ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 22 :: nice to know you
เหตุเพราะเมื่อวานหมอหนุ่มทำงานต่อเนื่องตั้งแต่เช้าจนถึงหัวค่ำ แถมช่วงกลางดึกก็ต้องรีบรุดไปที่คฤหาสน์หลังงามอันเป็นสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรมสยอง จนถึงป่านนี้เขาที่ควรจะได้พักผ่อน แต่กลับยังหลับไม่ลง ร่างกายน่ะต้องการพักจะแย่ แต่สมองมันสั่งการให้ยังตื่นตัว ถ้าถามว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร คริสมีคำตอบให้ตัวเองอยู่อย่างเด่นชัด คือจะเขาจะพลาดเผลอหลับไปไม่ได้ ตอนนี้ชานยอลไม่ได้อยู่ในสถานะที่เขาจะควบคุมได้เลยแม้แต่น้อย
ใบหน้าที่ดูไร้พิษภัย แต่นั่นไม่ได้การันตีได้เลยว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขา
"คุณไม่ง่วงหรอ?"
หมอหนุ่มพยักหน้า
"ผมก็ง่วง"
"คุณก็นอนสิ"
"ไม่เอา เดี๋ยวหมอหนีผม"
"หนียังไง? ให้เดินเท้าออกไปหรอ?"
ชานยอลหัวเราะพรืด นั่นสินะ เดินไปเป็นวันๆก็ไม่มีทางเจอถนนใหญ่หรอก
"ที่นี่บ้านของคุณยายผม"
ดวงตาคมมองไปรอบๆก่อนจะพูดตอบ
"สวยดีนะ"
"ไปเก็บดอกไม้กัน"
คนถูกชวนลอบมองออกไปนอกหน้าต่าง ทุ่งดอกไม้เริ่มปรากฏความสวยงามให้เห็น มันดูสวยงาม สดชื่น และชีวิตชีวาต่างกับเมื่อตอนที่หัวรถเลี้ยวเข้ามาทิ้งเขากับคนไข้ให้อยู่ด้วยกันเมื่อคืนลิบลับ
"เอาสิ"
ร่างเพรียวสูงทิ้งตัวลงนอนบนพื้นหญ้าเขียวชอุ่มก่อนจะทอดสายตามองฟ้าท้องฟ้าอันเวิ้งว้าง สายลมอ่อนยามเช้า กับแสงแดดที่ยังไม่โผล่พ้นแนวขอบภูเขาสูงออกมามากนัก ทำให้บรรยากาศในตอนนี้ดูสวยงาม กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้หลากหลายชนิดลอยเข้าประทะจมูก หมอหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะยิ้มรับกับอากาศดีๆในช่วงที่ดวงอาทิตย์กำลังจะทะยานเด่นขึ้นสู่ท้องฟ้า ไม่บ่อยครั้งนักที่จะได้มีโอกาสชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติแบบนี้
"บางทีชีวิตก็สวยงามเพราะความเรียบง่าย" คริสพูดขึ้นเบาๆ ร่างที่กำลังนอนอยู่บนพื้นพลิกตัวขึ้นมามอง
"มนุษย์ชอบเอาเรื่องยากๆ ที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตเข้ามาถ่วงน้ำหนักความสุข กินพื้นที่จนมันหายไปในที่สุด"
"เรื่องเล็กน้อยที่ครั้งหนึ่ง ก็ทำให้เรายิ้มกว้างไปได้ทั้งวัน แต่พอยิ่งนานวันเรากลับรู้สึกว่าไม่พอ หลงคิดว่าถ้าหากต้องการจะมีความสุขสิ่งนั้นต้องยิ่งใหญ่และมากขึ้นตามลำดับ"
"ผมไม่รู้หรอกว่าคุณป่วยหรือไม่ป่วยกันแน่ ชานยอลที่ผมจำได้ตอนนั้นเหมือนเด็กหลงทาง ไม่ใช่เด็กหลงผิด ผมยังเชื่อ เชื่อจนถึงวินาทีนี้ว่าคุณไม่ใช่ฆาตกร"
ชานยอลเม้มปากแน่นก่อนจะพลิกตัวนอนตะแคง หันหลังให้กับร่างสูงใหญ่ที่กำลังนั่งเหยียดขา พล่ามอะไรอยู่ข้างๆ
"เมื่อรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองถึงทางตัน ก็สร้างกรอบเงื่อนไขของเวลามาให้ตัวเอง ฉันไม่ควรอยู่บนโลกใบนี้ต่อไปอีกแล้ว ฉันควรจะต้องจบชีวิตลงเดี๋ยวนี้ วันนี้" พูดพร้อมปรายสายตามามองอีกฝ่ายที่นอนหันหลังให้
"ชีวิตคนเราก็เหมือนวันหนึ่งวัน มีเช้าที่สดใส ช่วงสายที่อบอุ่น ช่วยบ่ายที่ร้อนระอุ ช่วงเย็นที่กำลังสบาย แต่ยามค่ำคืนที่มืดมิด เหน็บหนาว"
"แต่คุณก็เห็น ว่าทุกช่วงเวลาในแต่ละหนึ่งวัน มันอยู่รวมกันอย่างลงตัวและสอดคล้อง"
"เมื่อตะวันลับขอบฟ้า คุณก็จะได้หลับพักผ่อน ปัญหาที่เข้ามามันทำให้คุณได้หยุด ....... หยุดคิดทบทวนว่าช่วงที่ดวงตะวันยังส่องแสงให้คุณเห็นนั้น คุณได้ทำอะไรผิดพลาดไปหรือไม่"
"เมื่อเช้าอีกวันเริ่มต้นขึ้น ก็จงเริ่มต้นแก้ปัญหาในชีวิตเถอะ"
หยาดน้ำตาของชานยอลจู่ๆก็ไหลออกมาเงียบๆ ความรู้สึกโหวงเหวงในจิตใจ ความหนาวเหน็บที่เคยกัดกินเหมือนถูกไออุ่นๆของดวงอาทิตย์ค่อยๆละลายเกล็ดน้ำแข็ง
"คุณชานยอลอาจจะยืนยันที่จะจบมันลงภายใน ....."
หมอนุ่มยกข้อมือขึ้นเพื่อดูเวลา
หากแต่อีกคนที่นอนนิ่งมาพักหนึ่ง พูดสวนขึ้นมาเสียก่อน "19 ชั่วโมง"
"แต่ผมจะทำให้มันเริ่มต้นขึ้นใหม่อีกครั้ง"
ขายาวแช่อยู่ในน้ำก่อนจะมองทอดสายตาไปสู้ความเวิ้งว้าง นึกขอบคุณที่อย่างน้อยพ่อของเขาก็ยังส่งให้เขามาตายในสถานที่อันสวยงามขนาดนี้ มือสวยยกขึ้นก่อนจะมองมันยิ้มๆ มือคู่นี้อย่างนั้นหรือจะฆ่าคนตาย คนที่รักการเล่นกีต้าร์อย่างเขาน่ะหรอ จะเอาสายกีต้าร์ไปฆ่าคน ทุกคนเชื่อว่ามันเป็นแบบนั้น พ่อ แม่ ตำรวจ ทุกๆคนล้วนเชื่อ เชื่อในสิ่งที่เห็นกันไปหมด
มีเพียงคนเดียว ที่ไม่แสดงออกว่าหวาดกลัวเขา และไม่ปักใจเชื่อว่าเขาเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตาย
ร่างเพรียวที่ถึงแม้จะสูง แต่เพราะวันๆมัวแต่หมกตัวอยู่ภายในห้องส่วนตัว ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการทำเพลงจึงทำให้ซูบผอมไร้กล้ามเนื้อเฉกเช่นเดียวกับที่ชายวัยเดียวกันพึงมี เขาเอนกายลงบนพื้นหญ้า ก่อนจะปิดตาที่หนักอึ้งลง
หมอหนุ่มเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ในมือถือแก้วกาแฟมาสองใบ เพื่อตัวเองหนึ่งและอีกหนึ่งเพื่อคนที่ชิงหลับไปเสียก่อนแล้ว คริสยกกาแฟร้อนๆขึ้นจิบก่อนจะมองผืนน้ำเล็กๆ มันคงเป็นทะเลสาบที่ขุดขึ้นเอง มันจึงมีขนาดไม่ใหญ่มาก มือหนาถูกส่งไปปัดเศษใบไม้ที่ปลิวตกลงมาบนผิวแก้มของอีกฝ่ายออกเบาๆเพราะเกรงว่าเขาจะตื่น
"หมออ่อนโยนไม่เปลี่ยนเลยนะฮะ"
คริสสะดุ้งขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะมองคนที่นอนหลับตาหากแต่ยังไม่ได้หลับสนิท
"เพราะหมอเป็นแบบนี้ ผมเลยเป็นแบบนี้"
สิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินหลุดออกมาจากปากของอีกฝ่าย คริวขมวดคิ้วแน่นก่อนถอนหายใจออกมา
"ผมทำอะไรคุณ?"
"ทำให้ผมรัก"
"แค่กๆๆ"
กาแฟร้อนๆที่เพิ่งส่งเข้าไปในลำคอขย้อนย้อนออกมาทางเดิมทันที หมอหนุ่มจ้องใบหน้าขาวซีดของอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ ดวงตากลมโตนั้นก็ค่อยๆเปิดขึ้น
"ว่าจะไม่พูด แต่นี่ก็เหลือเวลาอีกไม่มาก แถมผมก็กำลังจะตายแล้ว"
"ผมบอกแล้วใช่ไหม ว่าผมไม่ยอมให้คุณตาย"
ร่างผ่ายผอมดันตัวขึ้นมา มือเรียวยึดต้นขาของอีกฝ่ายเอาไว้ ก่อนจะยกนิ้วชี้เรียวสวยขึ้นมาจรดริมฝีปาก
"ชู่ววววววว"
"ผมต้องเดินไปตามเกมส์ของพ่อไง ผมบอกคุณแล้ว คุณเป็นแค่เหยื่อ หมากตัวนึงในเกมส์ ที่พ่อรู้ดีว่า ถ้าเอาคุณโยนเข้าในสนาม ผมจะตายเร็วขึ้น"
คิ้วหนาขมวดแน่น
"อะไรของคุณ คุณพูดอะไร ทำไมถึงเป็นเพราะผม?"
"บอกไปแล้วไง ว่าผมรักคุณ"
คริสทำหน้าเหมือนคนอยากจะร้องไห้ ไม่ได้นึกกลัวหรือรังเกียจที่กำลังถูกผู้ชายบอกรัก หากแต่ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อะไรคือเงื่อนไขเวลา 22 ชั่วโมง อะไรคือการที่คนไข้ของเขาต้องตาย
"พ่อผมพาผมไปปาร์ตี้ของบริษัท แนะนำให้ผมรู้จักกับคู่ค้าทางธุรกิจ แนะนำให้ผมเข้าสังคม แนะนำให้ผมดื่ม ให้ผมวางตัว แนะนำให้รู้จักกับลูกสาวของอีกฝ่าย"
"ผมเกลียด เกลียดทุกอย่างที่พ่ออยากให้ผมทำ แต่พ่อคิดว่าผมเกลียดการร่วมรักกับผู้หญิงไปเฉย" พูดพร้อมหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะที่ถูกเค้น มันดูน่าสงสารเสียเหลือเกิน
"เขาบังคับให้ผมหลับนอนกับคนที่ว่าจ้างมา ผมยิ่งปฏิเสธ พ่อก็ยิ่งบังคับผมมากขึ้น พ่อหาว่าผมมั่วกับคนในวง เหตุเพราะไอ้พวกพี่เวรนั่นมันทำตัวเหลวแหลก"
มือหนาเอื้อมไปแตะไหล่ ของคนตัวบางที่ถดตัวไปนั่งกอดตัวเอง ก่อนจะโยกร่างไปมา สายตาเริ่มเลื่อนลอย
"มันนอนกันเองน่ะหมอ ทุเรศไหม?" ริมฝีปากอิ่มสวยแต่ซีดแตกเป็นรอยแยกเห็นได้ชัด เหยียดยิ้มอย่างขยะแขยง
"พวกมันบ้า บ้าไปกันหมด"
"พ่อผมรู้ ก็เหมาคิดว่าผมเป็นแบบนั้นไปด้วย ตราหน้าว่าผมเป็นไอ้โรคจิต ส่งผมไปเรียนเมืองนอก ไปอยู่กับปู่กับย่า"
"ผมเป็นเพื่อนบ้านกับหมอไง จำไม่ได้หรอ?"
คริสตากระตุกวูบ หันไปมองหน้าอีกฝ่าย
ว่าแล้วเชียว ... เขาคุ้นหน้าชานยอลตั้งแต่วินาทีแรก ตอนนั้นคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเคยดูแลผ่านๆ สมัยที่ชายหนุ่มเข้ามารับการรักษาที่สถาบันจิตเวชที่เขาทำงานฝึกหัด
ว่าแล้วเชียว .... ว่ามันต้องไม่ใช่เพียงแค่นั้น
"เสียงไวโอลินของหมอ ทำให้ผมเคลิบเคลิ้ม"
"เสียงเปียโนของหมอทำให้หลับฝันดี"
"เสียงทุ้มนุ่มหูของหมอที่ร้องเพลงขับกล่อมคุณปู่คุณย่าของผม ทำให้ผมหยุดความรู้สึกไม่ได้"
ร่างผ่ายผอมโยกไปมาราวกับนั่งอยู่บนเก้าอี้โยก มือสองข้างจิกทึ้งลงไปบนพื้นหญ้า เล็บยาวขูดลงไปบนผิวดิน คริสมองด้วยท่าทางกังวลใจ แต่ไม่คิดจะทำอะไรเพราะอยากจะสังเกตอาการของอีกฝ่าย ตอนนี้ผู้ป่วยกำลังแสดงอาการที่เรียกได้ว่า 'ผิดปกติ' จริงๆ ออกมาให้ประจักษ์แก่สายตา
อยากช่วยให้คนตรงหน้าผ่อนคลาย แต่ไม่มีอุปกรณ์ใดๆติดตัวมาแม้แต่น้อย คงจะจริงอย่างที่ชานยอลว่าเอาไว้ นี่มันคงแค่เกมส์กระดานหนึ่ง หากพ่อของคนไข้ต้องการจะให้หมออย่างเขาช่วยเหลือลูกชายจริงๆ คงจะพาไปในสถานที่ที่พร้อมกว่านี้ ไม่ใช่ที่ๆห่างไกลผู้คน ห่างไกลวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ ไร้ซึ่งอุปกรณ์ในการรักษาใดๆ
คงจะเป็นจริงอย่างนั้น ไม่มีใครเห็น ก็ไม่มีพยานรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
"ถ้าคุณตาย พวกเขาจะโทษผมใช่ไหม?"
หมอหนุ่มไม่ใช่คนโง่ กลับกันคริสฉลาด ฉลาดเอามากๆ ฉลาดจนคนรอบข้างบางครั้งก็นึกกลัวกับท่าทางเรียบเฉย ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะเรียนมาทางด้านนี้ แต่ครั้งหนึ่งเคยช่วยพูดกับเพื่อนนักเรียนที่กำลังคิดสั้นกำลังจะจบชีวิตลงด้วยวิธีโง่ๆให้เลิกล้มความตั้งใจนั้นได้
เขาก็รู้สึกมาตลอด ว่านั่นอาจจะเป็นพรสวรรค์
เขาอยู่กับผู้คนที่ประสบปัญหาทางสภาวะจิตใจที่แตกต่างกันออกไป
นิ้วเรียวสวยหยุดจิกพื้นก่อนจะหันมามองหน้าคนที่เพิ่งตั้งคำถามตอบยากให้กับเขา
"เขาคงจะคาดคะเนไว้ว่า คุณอาจจะเกิดสติแตกจนทำร้ายผมเข้า แล้วผมก็จะป้องกันตัว"
ฟังจากที่เจ้าหน้าที่สองคนนั่นพูดก็รู้ มันสื่อความนัยออกมาอย่างชัดเจน
"ความผิดทั้งหมดจะถูกโยนลงมาที่ผม"
ดวงตาสีดำเข้ม ดำราวกับท้องฟ้ายามรัตติกาลจ้องเขม็งไปยังเวิ้งน้ำสีครามสงบนิ่ง
"ว่าแต่ทำไมต้องผม?"
"เพราะผมรักคุณ"
กว่าสามครั้งแล้วที่ได้ยินคำว่ารักออกจากปากของอีกฝ่าย คริสไม่ได้ผลักไส แต่ก็ไม่ได้ตอบรับ สภาวะทางอารมณ์ของชานยอล ไม่สามารถคาดเดาได้และไม่สามารถเชื่อได้เพียงคำพูดเพียงคำเดียว เขาจำได้แล้วว่าครั้งหนึ่งคนทั้งคู่รู้จักกันในฐานะเพื่อนบ้าน ไม่ใช่เพียงแค่ฐานะคนป่วยกับคนดูแลคนป่วย แต่ในห้วงความทรงจำเขาก็จำได้เช่นกัน ว่าเขาและชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้สนิทสนมกันมากพอที่ใครคนหนึ่งจะรู้สึกชอบพอกัน
หลายครั้งที่คนไข้ รู้สึกผูกติดกับหมออย่างเขา เพราะเขาเป็นคนที่ฟังเรื่องราวทั้งหมดที่พวกเขาพูดมา โดยไม่ขัดและแน่นอนหมอเองก็ไม่มีท่าทีจะเออออเห็นด้วยไปกับทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาพูดมา
"คุณสอนผมเล่นไวโอลิน"
ไม่ เขาไม่เคยสอน ดวงตาคมตวัดหันมามองอีกคนอย่างไม่เข้าใจ
"ทุกคืน ที่หน้าต่างห้องนอน หมอจะหันมามองผม แล้วเล่นไวโอลินให้ฟัง"
"ทุกเช้า เสียงเปียโนของหมอจะปลุกให้ผมตื่น"
"ดอกไม้สวยๆที่เอามาปักที่แจกัน ดอกไม้พวกนั้นที่ผมบอกว่าผมชอบ หมอก็ไปเก็บมา ดอกไม้พวกนั้นไง" ชี้ไปที่ทุ่งดอกเดซี่ที่กำลังอวดโฉมอย่างสวยงาม
หมอหนุ่มจำได้ดี เขาถือช่อเดซี่เล็กๆเข้าไปในบ้านของชานยอล เพื่อไปเยี่ยมคุณปู่กับคุณย่า ท่านทั้งสองอายุมากแล้วแถมอยู่กันตามลำพังมาโดยตลอด พ่อแม่ของเขาคอยบอกให้ไปช่วยดูแลท่านเท่าที่ทำได้ พวกเราเป็นคนเอเชียเหมือนกันมีอะไรก็ควรจะช่วยเหลือกัน หากแต่วันหนึ่งเขาเห็นเด็กหนุ่มใบหน้าหวาน นั่งอยู่กลางห้องกำลังอ่านหนังสือให้พวกท่านฟัง หากแต่พอเขาเดินเข้ามาเหมือนที่ทำเป็นปกติ เด็กหนุ่มคนนั้นก็เลี่ยงไปทำอย่างอื่นทันที
เด็กคนนั้นคือชานยอล
"คุณถามผมว่าชอบหรือเปล่า พอผมตอบว่าชอบ ทุกๆวันคุณจะมาพร้อมช่อเดซี่หนึ่งช่อ กับอีกหนึ่งดอก"
"ช่อพวกนั้นให้ปู่กับย่า ส่วนดอกเดี่ยวๆนั้น คุณให้ผม"
สำหรับคริสนั้นมันสื่อถึงมิตรภาพ ถึงแม้จะไม่ใช่คนมนุษยสัมพันธ์ดีเลิศ แต่ก็ไม่ใช่คนเก็บตัว ไม่ชอบสุงสิงกับใคร อีกอย่างก็เห็นว่าเป็นเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน เป็นคนเอเชียในละแวกนั้นเหมือนกัน การผูกมิตรกันไว้เป็นเรื่องไม่เสียหาย เขาเองก็ลูกชายคนเดียว อีกฝ่ายก็ดูท่าทางจะเป็นเช่นนั้น
"คุณหิวหรือยัง? รับอาหารเช้าหน่อยไหม?"
อีกฝ่ายกลับไม่มีท่าทีสนใจกับคำถามนั้นแม้แต่น้อย อาการที่พยายามสร้างให้มันดูแปลก อาการที่พยายามตบตาว่ามันแตกต่างจากสิ่งที่คนปกติทำ
เหมือนว่าชานยอลกำลังพยายาม
"ผมจะเข้าไปในครัว คุณอยู่รอทานอาหารที่นี่เถอะ อากาศกำลังดี" พูดจบร่างสูงก็หายกลับเข้าไปในตัวบ้าน
"18 ชั่วโมง"
"ยิ่งมันน้อยลง ก็ยิ่งทรมาน"
เสียงแหบพร่าดังเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากอิ่ม เขาล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือที่หมอหนุ่มทิ้งไว้กับเขาเมื่อเช้า มือเรียวหยิบมันออกมา ก่อนจะกดหาโปรแกรมอะไรสักอย่างในเครื่องแล้วเดินหายไปยังโรงเก็บอุปกรณ์
จิตแพทย์หนุ่มยกถาดอาหารเช้าง่ายๆตามที่วัตถุดิบที่ถูกเตรียมไว้ให้พอจะมี ออกมาที่ริมทะเลสาบเล็กๆด้านหลังตัวบ้าน ก่อนจะมองหาร่างของชานยอลที่ตอนนี้ไม่อยู่เสียแล้ว เขาวางถาดเซรามิกลงก่อนจะตะโกนร้องเรียกชื่อของอีกคน
"คุณชานยอล"
"ชานยอล"
ร่างสูงโปร่งวิ่งลัดเลาะไปตามหญ้าสูง สายตาคมสอดส่ายหาร่างของชายหนุ่ม วิ่งไปทั่วบริเวณกว้างใหญ่ของตัวบ้าน กวาดสายตาไปทุกซอกทุกมุมหวังว่าจะเจอชานยอล หากแต่กลับไร้วี่แวว ขายาวนำพาร่างของตัวเองกลับมาที่เดิมอีกครั้ง
ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายกำลังนั่งกินอาหารเช้าอย่างสบายใจเฉิบ
ริมฝีปากอิ่มขยับเคี้ยวแฮมต้มตุ้ยๆ แก้มทั้งสองป่องออกมาเพราะมีอาหารอยู่เต็มปาก มือเปล่าที่สกปรกตั้งท่าจะเอื้อมมือไปหยิบขนมปังปิ้ง หากแต่อีกคนวิ่งเข้าไปคว้าเอาไว้
"มือสกปรก จับอาหารกินได้ไง ล้างก่อน" ไม่พูดเปล่า รวบข้อมือเอาไว้ก่อนจะออกแรงดึงคนในความดูแลให้มานั่งที่ริมทะเลสาบ เขาวักน้ำในนั้นชำระคราบสกปรก เศษดิน เศษหญ้าออกจากซอกเล็บ
ดวงตากลมมองทุกการกระทำด้วยสายตาชื่นชม หมอหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองกลับ
"ทำไมต้องแกล้งบ้าด้วยหรอครับ?"
"พ่อบอกว่าผมบ้า"
"ทำให้ท่านเห็นสิ พิสูจน์กับท่าน ว่าคุณเป็นคนปกติ"
เสียงหัวเราะดังลั่นขึ้นมาทันที "ไม่มีทาง พ่อบอกว่าผมมันบ้า อยู่กับคนบ้า พวกที่นอนได้ทั้งกับผู้ชายแล้วก็ผู้หญิง ผมก็บ้า บ้าเพราะไม่ได้ชอบผู้หญิง บ้าเพราะไม่ได้ดั่งใจเขา ตอนนี้ยิ่งบ้าหนัก เพราะผมเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตาย"
"ถ้าอย่างนั้น ผมก็คงบ้าไม่ต่างกัน"
ดวงหน้าขาวหันมามองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าใคร่รู้
"ถ้าคุณบอกว่าการอยู่ร่วมกับคนบ้าได้ เพราะว่าคุณก็บ้า เพราะฉะนั้น ผมก็คงเป็นคนป่วยทางจิตเหมือนกัน"
"ในสายตาของผมนะคุณชานยอล ผมยังเชื่อว่าคุณเป็นคนปกติ คุณเปรียบเหมือนตุ๊กตาดินที่กำลังถูกปั้นให้ได้รูปถูกต้องตามแยยที่คนปั้นต้องการ คุณสวยงาม สง่างาม คุณกำลังจะกลายเป็นตุ๊กตาดินที่สวยงามไร้ที่ติ ผู้คนต่างเฝ้ามองจะจับจองไปประดับบ้าน หากแต่คนปั้นเห็นจุดเล็กๆที่แตกต่างไปจากรูปแบบที่มันควรจะเป็น เขาโยนมันทิ้งไปในกล่องขยะ"
"จุดเล็กๆจุดเดียวที่บิดเบี้ยวไปจากความต้องการ มันไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องถูกทำลายไป มันอาจจะมีคนที่ต้องการตุ๊กตาสวยๆ โดยที่บางครั้งมันไม่ต้องสมบูรณ์เพอร์เฟคท์นักก็ได้นะ"
"จุดผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ผมเชื่อว่าคนบางคนก็พร้อมจะมองข้ามไป"
คริสไม่แน่ใจนักว่าที่พูดไปนั้น เป็นเพียงแค่กระบวนการรักษาอย่างหนึ่งหรือมีบางอื่นแอบแฝง เขาไม่อยากให้ใช้เส้นแบ่งตัวเองกับอีกฝ่ายด้วยคำว่าหมอกับคนไข้ เพราะส่วนลึกๆก็ยังเชื่อว่าอีกฝ่ายยังไปไม่ไกลถึงจุดนั้น เมื่อเดินหลงทาง ไปถามทางคนที่ไม่รู้เหมือนกัน จึงยิ่งเลยออกนอกเส้นทางไปเรื่อยๆ
เมื่อถูกกรอกหูว่าตัวเองจิตไม่ปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคนใกล้ตัวที่เรียกว่าครอบครัว
ก็ยิ่งฝังหัวและเชื่อสนิทใจว่าตัวเอง ไม่ปกติจริงๆ
ชานยอลนั่งกินอาหารเช้าของตัวเองเงียบๆ น้ำผลไม้ถูกกระดกขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว
"คุณทำให้ผมหายบ้า ภายใน 18 ชั่วโมงได้หรือเปล่า?"
"คุณไม่ได้บ้า"
"คุณรู้ไหมว่าทำไมเราถึงมีเวลา 22 ชั่วโมง?
คนถูกถามส่ายหน้าไปมา
"เพราะผมหลงรักคุณภายในเวลาเพียง 22 ชั่วโมง"
คริสขมวดคิ้ว นี่คือครั้งที่สี่ที่เขาได้ยินคำว่ารักออกมาจากปากของชานยอล
"ผมคิดจะจบมันลงภายใน 22 ชั่วโมง"
"ก่อนที่..........ผมจะจบชีวิตคุณ"
*******************
เห็นจำนวน view แล้วรู้สึกดีจัง
แบบยังมีคนอ่านนะเฮ้!!
อย่างที่บอกค่ะ โทนดาร์ค สายหน่วงจัดเต็ม
ชอบ ไม่ชอบยังไงเมนท์บอกได้นะคะ หรือจะพูดถึงในทวิตก็ติดแท็ก #ฟิคยี่สิบสอง
ไรต์แอบอยากรู้ว่ารีดคิดยังไงกับฟิคแนวนี้กันบ้างน่ะค่ะ ~~~
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น