข้าไปหลบน้ำถ้ำสักแปป

              กรพักอยู่ได้ประมาณสัก 2-3 นาที  กรเริ่มรู้สึกได้ถึงเสียงบางอย่าง

              “โฮง  โฮง  โฮง”  กรได้ยินเสียงคล้ายลูกหมาจากข้างในถ้ำ

              กรเดินไปตามเสียงภายในถ้ำ   กรถึงกับเสียวสันหลังขึ้นมากระทันเมื่อได้พบกับลูก Air woof 2 ตัว ทำให้กรนึกถึงประสบการณ์ที่ได้เจอกับเจ้า Air woof ครั้งแรกได้

              แต่กรก็ตั้งสติขึ้นได้นี่แค่ลูก Air woof คงไม่มีอันตรายกับเรามากนัก  แต่กรก็ต้องระวังตัวมากขึ้นมากกว่าเดิมเมื่อคิดได้ว่า  ถ้าที่นี่มีลูก Air woof อยู่แสดงว่าที่นี่เป็นรังของ Air woof    ก็แสดงว่าต้องมี Air woof ตัวพ่อและแม่อยู่ใกล้ๆ แน่  

              กรกวาดสายตารอบๆอย่างไว และก็ไปสะดุดกับเจ้าสิ่งหนึ่งเข้าเจ้าสิ่งนั้นคล้ายๆดอกบัวบานที่มีน้ำขังอยู่ข้างใน   กรรีบเดินไปตรวจสอบตรงนั้นในทันทีและเพ็งการจ้องมองไปที่ดอกบัวบานตรงนั้น  อยู่ๆก็มีหน้าต่างค่าสถานะเปิดขึ้น

    [บัวน้ำทิพย์]                   ความยากในการค้นหา    B

     

     

    มีคุณสมบัติ :  น้ำที่ขังอยู่ในดอกบัวนี้สามารถแก้โรคภัยไข้เจ็บและสถานะต่างๆที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ทุกชนิด

     

     

              “ในที่สุด..... ในที่สุดเราก็เจอมันแล้ว”  กรพูดเบาๆออกมาพร้อมกับทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

              กรรีบเข้าไปเก็บ [บัวน้ำทิพย์] โดยไว โดยเก็บก้านดอกบัว 2 ดอก และเทน้ำที่ขังในดอกบัวบานใส่กระติกน้ำที่เขาพกมา 

              เรารีบออกจากที่นี่ดีกว่าเดี่ยวเจ้า Air woof ตัวพ่อหรือแม่กลับมามีเรื่องแน่

              “โฮง  โฮง  โฮง”  เจ้าลูก Air woof ก็ยังคงส่งเสียงร้องต่อไป

              ในขณะที่กำลังเดินออกจากถ้ำนั้น อยู่ๆกรก็ตัวสั่นขึ้นมาทันที  มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไมอยู่กรถึงได้ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าสะขนาดนั้น

              สายตากรจ้องมองไปที่ Air woof ที่อยู่ตรงเบื้องหน้า

                                                              (จบตอนที่ 5)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×