คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : 6- ...ได้ไหม?
6- ...ได้ไหม?
“หนัก!”
ร่างเล็กบ่นพลางหยิบคีย์การ์ดมาแนบกับเจ้าเครื่องสี่เหลี่ยมเล็กๆที่ถูกติดอยู่หน้าประตูห้อง โดยที่มืออีกข้างก็ยังพยุงร่างของเจ้าของห้องตรงหน้าเอาไว้ไม่ให้ล้มลง เขานึกขอบคุณความไฮเทคของเครื่องตรงหน้า ที่เมื่อเอาคีย์การ์ดไปแนบ มันก็ส่งเสียง ตื้ด เบาๆ ก่อนที่ประตูจะเปิดออกโดยไม่ต้องออกแรงผลักเลยแม้แต่นิดเดียว
นารุโตะเดินเข้ามาข้างในห้อง ก่อนจะใช้เท้าเตะประตูให้ปิดลง และพาร่างของกาอาระไปวางไว้บนเก้าอี้โซฟา จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆและถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจที่พาคนป่วยมาส่งถึงห้องจนได้ แต่สิ่งที่เขาต้องทำ ก็ไม่ใช่ว่าจะหมดแค่เพียงเท่านี้ มือเล็กค่อยๆยื่นไปแตะที่หน้าฝากของคนที่กำลังหลับอยู่ ความร้อนที่แล่นวาบผ่านมือขึ้นมา ทำให้รู้ว่าอาการหนักกว่าที่คิด
“นี่...”
เขายกมือขึ้นแตะเบาๆที่แขนของกาอาระ ก่อนจะส่งเสียงเรียก แต่อีกฝ่ายก็ทำได้เพียงลืมตาขึ้นมองช้าๆ และเอ่ยปากถามออกมาด้วยความยากลำบาก
“...ฉัน มาที่นี่ ...ได้ไง”
“วาร์ปมามั้ง ถามได้ ก็เล่นไปล้มหงายเงิบกลางร้านไอติมแบบนั้น ฉันก็เลยต้องพามาส่งถึงนี่ไงล่ะ”
“อืม...”
เขาทำท่าเหมือนจะพูดอะไรต่อ แต่แล้วก็เงียบไปแค่นั้น นารุโตะจึงได้โอกาสถามต่อ
“ยาอยู่ไหนล่ะ จะได้ไปหยิบให้”
“ในตู้ตรงครัว”
“เออๆ รอเดี๋ยวละกัน อย่าเพิ่งตาย”
ร่างเล็กลุกขึ้นจากโซฟาไปที่ครัวทันที กาอาระมองตามไป ตอนแรกเขาคิดเอาไว้ว่า คงจะถูกปล่อยให้นอนหมดสภาพอยู่กลางร้าน ไม่ได้คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะอุตส่าห์พยายามพาเขามาถึงที่นี่ เพราะระยะทางก็ไกลกันมากพอสมควร แถมเขายังทำเรื่องไม่ดีไว้กับนารุโตะตั้งหลายเรื่อง ...แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะทำเรื่องที่ดีๆให้สักเท่าไร เขาก็ยังคงต้องคอยควบคุมไม่ให้อีกฝ่ายเปิดเผยเรื่องที่เขาไปสู้กับพวกเด็กโรงเรียนอื่นอยู่ดี เพราะมันอาจจะส่งผลเสียต่อตัวเขาเองได้
“มาแล้ว กินซะ”
นารุโตะเดินกลับมาพร้อมเม็ดยากับแก้วน้ำในมือ ก่อนจะจัดการยัดเม็ดยาเข้าปากคนป่วยแล้วยื่นแก้วน้ำให้ พอไม่เห็นว่าแก้วน้ำจะถูกรับไปก็ดึงแขนกาอาระให้ลุกขึ้นนั่งแล้วพยายามเอาแก้วน้ำไปใส่ในมือ เขาจึงต้องยกแก้วขึ้นดื่มเองอย่างยากลำบาก แอบนึกเคืองในใจนิดๆที่ถูกปฏิบัติราวกับไม่ใช่คนป่วย ทั้งๆเขารู้สึกเหมือนใกล้จะตายแล้วอย่างนี้
“กินยาเสร็จก็นอนสิ จะนั่งทำไม”
“หึ ไม่กวนสักนาทีไม่ได้เหรอ”
“เรื่องของฉัน เอาแก้วมานี่! ...เฮ้ย!!”
มือเรียวคว้าแก้วน้ำที่ยังมีน้ำเหลืออยู่ครึ่งหนึ่งคืนมาอย่างแรง แต่ด้วยแรงที่มากเกินไป น้ำในแก้วจึงหกใส่เสื้อนักเรียนสีขาวทั้งหมด ทำเอานารุโตะต้องร้องออกมาด้วยความตกใจ
“เวรกรรมอะไรของฉันวะเนี่ย”
“เอาเสื้อไปตากสิ”
“รู้แล้วน่า! ฉันไม่ใช่เด็กนะ จะได้ไม่รู้เรื่องง่ายๆแค่นี้ นายนั่นแหละ หุบปากแล้วนอนซะ อยากจะโดนแช่เย็นรอบสองเหรอ...อุ๊บ!!”
นารุโตะยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแทบไม่ทับเมื่อเผลอพูดสิ่งที่ตัวเองทำลงไปจนทำให้อีกฝ่ายต้องป่วยออกมา กาอาระคิดตามคำพูดนั้น ก่อนจะยิ้มนิดๆแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบจนน่ากลัว
“อ๋อ นายเองสินะ ที่มาปรับแอร์ที่ห้องฉัน”
“อะ เอ่อ จะว่างั้นก็ได้นะ ฮ่าๆๆ”
“แล้วที่ช่วยพามาถึงนี่ คงเป็นการไถ่โทษสำหรับเรื่องนั้นสินะ”
“ระ รู้ได้ยังไงกัน!”
ร่างเล็กถึงกับเหงื่อตกเมื่อถูกจับได้ ...น่ากลัว สายตาที่มองมานั้นสยองเป็นที่สุด ยิ่งรวมกับรอยยิ้มแบบนั้นแล้ว ยิ่งน่ากลัวขึ้นอีกเป็นร้อยเท่า นารุโตะได้แต่โทษการทำอะไรไม่รู้จักคิดของตัวเอง ถ้าวันนี้จะตายมันก็คงเป็นกรรมที่เกิดจากสิ่งที่เขาทำเอาไว้เองทั้งนั้น
“ไม่เป็นไร”
“เอ่อ ถ้างั้นฉันกลับ...”
“เดี๋ยว สัญญาของเรามันยังไม่จบนี่ ถ้าไม่อยากให้รูปนายถูกเผยแพร่ก็อยู่รับใช้ฉันซะสิ”
แม้อีกฝ่ายจะกำลังนอนป่วยอยู่บนโซฟาโดยไม่มีทีท่าว่าจะทำอะไรเขาได้ แต่คำพูดของกาอาระก็เหมือนกับคำสั่งที่ทำให้เขาต้องอยู่ที่นี่ต่อจนกว่าจะได้รับคำอนุญาต
“เอาเสื้อนั่นไปตากซะ กว่ามันจะแห้ง นายก็ต้องอยู่รออีกนาน”
“เออ!!”
นารุโตะขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ก่อนจะจำใจเดินออกไปยังระเบียงเล็กๆ และถอดเสื้อนักเรียนของตัวเองออกตาก โดยเหลือไว้แค่เสื้อกล้ามที่อยู่ภายใต้ชุดนักเรียนนั้น เขาเดินกลับเข้ามาในห้องก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความหงุดหงิด คิดอยากจะหาวิธีแกล้งกาอาระให้ไม่อยากจะบังคับเขาไปชั่วชีวิต
“ตอนนี้ฉันจะนอนพัก ไปเตรียมของกินไว้ ฉันเริ่มหิวแล้ว”
“ครับๆ ที่อะไรก็สั่งผมไว้แล้วกัน”
เขาพูดสุภาพกลับไปเพื่อหวังจะประชดกาอาระ ในใจแอบคิดจะหนีกลับไปตอนกาอาระหลับแล้ว แต่มันก็คงไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อรูปที่เขาอับอายรูปเดิมถูกอีกฝ่ายหยิบขึ้นมาโชว์ให้ดู
“อยากให้ฉันเผยแพร่ก็หนีกลับไปก่อนสิ”
“เลิกเอาไอ้รูปบ้าๆนั่นมาโชว์ซะทีเถอะ!! ฉันไม่อยากเห็น!”
นารุโตะรีบหันหน้าหนีไปทางอื่น แต่ก็ซ่อนใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีแดงของตัวเองเอาไว้ไม่ได้ กาอาระเองก็เห็น มันทำให้เขารู้สึกอยากจะแกล้งให้อีกฝ่ายให้ทำสีหน้าแบบนี้อีกสักร้อยรอบ โดยที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกอย่างนี้ ...แต่เรื่องที่ว่าจะแกล้งอะไร คงต้องเอาไว้หลังจากที่เขาตื่น
กลิ่นหอมๆของเนยกับครีม ตามมาด้วยกลิ่นของขนมปังปิ้งเริ่มส่งผลให้น้ำย่อยในกระเพาะทำงาน ร่างสูงค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ ดูเหมือนว่าอาการปวดหัวและอุณหภูมิในร่างกายจะลดลงไปบ้างแล้ว เขาลุกขึ้น อาการมึนๆยังมีหลงเหลืออยู่บ้างเล็กน้อย จึงเดินอย่างช้าๆไปที่โต๊ะอาหาร บนโต๊ะมีแก้วสองใบใส่น้ำผลไม้สีสวยวางอยู่ก่อนแล้ว
เมื่อมองไปที่ครัวก็เห็นร่างเล็กกำลังวุ่นวายอยู่ในครัว เดินไปทางนั้นที ทางนี้ที ดูแล้วท่าทางจะชำนาญกับการทำอาหารอยู่พอสมควร ดังนั้นรสชาติของอาหารมื้อนี้ก็คงจัพอคาดเดาได้อยู้ว่าจะออกมาดี ไม่นาน นารุโตะก็เดินออกมาพร้อมจานสีขาวสะอาดสองใบในมือ เขามีท่าทีแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นว่าคนป่วยมานั่งรอถึงที่โต๊ะอาหาร ทั้งที่เมื่อกี้ก็เห็นว่ายังหลับสบายอยู่บนโซฟาแท้ๆ
“มาไวเชียวนะ”
“ฉันหิว”
“เออ ถ้างั้นก็รีบๆกินเข้าไปซะ”
นารุโตะกระแทกจานลงบนโต๊ะด้วยความหงุดหงิดในคำตอบกวนๆที่ได้รับกลับมา ก่อนจะเดินกลับเข้าไปหยิบจานเล็กอีกสองใบในครัวออกมาวาง และทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม อาหารในจานเป็นสปาเกตตี้คาร์โบนาร่ากลิ่นหอม ส่วนในจานเล็กเป็นขนมปังปิ้ง ร่างเล็กลงมือจัดการกับอาหารฝีมือตัวเองที่อยู่ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว มือเรียวใช้ส้อมม้วนสปาเกตตี้เป็นคำก่อนจะส่งเข้าปาก สีหน้าดูมีความสุข
“มองทำไม กินเข้าไปสิ”
นารุโตะพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นสายตาของคนที่นั่งตรงข้ามกำลังจ้องมองมาที่เขา กาอาระลงมือกินอาหารตรงหน้าบ้าง รสชาติของมันทำให้เขานึกถึงตอนที่เขายังเด็กมากๆ ตอนที่ยังอยู่กับครอบครัว ...ตอนที่ยังไม่ได้สัมผัสถึงความทรมานของการอยู่คนเดียวอย่างเช่นในตอนนี้
“รู้ไหม ฉันต้องนั่งกินข้าวคนเดียวมาเป็นสิบๆปี นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนมานั่งกินข้าวด้วยกัน”
“หา?”
ร่างเล็กมีสีหน้างุนงง มือถือส้อมค้างเอาไว้ มองคนตรงหน้าเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน กาอาระมองออกไปนอกกระจกหน้าต่างที่อยู่ตรงกับโต๊ะอาหาร ก่อนจะพูดออกมาเหมือนระบายความในใจทั้งหมดออกมาให้อีกฝ่ายได้รับรู้ และแสดงด้านที่อ่อนแอของตัวเองให้อีกฝ่ายได้รับรู้เช่นกัน
“ตั้งแต่คุณแม่ของฉันเสียไปเมื่อตอนเด็กๆ ฉันก็ถูกปล่อยให้นั่งกินข้าวคนเดียวมาตลอด”
“มาเล่าเรื่องดราม่าให้ฉันฟังนี่ต้องการจะสื่ออะไรกันแน่”
“ฉันแค่อยากจะบอกว่า ฉันรู้สึกดีใจ ที่มีคนมานั่งกินข้าวด้วยกันแล้ว ก็เท่านั้นล่ะ”
เขาพูดทั้งๆที่ยังมองออกไปข้างนอกอยู่ รอยยิ้มที่เกิดขึ้นจากความรู้สึกจริงๆค่อยๆระบายขึ้นบนใบหน้า ก่อนที่จะมองกลับมายังคนตรงหน้า ร่างเล็กรู้สึกว่าแก้มทั้งสองข้างของตัวเองร้อนขึ้นมาทันทีทันใดราวกับเปิดสวิตช์ เมื่อได้เห็นสายตาที่มองมา จึงทำได้แค่หลบตา แล้วแกล้งทำเป็นสนใจกับอาหารในจานต่อไป
พอได้เห็นหน้าตาน่าแกล้งของนารุโตะอีกครั้ง กาอาระก็รีบปรับโหมดจากอารมณ์ซึ้งไปสู่อารมณ์ปกติทันที ก่อนที่แผนการแกล้งอีกฝ่ายจะเริ่มผุดขึ้นมาในหัว เขาแกล้งทำตัวเองให้เหมือนกับว่ากำลังอยู่ในโหมดซาบซึ้ง ก่อนจะพูดออกไปตามแผนที่คิดเอาไว้
“ฉันดีใจมากนะ ฉันอยากให้นายมากินข้าวกับฉันที่นี่ทุกวัน”
ร่างสูงแกล้งพูดเหมือนกันว่าแค่กล่าวประโยคบอกเล่าถึงความต้องการของตัวเอง เมื่อเห็นนารุโตะเงยหน้าขึ้นมองนิดๆทั้งที่ใบหน้าตัวเองยังคงระบายไปด้วยสีแดงเรื่อ เขาก็จัดการทำให้มันกลายเป็นประโยคขอร้องแกมบังคับทันที
“...ได้ไหม?”
______________________________________________________________
ขอโทษนะคะ หายไปนานมาก พอดีงานยุ่งมากค่ะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆค่ะ T T
ที่หายไปนี่คือยุ่งเรื่องงานกับเรื่องสอบนี่แหละ แล้วอีกอย่างเราอยู่ปี3แล้ว ก็เลยต้องยุ่งเรื่องการหาที่ฝึกงานอีกเรื่องด้วย ตอนนี้ก็รอผลอยู่ค่ะว่าจะได้หรือเปล่า ถ้าได้ไม่ได้ยังไงจะมาบอกอีกทีค่ะ เพราะเวลาที่เราไปฝึกงานมันอาจจะทำให้เวลาแต่งฟิคน้อยลง ยังไงช่วงที่เรายังว่างอยู่นี่ จะพยายามรีบแต่งให้ถึงที่สุดแล้วกันน้า ขออภัยในความล่าช้า(มาก)ด้วยค่ะ
หวังว่าทุกคนจะยังคงติดตามกันอยู่นะคะ TTwTT ขอให้สนุกกับฟิคตอนนี้ค่ะ
ความคิดเห็น