ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : 22 :: my favourite game 1.1
เพราะรู้สึกเพลียและไม่สามารถฝืนตัวเองได้ไหวอีกต่อไปร่างสูงจึงพาตัวเองกลับเข้ามาภายในบ้าน เขาเดินขึ้นไปสำรวจที่ชั้นสองของตัวบ้าน พบว่ามันมีห้องนอนถึงสี่ห้อง เขาเลือกห้องที่พอดูสะอาดสะอ้านเหมาะจะทิ้งตัวลงไปนอนงีบเอาแรง ความหวาดกลัวในใจของหมอหนุ่มเรียกได้ว่าเท่ากับศูนย์ ถึงแม้ว่าในสมองจะเต็มไปด้วยคำถาม ไม่เข้าใจ ไม่สามารถผูกติดเรื่องราวใดๆในหัวได้มากเท่าที่ใจคิด ความสามารถในการเก็บรายละเอียดกลืนหายไปกับหมอกยามเช้าเสียหมดสิ้น ตอนนี้ดวงตาของเขาว่างเปล่า ไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกใดๆได้เลย
คำถามที่ไม่รู้จะตอบอย่างไร
คุณจะทำให้คนที่ไม่ได้บ้า หายบ้าได้อย่างไร
คริสรู้สึกลึกๆว่าเขากำลังจะกลายเป็นหมากตัวสำคัญ ในการจบเกมส์บ้าๆเกมส์นี้
เขาไม่เข้าใจถึงเงื่อนไข 22 ชั่วโมงนั่นแม้แต่น้อย
เสียงฝีเท้ากระทบกับบันไดไม้ดังเป็นจังหวะ บ่งบอกให้รู้ว่ากำลังมีใครอีกคนกำลังเดินขึ้นมาบนชั้นสองและกำลังตรงมายังห้องที่เขานอนพักอยู่
"เลือกได้ดี คุณเลือกห้องนอนของผมพอดี" พูดจบก็แทรกกายนอนเบียดลงมาบนเตียงนุ่ม คริสขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้อีกฝ่ายนอนได้ถนัด ชานยอลดวงตากระตุกวูบ รู้สึกประหลาดใจที่อีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทางรังเกียจหรือกลัวเขาเลย
"ถ้าคุณหลับ แล้วผมฆ่าคุณขึ้นมาจะทำยังไง?"
หมอหนุ่มแค่นหัวเราะออกมา "คุณจะปล่อยให้ผมตายง่ายๆขนาดนั้นเชียวหรอ?"
"นั่นสินะ" พูดจบก็หัวเราะ ตายทั้งๆที่ยังหลับ จะไปสนุกอะไร
"เล่าให้ผมฟังหน่อย"
"เล่าอะไร?"
"เรื่องที่คุณตกหลุมรักผมภายใน 22 ชั่วโมง"
ผงกศีรษะขึ้นมามองคนที่กำลังนอนกอดอกสงบนิ่ง ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ลมหายใจร้อนเป่าใบหน้าของอีกฝ่าย ดวงตาสีดำเหลือบมามองเจ้าของใบหน้าที่กำลังจ่อประชิดหน้าของตัวเอง ดวงตากลมโตจ้องมองใบหน้าเขาเนิ่นนาน ก่อนจะจรดริมฝีปากอ่อนนุ่มลงไปบนริมฝีปากของหมอหนุ่ม คนถูกกระทำนอนเฉยไม่แม้แต่จะปัดป้องดันตัวอีกฝ่ายออก คนที่กำลังรุกคืบก็ได้ใจขยับตัวขึ้นนอนคร่อมร่างของอีกฝ่ายไว้ ก่อนจะใช้มือล็อคใบหน้าของอีกฝ่ายไม่ให้ขยับ ออกแรงบดเบียดผิวเนื้อนุ่มของตัวเองให้หนักขึ้น ก่อนจะใช้ฟันคมกัดริมฝีปากของอีกฝ่าย
นิ้วยาวของคนที่นอนนิ่งยกขึ้นมาปาดเลือดที่ไหลซึมออกมาจากปาก ก่อนจะกระชากร่างของอีกคนในนอนลงไปบนเตียง
"เล่นสุนกพอแล้วก็เล่าเรื่องที่ผมอยากรู้สักทีเถอะครับ"
ชานยอลดันตัวลุกขึ้นก่อนจะลุกขึ้นไปนั่งทับบนหน้าท้องของอีกฝ่าย แต่จิตแพทย์หนุ่มไม่มีท่าทีสะทกสะท้านหรือทำหน้าลำบากใจใดๆทั้งสิ้น ไม่ได้รู้สึกว่าร่างที่กำลังนั่งทับตัวเองเป็นภาระเสียด้วยซ้ำ ถึงจะสูงเอามากๆแต่ก็ผอม แขนขาเล็กเรียวไปหมดทุกส่วนสัด นึกสงสัยเหลือเกินว่าพวกร็อคเกอร์จำเป็นต้องตัวผอมแห้งแบบนี้ทุกคนหรือไร คงจะจริงอย่างที่ชายหนุ่มพูดมา ว่าเขาใช้เวลาทั้งหมดไปกับการทำงานเพลง คงไม่ได้แตะต้องอาหารเท่าที่ควรจะเป็น
"ปู่ของผมไม่สบาย พ่อก็เลยบินไปหาท่าน พาท่านไปโรงพยาบาล แต่วันนั้นผมไม่สบายพอดี คุณปู่ก็เลย"
"โทรมาหาผม"
ดีดนิ้วเสียงดังอย่างชอบอกชอบใจ
"คุณมาดูแลเฝ้าไข้ผม จนหลับไป"
"ผมทำแบบนี้กับคุณด้วยนะ" ชี้มาที่ท่าทางที่กำลังทำให้ขณะนี้
หากแต่จู่ๆดวงตาก็หลุบต่ำ
"ตอนนั้นผมสับสนมาก คำพูดของพ่อก้องในหัว แล้วหมอก็เป็นผู้ชายคนเดียวที่ผมรู้สึกแปลกๆด้วย พอหมอหลับ ผมก็ทำแบบนี้" พูดพร้อมถดร่างตัวเองเลื่อนต่ำไปจากกลางหน้าท้อง คริสรู้ดีว่าชานยอลกำลังจะไปที่ตรงไหน เขารีบคว้ามือของอีกคนเอาไว้ก่อนจะออกแรงดึงร่างเพรียวของอีกฝ่ายเอาไว้ ยึดร่างไม่ให้ไปไหนไกลกว่านี้
"ที่น่าสมเพชคือผมหวั่นไหวกับร่างกายของหมอ"
"และที่น่าสมเพชหนักกว่านั้นก็คือ" คนที่กำลังพูดยิ้มกว้าง
"พ่อผมเข้ามาเห็นพอดี"
"พ่อลากผมไปทุบตี คุณยังเข้ามาช่วยผมอยู่เลย"
เขาพยักหน้ารับ แผลเป็นบนแก้มด้านขวายังคงปรากฏให้เห็นชัด แผลจากหัวเข็มขัดโลโก้แบรนด์หรูบาดเข้าที่หน้าของเขาตอนโผเข้าไปช่วยเด็กหนุ่มที่กำลังโดนพ่อลงโทษอย่างบ้าคลั่ง
"ภาพนั้นฝังอยู่ในนี้" ชี้ไปที่หัวของตัวเอง
"แล้วก็ในนี้" ก่อนจะเลื่อนนิ้วมือมาที่หน้าอกข้างซ้าย
"ผมกลัวเขา กลัวเขามากๆ กลัวจนไม่กล้าหลับตานอน"
"คุณได้ใช้ยาหรือเปล่า?"
คนถูกถามทำตาโต ก่อนจะถามกลับ
"คุณหมายถึงยาเสพติด?"
"ไม่ ผมหมายถึงยาทางการแพทย์โดยทั่วไปที่หมอสั่ง อย่างเช่นยาคลายเครียดอะไรพวกนั้น?" หมอหนุ่มกำลังวิเคราะห์เหตุการณ์ตามไปอย่างช้าๆ
ชานยอลพยักหน้า "แม่ผมให้ยาทานเป็นบางครั้ง เพื่อที่ผมจะได้นอนหลับพักผ่อน"
ถ้าไม่ได้ทานต่อเนื่อง ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรนี่ ....
"ผมดีขึ้น แต่ยังกลัวเขาอยู่ เขาบังคับให้ผมเลิกทำดนตรี ผมไม่ยอม เขาเอาแต่ตอกย้ำว่าผมมันโรคจิต"
"ผมกำลังสับสน ผมคิดว่าบางทีตัวเองก็อาจจะเป็นอย่างที่พ่อว่า ผมกำลังจะกลายเป็นโรคจิต เพราะผมเริ่มชอบคุณ"
"การชอบเพศเดียวกันไม่ถือว่าคุณเป็นโรคจิตหรอกนะ มันไม่ได้ถูกนับรวมในกลุ่มของคนโรคจิต"
"อีกอย่างคุณอาจจะไม่ได้ชอบผมในเชิงชู้สาวก็เป็นได้" คริสอธิบาย หลายครั้งที่คนเรามักจะเข้าใจว่าการประทับใจ ชอบใคร หรือชื่ชมใครสักคนมากๆจะต้องเป็นในทำนองชู้สาวเสมอไป
"พ่อผมไม่ได้คิดแบบนั้น เขาตัดสินทุกอย่างจากที่เขาเห็น เขาสั่งขังผมในห้อง" ดวงตากลมโตฉายแววเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด
"เหมือนถูกขังอยู่ในกรง พอถึงเวลาก็เอาอาหารมาให้ ถึงเวลาก็พาไปเรียนหนังสือ พอเรียนเสร็จก็ลากตัวกลับมาขังในห้องต่อ"
ร่างสูงใหญ่นอนมองอีกฝ่ายอย่างรู้สึกเห็นใจ รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองคิดเอาไว้ไม่น่าจะผิด ชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้อยู่ในสภาวะเป็นผู้ป่วยทางจิต แต่น่าจะโดนกดดันและเพราะผลกระทบบางอย่าง ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมแปลกๆที่พยายามจะแสดงออกมาเพื่อปิดกั้นและปกป้องตัวเอง
"ผมต้องหมอผ่านทางหน้าต่างห้อง ผมจดจำโน๊ตทุกตัวที่หมอเล่นเครื่องดนตรีพวกนั้น"
"ผมเรียนไวโอลินจากหมอ เรียนแบบนั้นแหล่ะ" เขาส่งยิ้มบางๆให้จิตแพทย์หนุ่ม ก่อนจะลุกออกจากร่างของอีกฝ่าย เดินตรงไปที่เก้าอี้ริมหน้าต่างก่อนจะเหม่อมองออกไปด้านนอก คริสนอนมองอีกคนอย่างพินิจพิเคราะห์ ทั่วทั้งร่างกายของอีกฝ่ายไม่มีร่องรอยบาดแผลใดๆที่บ่งบอกว่าน่าจะเกิดอาการคุ้มคลั่งจนทำร้ายตัวเองมาก่อน ตอนนี้อีกฝ่ายสวมเสื้อกล้าม คนที่อยู่ตรงหน้าดูปกติดี จนเขาไม่สามารถทำใจเชื่อได้จริงๆว่าป่วย ใบหน้าขาวที่ถึงแม้จะซูบซีดไปบ้างก็ยังไม่น่ากลัวเท่ากับคนไข้คนอื่นๆที่เขาเคยเจอ ดวงตากลมโตที่เริ่มกลับมามีน้ำหล่อเลี้ยงก็ไม่ได้ดูเลื่อนลอยว่างเปล่า
ดวงตาคู่นั้น ..... มันแค่ดูเศร้าหมองก็เท่านั้น
"หมอชอบผมหรอ?"
คนถูกถาม ขมวดคิ้ว
"ชอบผมหรอ? เห็นจ้องผมไม่หยุดเลย" พูดก่อนจะวาดยิ้มอย่างพอใจ หากแต่อีกฝ่ายไม่ได้ตอบโต้อะไรไป
"หมอพาผมหนีออกจากบ้าน"
จู่ๆอีกฝ่ายก็เปิดประเด็นขึ้นมา
"ผม?"
"ใช่ หมอนั่นแหล่ะ คืนนั้นผมทนไม่ไหว กระโดดลงมาจากหน้าต่างห้อง หมอเห็นพอดี ก็เลยวิ่งเข้ามาช่วย"
ชานยอลขยับมานั่งข้างเตียง
"หมอเท่ห์มากเลยนะ ตอนกระโดดข้ามรั้วนั่นมาน่ะ"
"แล้วไงต่อครับ?"
ส่งเสียงในลำคอเบาๆเป็นเชิงหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะ ก่อนจะขยับริมฝีปากอิ่มนั่นเล่าเรื่องต่อ
"ผมบอกว่า ผมอยากนั่งรถเล่น หมอก็ขับพาไปให้หมอพาผมนั่งรถข้ามรัฐเลยนะครับ มันสนุกมากๆ เราอยู่ด้วยกันตั้ง 22 ชั่วโมง มันเป็นเวลาสั้นๆที่ผมมีความสุขมาก"
"ทำไมผมจำไม่ได้?"
สิ้นเสียงของหมอหนุ่ม ชานยอลก็หุบยิ้ม ใบหน้าที่เคยแจ่มใสขึ้นมาจากการได้พูดคุยเรื่องดีๆที่ยั่งอยู่ในความทรงจำก็ปรับเปลี่ยนเป็นสีหน้าบึ้งตึง เขาตวัดสายตามามองคนที่นอนอยู่บนเตียงก่อนจะนิ่งเงียบไม่พูดอะไรอีก
"เรื่องดีๆจะพูดถึงทำไม อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องตายแล้ว"
"คุณคิดว่าหมอจะยอมตายง่ายๆหรอ?"
ชานยอลยกหัวตัวเองขึ้นมาวางไว้บนขอบเตียง
"รู้อยู่แล้วว่าไม่ พ่อผมก็รู้ เขาถึงส่งหมอมาไง"
"พ่อคุณกับคุณ ต้องการยั่วให้ผมสติแตก ทนไม่ไหวแล้วก็ฆ่าคุณน่ะหรอ? ความผิดทุกอย่างก็จะได้ตกมาที่ผม?"
"ฉลาดนี่"
"พ่อคุณฉลาดมากกว่านะ ที่ยืมมือผมมาฆ่าคุณน่ะ" คริสขบกรามของตัวเองแน่น เป็นครั้งแรกที่รู้สึกมีน้ำโห เขาไม่ได้นึกโกรธชานยอล แต่นึกเกลียดชังพ่อของอีกฝ่ายที่กำลังทำเรื่องเลวร้ายนี้กับลูกของตัวเอง จะเขี่ยลูกทั้งคนให้พ้นทางไม่ว่า ดันมายืมมือคนอื่นให้จัดการเรื่องอุบาทว์แบบนี้เสียด้วย
คริสพอจะมองตามเกมส์ได้บ้าง แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมคนมีอิทธิพล แถมยังมีอำนาจเงินที่สามารถปิดปากเจ้าหน้าที่ของรัฐได้อย่างง่ายดายขนาดนั้น คิดดูเอาสิว่าลากเอาเจ้าหน้าที่พิเศษของราชการอย่างเขาให้ออกมาอยู่ลำพังกับผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์ขนาดนี้ได้ แถมจนป่านนี้แล้วก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆทั้งสิ้น กับผู้ต้องหาฆ่าคนตาย หายตัวไปแค่สิบนาทีก็นับว่าอันตรายแล้ว แต่นี่ทุกอย่างยังอยู่ในความสงบ โทรศัพท์มือถือของเขาไม่มีการติดต่อใดๆมาเลย แค่นี้ก็พอจะรู้แล้วว่าอำนาจและอิทธิพลของอีกฝ่ายมีมากขนาดไหน
แต่แล้วทำไมกับแค่เรื่องจะกำจัดลูกชายทิ้ง ทำไมต้องทำให้มันมีตัวละครเพิ่มเติม
อย่างน้อยๆเจ้าหน้าที่คนอื่นๆที่ไม่ใช่สองคนนั้น ก็ต้องเห็นว่าเขาเข้าไปในที่เกิดเหตุ พยานบุคคลที่สามารถยืนยันสถานที่สุดท้ายของเขาเรียกได้ว่ามีเป็นสิบ ถ้าจะให้น้ำหนักไปที่การใช้เงินปิดปากเหล่าเจ้าหน้าที่พวกนั้นก็ใช่ว่าร้อยทั้งร้อยทุกคนจะเป็นพวกหิวเงิน หน้ามืดตามัวจนลืมนึกถึงหลักจริยธรรมไปเสียหมดทุกคนเสียหน่อย
หมอหนุ่มอาจจะไม่มีคุณค่าใดๆกับคนเหล่านั้นโดยตรง แต่เขาก็ยังเชื่อว่ามันยังจะต้องเหลือคนมีจิตสำนึกและแยกแยะได้ว่าการที่เขาหายไปด้วยนั้นไม่ใช่เรื่องปกติ
ดวงตาสีดำสนิทกลอกกลิ้งไปมา เขามองเพดานสีหม่นก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขาอยู่ในสถานะไหนกันแน่
เหยื่อ?
หมากตัวหนึ่งในเกมส์?
ตอนนี้ชายหนุ่มรู้สึกว่าเข็มนาฬิกาที่กำลังเดินหน้าต่อเนื่องมันช่างน่ารำคาญใจยิ่งนัก
อย่างน้อยถ้าจะเขาจะตายตกไปจริงๆ อย่างน้อยก็ขอให้ได้รู้แน่ชัดว่าทำไม
ทำไมต้องเป็นเขา
เหตุผลที่ว่าลูกชายของคนเดินเกมส์มาตกหลุมรักเขาอย่างนั้นหรอ
บอกตรงๆว่าฟังไม่ขึ้น
เขาไม่ได้คิดจะปัดปัญหาให้พ้นตัว แต่เขารู้สึกว่าเหตุผลมันช่างเบาโหวง ฆ่าคนที่ลูกชายบอกว่าหลงรัก รักเขาจริงๆหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ อย่างอื่นเหนือสิ่งอื่นใด
คุณชานยอลบ้าจริงๆหรือเปล่าก็ยังไม่รู้
มือหนาทุบลงไปบนเตียงนุ่มจนมันกระเพื่อมตามแรงกระแทก ใบหน้าขาวยกขึ้นมามองคนที่กำลังนอนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดบนเตียงก่อนจะลุกขึ้นทำหน้างง คริสจ้องมองอีกฝ่ายยิ่งกังขาในใจหนักเข้าไปใหญ่
ทุกครั้งที่ชานยอลไม่ได้ต้องใช้สมาธิจดจ่ออยู่กับเขาตรงๆ
ชายหนุ่มคนนี้ดูปกติมาก
หากแต่พออีกฝ่ายรู้ตัวว่าเขากำลังสังเกตพฤติกรรม หรือกำลังมองอยู่เมื่อไหร่ ก็จะพยายามแสดงออกถึงท่าทางแปลกๆขึ้นมาเสมอ
ชานยอลพาตัวเองหลบมานอนที่ห้องนอนใหญ่ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นห้องนอนของคุณยาย บ้านหลังนี้เต็มไปด้วยความทรงจำดีๆ ทุกช่วงวันหยุดฤดูร้อนเขามักจะมาพักผ่อนและใช้ช่วงเวลาดีๆที่นี่เสมอ ดอกไม้สีขาวสะอาดกำลังเบ่งบานอยู่เต็มทุ่งอันกว้างขวาง เขากับคุณยายช่วยกันลงมือปลูกมันขึ้นมาด้วยความรัก คุณยายเป็นผู้หญิงอบอุ่นและใจดี เหมือนแม่ของเขาไม่มีผิด ครอบครัวของเขาเคยเป็นครอบครัวสุขสันต์ เรื่องดนตรีที่เขารักนั้นพ่อก็ไม่เคยท้วงห้าม เขาเรียนได้ดีตามที่พ่อแม่ต้องการ หากแต่เรื่องราวบ้าบอที่เกิดขึ้นฝนสายตานั่น มันทำให้พ่อของเขาเปลี่ยนสายตาที่เคยใช้มองลูกชายคนนี้
เขาพยายามจะอธิบาย หากแต่พ่อไม่เคยฟัง
พ่อยื่นคำขาดให้เขาเลิกยุ่งเกี่ยวกับดนตรี และเลิกคบเพื่อนในวง
เขาทำไม่ได้ มันยาก ยากเกินไป ... ดนตรีที่รัก เพื่อนที่คบหากันมาแสนนาน ตั้งแต่ช่วงมัธยมปลาย ผ่านเรื่องราวร้อยพันมาด้วยกัน
ถึงแม้ว่าช่วงหลังๆ อะไรหลายๆอย่างจะทำให้เส้นทางในชีวิตของแต่ละคนบิดเบี้ยว หรืออกนอกลู่นอกทางไปบ้าง แต่ทว่ามิตรภาพก็ยังคงอยู่
จนคืนนั้น
พวกเขาทะเลาะกันรุนแรงตั้งแต่อยู่ในห้องแต่งตัว
เขาโดนพี่ในวงตบหน้า พูดจาหยาบคายใส่ ด่าทอลามปามไปถึงพ่อของเขา พ่อที่คอยยัดเหยียดอาการป่วยให้เขามาตลอด
เพราะคนพูดกำลังเริ่มขาดสติเพราะฤทธิ์สุรา เขาจึงไม่คิดจะถือสา
เขาไม่รู้ว่าคืนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เขาไม่รู้ตัวจริงๆ
เขาไม่ได้ตั้งใจ
มันมืด มันหนาว ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก
ภายในเสี้ยววินาที
มือทั้งสองข้างของเขาเต็มไปด้วยเลือด
เขาร้องไห้จนน้ำตาแทบกลายเป็นสายเลือด
ร่างของเพื่อนในวงกระตุกถี่ๆ ก่อนจะสำลักเอาลิ่มเลือดขย้อนย้อนออกมาทางปาก ก่อนจะแน่นิ่งไปต่อหน้า
เสียงฝีเท้า เสียงหัวเราะ เสียงกรีดร้องดังก้องในหัว
เขาไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
พ่อโทรมาหาเขา บอกว่าเขามีสองทางเลือกเท่านั้น ... เขาเลือกไม่ได้ เพราะว่าเขาเลือกไม่ได้ พ่อจึงตัดสินใจเลือกทุกอย่างให้เขาเอง ทันทีที่เห็นใบหน้าของคนที่คุ้นเคย คนที่คิดถึง คนที่อยากเจอเวลาพบกับเรื่องบ้าๆ ชานยอลก็แทบหมดแรงจะหายใจ
นึกอยากย้อนเวลากลับไปตอนพ่อโทรมาเสนอทางเลือกให้
เป็นศพไปพร้อมกับเพื่อนร่วมวง
หรือจะรอรับผลกรรมที่เกิดขึ้น
พ่อเลือกอย่างหลังให้เขา ........ แต่เขาไม่รู้ว่าคนที่พ่อเลือกอีกคนคือหมอคริส
ชานยอลตอบตัวเองไม่ได้เต็มปากว่ารักผู้ชายคนนี้ในฐานะไหน หากแต่ทุกครั้งที่มีปัญหา หน้าต่างห้องนอนมักจะเป็นที่แรกที่เขาวิ่งไป ตรงนั้นมักจะชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอ่านหนังสือด้วยท่าทีสงบและสง่างาม เขารู้จากพี่ชายข้างบ้านว่ากำลังเรียนสาขาจิตวิทยา นั่นเข้าทางเขา ชานยอลรู้สึกว่าตัวเองกำลังป่วย อาการป่วยที่ถูกคนเป็นพ่อแท้ๆยัดเยียดให้ในทุกๆวัน
เขาต้องการให้คนรักษา
เขาตัดสินใจเดินทางเข้าไปในสถาบันจิตเวช ที่คริสทำงานอยู่
หากแต่เขาทนกับการถูกปฏิบัติตัวในนั้นแบบคนป่วยไม่ไหวจริงๆ ลึกๆแล้วชานยอลรู้ว่าเขายังคงปกติ และลำบากใจกับการต้องเขาร่วมกลุ่มกับคนที่จิตใจหลุดลอยหายเข้าไปในอีกมิติหนึ่งแล้วอย่างสมบูรณ์แบบ
แต่การได้อยู่ใกล้คนที่ทำให้เรารู้สึกมั่นคงและปลอดภัยทำให้เขายังทนอยู่ในสถานะคนไข้ จวบจนคริสถูกย้ายไปฝึกงานที่อีกรัฐหนึ่ง ชานยอลรู้สึกเหมือนจะเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ
สองมือเรียวทึ้งเส้นผมละเอียดราวกับเส้นไหมของตัวเองอย่างบ้าคลั่ง
เวลาที่บีบรัดเข้ามามากขึ้น มันทำให้เขาอยากจะกรีดร้องออกมา พ่อบอกว่าภายในเวลา 22 ชั่วโมง เขาและคริสต้องหายไปจากโลกใบนี้
เขากับคริสสกปรก ....... สกปรกอย่างนั้นหรอ?
ของเหลวอุ่นๆไหลออกมาจากดวงตากลม
นี่มันมากเกินไป
หมอคริสเกี่ยวอะไรด้วย
ผู้ชายคนนั้นไม่ได้บีบคอบังคับให้เขาไปรู้สึกดีด้วยเสียหน่อย แถมเรื่องของความรู้สึกมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะห้ามกันได้ เขาเข้าใจดีหากพ่อจะรับเรื่องนี้ไม่ได้ แต่ทำไม ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้ด้วย แค่คิดว่าตัวเองจะต้องเดินตามเกมส์อัปยศนี่ ให้จนถึงจุดหนึ่ง จุดที่อีกฝ่ายทนไม่ไหว
เขานี่แหล่ะที่จะทนไม่ไหวเสียก่อน
ชานยอลสะอื้นไห้เบาๆ ก่อนจะกรีดร้องออกมาอย่างอัดอั้น
ถึงเขาชิงจบเรื่องนี้ด้วยตัวเองแล้วหนีไปก่อน อีกคนจะโดนอะไร
ร่างสูงวิ่งปรี่เข้ามาถึงตัวร่างผ่ายผอมด้วยระยะเวลาไม่นานนัก เรียกว่าพอได้ยินเสียงของอีกคน เขาก็รีบวิ่งออกมาจากห้องทันที มือหนาจับไหล่มนของอีกคนแน่นก่อนจะเค้นถามถึงสาเหตุที่ทำให้อีกคนต้องกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่นบ้าน
"คุณชานยอล เป็นอะไรไป?"
"เป็นบ้าไง ผมเป็นบ้า" พูดจบก็หัวเราะออกมาเสียงดัง หัวเราะต่อเนื่องยาวนาน จนอีกฝ่ายต้องผละถอยออกมา
"ชานยอล"
"หนีดีหรือเปล่า?"
พูดขึ้นหลังจากที่ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบมาพักใหญ่ นาฬิกาที่แขวนบนผนังบ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาสิบโมงเช้า เพิ่งจะเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ของใครอีกหลายคน หากแต่สำหรับชายหนุ่มทั้งสองมันกลับลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ
คนตัวผอมกระโจนเข้ามาตะครุบปากอีกคน ก่อนจะกวาดสายตากลมโตมองไปรอบห้องด้วยความหวาดระแวง แล้วลากอีกคนเข้าไปในห้องน้ำ ผลักร่างสูงใหญ่ให้เข้าไปนั่งในอ่างอาบน้ำ จนอีกคนต้องขืนตัวเอาไว้เป็นการใหญ่เพราะตกใจ
"พูดเบาๆ"
"ทำไม?"
ดวงตากลมโตมองไปรอบห้องอย่างระแวดระวัง ก่อนจะยืดแขนยาวๆของตัวเองเปิดฝักบัวจนสุดความแรงของน้ำ อีกฝ่ายเบี่ยงตัวหลบสายน้ำอุ่นที่ปะทะเข้ากับร่างกายเข้าอย่างจัง ก่อนจะหรี่ตามองอีกคนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
"พูดได้แล้ว แต่เบาๆนะ"
คิ้วหนาเลิกขึ้นสูง
"มีกล้อง"
ตาคมเบิกโตกว้าง บ้า นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน กล้อง? กล้องวงจรปิดอะไรแบบนั้นน่ะหรือ?
"หนีไม่ไหวหรอก มันไกลจากแหล่งชุมชนมาก"
มือหนาปาดน้ำที่ใบหน้าก่อนจะจ้องตาอีกคนเขม็ง
"ไม่ลองก็ไม่รู้"
"ไม่เอา ผมกลัว กลัว ไม่เอา ผมกลัว" ปากคอสั่นระริก ดวงตาทอแววความหวาดกลัวขึ้นอย่างเด่นชัด ชานยอลกลัวพ่อ กลัวผู้ชายคนนั้น เขาไม่รู้เลยว่าคนๆนั้นจะทำอะไรอีก หากไม่เห็นความเคลื่อนไหวของเขาทั้งสองคนอยู่ภายในบริเวณบ้านหลังนี้
"คุณจะนั่งรอให้เรื่องทุกอย่างมันเป็นไปแบบนี้โดยไม่พยายามจะทำอะไรเลยอย่างนั้นหรอ?"
"คุณไม่ได้บ้า พิสูจน์กับเขา ไม่ต้องมาพิสูจน์กับผม เพราะสำหรับผมคุณไม่ได้บ้าเลยสักนิด"
"คนบ้าที่ไหนจะรู้ว่าควรทำยังไงถึงจะกลบเกลื่อนเสียงคุยได้โดยการเข้ามาในห้องน้ำที่เสียงก้องๆ แถมยังเปิดน้ำก่อกวนการได้ยินอีก"
เสมอต้นเสมอปลาย ........
ผู้ชายคนนี้มีอิทธิพลกับเขาและรู้จักเขาดีเสมอ
"หนี ... ก็ได้"
มือหนารวบมือของอีกคนขึ้นมา ก่อนจะเหวี่ยงกระชากแรงๆ อีกฝ่ายลอยหวือไปกระแทกกับกำแพงห้องน้ำเหตุเพราะตัวเบากว่ามาก ชานยอลเบิกตาโตกว้างด้วยความตกใจ คริสพุ่งเข้าใส่อีกคนก่อนจะล็อคเอาไว้
ริมฝีปากหนากระซิบข้างหู
"เล่นละครตบตากันเถอะ"
ก่อนจะออกแรงกระชากแขนอีกคนทำให้ดูเหมือนว่าเขากำลังโมโหอย่างขีดสุด ร่างสูงเพรียวลอยมาตามแรงลากอย่างว่าง่าย ชานยอลไม่ได้คิดจะขืนตัวสักนิด คริสหันมาส่งสายตาดุก่อนที่ร่างของคนทั้งคู่จะเดินออกมาถึงบริเวณถนนหน้าบ้าน
"ผมหมดความอดทนกับคุณแล้ว" เหวี่ยงอีกคนจนล้มลงไปกับพื้นถนน เศษดิน เศษฝุ่นเลอะเปรอะไปตามเสื้อผ้าและผิวกายของอีกคน
"รัศมีกล้องจับได้ถึงไหน?"
"คงน่าจะพ้นแนวทุ่งดอกเดซี่ตรงนั้นน่ะครับ"
อีกคนวาดยิ้ม ก่อนจะทุบกำปั้นของตัวเองอย่างเร็วเป้าหมายคือใบหน้าขาวนวลของชานยอลที่หน้ากำลังมีลือดฝาดเพราะได้ออกแรงเล่นละครเมื่อสักครู่ ดวงตากลมปิดเปลือกตาปี๋ คริสแอบอมยิ้มคนบ้าที่ไหนเขาทำท่าทางแบบนี้กัน
ชานยอลรู้ตัว มีสติ และรับส่งการสื่อสารทางสายตาและการสัมผัสได้ไวมาก
ซึ่งส่วนใหญ่คนไข้ของเขามักจะสูญเสียการสื่อสารในส่วนนี้กันไปหมดแล้ว
กำปั้นหนักๆของคริสทุบลงพื้นดิน ส่งผลให้ข้อนิ้วแตกเห่อเลือดไหลซึมออกมาจากรอยแตก อีกฝ่ายเบิกตาโตด้วยความตกใจ
"วิ่ง"
"ครับ?"
"วิ่ง!"
สิ้นเสียงของอีกฝ่าย ชานยอลก็ดันตัวลุกขึ้นก่อนจะออกวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต ร่างสูงใหญ่ของจิตแพทย์หนุ่มกวดวิ่งตามไปด้วยความเร็วสูง ไกลออกจากรัศมีกล้องวงจรปิดตัวสุดท้ายที่จะจับภาพของทั้งคู่ได้
รอยยิ้มร้ายถูกวาดขึ้นบนใบหน้าของชายวัยกลางคน
"แค่ 7 ชั่วโมงก็ทนไม่ไหวเสียแล้วหรอหมอ"
"หึหึ"
*************************
อึดอัด!!!
ยี่สิบสองชั่วโมงคืออะไรรรรรรรรร!!!!!!???
อยากพูดถึงอย่าลืมติดแท๊ก #ฟิคยี่สิบสอง นะคะ
ไม่รู้ว่าแนวดาร์คๆ หน่วงๆ แบบนี้นี้จะมีคนอ่านหรือเปล่า แต่ไรต์อยากแต่งจริงๆนะ ^^;;
*************************
อึดอัด!!!
ยี่สิบสองชั่วโมงคืออะไรรรรรรรรร!!!!!!???
อยากพูดถึงอย่าลืมติดแท๊ก #ฟิคยี่สิบสอง นะคะ
ไม่รู้ว่าแนวดาร์คๆ หน่วงๆ แบบนี้นี้จะมีคนอ่านหรือเปล่า แต่ไรต์อยากแต่งจริงๆนะ ^^;;
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น