คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : การออกสำรวจป่าครั้งแรกของกร
หลังจากรอนและกรรับประทานเสร็จเรียบร้อยแล้ว.....
“ลุงรอนครับ เมืองที่อยู่ใกล้ที่นี่สุดอยู่แถวไหนหรอครับ” กรพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“อืม..... ถ้าเมืองที่ใกล้ที่สุดแล้วละก็คงเป็นเมืองอาวารอน ที่อยู่ไปทางทิศตะวันออกของที่นี่ละน่ะ ถ้าเจ้าจะไปที่นั้นละก็ คงใช้เวลาราวๆประมาณสัก 3-4 วันได้” รอนตอบเจ้าหนูกร
“3-4 วันเลยหรอครับ” กรพูดด้วยสีหน้าตกใจ
แบบนี้เราจะเอาไงดีหวา... กว่าจะเดินทางไปถึงเมืองอาวารอนต้องใช้เวลาตั้ง 3-4 วันแหนะ แถมเสบียงอาหารเราก็ไม่มี และถ้าระหว่างทางเจอพวกสัตว์ป่าเข้ามาทำร้าย เราจะเอาอะไรไปสู้ได้ เราพึ่งอายุ 16 เอง ทำอะไรก็ไม่เก่งสักอย่างไม่ว่าจะทักษะด้านกีฬา, การเรียน สิ่งที่พอเราทำได้มีแค่ฝีมือการวาดรูปเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง เมื่อกรคิดเช่นนั้นก็เกิดอาการซึมทันที
“เจ้าหนูกร ถ้าจะไปเมืองอาวารอนจริงๆละก็ อยู่ที่นี่อีกสักพักก่อนสิ รอข้าทำธุระที่นี่ให้เสร็จก่อนและเราค่อยไปเมืองนั้นพร้อมกัน” รอนสังเกตุได้จากสีหน้าที่ซึมเศร้าของกรจึงพูดแบบนี้ออกมา
“จริงหรือครับ” กรพูด กรกลัวว่าสิ่งที่รอนพูดเป็นแค่การอำเล่น
“จริงสิ ข้าเป็นคนพูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับเจ้าละเจ้าหนูว่าจะเอาอย่างไร”
“เย้... โอเคเลยครับ ผมจะอยู่ที่นี่กับลุงรอนก่อน รอลุงรอนทำธุระที่นี่เสร็จแล้วเดี่ยวพวกเราไปเมืองอาวารอนด้วยกันนะครับ” กรพูดด้วยอาการดีใจสุดๆ
“เอ๋.... และลุงรอนทำธุระอะไรที่นี่หรอครับ” กรพูดด้วยท่าทีที่สงสัย
ที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อหาสมุนไพร่ที่ชื่อ [บัวน้ำทิพย์] ข้าได้ยินข่าวลือมาว่าสถานที่แห่งนี้มีบัวน้ำทิพย์อยู่
“แล้วมันทำอะไรได้หรอครับ” กรยิ่งสงสัยหนักเข้าไปใหญ่
ตามที่มีคนลือกันมา [บัวน้ำทิพย์] นั้นสามารถรักษาโรคภัยได้ทุกชนิด แต่ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าข่าวลือที่เจ้า [บัวน้ำทิพย์] เป็นจริงหรือเปล่าแถมรูปร่างลักษณะมันเป็นยังไงข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะก็ยังไม่มีใครที่เคยเห็นและมีไว้ในครอบครอง
“ว้าว เจ้า [บัวน้ำทิพย์] ถ้ามีสรรพคุณตามที่ลือกันนี่ เจ้าสิ่งนี้ต้องวิเศษมากแน่ๆ และถ้าเอาไปขายต้องได้หลายตังค์ด้วย” กรพูดด้วยดวงตาเป็นประกายความโลภ
“ข้าก็หวังที่จะเจอมันเหมือนกัน” รอนพูดด้วยตั้งความหวังที่จะเจอมันจริงๆ
รอนนั้นที่ต้องการตามหา [บัวน้ำทิพย์] เพราะครอบครัวของเค้านั้นเกิดติดโรคประหลาดทำยังไงก็รักษาไม่หาย จนกระทั่งภรรยาเขาตายไป แต่มันไม่แค่นั้นเจ้าโรคนี้มันติดต่อไปถึงลูกเค้าด้วย เมื่อได้ยินข่าวลือนี้ทำให้รอนผู้สูญเสียภรรยาเค้าไป จึงมีความหวังกับมันไว้มากว่าจะหาเจ้า [บัวน้ำทิพย์] ไปรักษาลูกของเค้าให้ได้ ซึ่งชะตาของลูกเค้าไม่สามารถมีชีวิตเกินไปกว่า 2 อาทิตย์ได้ตามที่คุณหมอที่รักษาลูกเค้าบอกมาและนี่ก็เวลาก็ผ่านมา 4 วันแล้วแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหาเจ้า [บัวน้ำทิพย์] เจอสักที
เมื่อกรได้ยินดังนั้นถึงกับน้ำตาซึมออกมา
“เราต้องหา [บัวน้ำทิพย์] เจอแน่นอน” กรพูดอย่างเสียงดัง
“ผมจะช่วยลุงหาเอง ไม่ต้องห่วง” กรพูดด้วยสีหน้าจริงจังเป็นอย่างมาก
“ขอบใจนะเจ้าหนู” รอนพูดขอบใจพร้อมกับยิ้มให้กร แค่คำพูดของกรก็ทำให้ความรู้สึกของรอนนั้นมีความหวังมากขึ้นถึงแม้จะเหลือเวลารักษาลูกเค้าอีกเพียงแค่ 10 วัน
เอาละเดี่ยวข้าออกไปตามหาเจ้า [บัวน้ำทิพย์] ต่อก่อนละกัน
“ผมจะไปช่วยหาด้วยครับ ลุงรอน” กรพูดออกมาโดยไม่ลังเล
“อืม... งั้นก็ได้ แต่เจ้าหนูเจ้าต้องเรียนรู้อะไรกับพื้นที่ป่าแถวนี้ก่อนออกไป” รอนมีสีหน้าตาเคร่งเครียดเล็กน้อย
“เรื่องแรกในป่านี้ถึงแม้จะมีมอนเตอร์อยู่ไม่มากนัก และมอนสเตอร์แถวนี้นั้นมักไม่มีนิสัยดุร้ายจึงไม่ทำร้ายผู้อื่นที่เดินทางผ่านมา แต่พวกมันก็เป็นมอนเตอร์ระดับที่ชาวบ้าน หรือ นักเดินทางธรรมดาไม่สามารถสู้ได้แน่นอน เพราะฉะนั้นเจ้าหนูกรอย่าไปทำร้ายพวกมันเด็ดขาด ไม่งั้นเจ้าอาจตายได้” รอนพูดเรื่องนี้ด้วยความจริงจัง เพราะเค้าเป็นอาชีพนายพรานจึงสามารถสู้กับมอนเตอร์ได้ในระดับหนึ่ง
กรสะดุ้งโหยง ที่รู้ว่าในป่านี้มีมอนเตอร์อยู่ แต่ก็ไม่ได้กลัวไรมากเมื่อได้ยินจากปากรอนว่า พวกมอนสเตอร์แถวนี้นั้นมักไม่มีนิสัยดุร้ายจึงไม่ทำร้ายผู้อื่นที่เดินทางผ่านมา แสดงว่าแค่เราไม่ขวางทางมันหรือไปทำร้ายมันเราก็ยังปลอดภัยอยู่ กรทำท่าพงกหัวเพื่อให้รู้ว่าเขาเข้าใจและจะปฎิบัติตามที่รอนพูด
“เรื่องที่สอง ถึงแม้มอนเตอร์ที่นี่ไม่ดุร้าย แต่ก็อาจพบเจอกับสิ่งที่ลำบากได้ ในพื้นที่แต่ละพื้นที่นั้นมักจะมีมอนเตอร์ที่คุมถิ่นอยู่ ถ้าเจ้าเจอตัวที่น่าสงสัยว่าจะเป็นอันตรายขอให้เจ้ารีบวิ่งหนีและมาในกะท่อมนี้เข้าใจไหม” รอนพูดและทำหน้าจริงจังยิ่งกว่าเดิม
กรพยักหน้าตอบเพื่อให้รอนรับรู้
“เรื่องที่สาม อย่าเดินออกสำรวจไปไหนไกลมากเพราะเจ้าพึ่งมาถึงที่นี่ เจ้ายังไม่รู้ว่าแถวไหนอันตรายหรือปลอดภัย ขอให้เจ้าเดินสำรวจเป็นวิถีแนวตรงเพื่อที่จะทำให้เจ้าไม่หลงทาง”
กรพยักหน้ารับทราบ
“และเรื่องสุดท้าย ชีวิตตัวเองนั้นสำคัญที่สุด เจ้าต้องปกป้องชีวิตของเจ้าด้วยตัวของเจ้าเอง เพราะในโลกนี้ใช่ว่าจะมีคนมาช่วยเหลือเจ้ายามลำบากเสมอไป” รอนกล่าวกฎของการอยู่ในป่านี้ให้กรฟัง
กรพยักหน้าและรับปากจะทำตามที่คุณรอนบอกทุกอย่างครับ รอนก็เผลอปล่อยยิ้มออกมาเมื่อได้ยินดังนั้น
ทั้งคู่ตกลงจะแยกย้ายกันหา โดยรอนจะมุ่งลงตะวันตก ส่วนกรจะมุ่งขึ้นเหนือต่อไปเพื่อสำรวจบริเวณแถวภูเขา
“แฮก ... แฮก...” เสียลมหายใจหอบของกรทั้งๆที่เดินมาได้แค่ 30 นาทีเอง
“ไม่นึกว่าการเดินสำรวจป่าจะเหนื่อยขนาดนี้” กรบ่นพึมพำคนเดียว
กรสอดส่องสายตามองรอบๆ แถวนี้ไม่มีมอนเตอร์แหะ แสดงว่าแถวนี้ปลอดภัยกรคิดยังงั้น
แต่กรก็แสดงอาการเกร็งเล็กน้อยขึ้นมาเมื่อสายตาที่เขามองไปพบเจอร่องรอยของมอนเตอร์ กรคิดว่าจะทำไงดีจะตามรอยเท้าพวกนี้ไปดีไหม หรือมุ่งหน้าเดินต่อไปในทิศทางเดิม
เอาน่า เดินตามรอยมอนเตอร์ไปดีกว่า ตั้งแต่เรามาโลกนี้เราก็ยังไม่เคยเห็นมอนเตอร์เลย ถึงแม้ไปเจอมอนเตอร์ก็คงคิดว่าไม่เป็นอันตราย ก็ตามที่รอนบอกมอนเตอร์แถวนี้ไม่ดุร้ายและไม่ทำร้ายผู้คนก่อน และถึงแม้จะดุร้ายแต่ถ้าเราไม่เข้าใกล้เกินไปเราก็หนีทันแน่ ถึงแม้นเราจะหลงป่าเราก็แค่เอาหนังสือเล่มสีขาวออกมา เราก็สามารถกลับกะท่อมได้ปลอดภัย กรคิดคาดคะเนความเป็นได้ต่างๆนาๆกับเรื่องที่เกิดขึ้นและหาวิธีเตรียมรับมือ
สรุปแล้วก็ก็เดินตามรอยเท้าของมอนเตอร์ไป โดยไม่ปฎิบัติตามกฎของรอน
กรเดินตามรอยเท้ามอนเตอร์ได้สักประมาณ 15 นาที ก็พบเจอมอนเตอร์ตัวที่กรตามรอยเท้ามา
กรพบเจอมอนเตอร์รูปร่างคล้ายหมาป่า ขนาดตัวประมาณหมาพันธุ์โกลเด้นท์พลูเทปเวอร์
เจ้ามอนเตอร์ตัวนั้นกำลังกินน้ำในลำธารอยู่ กรจ้องมองดูเจ้ามอนเตอร์ตัวนั้นด้วยความตั้งใจและอยู่ๆสถานะของมอนเตอร์ตัวนั้นก็เด้งขึ้นมา
MONTER : Air woof |
LV. 35 |
ลักษณะนิสัย : มีนิสัยดุร้าย, หวงถิ่นที่อยู่อาศัย และมีจมูกที่ไวต่อ
กลิ่นมาก |
กรยังไม่ทันจะอ่านจบ เจ้า Air woof ตันนั้นทำท่าดม ฟุดฟิด ฟุดฟิด เหมือนมันสัมผัสได้ถึ่งสิ่งแปลกปลอม มันพุ่งทะยานแยกเขี้ยวเข้าหากรอย่างรวดเร็ว กรกลิ้งตัวหลบทันแบบหวุดหวิด
ฟันของเจ้านั้นถึงกับตัดต้นไผ่ให้ขาดจากกันได้แค่การกัดแค่ครั้งเดียว
กรรู้สึกกลัวมาก กรรีบผลักตัวเองให้ลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งโดยไว เจ้า Air woof ตัวนั้นก็ไล่ตามอย่างไม่ลดละ กรคิดหาวิธีการหลบหนีเจ้า Air woof ตัวนั้น กรติดสินใจได้ทางที่จะหนีรอดจากมอนเตอร์ตัวนั้นต้องเข้าไปตรงดงไผ่ที่หนาทึบเพื่อจะได้ลดความเร็วของเจ้ามอนเตอร์ตัวนั้น กรวิ่งฝ่าดงกอไผ่ทับนั้นทำให้เกิดบาดแผลตามตัว ใบหน้า และ แขน ที่เสื้อผ้าปิดบังไม่หมด แต่ดงกอไผ่ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ปัญหากับเจ้า Air woof เท่าไหร่นัก ถึงดงกอไผ่จะหนาทึบเบียดเสียดขนาดไหน ความเร็วของเจ้า Air woof ก็ดูไม่เหมือนจะตกลงเลย
กรรีบวิ่งสุดใจขาดดิ้น แต่ในขณะนั้นเกิดสะดุดล้มหัวทิ่มคะมำ กรยื่นมือไปจับต้นไผ่ไว้ ต้นไผ่ต้นนั้นโค้งงอไปตามแรงของตัวกรราวกับขนานไปกับพื้นดิน (ท่าเป็นต้นไม้ชนิดอื่นละก็อาจจะทำให้ต้นไม้หักได้, หรือก็ไม่สามารถจับต้นไม้ได้เลยเพราะต้นไม้ที่แข็งแรงจะไม่ขยับเขยื้อนไปไหน)
ด้วยการล้มหัวทิ่มคะมำนั้นการจับต้นไม้ไผ่จึงไม่ได้ช่วยอะไรมากเลย กรจึงปล่อยมือจากต้นไผ่
แต่ว่าความบังเอิญของการปล่อยมือจากต้นไผ่นั้นทำให้เกิดเรื่องที่ไม่น่าเชื่อขึ้น ต้นไผ่ที่โค้งงอนั้นกลับไปหวดโดนเจ้า Air woof ที่วิ่งไล่ตามมา การหวดครั้งนั้นถึงกับทำให้เจ้า Air woof ล้มลงและร่างกายก็สลายไป กรถึงกับตะลึงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเจ้า Air woof ตัวนั้นถึงโดนการหวดของต้นไผ่ฟาดแค่ทีเดียวถึงตาย
***(ในความเป็นจริงนั้น Air woof ถึงโดนต้นไผ่หวดสัก 10 ที ก็ยังไม่สามารถฆ่าเจ้า Air woof ตัวนั้นได้เลย แต่ที่มันตายเพราะการวิ่งไล่ตามกรที่วิ่งผ่านดงกอไผ่นั้นทำให้ลดเลือดมันไปได้พอสมควร และการโดนหวดด้วยต้นไผ่จากแรงฟาดของการล้มของกรและความเร็วของเจ้า Air woof ที่วิ่งไล่กวดกรมา ทำให้อัตราการเกิดความเสียหาย x4 เท่าเลยทีเดียว)
กรเดินไปจุดที่ตายของเจ้า Air woof พบกับสิ่งวัตถุ 3 สิ่งดังนี้
1. หนังของเจ้า Air woof จำนวน 5 ผืน
2. เหรียญทองแดงจำนวน 50 เหรียญ
3. เขี้ยวของเจ้า Air woof จำนวน 2 ชิ้น
กรยังรู้สึกเจ็บจากการวิ่งหนีเจ้า Air woof จึงรีบเก็บของพวกนี้เข้าไปในกะเป๋าสะพายข้างที่ติดตัวมาจากโลกเดิม
“White book on” กรพูดขึ้น เพื่อหาทางกลับกะท่อม เพราะตอนนี้เนื้อตัวของกรนั้นสะบัดสะบอมมากจากการวิ่งฝ่าดงกอไผ่
(จบตอนที่ 3)
***ผมจะพยายามอัพเดทเรื่องนี้ทุกๆ 2 วันนะครับ ท่ามีใครติดตามเรื่องนี้อยู่ช่วยกรุณาเม้นหน่อยนะครับเพื่อเพิ่มกำลังใจของตัวผมเองให้แต่งนิยายนี้ให้จบ***
ความคิดเห็น