ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผจญภัยในโลกต่างมิติ

    ลำดับตอนที่ #3 : การออกสำรวจป่าครั้งแรกของกร

    • อัปเดตล่าสุด 3 มี.ค. 58


              หลังจากรอนและกรรับประทานเสร็จเรียบร้อยแล้ว.....

              “ลุงรอนครับ  เมืองที่อยู่ใกล้ที่นี่สุดอยู่แถวไหนหรอครับ”  กรพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

              “อืม..... ถ้าเมืองที่ใกล้ที่สุดแล้วละก็คงเป็นเมืองอาวารอน   ที่อยู่ไปทางทิศตะวันออกของที่นี่ละน่ะ  ถ้าเจ้าจะไปที่นั้นละก็  คงใช้เวลาราวๆประมาณสัก 3-4 วันได้”   รอนตอบเจ้าหนูกร

              “3-4 วันเลยหรอครับ”   กรพูดด้วยสีหน้าตกใจ

              แบบนี้เราจะเอาไงดีหวา...   กว่าจะเดินทางไปถึงเมืองอาวารอนต้องใช้เวลาตั้ง 3-4 วันแหนะ  แถมเสบียงอาหารเราก็ไม่มี และถ้าระหว่างทางเจอพวกสัตว์ป่าเข้ามาทำร้าย  เราจะเอาอะไรไปสู้ได้  เราพึ่งอายุ 16 เอง  ทำอะไรก็ไม่เก่งสักอย่างไม่ว่าจะทักษะด้านกีฬา, การเรียน   สิ่งที่พอเราทำได้มีแค่ฝีมือการวาดรูปเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง    เมื่อกรคิดเช่นนั้นก็เกิดอาการซึมทันที

              “เจ้าหนูกร   ถ้าจะไปเมืองอาวารอนจริงๆละก็  อยู่ที่นี่อีกสักพักก่อนสิ รอข้าทำธุระที่นี่ให้เสร็จก่อนและเราค่อยไปเมืองนั้นพร้อมกัน”  รอนสังเกตุได้จากสีหน้าที่ซึมเศร้าของกรจึงพูดแบบนี้ออกมา

              “จริงหรือครับ”   กรพูด  กรกลัวว่าสิ่งที่รอนพูดเป็นแค่การอำเล่น

              “จริงสิ   ข้าเป็นคนพูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว   ขึ้นอยู่กับเจ้าละเจ้าหนูว่าจะเอาอย่างไร”

              “เย้...  โอเคเลยครับ  ผมจะอยู่ที่นี่กับลุงรอนก่อน   รอลุงรอนทำธุระที่นี่เสร็จแล้วเดี่ยวพวกเราไปเมืองอาวารอนด้วยกันนะครับ”  กรพูดด้วยอาการดีใจสุดๆ

              “เอ๋....  และลุงรอนทำธุระอะไรที่นี่หรอครับ”  กรพูดด้วยท่าทีที่สงสัย

              ที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อหาสมุนไพร่ที่ชื่อ [บัวน้ำทิพย์]   ข้าได้ยินข่าวลือมาว่าสถานที่แห่งนี้มีบัวน้ำทิพย์อยู่

              “แล้วมันทำอะไรได้หรอครับ”  กรยิ่งสงสัยหนักเข้าไปใหญ่

              ตามที่มีคนลือกันมา  [บัวน้ำทิพย์]  นั้นสามารถรักษาโรคภัยได้ทุกชนิด   แต่ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าข่าวลือที่เจ้า [บัวน้ำทิพย์]  เป็นจริงหรือเปล่าแถมรูปร่างลักษณะมันเป็นยังไงข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน  เพราะก็ยังไม่มีใครที่เคยเห็นและมีไว้ในครอบครอง

              “ว้าว  เจ้า [บัวน้ำทิพย์] ถ้ามีสรรพคุณตามที่ลือกันนี่ เจ้าสิ่งนี้ต้องวิเศษมากแน่ๆ และถ้าเอาไปขายต้องได้หลายตังค์ด้วย”  กรพูดด้วยดวงตาเป็นประกายความโลภ 

              “ข้าก็หวังที่จะเจอมันเหมือนกัน”  รอนพูดด้วยตั้งความหวังที่จะเจอมันจริงๆ

              รอนนั้นที่ต้องการตามหา [บัวน้ำทิพย์] เพราะครอบครัวของเค้านั้นเกิดติดโรคประหลาดทำยังไงก็รักษาไม่หาย  จนกระทั่งภรรยาเขาตายไป แต่มันไม่แค่นั้นเจ้าโรคนี้มันติดต่อไปถึงลูกเค้าด้วย  เมื่อได้ยินข่าวลือนี้ทำให้รอนผู้สูญเสียภรรยาเค้าไป  จึงมีความหวังกับมันไว้มากว่าจะหาเจ้า [บัวน้ำทิพย์] ไปรักษาลูกของเค้าให้ได้  ซึ่งชะตาของลูกเค้าไม่สามารถมีชีวิตเกินไปกว่า 2 อาทิตย์ได้ตามที่คุณหมอที่รักษาลูกเค้าบอกมาและนี่ก็เวลาก็ผ่านมา 4 วันแล้วแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหาเจ้า [บัวน้ำทิพย์] เจอสักที

              เมื่อกรได้ยินดังนั้นถึงกับน้ำตาซึมออกมา 

              “เราต้องหา [บัวน้ำทิพย์] เจอแน่นอน”  กรพูดอย่างเสียงดัง

              “ผมจะช่วยลุงหาเอง  ไม่ต้องห่วง”  กรพูดด้วยสีหน้าจริงจังเป็นอย่างมาก

              “ขอบใจนะเจ้าหนู”  รอนพูดขอบใจพร้อมกับยิ้มให้กร   แค่คำพูดของกรก็ทำให้ความรู้สึกของรอนนั้นมีความหวังมากขึ้นถึงแม้จะเหลือเวลารักษาลูกเค้าอีกเพียงแค่ 10 วัน

              เอาละเดี่ยวข้าออกไปตามหาเจ้า [บัวน้ำทิพย์] ต่อก่อนละกัน

              “ผมจะไปช่วยหาด้วยครับ  ลุงรอน”  กรพูดออกมาโดยไม่ลังเล

              “อืม... งั้นก็ได้  แต่เจ้าหนูเจ้าต้องเรียนรู้อะไรกับพื้นที่ป่าแถวนี้ก่อนออกไป” รอนมีสีหน้าตาเคร่งเครียดเล็กน้อย

              “เรื่องแรกในป่านี้ถึงแม้จะมีมอนเตอร์อยู่ไม่มากนัก และมอนสเตอร์แถวนี้นั้นมักไม่มีนิสัยดุร้ายจึงไม่ทำร้ายผู้อื่นที่เดินทางผ่านมา แต่พวกมันก็เป็นมอนเตอร์ระดับที่ชาวบ้าน หรือ นักเดินทางธรรมดาไม่สามารถสู้ได้แน่นอน  เพราะฉะนั้นเจ้าหนูกรอย่าไปทำร้ายพวกมันเด็ดขาด  ไม่งั้นเจ้าอาจตายได้”  รอนพูดเรื่องนี้ด้วยความจริงจัง  เพราะเค้าเป็นอาชีพนายพรานจึงสามารถสู้กับมอนเตอร์ได้ในระดับหนึ่ง

              กรสะดุ้งโหยง  ที่รู้ว่าในป่านี้มีมอนเตอร์อยู่  แต่ก็ไม่ได้กลัวไรมากเมื่อได้ยินจากปากรอนว่า พวกมอนสเตอร์แถวนี้นั้นมักไม่มีนิสัยดุร้ายจึงไม่ทำร้ายผู้อื่นที่เดินทางผ่านมา   แสดงว่าแค่เราไม่ขวางทางมันหรือไปทำร้ายมันเราก็ยังปลอดภัยอยู่      กรทำท่าพงกหัวเพื่อให้รู้ว่าเขาเข้าใจและจะปฎิบัติตามที่รอนพูด

              “เรื่องที่สอง ถึงแม้มอนเตอร์ที่นี่ไม่ดุร้าย  แต่ก็อาจพบเจอกับสิ่งที่ลำบากได้     ในพื้นที่แต่ละพื้นที่นั้นมักจะมีมอนเตอร์ที่คุมถิ่นอยู่  ถ้าเจ้าเจอตัวที่น่าสงสัยว่าจะเป็นอันตรายขอให้เจ้ารีบวิ่งหนีและมาในกะท่อมนี้เข้าใจไหม” รอนพูดและทำหน้าจริงจังยิ่งกว่าเดิม      

              กรพยักหน้าตอบเพื่อให้รอนรับรู้

              “เรื่องที่สาม  อย่าเดินออกสำรวจไปไหนไกลมากเพราะเจ้าพึ่งมาถึงที่นี่  เจ้ายังไม่รู้ว่าแถวไหนอันตรายหรือปลอดภัย  ขอให้เจ้าเดินสำรวจเป็นวิถีแนวตรงเพื่อที่จะทำให้เจ้าไม่หลงทาง”

              กรพยักหน้ารับทราบ

              “และเรื่องสุดท้าย   ชีวิตตัวเองนั้นสำคัญที่สุด เจ้าต้องปกป้องชีวิตของเจ้าด้วยตัวของเจ้าเอง เพราะในโลกนี้ใช่ว่าจะมีคนมาช่วยเหลือเจ้ายามลำบากเสมอไป” รอนกล่าวกฎของการอยู่ในป่านี้ให้กรฟัง

              กรพยักหน้าและรับปากจะทำตามที่คุณรอนบอกทุกอย่างครับ     รอนก็เผลอปล่อยยิ้มออกมาเมื่อได้ยินดังนั้น

              ทั้งคู่ตกลงจะแยกย้ายกันหา  โดยรอนจะมุ่งลงตะวันตก   ส่วนกรจะมุ่งขึ้นเหนือต่อไปเพื่อสำรวจบริเวณแถวภูเขา

              “แฮก  ...  แฮก...” เสียลมหายใจหอบของกรทั้งๆที่เดินมาได้แค่ 30 นาทีเอง

              “ไม่นึกว่าการเดินสำรวจป่าจะเหนื่อยขนาดนี้”  กรบ่นพึมพำคนเดียว

              กรสอดส่องสายตามองรอบๆ แถวนี้ไม่มีมอนเตอร์แหะ แสดงว่าแถวนี้ปลอดภัยกรคิดยังงั้น

              แต่กรก็แสดงอาการเกร็งเล็กน้อยขึ้นมาเมื่อสายตาที่เขามองไปพบเจอร่องรอยของมอนเตอร์  กรคิดว่าจะทำไงดีจะตามรอยเท้าพวกนี้ไปดีไหม หรือมุ่งหน้าเดินต่อไปในทิศทางเดิม 

              เอาน่า  เดินตามรอยมอนเตอร์ไปดีกว่า  ตั้งแต่เรามาโลกนี้เราก็ยังไม่เคยเห็นมอนเตอร์เลย  ถึงแม้ไปเจอมอนเตอร์ก็คงคิดว่าไม่เป็นอันตราย  ก็ตามที่รอนบอกมอนเตอร์แถวนี้ไม่ดุร้ายและไม่ทำร้ายผู้คนก่อน   และถึงแม้จะดุร้ายแต่ถ้าเราไม่เข้าใกล้เกินไปเราก็หนีทันแน่  ถึงแม้นเราจะหลงป่าเราก็แค่เอาหนังสือเล่มสีขาวออกมา   เราก็สามารถกลับกะท่อมได้ปลอดภัย      กรคิดคาดคะเนความเป็นได้ต่างๆนาๆกับเรื่องที่เกิดขึ้นและหาวิธีเตรียมรับมือ

              สรุปแล้วก็ก็เดินตามรอยเท้าของมอนเตอร์ไป  โดยไม่ปฎิบัติตามกฎของรอน

              กรเดินตามรอยเท้ามอนเตอร์ได้สักประมาณ 15 นาที  ก็พบเจอมอนเตอร์ตัวที่กรตามรอยเท้ามา

              กรพบเจอมอนเตอร์รูปร่างคล้ายหมาป่า  ขนาดตัวประมาณหมาพันธุ์โกลเด้นท์พลูเทปเวอร์  

    เจ้ามอนเตอร์ตัวนั้นกำลังกินน้ำในลำธารอยู่  กรจ้องมองดูเจ้ามอนเตอร์ตัวนั้นด้วยความตั้งใจและอยู่ๆสถานะของมอนเตอร์ตัวนั้นก็เด้งขึ้นมา

    MONTER  :   Air woof

    LV.    35

    ลักษณะนิสัย : มีนิสัยดุร้าย, หวงถิ่นที่อยู่อาศัย และมีจมูกที่ไวต่อ

                       กลิ่นมาก

              กรยังไม่ทันจะอ่านจบ  เจ้า Air woof ตันนั้นทำท่าดม ฟุดฟิด ฟุดฟิด  เหมือนมันสัมผัสได้ถึ่งสิ่งแปลกปลอม     มันพุ่งทะยานแยกเขี้ยวเข้าหากรอย่างรวดเร็ว     กรกลิ้งตัวหลบทันแบบหวุดหวิด

              ฟันของเจ้านั้นถึงกับตัดต้นไผ่ให้ขาดจากกันได้แค่การกัดแค่ครั้งเดียว

              กรรู้สึกกลัวมาก  กรรีบผลักตัวเองให้ลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งโดยไว  เจ้า Air woof ตัวนั้นก็ไล่ตามอย่างไม่ลดละ     กรคิดหาวิธีการหลบหนีเจ้า Air woof ตัวนั้น  กรติดสินใจได้ทางที่จะหนีรอดจากมอนเตอร์ตัวนั้นต้องเข้าไปตรงดงไผ่ที่หนาทึบเพื่อจะได้ลดความเร็วของเจ้ามอนเตอร์ตัวนั้น   กรวิ่งฝ่าดงกอไผ่ทับนั้นทำให้เกิดบาดแผลตามตัว ใบหน้า และ แขน ที่เสื้อผ้าปิดบังไม่หมด     แต่ดงกอไผ่ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ปัญหากับเจ้า Air woof เท่าไหร่นัก  ถึงดงกอไผ่จะหนาทึบเบียดเสียดขนาดไหน ความเร็วของเจ้า Air woof ก็ดูไม่เหมือนจะตกลงเลย

              กรรีบวิ่งสุดใจขาดดิ้น แต่ในขณะนั้นเกิดสะดุดล้มหัวทิ่มคะมำ  กรยื่นมือไปจับต้นไผ่ไว้  ต้นไผ่ต้นนั้นโค้งงอไปตามแรงของตัวกรราวกับขนานไปกับพื้นดิน  (ท่าเป็นต้นไม้ชนิดอื่นละก็อาจจะทำให้ต้นไม้หักได้, หรือก็ไม่สามารถจับต้นไม้ได้เลยเพราะต้นไม้ที่แข็งแรงจะไม่ขยับเขยื้อนไปไหน)  

              ด้วยการล้มหัวทิ่มคะมำนั้นการจับต้นไม้ไผ่จึงไม่ได้ช่วยอะไรมากเลย  กรจึงปล่อยมือจากต้นไผ่

              แต่ว่าความบังเอิญของการปล่อยมือจากต้นไผ่นั้นทำให้เกิดเรื่องที่ไม่น่าเชื่อขึ้น   ต้นไผ่ที่โค้งงอนั้นกลับไปหวดโดนเจ้า Air woof ที่วิ่งไล่ตามมา   การหวดครั้งนั้นถึงกับทำให้เจ้า Air woof ล้มลงและร่างกายก็สลายไป     กรถึงกับตะลึงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเจ้า Air woof ตัวนั้นถึงโดนการหวดของต้นไผ่ฟาดแค่ทีเดียวถึงตาย

              ***(ในความเป็นจริงนั้น Air woof ถึงโดนต้นไผ่หวดสัก 10 ที ก็ยังไม่สามารถฆ่าเจ้า Air woof ตัวนั้นได้เลย   แต่ที่มันตายเพราะการวิ่งไล่ตามกรที่วิ่งผ่านดงกอไผ่นั้นทำให้ลดเลือดมันไปได้พอสมควร  และการโดนหวดด้วยต้นไผ่จากแรงฟาดของการล้มของกรและความเร็วของเจ้า Air woof ที่วิ่งไล่กวดกรมา ทำให้อัตราการเกิดความเสียหาย x4 เท่าเลยทีเดียว)

              กรเดินไปจุดที่ตายของเจ้า Air woof พบกับสิ่งวัตถุ 3 สิ่งดังนี้

              1. หนังของเจ้า Air woof จำนวน 5 ผืน

              2. เหรียญทองแดงจำนวน 50 เหรียญ

              3. เขี้ยวของเจ้า Air woof  จำนวน 2 ชิ้น

              กรยังรู้สึกเจ็บจากการวิ่งหนีเจ้า Air woof จึงรีบเก็บของพวกนี้เข้าไปในกะเป๋าสะพายข้างที่ติดตัวมาจากโลกเดิม  

              White book on” กรพูดขึ้น  เพื่อหาทางกลับกะท่อม       เพราะตอนนี้เนื้อตัวของกรนั้นสะบัดสะบอมมากจากการวิ่งฝ่าดงกอไผ่ 

     

    (จบตอนที่ 3)

                       ***ผมจะพยายามอัพเดทเรื่องนี้ทุกๆ 2 วันนะครับ ท่ามีใครติดตามเรื่องนี้อยู่ช่วยกรุณาเม้นหน่อยนะครับเพื่อเพิ่มกำลังใจของตัวผมเองให้แต่งนิยายนี้ให้จบ***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×