คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 2 : ข่าวที่ไม่น่ายินดี 100%
ข่าวที่ไม่น่ายินดี
ในที่สุดก็สิ้นสุดวันแห่งการเรียนเสียที แต่เวลาหลังเลิกเรียนของพวกเขากลุ่ม iCONIX ไม่ได้เหมือนคนอื่น ๆ หรอกนะ เพราะจะต้องไปที่ห้องซ้อมของบริษัท เพื่อฝึกฝนเรื่องต่าง ๆ ในการเดบิวต์ครั้งต่อไป ฉะนั้นแล้ววันนี้พวกเขาก็ต้องไปซ้อมเช่นกัน
“เร็ว ๆ ดิ่เคียวต้องเดินไปอีกไกลนะเว้ย”
นาวินรบเร้าให้เคียวรีบ ๆ เก็บกระเป๋าเพื่อจะได้ไปที่รถตู้ซึ่งจอดไว้ค่อนข้างไกลหน่อยเพราะจะได้ไม่ผิดสังเกตมากจนเกินไป
“เออก็รีบไง ไปเร่งไอ้คาเวียร์นู้น มัวแต่กระมิดกระเมี้ยนอยู่นั่นแหละ” เคียวหันไปค้อนใส่คาเวียร์ที่กำลังบรรจงจัดกระเป๋าให้เป็นระเบียบมากที่สุด
แม้จะได้รับบทเป็นอันธพาลแต่ในยามไร้ผู้คน คาเวียร์ก็มักจะแสดงนิสัยส่วนตัวที่แสนจะเจ้าระเบียบออกมาเสมอ อย่างเช่นในเวลาเร่งรีบแบบนี้ เขาก็ยังมีกระจิตกระใจจัดระเบียบ
นาวินผู้ใจร้อนได้แต่กรอกตาขึ้นลงอย่างเอือมระอากับพฤติกรรมของเพื่อนๆ ทั้งสองคน เพราะปกติเขาเป็นคนที่ทำอะไรรวดเร็วกระฉับกระเฉงมาก การรอคอยอะไรแม้สักเสี้ยววินาทีนั่นก็ถือว่าช้าสำหรับไอดอลผู้บ้าพลังคนนี้แล้ว
“งั้นฉันลากไอ้เคียวไปก่อนนะ จะไม่ได้เป็นที่สงสัย แล้วนายค่อยตามไปละกัน”
พูดจบนาวินก็ลากเคียวไปทั้ง ๆ ที่ไม่สนว่าเพื่อนจะพร้อมหรือไม่ กลายเป็นว่าเคียวเดินไปพร้อมกับปิดกระเป๋าไปด้วยอย่างทุลักทุเล
การเดินทางออกไปที่รถตู้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเขาจะต้องคอยระวังไม่ให้เพื่อน ๆ คนอื่นสังเกตได้ แม้ว่าหลังเลิกเรียนแล้วนักเรียนสามารถออกไปไหนมาไหนได้ก็ตาม แต่การที่นักเรียน 5 คนเดินมาขึ้นรถตู้ที่จอดเตรียมไว้นั้นคงเป็นเรื่องที่ผิดสังเกตแน่นอน
ฉะนั้นพวกเขาจึงต้องทยอยกันมาโดยรถตู้ของบริษัทก็ต้องไปจอดในที่ลับตาคนด้วยเพื่อไม่ให้มีคนสงสัย กว่าที่นาวินกับเคียวจะไปถึงก็ใช้เวลาพอสมควร
ครืน…..
ทั้งสองคนเข้ามาในรถปรากฏว่าเดฟกับนะโมขึ้นมารอเรียบร้อยแล้ว และพวกเขากำลังลอกคราบความเป็นนักเรียนด้วยการเอาบรรดาพล็อตต่าง ๆ ที่ใช้ปลอมตัวออก
“ฮาเฮียฮ้าอีกฮาเฮย” เคฟพยายามจะพูดว่า ‘คาเวียร์ช้าอีกตามเคย’ แต่ติดตรงที่เขากำลังเอาฟันคู่หน้าออกเลยทำให้พูดไม่ชัด
ตอนนี้ทุกคนต่างกำลังยุ่งกับการแปลงร่างเพราะที่หน้าบริษัทนั้นมีเหล่าแฟนคลับมายืนรอให้กำลังใจอยู่ พวกเขาจึงไปในสภาพแบบนี้ไม่ได้ ยกเว้นแต่เคียวที่ไม่ต้องทำอะไรเพียงแค่จัดทรงผมให้ดูดีเท่านั้นเอง ฉะนั้นเอาจึงว่างพอที่จะช่วยเพื่อน ๆ แต่งตัว
“โอ๊ย! เบา ๆ ดิ่” เดฟถึงกับร้องออกมาเมื่อเคียวพยายามที่จะดึงหนังยางที่มัดจุกด้านหน้าของเขาออก
“มัดซะแน่นเลยนะไอ้เหม่ง” ไม่พูดเปล่าเคียวเอานิ้วดืดหน้าผากดังแป๊ะ!!
ครืด….
เป็นคาเวียร์ที่ขึ้นรถมาเป็นคนสุดท้าย เขามาด้วยท่าทางที่ชิวมากๆ จนเดฟอดที่จะค่อนขอดไม่ได้
“ไม่มาซะพรุ่งนี้เลยล่ะครับ คุณชายยยย”
คาเวียร์ทำเป็นไม่สนใจแล้วนั่งลงในที่ของตัวเอง เพื่อจัดแจงแปลงร่างเหมือนคนอื่น ๆ เขาบรรจงถอดวิกหัวเห็ดออกอย่างระมัดระวังและเก็บเอาไว้อย่างดีเพราะตอนกลับจะต้องใส่ต่อ ต่างจากคนอื่น ๆ ที่ต่างก็โยนกอง ๆ ไว้รวมกันอย่างขอไปที เห็นแบบนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะนำมาเรียงไว้ให้เรียบร้อย…
ระหว่างที่รถกำลังแล่นพวกเขาก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนานและร้องเพลงในอัลบั้มของพวกเขาไปเรื่อย ๆ อย่างเคยชิน ทางระหว่างโรงเรียนกับบริษัทนั้นไม่ได้ไกลกันมากเท่าไหร่ แต่บังเอิญว่าเป็นเส้นทางที่มีการจราจรติดขัดโดยเฉพาะช่วงเย็น ๆ แบบนี้ทำให้ใช้เวลานานสักหน่อยกว่าจะถึงที่หมาย
“ห้องนายมีการบ้านรึเปล่า” นะโมยกหัวข้อการบ้านขึ้นมาสนทนา
เพราะเขากับเดฟนั้นอยู่คนละห้องกับนาวิน เคียว และคาเวียร์ ฉะนั้นเลยอยากจะรู้ความเคลื่อนไหวของห้องอื่น ๆ บ้างว่าจะเหมือนห้องเขาหรือไม่
“วันแรกเองจะมีการบ้านได้ไง” นาวินตอบอย่างชิว ๆ
“แต่ห้องฉันมีว่ะ อย่างเซ็ง”
ว่าแล้วนะโมก็หยิบการบ้านออกมาทำเป็นการฆ่าเวลา เพราะไม่รู้ว่าวันนี้จะซ้อมถึงกี่โมง บางทีอาจจะไม่มีเวลาทำการบ้านอีกก็ได้
“รีบ ๆ ทำเลย เดี๋ยวลอกด้วย” เดฟบอกออกมาอย่างไม่แคร์สื่อ
นะโมได้แต่ทำเสียงเจ๊อะแจ๊ะแต่ก็ยอมให้เดฟลอกทุกทีไปสิหน่า!!
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงที่หมายโดยด้านหน้านั้นมีแฟนคลับมารอกรี๊ดพวกเขาเหมือนทุกครั้ง ทำให้นาวินผู้เหี่ยวแห้งมาทั้งวัน มีรอยยิ้มขึ้นมาทันที
“แบบนี้ค่อยเจริญหูเจริญตาหน่อย” นาวินพูดลอย ๆ พร้อมส่งรอยยิ้มแสนหวานให้กับแฟนคลับ
‘กรี๊ดดดด นาวินยิ้มให้ฉัน!!’
‘กรี๊ดๆๆๆ นะโมมองมาทางนี้ด้วย’
‘เจ้าชายย กรี๊ดๆๆๆๆๆๆ’
เหล่าแฟนคลับต่างส่งเสียงเรียกไอดอลของพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง เมื่อยามพวกเขาหันมายิ้มให้ก็กรี๊ดกันอย่างเอาเป็นเอาตายประหนึ่งว่าแค่ยิ้มก็เหมือนกับโดนกอดแล้ว…
‘แอร๊ยยยย วันนี้เดวิดมีไฝด้วย กรี๊ดดด’
!!!
สมาชิกคนอื่นรีบหันควับไปที่เดฟทันที ส่วนเดฟเองก็รีบเอามือปิดตำแหน่งไฝไว้แบบอัตโนมัติเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าเขาลืมเอาไฝออก!!
“โถ่ไอเดฟเอ้ย ทีหลังเช็คตัวเองมั่ง!” นาวินหันไปบ่นเดฟเบา ๆ เพื่อไม่ให้แฟนคลับได้ยิน ส่วนเดฟก็ได้แต่โบกมือให้แฟนคลับแก้เก้อพร้อมทั้งปิดหน้าผากไว้ด้วยก่อนที่จะรีบวิ่งเข้าตึกไป
“เดี๋ยวก็ได้ฉายาใหม่หรอก ‘เดวิดไฟใหญ่’ อย่างเท่ห์”
เคียวพูดขึ้นขณะที่พวกเขาเข้ามาในห้องซ้อมเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ทุกคนกำลังเริ่มวอร์มด้วยกายบริหารเบาๆ เพราะการซ้อมวันนี้เป็นการร้องประสานเสียง
“เออเข้าท่าดี เดี๋ยวต่อไปไม่เอาไฝออกล่ะ”
“ดีครับ ถุย! ประชดเถอะ” เคียวพูดพร้อมเบ้ปากใส่เดฟที่ทำเป็นเห็นดีเห็นงามกับมุขของเขา
“เล่นอะไรกันอยู่ สนุกเชียว” แทนที่เพิ่งเดินเข้ามา ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังคุยเล่นกันอย่างตลกโปกฮา
“เฮียแทน! ก็ไอ้เดฟดิ่มันลืมเอาไฝออกจนแฟนคลับทัก” ได้ทีเคียวรับฟ้องพี่ใหญ่
“เดฟมันจะแคร์อะไร ชอบสิไม่ว่า” แทนบอกอย่างรู้ใจสมาชิกในวงดี เพราะเดฟค่อนข้างที่จะอินดี้ไม่ค่อยแคร์โลกอยู่แล้ว
หลังจากที่พวกเขามารวมตัวกันครบวงก็ได้เวลาในการซ้อมเสียที เนื่องจากพวกเขาทั้ง 5 คนนั้นมีเวลาจำกัดในการซ้อมเพราะจะต้องกลับหอพักก่อน 4 ทุ่มดังนั้นจึงทุกนาทีมีค่าพวกเขาจึงค่อนข้างที่จะตั้งใจกันมาก
ดูเหมือนว่าเวลาอยู่โรงเรียนหรือยามหยอกล้อเล่นกันพวกเขาจะดูเหมือนเด็กวัยรุ่นซน ๆ ทั่วไปแต่เมื่อถึงเวลาทำงานแล้วพวกเขาจะกลายเป็นคนละคนล่ะ ดูจริงจังและตั้งใจกับการทำงานมาก ๆ ไม่เว้นแม้แต่การซ้อม…
เพราะวันนี้พวกเขาจะต้องฝึกประสานเสียงกันให้แน่นยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะทำได้ดีในเวลาที่มีจำกัด คนที่กดดันที่สุดก็คือเคียว เพราะเขาไม่ค่อยเก่งเรื่องร้องเท่าไหร่นัก แต่หากเป็นเรื่องเต้นละก็ถึงไหนถึงกัน
ยิ่งเขากังวลมากเท่าไหร่ เสียงที่เปล่งออกมาดูแข็ง ๆ เกร็ง ๆ ทำให้ไม่เข้าคีย์กับคนอื่น ๆ จนนาวินไม่อาจจะทนเฉยได้อีกต่อไป
“นายตั้งใจหน่อยดิ่วะ พวกเรามีเวลาน้อยนะเว้ย” นาวินบ่นออกมาเมื่อการซ้อมไปเป็นดั่งใจหวัง เนื่องจากเขาเป็นคนอารมณ์ร้อน จึงมักพูดจาโพงพางออกมาโดยไม่ค่อยคิดเท่าไหร่
“ก็ตั้งใจอยู่นี่ไง นายจะมาเพิ่มความกดดันทำไมวะ” เคียวโต้กลับอย่างไม่พอใจนัก
ใช่ว่าอยากให้เป็นอย่างนี้ซะที่ไหน เพราะเขาเองก็ตั้งใจอยากจะให้การซ้อมออกมาดีเช่นกัน แต่ในเมื่อความเครียดและความกังวลครอบคลุมจิตใจทำให้เขาไม่สามารถบังคับตัวเองได้
“นี่เรียกตั้งใจแล้วหรอ!! ดูคนอื่นดิ๊เขาร้องเหมือนแกมั้ยห๊ะ!!”
“เออดิ่ ฉันทำอะไรก็แย่ไปหมดแหละไม่ได้เกิดมาเสียงดีเหมือนแกหนิ!!” เคียวทนไม่ไหวตะโกนออกมาด้วยความน้อยใจ
แค่เป็นไอดอลหลุมดำของวงเขาก็รู้สึกแย่เต็มทน ที่มีดีสู้คนอื่น ๆ ไม่ได้จะเด่นก็แต่เพียงเรื่องเต้นเท่านั้น การร้องเพลงถือเป็นปมด้อยของเขามาตลอด
“พักก่อนละกัน เคียวนายไปนั่งทำสมาธิก่อนนะ” แทนเห็นว่าเหตุการณ์อาจจะบานปลายได้จึงแตะบ่าเคียวเบา ๆ ให้นั่งลงทำใจสบาย ๆ
“ส่วนนายไปสงบสติอารมณ์ให้เย็นก่อนแล้วค่อยกลับมาซ้อมกันใหม่” แทนหันไปบอกนาวินที่ยังมีท่าทีหงุดหงิดอยู่ เขารู้ดีกว่านาวินต้องการให้การซ้อมออกมาดี แต่ทั้งนี้ความสามารถของแต่ละคนก็มีขีดจำกัด
คนอื่น ๆ ที่เหลือจึงลอยไปลอยมาคุยเล่นกันอย่างสนุกสนานเพื่อให้บรรยากาศในการซ้อมดีขึ้น เว้นแต่นะโมที่พยายามสวดมนต์ขอให้นาวินและเคียวใจเย็นลงและกลับมาซ้อมได้เหมือนเดิม… คือไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนขอให้ได้สวดมนต์ไว้ก่อนเป็นปลอดภัย
--------------------------
“โทษทีว่ะ ฉันคงอารมณ์ร้อนไปหน่อย” เมื่อใจเย็นลงแล้วนาวินจึงเดินเข้าไปขอโทษเคียวเพราะรู้ตัวว่าพูดแรงเกินไป
มักจะเป็นแบบนี้เสมอแม้ว่าเขาจะใจร้อนแค่ไหนแต่ก็ไม่เคยถือทิฐิ เมื่อรู้ตัวว่าทำเกินไปเขาก็พร้อมที่จะเดินไปขอโทษเพื่อนอย่างไม่ลังเล
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันเองก็ไม่ดีมัวแต่กังวลมากไปเลยทำให้แย่”
นี่คือข้อดีของเคียวเช่นกันที่เขามักจะโทษตัวเองก่อนเสมอ ทำให้ไม่ว่าจะทะเลาะกันกี่ครั้งพวกเขาก็สามารถกลับมาคุยกันได้โดยไม่มีใครตะขิดตะขวงใจ ด้วยมิตรภาพที่สะสมกันมานานทำให้พวกเขามีสัมพันธภาพที่แน่นแฟ้นมากกว่าที่ใคร ๆ เห็น
นาวินและเคียวพร้อมที่จะกลับมาซ้อมอีกครั้ง และเที่ยวนี้พวกเขาทำได้ดีกว่าเดิม เสียงประสานที่สอดคล้องไพเพราะไม่แพ้วงโอเปร่า เสียงทุ้ม ๆ ของแทนนำร่องเป็นฐานตามมาด้วยเสียงกลางของเคียวและเดฟที่แสนจะนุ่มนวลดุจฟองน้ำ ผสานด้วยเสียงสูงขึ้นมาอีกนิดของนะโมและคาเวียร์ที่ใสเหมือนแก้วปิดท้ายด้วยเสียงแหลมสูงเกินครึ่งระดับของนาวินที่เสียดแทงหัวใจคนฟังให้ดื่มด่ำไปกับเพลง….
ในฐานะที่เป็นวงไอดอลยอดนิยมพวกเขามีผลงานติดชาร์ตมากมายเพราะเสียงร้องที่กลมกลืนกันของนักร้องทำให้ติดหูคนฟังได้อย่างง่ายดาย ฉะนั้นหลาย ๆ เพลงจึงเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างเรียกได้ว่าเป็นกลุ่มที่อยู่ในแถวหน้าของวงการเพลงเลยล่ะ
แต่กว่าจะมาถึงตรงนี้ได้พวกเขาต่างได้รับการฝึกฝนมาอย่างทรหด แทบไม่มีวันที่พวกเขาได้พักเพราะต้องทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจให้กับการซ้อม ไม่ว่าดีสักแค่ไหนก็ไม่มีทางที่จะหยุดซ้อมได้เลย เพราะพวกเขาคิดเสมอว่าหากยิ่งตั้งใจมากเท่าไหร่ ก็จะทำให้งานออกมาดีมากเท่านั้น
“เยี่ยม!! วันนี้พวกเราทำได้ดีมาก” แทนหัวหน้าวงพูดพร้อมกับปรบมือให้กับทุกคนเป็นการปิดการซ้อมคลาสร้องสำหรับวันนี้ เพราะเวลาที่เหลือพวกเขาจะต้องซ้อมคลาสแอคติ้งต่อ…
ในคลาสแอคติ้งนั้นเทรนเนอร์สอนให้พวกเขาอินกับการแสดงบทบาทต่าง ๆ โดยให้จินตนาการว่าตัวเองไร้ตัวตนลืมความเป็นตัวเองให้หมดสิ้น
“เอาล่ะเมื่อลืมว่าตัวเองเป็นใครได้แล้ว ครูจะให้บทบาทกับพวกเธอ” เทรนเนอร์หันไปมองและเรียกแทนออกมาเป็นคนแรก “จงเป็นกระต่าย”
สิ้นเสียงของเทรนเนอร์แทนก็ออกมาแสดงท่าทางการเป็นกระต่ายได้อย่างน่ารักน่าชังด้วยการชูสองนิ้วขึ้นไว้บนหัวเสมือนเป็นหูกระต่ายแล้วยกนิ้วขึ้นลงไปมา เขาย่อตัวลงกระโดดไปมาด้วยแววตาที่ซุกซนเหมือนกระต่ายน้อยที่กำลังวิ่งเล่นอยู่ในสวน
“ดีมาก อย่างนั้นแหละ นะโมออกมาเป็นลิง”
เมื่อได้ยินเสียงเรียกตัวเองนะโมก็กระโดดออกมาพร้อมกับทำท่าเหมือนอุรังอุตังปากยื่นปากยาววิ่งใส่เพื่อน ๆ จนทุกคนพากันหัวเราะกับความอินของนะโม
มาถึงตาเดฟบ้างเขาค่อนข้างที่จะจินตนาการล้ำเลิศไปหน่อย เพราะบทที่ได้รับเป็นนกแต่เขาดันแสดงเหมือนเครื่องบินด้วยการกางแขนออกแบบ 180 องศาทำให้เทรนเนอร์ถึงกับเกาหัวในการตีโจทย์ของเดฟ
“จะรอดไหมเนี่ยเดวิด ให้เป็นนกไม่ใช่เครื่องบิน”
“มันก็บินเหมือนกันละฮะ” เดฟไม่สนใจเสียงค้านของเทรนเนอร์ เขายังยิ้มและเดินร่อนไปร่อนมากอย่างสนุกสนาน นี่แหละนะไอดอลอินดี้ของแท้!!
สิ่งที่คนอื่นมองว่าเป็นปัญหาแต่สำหรับเดฟเขาพยายามมองว่าเป็นความต่างที่น่าท้าทาย ฉะนั้นเวลาจะสื่อสารอะไรกับเขา ต้องเข้าไปอยู่ในโลกของเดฟด้วยถึงจะคุยกันรู้เรื่อง
คลาสแอคติ้งใช้เวลาในการซ้อมไม่นานนักแต่ถือว่าเป็นอะไรที่สนุกมากเหมือนพวกเขาได้ปลดปล่อยความเครียดที่มีมาตลอดทั้งวัน ระหว่างที่มีเวลาเหลือก่อนที่จะกลับหอพวกเขาเลยนั่งพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องอนาคตของหัวหน้าวง
“เฮียกำหนดวันบินยัง” นาวินถามขึ้นขณะที่กำลังวิดพื้นไปด้วย
สำหรับเขาแล้วเวลาว่างเป็นไม่ได้ต้องหากิจกรรมซึ่งจะเป็นการออกกำลังกายซะส่วนใหญ่ เขาเลยถูกเรียกว่าไอดอลผู้บ้าพลัง
“กำลังจะบอกพวกนายพอดีเลย ฉันจะบินในอีก 2-3 วันนี้แหละ”
“ที่ไหนเฮีย” เคียวถามขึ้นขณะที่กำลังนอนแผ่ลงกับพื้น
“อังกฤษ”
ห้ะ!!
ทุกคนหยุดทำกิจกรรมของตัวเองแล้วหันมารวมตัวกันข้าง ๆ แทนอย่างไม่ได้นัดหมาย
“แล้วพวกเราล่ะ” นะโมถามขึ้นอย่างกังวล
“เอ้าถามได้ พวกนายก็เรียนต่อไปสิ”
“ไม่ ๆ หมายถึงเฮียยังอยู่…ในวงรึเปล่า?” นะโมถามต่ออย่างหวาดหวั่นกลัวคำตอบจะเป็นอย่างที่เขาคิด….
“ยังอยู่” คำตอบของแทนทำให้ทุกคนโล่งใจ “แต่….” ไอ้คำต่อท้ายนี่ทำให้ทุกคนมีสีหน้าเครียดอีกครั้ง…
“อาจจะไม่ได้ซ้อมกับพวกนายนะ จะกลับมาเฉพาะช่วงซัมเมอร์เท่านั้น”
คำตอบของแทนทำให้สมาชิกคนอื่น ๆ ต่างใจหายไปตาม ๆ กันเพราะพวกเขาคิดว่าแทนจะศึกษาต่อในประเทศคงไม่มีปัญหาในการมาซ้อมเพราะทุกคนไม่เคยคิดว่าจะมีใครแยกตัวออกไปจาก iCON
“แบบนี้ก็เหมือนเฮียออกจากวงไปอ่ะดิ่” เคียวโผงออกมาด้วยความใจหาย
“ไม่ได้ออก แค่ไปศึกษาต่อเฉย ๆ ” แทนพยายามพูดให้น้องๆ เข้าใจแต่ดูเหมือนทุกคนจะคิดไปแล้วว่าเขาได้ออกจากวงอย่างสมบูรณ์
“แล้วเฮียจะทำกิจกรรมยังไง ในเมื่อเฮียไม่ได้มาซ้อมเลย” นาวินพยายามซักให้ฟลุกจนมุม
“เอาเป็นว่าบริษัทจะจัดการเรื่องนี้เอง พวกนายไม่ต้องกังวลหรอกน่า ยังไงฉันก็ไม่ทิ้งพวกแกอยู่แล้ว” แทนพยายามพูดให้สมาชิกในวงไม่เสียความมั่นใจเมื่อเขาไม่อยู่ เพราะเขาเองก็ไม่อยากให้เรื่องที่เขาไปศึกษาต่อมาปั่นทอนความรู้สึกของทุกคนจนไม่มีกระจิตกระใจจะทำงาน
แต่ทั้งนี้พวกเขาทั้ง 5 คนไม่มีเวลาจะมาคิดมากในตอนนี้เพราะว่าได้เวลาที่จะต้องกลับหอแล้ว อีกไม่ถึงชั่วโมงหอจะปิด ฉะนั้นจึงต้องรีบไปขึ้นรถตู้เพื่อกลับไปยังหอพัก
ระหว่างที่อยู่ในรถพวกเขาต่างหยิบอุปกรณ์ปลอมตัวของใครของมันมาใส่แบบเงียบ ๆ เพราะแต่ละคนต่างก็ครุ่นคิดถึงเรื่องที่พี่ใหญ่ต้องไปศึกษาต่อต่างประเทศ ซึ่งเรื่องนี้อาจจะทำให้พวกเขาขาดหัวหน้าวง
แทนถือว่าเป็นผู้นำที่ดีมาก เขาควบคุมสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดีเวลาที่วงมีปัญหา ทำให้พวกเขาสามารถผ่านอุปสรรคต่าง ๆ มาได้ ซึ่งหากขาดแทนไปแล้วพวกเขายังมองไม่ออกเลยว่าหากเจอสถานการณ์คับขันจะทำอย่างไร
โดยเฉพาะนาวินที่รู้สึกใจหายมาก ทุกครั้งที่เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ก็จะมีเฮียคอยห้ามและพูดให้ใจเย็นเสมอ และต่อไปเมื่อไม่มีพี่ใหญ่แล้ว เขาจะควบคุมตัวเองได้มากน้อยแค่ไหนก็ไม่รู้
ขากลับนั้นใช้เวลาไม่นานเพราะรถไม่ติดฉะนั้นไม่ถึง 20 นาทีพวกเขาก็ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย แต่ละคนค่อย ๆ ทยอยลงรถเหมือนเดิมเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตแม้จะดึกแล้วก็ตาม ยังไงพวกเขาก็ต้องคอยระวังตัวอยู่เสมอ
ดีที่ว่าโรงเรียนนี้เป็นชายล้วน พวกผู้ชายไม่ค่อยสนใจไอดอลเท่าไหร่นักพวกเขาจึงไม่รู้สึกว่าถูกจับตามอง หากที่นี่เป็นโรงเรียนชาย – หญิงล่ะก็ ป่านนี้คงจะโดนจับได้ไปแล้ว
“นายว่าไม่มีเฮียแทนแล้ววงพวกเราจะเป็นยังไงต่อไป” นาวินถามขึ้นเมื่อกลับถึงห้องพักเรียบร้อย และชณะนี้เขาก็กำลังเตรียมที่จะนอน
“ไม่รู้สิ ไม่เคยคิดซะด้วย” เคียวที่นอนอยู่เตียงตรงกันข้ามกันตอบออกมาอย่างเลื่อนลอย
เขากำลังกังวลถึงอนาคตของวงที่อาจถูกสั่นคลอนได้ เหมือนเช่นหลาย ๆ วงที่มีข่าวแยกตัวกันและยุบวงไปในที่สุดซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับ iCON
นาวินเองก็คิดไม่ต่างจากเคียว เพราะเขายังต้องการที่จะพิสูจน์ตัวเองในฐานะไอดอลต่อไป หากการจากไปของพี่ใหญ่จะทำให้เกิดการยุบวงขึ้นมา เขาเองก็ไปไม่ถูกเช่นกัน
“ไม่ยากจะคิดถ้าเกิดยุบวงขึ้นมา…” ในที่สุดนาวินก็พูดในสิ่งที่กังวลใจออกมา
“หรือไม่ก็มีสมาชิกใหม่เข้ามาเพิ่ม….” เคียวพยายามแสดงความคิดเห็นในด้านที่ดี
“สมาชิกใหม่…..ไม่เอาหรอก!!”
นาวินทำใจไม่ได้ที่จะให้ใครไม่รู้เข้ามาแทนที่พี่ใหญ่ของเขา ไม่ว่าจะมีหรือไม่ก็ถือเป็นข่าวที่ไม่น่ายินดีทั้งนั้น เพราะการที่มีสมาชิกใหม่มาแทนอาจจะถือได้ว่าแทนออกจากวงอย่างถาวร ซึ่งเขาไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้นเลย
ฉะนั้นคืนนี้คงเป็นอีกคืนที่เขายากจะข่มตาหลับได้ เพราะความกังวลทั้งหลายทั้งแหล่ประดังประเดเข้าทำให้เขาไม่อาจหลับได้อย่างสนิท….
Moriningmoon Talk
อัพครบแล้วนะค๊าาา วันพรุ่งนี้
ก็งานสัปดาห์หนังสือแล้ว ><
เตรียมตัวพบกับหนุ่ม ๆ ในรูปแบบเล่ม
กันที่งานเลยค่ะ ^^
18 Mar 2015
ความคิดเห็น