ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] 22 :: KrisYeol

    ลำดับตอนที่ #3 : 22 :: Ray of Light

    • อัปเดตล่าสุด 30 มิ.ย. 56


                     



                   บ้านไม้หลังใหญ่ดูสงบนิ่งท่ามกลางทุ่งดอกไม้เวิ้งว้าง ฉากหลังเป็นภูเขาสูงตระหง่านที่ตอนนี้ดูน่าเกรงขาม ลึกลับ และคาดเดาไม่ได้ ก็คงเฉกเช่นเดียวกับชายหนุ่มที่กำลังนั่งเอนตัวไปด้านหลัง ช่วงศีรษะห้อยตกจนบางครั้งคนที่กำลังยืนมองอยู่เกรงว่าเขาจะพลาดหงายหลังตกลงไป แต่นี่ก็ผ่านมาหลายนาทีแล้ว ร่างนั้นยังคงสงบนิ่ง
     



     
    นิ้วยาวสวยสัมผัสไปบนหน้าจอแท็บเล็ตอุปกรณ์ทำงานประจำตัวของเขา แสงสว่างของมันขยับเคลื่อนสะท้อนกับดวงตาสีดำสนิทเหมือนท้องฟ้าในขณะนี้ 
     




     
     
     
     -  The Rey  
     
    วงร็อคอินดี้ที่เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มเพื่อนร่วมสถาบัน ตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย ไม่ขึ้นกับสังกัดไหน แต่ทั้งหมดทำงานเพลงด้วยตัวเอง แต่งเพลง ทำนองและเนื้อร้องทุกอย่างด้วยตัวของสมาชิกในวงเองทั้งหมด -
     
     

     
     
    สายตาเลื่อนอ่านไปเรื่อยๆ ไล่ดูประวัติของสมาชิกแต่ละคน 


     
     
    "สมาชิกที่ไม่เป็นศพอีกคนก็คือคนนี้สินะ" นิ้วยาวจิ้มไปที่รูปเล็กๆประกอบโพรไฟล์ของชายหนุ่มหน้าตาคมคายคนหนึ่ง ก่อนจะเหลือบมองร่างของผู้ต้องหา ที่ตอนนี้กำลังเอี้ยวคอมองมาที่เขา


     
     
    หมอหนุ่มจ้องมองกลับ สายตาคู่นั้นที่กำลังทอดมองเขามันสื่อความหมายแปลกๆ ที่เขาเองเดาไม่ถูก มันไม่เลื่อนลอย ไม่เศร้าหมอง หากแต่กำลังพยายามสื่อสารอะไรสักอย่าง


     
     
    โครงหน้าได้รูปหันกลับมามองที่หน้าจอแท็บเล็ตของตัวเอง ก่อนจะกดเข้าเว็บไซต์หนึ่งเพื่อค้นหางานเพลงของวงที่ผู้ต้องหาเป็นสมาชิก ไม่สิ เขาจะเรียกว่าผู้ต้องหาไม่ได้ ตอนนี้ผู้ชายตรงหน้าถือว่าเป็นคนไข้ในความดูแลของเขาต่างหาก 
     



     
     
    ดนตรีที่หนักหน่วง ดังขึ้น ดวงตากลมโตคู่นั้นกระตุกวูบ 
    จังหวะกลองที่หนัก ทุ้ม ทำให้หมอหนุ่มเองก็เผลอเคาะนิ้วตามจังหวะกระทบเข้ากับหน้าจอแท็บเล็ตของตัวเอง 
     


     
     
    "หมอชอบเพลงนี้หรอ?" 
     


     
    หมอหนุ่มตวัดสายตาที่กำลังมองวิวอันแสนเวิ้งว้างและว่างเปล่าที่ด้านนอกกลับมามองคนที่เริ่มบทสนทนาก่อน 


     

     
    "ครับ" 
     

     
     
    "ผมแต่งเอง" 
     


     
     
    "เสียงไวโอลินในเพลง ดูเศร้าๆนะครับ" ร่างสูงขยับกายเข้ามาใกล้ๆกับคนไข้ของตัวเอง ก่อนจะสานต่อการพูดคุย ยิ่งเด็กหนุ่มคนนี้พูดมากเท่าไหร่ ข้อมูลสำหรับช่วยเยียวยารักษาก็จะมีเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น 
     


     
     
    "I don't belong here and you don't belong to me" เสียงทุ้มต่ำครวญเนื้อเพลงขึ้นมา ถึงแม้เสียงร้องนั้นจะแหบพร่า เหตุเพราะเด็กหนุ่มไม่แตะต้องน้ำดื่มที่ใครต่อใครยื่นให้เลย ไม่ดื่มแม้แต่อึกเดียวมาร่วมหลายชั่วโมงแล้ว ไม่แปลกหรอกที่เสียงเขาจะฟังดูแหบพร่าได้ถึงขนาดนั้น 


     
     
     
    "เสียงกีต้าร์โซโล่กับไวโอลินช่วงโซโล่ที่สอดประสานกัน มันเพราะทีเดียวนะครับ" หมอหนุ่มพูดตามความรู้สึกจริงๆที่เกิดขึ้นกับบทเพลง ที่กำลังบรรเลงขึ้นท่ามกลางความเงียบ
     


     
     
    "ผมเล่นเครื่องดนตรีทั้งสองอย่างด้วยตัวเอง" 
     


     
     
    "สื่ออารมณ์ของคุณตอนแต่งอยู่สินะครับ" 
     


     
     
    ร่างที่ถูกยึดติดกับเก้าอี้พยักหน้า ดวงตาเหม่อลอยออกไปที่ด้านนอกหน้าต่าง 


     
     
    "รัก เกลียด เทิดทูน หลงใหล แต่อยากทำให้หายไป" 


     
     
    คิ้วหนาเลิกขึ้นสูง ตั้งแต่ถูกทิ้งให้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังมาร่วมชั่วโมง นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงอารมณ์แปลกๆของชานยอล 


     
     
    "ช่วงกีต้าร์โซโล่ เกรี้ยวกราดและดุดันมากทีเดียวนะครับ แบบนี้คงต้องใช้สายเหล็กเท่านั้น" 
     


     
    ริมฝีปากอิ่มสวยยิ้มมุมปาก 


     
     
    "สายไนล่อนมันห่วยแตก ผมบอกแล้ว" 
     



     
     
    "นี่หมอ ผมหิวน้ำ" 


     
     
    ร่างสูงกระตุกเบาๆ ก่อนจะเดินไปที่ตู้เย็นหยิบขวดเครื่องดื่มออกมาก่อนจะรินมันลงใส่แก้วทรงสูง ก้าวยาวๆเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวคนไข้ในความดูแลขณะนี้ 
     


     
    "จะให้ผมไขกุญแจให้หรือเปล่า?" 


     
     
    ชานยอล เงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนค้ำหัว หากเป็นคนอื่นๆเขาคงไม่ต้องแหงนขนาดนี้ แต่หมอคนนี้สูงมากทีเดียว 


     
     
    "โง่หรือเปล่า? ถ้าอยากตายก็ไขสิ" 


     
     
    จิตแพทย์หนุ่มวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะแถวนั้น ก่อนจะเดินไปหยิบซองสีน้ำตาลเล็กๆ ด้านในนั้นบรรจุกุญแจดอกเล็กๆเอาไว้ แขนยาวๆเอื้อมไปแก้มัดผ้าที่มัดแขนของเด็กหนุ่มเอาไว้ออก ก่อนจะค่อยๆแหย่ลูกกุญแจหมายจะปลดพันธนาการทั้งหมดที่ยึดร่างของผู้ต้องหาเอาไว้ 
     



     
    "ท่าทางจะอยากตายมากจริงๆ" 




     
     
    หากแต่หมอหนุ่มไหวไหล่ใส่เบาๆ มันเป็นกิริยาที่ไม่เหมาะสมจะใช้กับคนไข้ที่มีสภาวะปัญญาทางด้านจิตใจ แต่สำหรับเขา เขาเชื่อว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนปกติ ... จริงๆแล้วมนุษย์ล้วนมี อาการแบบนี้แอบแฝงกันทั้งนั้น หากแต่มันน้อยจนไม่เรียกว่าแปลกแยกออกไปจากคนอื่น และไม่เป็นอันตรายในการใช้ชีวิต 



     
     
    ทันทีที่พันธนาการโลหะที่ตรึงร่างของตัวเองหลุดออก เด็กหนุ่มก็บิดเอี้ยวร่างกายไปมาเพื่อขับไล่ความเมื่อยล้า ก่อนจะจ้องมองคนตรงหน้าเขม็ง 


     
     
    "คุณเหลือเวลา อีก 21 ชั่วโมงกับ 15 นาที" ชานยอลพูดขึ้น 


     
     
    "ถมเถไป" 


     
     
    "คุณไม่รู้หรอ ว่าตัวเองน่ะเป็นเหยื่อ" เหมือนจะเป็นประโยคคำถาม หากแต่น้ำเสียงราบเรียบ ทำให้มันดูเหมือนเป็นเพียงประโยคเล่าประโยคหนึ่งก็เท่านั้น 
     


     
     
    "you are my ray of light" จู่ๆก็ร้องท่อนจบของเพลงออกมา ก่อนจะโค้งตัวกางแขนออก ทำท่าเหมือนกำลังขอบคุณคนดูเหมือนแสดงจบ 
     



     
    "คุณว่าเพลงผมเป็นไงบ้าง?" 


     
     
    "อย่างที่บอกไป ผมชอบเพลงนี้" 
     

     
     
     
    รอยยิ้มถูกผุดขึ้นบนใบหน้า ก่อนจะเอี้ยวคอหันมามองแฟนเพลงรายล่าสุดของตัวเอง 


     
     
    "แย่จัง ไม่มีกีต้าร์ เล่นให้แฟนคลับคนสำคัญฟังไม่ได้" พูดจบก็หัวเราะร่วน


     
     
    แล้วจู่ๆก็พุ่งเข้ามาประชิดตัว จนหมอหนุ่มเซไปด้านหลังเพราะไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะพุ่งเข้าใส่แบบนี้ รู้สึกว่าตัวเองประมาทคำเตือนของเจ้าหน้าที่สองคนนั้นไปมากโข 
     


     
    "คุณหมอว่าผมเหมือนคนบ้าหรือเปล่า?" 
     


     
     
    "พ่อแม่ต้องการจะกำจัดผม ก็เลยส่งหมอมาเป็นเหยื่อในแผนการก็เท่านั้น เขาไม่ได้ต้องการให้หมอรักษาผมหรอก" 
     


     
    ทำหน้าเศร้า ก่อนจะเอาหัวของตัวเองพิงไปที่หน้าอกของอีกฝ่าย แขนเรียวโอบกอดอีกคนเอาไว้ 
     


     
    "ผมมันจุดดำ จุดเล็กๆในชีวิตอันขาวสะอาดของพวกเขา" 
     


     
    ขยับตัวเองออกห่างจิตแพทย์หนุ่มก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น 


     
     
    "หมอเจ๋งจัง เวลาผมพูดแบบนี้ ทุกคนต้องทำหน้าเศร้า ทำเหมือนสงสารผม แต่หมอไม่เลยแฮะ" 
     


     
    "เทียบกับคนอื่น ชีวิตคุณไม่เห็นจะมีอะไรให้ต้องสงสารเลยนะ เกิดในครอบครัวร่ำรวย ไม่ต้องตกระกำลำบาก ได้เรียนหนังสือสูงๆถึงเมืองนอกเมืองนา ได้ทุกอย่างที่ต้องการ ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก" น้ำเสียงที่ราบเรียบเอ่ยออกมา 




     
     
    "จะรู้อะไร!!!!?" ตวาดลั่นพร้อมบีบแขนอีกฝ่ายอย่างรุนแรง เล็บยาวบนนิ้วเรียวสวยจิกเข้าที่ผิวเนื้อของอีกฝ่าย เจ็บมากพอที่จะทำให้หมอหนุ่มนิ่วหน้า



     
     
    ฉับพลันดวงตากลมโตที่เคยทอประกายเกรี้ยวกราด เริ่มสั่นระริกก่อนจะลูบเบาๆที่รอยเล็บจิก 
     


     
    "เจ็บหรอครับ? เจ็บมากหรือเปล่า?" 
     


     
     
    "ไม่ครับ" 
     

     
     
    รอยยิ้มกว้างถูกส่งให้ 
     




     
     
    ชานยอลเดินกลับไปที่เก้าอี้ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งแล้วเริ่มฮัมเพลงขึ้นมาเบาๆ มือไม้ถูกยกขึ้นมาทำท่าเล่นกีต้าร์บนอากาศ หลับตาพริ้มก่อนจะโยกตัวไปมาเบาๆ ดูมีความสุขกับโลกที่ตัวเองกำลังนำพาจิตวิญญาณให้กลืนหายเข้าไปในนั้น 
     






     
    จิตแพทย์หนุ่มนึงถึงอาการไบโพลาร์ หากแต่รายละเอียดที่ลงไว้ในเอกสารเก่าๆที่เขาเก็บไว้ในเครื่องสี่เหลี่ยมเล็กๆนั้นกลับไม่ใช่ โน๊ตของหมอที่รักษาก็บอกว่าคนไข้ไม่ได้ป่วยเป็นโรคจิตในประเภทนี้ ชานยอลใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพียงแต่พูดน้อยเมื่ออยู่กับคนไม่คุ้นเคย 
     



     
    นั่นใครๆก็เป็นได้ 


     
     
    ความรู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คุ้นชิน 


     
     
    มันเป็นกลไกการป้องกันตัวตามธรรมชาติของมนุษย์อยู่แล้ว 
     
     

     
     
    "เพลงที่ผมแต่ง มันมาจากแรงบันดาลใจเพียงสิ่งเดียว" คำสัมภาษณ์ของชานยอลดังแว่วออกมาจากแท็บเล็ตของหมอหนุ่ม เจ้าของเสียงสัมภาษณ์นั้นถูกกระชากกลับมาในโลกแห่งความเป็นจริง


     
     
     
    "หมอเป็นแฟนคลับผมหรอ?" 
     


     
     
    คนถูกถามไม่ได้ตอบอะไร 


     
     
     
    "เมื่อกี้ฟังเพลงที่ผมแต่ง ตอนนี้นั่งฟังบทสัมภาษณ์ของผม" 
     
     


     
     
    "คุณรวมวงกันได้ยังไง?" คราวนี้เขาตัดสินใจปิดหน้าจอ ก่อนจะหันมาถามนักดนตรีหนุ่ม 


     
     
    "นานแล้ว สมัยอยู่ม.ปลาย ผมเหงา ไม่มีอะไรทำก็เลยเล่นดนตรี เจอโปสเตอร์งานประกวดวงดนตรี แต่ไม่มีวง พอดีเพื่อนของเพื่อนรู้จักรุ่นพี่ที่เขามีวงพอดี" นี่นับได้เป็นประโยคยาวที่สุด และปกติที่สุด ตั้งแต่เริ่มคุยกันมา 



     
     
     
    สิ่งเดียวที่จะดึงให้คนไข้มีสติสมบูรณ์และเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด


     
     
    ก็คือดนตรีสินะ 
     


     
     
    "หลายปีแล้วสินะครับ คงจะสนิทกันมาก" 
     


     
     
    "สนิทสิครับ สุมหัวกันวันนึงห้าหกชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ หมกตัวกันอยู่ในชั้นใต้ดินที่บ้านของพี่...." ไม่ทันพูดชื่อ ก็เงียบไป 
     

     
     
    "นั่นแหล่ะ บ้านหลังนั้นที่คุณเข้าไปนั่นแหล่ะ" 


     
     
    "แต่หลังๆมันน่าเบื่อ พอเริ่มมีคนอยากรู้จัก พวกเขาก็เริ่มทำให้แนวเพลงของเขาแปดเปื้อน เพียงเพราะอยากจะเสนอหน้าเข้าค่ายใหญ่ๆ" 



     
     
    สายตาดุดันฉายประทับขึ้นในดวงตากลมโต 


     
     
     
    "ผมค้าน แต่พวกคนโตกว่ายืนกรานว่าจะทำเล่นๆ เพลงแค่ซิงเกิ้ล สองซิงเกิ้ลแล้วเลิก แต่พอเริ่มมีชื่อเสียง พวกพี่ๆก็เริ่มเละเทะ" พูดจบก็ฟาดกำปั้นไปบนพนักเก้าอี้ 
     


     
     
    "นี่ คุณหมอเสิร์ชสิ" 
     



     
    คนที่กำลังตั้งใจฟัง กระตุกคิ้วขึ้นทันที 
     


     
    "ครับ?" 
     


     
    "เสิร์ชไง เสิร์ชชื่อผม" 
     



     
    จิตแพทย์หนุ่มไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร แต่ก็ทำให้ตามที่คนไข้ขอ เขาจิ้มแป้นพิมพ์บนเว็บไซต์สำหรับค้นหาข้อมูลโดยใช้คีย์เวิร์ดเป็นชื่อของชายหนุ่ม
     


     
     
    ดวงตาสีดำสนิทเบิกโตขึ้นเล็กน้อย 
     


     
     
    "อ่านออกเสียงสิหมอ" 
     



     
     
    แต่ไม่ทันที่ริมฝีปากของหมอหนุ่มจะเปล่งเสียงอ่านสิ่งที่เสิร์ชเจอเป็นอันดับแรกขึ้นมา เสียงร้องกรี๊ดของผู้หญิงก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของยามค่ำคืน
     



     
    เสียงดังนั่นแจ่มชัดเข้ามาในโสตประสาทของคนทั้งคู่ 
     



     
     
    ชานยอลผุดลุกขึ้นก่อนจะเดินถอยหนีไปจนหลังประชิดติดกับกำแพง มองซ้ายมองขวาอย่างหวดหวั่น จิตแพทย์หนุ่มปรับอารมณ์ไม่ถูกกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็ตัดสินใจชะโงกหน้าไปมองตรงหน้าต่าง ที่ด้านนอกมีแสงสว่างดวงเล็กๆวูบไหวเหมือนเชื้อเชิญให้เขาเข้าไปตรวจดู 
     



     
     
    "อย่าไปนะ" ชานยอลร้องเสียงสั่นเครือ 
     



     
     
    "นั่งตรงนี้นะครับ นั่งเฉยๆ ล็อคประตูให้หมด" พูดก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ยื่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองให้คนไข้ 



     
     
    "ถ้าผมไม่กลับมา คุณก็โทรขอความช่วยเหลือนะ" 
     



     
     
    "ไม่ หมออย่าไป" 
     



     
     
    "หมอ อย่าไป!!!!!!!" ชานยอลกรีดร้องออกมา จนหมอหนุ่มชะงักมือที่กำลังจะผลักบานประตู 
     
     
     
     










     
     
     
     
                    มือสวยและนิ้วยาวเรียวของนักดนตรีหนุ่มเกาะมาที่แผ่นหลังกว้างของจิตแพทย์หนุ่ม คนที่โดนเกาะกุมพยายามก้าวเดินแบบที่ช้าและแผ่วเบาที่สุดเพราะไม่อยากให้ทั้งสิ่งที่อยู่ภายในโรงเก็บอุปกรณ์รู้ตัว และไม่อยากให้คนที่กำลังหวาดกลัวอยู่ด้านหลังเสียสติไปมากกว่านี้ 
     



     
    "หมอ มันไม่มีใครหรอก" 



     
     
    เขาก็ไม่แน่ใจหรอกว่ามันจะมีใครอยู่หรือไม่ หากแต่เสียงกรีดร้องของหญิงสาวนั้นถึงแม้ว่าตอนนี้จะเงียบไปแล้ว มันยังคงดังก้องในโสตประสาท 
     



     
    หากแต่เสียงสนทนากันเป็นภาษาอังกฤษดังแว่วมาจากด้านใน เรื่องราวที่มันกำลังพูดถึงทำให้หมอหนุ่มอารมณ์ขึ้น รีบสาวเท้าเดินตรงเข้าไปยังโรงเก็บอุปกรณ์ทันที 
     




     
     
    มันว่างเปล่า ไม่มีร่างของใครอยู่แม้แต่คนเดียว 
     


     
     
    มีเพียงโน๊ตบุ๊คที่กำลังทำงานอยู่เพียงเครื่องเดียว 
     


     
     
    "หมอ ได้โปรด ออกไปเถอะนะ" 
     



     
    หากแต่คนที่ถูกขอร้อง ไม่ได้สนใจฟัง เขาเดินตรงไปยังโน๊ตบุ๊คเครื่องนั้น ดวงตาสีดำจ้องมองทุกการเคลื่อนไหวในหน้าจออย่างขมขื่น โกรธ เกลียด ขยะแขยง อารมณ์ทุกอย่างประทุอยู่ในหัวอก 



     
     
    เสียงกรีดร้องดังสวนขึ้นมา ทำเอาแววตาคมสั่นระริก 


     
     
    นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน 



     
     
    แล้วไอ้พวกเวรที่ใส่หน้ากากบ้าๆพวกนั้นมันคือใคร 
     
     



     
    แล้วคนที่ถูกมัดตรึงไว้เขาขอบหน้าต่างเหล็กดัดนั่นอีกล่ะ 
     




     
     
    ชายหนุ่มเลื่อนมือไปหยุดจอภาพ สิ่งที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในจอนั้น มันทำให้เขาหดหู่เสียเหลือเกิน มือหนาทุบลงไปที่แป้นคีย์บอร์ด จึงทำให้โดนบริเวณ spacebar โดยไม่ได้ตั้งใจ  การกระทำอัปยศนั่นจึงกลับมาเล่นต่อตรงที่ค้างไว้ทันที 
     



     
     
    "โถ น้องชานยอล" ใบหน้าคมที่เคยเบือนหน้าหนีจากจอ หันกลับมาหาหน้าจอด้วยความเร็ว 


     
     
     
    "ไม่ดีหรอ พวกพี่จะจัดการเสี้ยนหนามในชีวิตออกไปให้" 
     


     
     
    "หยุด ผมขอให้พวกพี่หยุด หยุดเดี๋ยวนี้" ร่างของชายหนุ่มที่กำลังถูกมัดติดกับลูกกรงเหล็กดิ้นไปมา 
     


     
     
    เสียงหัวเราะของผู้ชายสามคนที่ร่างกำลังเปลือยเปล่า ใบหน้าถูกสวมด้วยหน้ากากรูปสัตว์หน้าตาน่ารักแต่การกระทำที่พวกมันทำอยู่ช่างต่ำช้า 
     
     


     
    "หมอ หยุดเถอะนะ" เสียงสั่นเครือของคนที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูดังขึ้น หมอหนุ่มหันมามองช้าๆ ก่อนจะทำตามที่คนไข้ขอ 


     
     
    ร่างกายของชานยอลกำลังสั่นเทิ้ม 
     
     
     




     
     
     
    "ผมเหลือเวลาอีก 20 ชั่วโมง" 
     
     



     
     
    "คุณนับถอยหลังเวลาอะไรของคุณ?" 
     
     



     
     
    ไม่มีคำตอบออกจากริมฝีปากอิ่มนั่น 
     
     
     
     
     
     
     
     











     
     
     
     
                             อึดอัด นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกอึดอัด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ควรจะทำตัวอย่างไร แม้แต่จะเอาตัวเองไปวางไว้ตรงไหนก็ยังไม่รู้ อะไรที่เคยรู้และร่ำเรียนมาไม่สามารถนำมาใช้ได้จริงในเหตุการณ์นี้ เมื่อครู่คนไข้ของเขาดูน่าสงสาร เหมือนนกน้อยปีกหักที่ตัวสั่นไหวด้วยความหวดกลัว แต่ตอนนี้ก็กลับมานั่งนิ่ง มือไม้ยกขึ้นมาทำท่าเหมือนกำลังสีไวโอลิน เรื่องราวในคลิปที่ปรากฏแก่สายตาเขามันเลวร้ายเกินกว่าเขาจะรับไหว ร่างของผู้หญิงคนหนึ่งถูกสวมหน้ากากสัตว์น่ารัก หากแต่ถูกตรึงไว้กับหัวเตียง ร่างของเธอเปลือยเปล่า จริงอยู่เขาไม่ได้เห็นว่าผู้ชายสารเลวสามคนนั้นกำลังทำการขืนใจเธอแต่อย่างใด แต่บาดแผลที่เหมือนรอยกรีดบนผิวหนัง แถมสภาพเปลือยเปล่าของคนทั้งสาม มันก็ทำให้เขาจินตนาการต่อได้ไม่ยากนัก 
     



     
    แล้วทำไมชานยอลถึงถูกมัดเอาไว้แบบนั้น 



     
     
    "พวกนั้นคือสมาชิกในวงหรือเปล่า?" 
     



     
    แววตากลมโตกระตุกวูบ ก่อนจะเบนสายตาหันไปทางอื่น ร่างสูงของหมอหนุ่มปรี่เข้าไปทีเดียวก็ถึงร่างของคนที่กำลังนั่งนิ่งบนเก้าอี้ 
     



     
     
    "พวกเขาทำอะไรคุณหรือเปล่า?" 
     

     
     
    จากที่เขาเห็น เขาไม่นับว่าชานยอลเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด เขามองว่าเด็กหนุ่มคนนี้คือเหยื่อ เพราะหลังจากที่เขาปิดหน้าจอแล้วถูลู่ถูกังร่างของชานยอลให้กลับเข้ามาในบ้านหลังนี้ เขาก็แอบกลับเข้าไปในโรงเก็บอุปกรณ์เพื่อเล่นคลิปนั้นอีกครั้ง เหตุการณ์จากภาพที่ถูกบันทึกเอาไว้ พวกมันลากร่างของชานยอลให้มานอนข้างๆของผู้หญิงคนนั้น ก่อนจะบังคับให้เด็กหนุ่มทำอะไรบางอย่าง คนไข้ของเขาต่อสู้และขอร้อง
     


     
     
    "พวกมันล่วงเกินคุณหรือเปล่า?" 
     



     
    หมอหนุ่มพยายามเดาถึงเหตุผลที่ทำให้ชานยอลดูผิดปกติ และสูญเสียความเป็นตัวเองในบางห้วงจังหวะของชีวิต 


     
     
    หลายครั้งที่เขาเจอคนไข้เด็กหนุ่มหน้าตาดี แบบ ..... ชานยอล 



     
     
    ป่วยมีอาการทางจิต เพราะเจอการคุกคามทางเพศ จากเพศเดียวกัน 
     


     
     
    "หมอไม่เข้าใจหรอ ผมว่าบอกว่าอีกไม่ถึง 20 ชั่วโมง ผมก็จะตายแล้ว ไม่ต้องหาทางรักษาผมหรอก ไม่ต้องรู้สาเหตุ แค่อดทนอยู่กับผมอีกแค่ 20 ชั่วโมง แค่นั้นก็พอ" 
     


     
     
    คนสูงกว่าลุกขึ้นยืนมองร่างที่กำลังพูดจาอะไรเข้าใจยาก 
     


     
     
    ยากเกินกว่าจิตแพทย์มือดี อนาคตไกลจนกรมตำรวจเกาหลีต้องขอยืมตัวมาจากบ้านเกิดเพื่อมาช่วยงานสำคัญยังไม่เข้าใจ 
     


     
     
    "ไม่มีใครล่วงรู้วันตายของตัวเองหรอกนะชานยอล" 
     


     
     
    "ผมนี่ไงรู้" 
     


     
    หมอหนุ่มนิ่งเงียบ 
     
     




     
    "พ่อส่งคุณมารักษาผม เพราะเขารู้ว่าคุณเก่งแค่ไหน แต่เขาก็รู้ดีเหมือนกันกันว่าผมไม่หายหรอก ยิ่งผมเจอข้อหาฆ่าเพื่อนร่วมวงตาย เขาวางแผนไว้แล้วว่าผมจะต้องทนแรงกดดันไม่ไหว คุณมันเป็นแค่เหยื่อ ตัวละครตัวหนึ่ง พอผมทนไม่ไหว จนถึงเวลานั้น ผมก็จะฆ่าตัวตาย" 
     



     
     
    "เวลาอะไร?" 
     



     
     
    "อีก 20 ชั่วโมง ก็จะรู้" 
     
     


     
     
    "คุณชานยอล" พยายามกดเสียงให้ต่ำเพื่อควบคุมอารมณ์" 
     




     
     
    "อยากแต่งเพลงจัง เพลงสุดท้ายในชีวิต" อยู่ๆก็เปลี่ยนเรื่องพูดกระทันหัน 
     



     
     
    "เสียดายจัง ไม่ได้เอากีต้าร์มาด้วย" 
     



     
     
    "โอ๊ะ แสงนั่น" ชี้ออกไปนอกหน้าต่าง แสงสีทองนวลๆเริ่มโผล่ขึ้นที่ขอบของภูเขา 
     



     
     
    "you're my peace you're my light" ร้องเพลงท่อนหนึ่งของตัวเองออกมา 
     



     
     
    ก่อนจะหันมามองหน้าหมอหนุ่มที่กำลังเต็มไปด้วยคำถามที่ถาโถมเข้าใส่ 
     


     
     
     
    "แค่ตายกับหมอ ผมก็พอใจแล้วแล้ว" 
     
     



     
     
    "ตายกับผม?" 
     
     



     
     
    "ไม่ๆๆ ผมตายคนเดียว แต่ตายโดยที่มีหมออยู่ด้วย ผมก็พอใจแล้ว" 
     
     



     
     
    "คุณ...." 
     
     




     
     
    "หมอครับ" 
     



     
     
    "ครับ?" 
     
     



     
     
    "หมอว่าคนที่ชอบผู้ชายด้วยกันนี่โรคจิตหรือเปล่า?" 
     



     
     
    จิตแพทย์หนุ่มส่ายหน้า 
     



     
     
    "หมอผมหิวน้ำจัง" 
     



     
     
    แก้วน้ำถูกยื่นส่งให้ คนที่ร้องขอ แต่กลับส่ายหัวไปมา เล่นเอาคนที่รินน้ำมาให้เลิกคิ้วสูง 
     



     
     
    "ป้อน" 



     
     
     
    "ผมไขกุญแจมือของคุณออกแล้วนะครับ" 
     


     
     
    "ป้อน" 
     


     
     
    ผิวแก้วเย็นเฉียบแตะกับริมฝีปากสีซีดอย่างแผ่วเบา หมอหนุ่มหาหลอดไม่ได้จริงๆ จึงจำเป็นต้องกระดกแก้วให้ดื่มแบบนี้ มันค่อนข้างเสี่ยงเพราะกลัวว่าจะทำให้คนไข้ของเขาสำลักได้ง่ายๆ แต่เมื่อถูกร้องขอก็ต้องทำให้ การขัดใจคนลักษณะนี้ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำเสียเท่าไหร่ 
     
     
     
    "ไม่" 
     


     
    หมอนุ่มชะงักมือ ปรับอารมณ์ตามแทบไม่ทัน 
     


     
    "ด้วยปาก" 
     

     
     
    ตาสีดำเบิกโตกว้าง 
     


     
    หากแต่อีกคนกลับหัวเราะออกมา ราวกับเรื่องที่กำลังพูดอยู่มันตลกเสียเต็มประดา 


     
     
    หมอหนุ่มชักแก้วน้ำกลับมาจ่อที่ปากของตัวเองก่อนจะดื่มเข้าไปสองสามอึก ก่อนจะจ่อหน้าเข้าไปใกล้กับคนที่ร้องขอ 
     


     
    เขามั่นใจว่าเห็นดวงตากลมโตคู่นั้นสั่นไหว น้ำหล่อเลี้ยงในตาที่แห้งเหือดไปแสนนานกลับมาหล่อเคลือบดวงตา ที่เขามั่นใจว่าครั้งหนึ่งมันคงจะเคยสดใสสวยงาม 
     


     
    ริมฝีปากของเขาจรดไปที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายก่อนจะป้อนน้ำดื่มที่ถูกร้องขอเข้าปาก ไม่ถูกสุขลักษณะอย่างมาก เขารู้ดี 


     
     
    ลำคอยาวสวยของชานยอลขยับเบาๆเพราะเพิ่งกลืนน้ำลงไป ดวงตากลมจ้องมองคนตรงหน้าก่อนจะหัวเราะร่วน 
     


     
     
    "เอาอีก" 
     


     
     
    "แต่คราวนี้ผมจะป้อนหมอบ้าง" 
     


     
     
    ใจจริงอยากจะพูดเหลือว่าไม่หิว แค่เมื่อกี้ที่ทำลงไปก็มากเกินพอแล้ว ถ้าต้องมีอีกครั้ง เขาคงรู้สึกไม่ดี แต่ถ้าจะให้ปฏิเสธ ก็ไม่รู้ว่าจะเจอกับสภาวะอารมณ์รูปแบบไหนจากคนตรงหน้า แก้วน้ำจากมือของหมอหนุ่มถูกชายหนุ่มอีกคนดึงมาถือไว้เองก่อนจะยกขึ้นดื่มหลายอึก แก้มขาวนวลแต่ตอนนี้ซีดจนเรียกได้ว่าแทบจะไร้สีเลือดป่องขึ้นเพราะกักน้ำเอาไว้จำนวนมาก ชานยอลยืนขึ้นเต็มความสูง เขาสูงน้อยกว่าอีกฝ่ายเพียงไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น ก่อนจะใช้มือล็อคบริเวณกรามของอีกฝ่ายเอาไว้ กดจูบก่อนจะปล่อยเครื่องดื่มจำนวนมากเข้าไป มือหนาของอีกฝ่ายดันตัวคนไข้ของตัวเองออก เพราะของเหลวที่ถูกปล่อยเข้าปากมันมากและรวดเร็วจนมันไปขัดขวางการทำงานของระบบหายใจ เขาไอ สำลักออกมาอย่างแรง
     


     
     
    "ตายแบบนี้ ดีเหมือนกันนะหมอ?" 
     


     
     
    พูดก่อนจะหัวเราะร่วน 



     
     
    หมอหนุ่มมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าอึ้งๆ ก่อนจะยกแขนเสื้อตัวเองขึ้นมาเช็ดคราบน้ำบนหน้าตัวเอง โชคดีที่มันเป็นเพียงน้ำเปล่า จึงไม่อันตรายเท่าไหร่ 
     
     


     
     
    "อยู่กับหมอมาแป๊ปเดียวเอง แต่ผมสนุกมากเลย" ยิ้มหวานให้ 
     



     
     
    "แต่เสียดายนะ ผมเหลืออีก 20 ชั่วโมง" 
     


     
     
     
    "ผมอยากอยู่กับคุณนานๆนะ" 
     
     




     
     
    อีกฝ่ายยืนนิ่ง ....... ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังรู้สึกอย่างไร โกรธ กลัว รังเกียจ สงสาร เห็นใจ รู้สึกอย่างไรกับคนไข้คนนี้ของตัวเองก็ยังไม่รู้ 
     



     
    รู้เพียงแต่ว่าทุกอย่างที่อีกฝ่ายทำมันแปลก มันเหนือการควบคุม คาดเดาไม่ได้ จากที่คิดว่าตัวเองจะเริ่มต้นจากจุดไหน ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที เขาก็ถูกชานยอลล้มกระดาน แล้วต้องตั้งตัวหมากรุกใหม่อีกครั้ง พอทำท่าจะขยับเดิน ก็โดนล้มกระดานอีกเรื่อยๆ



     
     
    โน๊ตบุ๊คในโรงเก็บอุปกรณ์ที่ไม่รู้ว่าเป็นของใคร เอามาเปิดเพื่ออะไร 
     



     
    หากเป็นคนไข้ของเขาทำเองขึ้นมาทั้งหมด ก็ไม่น่าจะต้องหวาดกลัวขนาดนั้น 
     



     
     
    "พอคิดแล้วก็ใจหาย 20 ชั่วโมงเองหรอ ที่จะได้อยู่กับคุณ" 
     



     
    หันมามองคนที่กำลังพร่ำเพ้ออะไรบางอย่าง 
     
     
     






     
     
    "หมอคริสของผม" 
     
     
     






     
     
    เจ้าของชื่อถึงกับหันขวับกลับมามองคนไข้ของตัวเอง 
     
     
     






     
     
     
    "หมอคริสของผม" 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×