คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : 5 สภาวะทิ้งตัว
5 – สภาวะทิ้งตัว
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนคนที่กำลังนอนอยู่ต้องยื่นมือออกมาควานหาเจ้าตัวต้นตอของเสียงอย่างยากลำบาก กระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่ความง่วง และพยายามเพ่งมองดูเวลา เข็มสั้นบนหน้าปัดชี้เลยเลขหกไปนิดหนึ่ง บ่งบอกให้รู้ว่าถึงเวลาที่จะต้องตื่นได้แล้ว เมื่อมองดูรอบๆ ไม่เห็นคนที่แอบมานอนบนเตียงเมื่อคืน ก็เข้าใจว่าคงจะกลับไปก่อนแล้วในตอนที่เขายังไม่ตื่น
ร่างสูงค่อยๆลุกขึ้นนั่งบนเตียง รู้สึกได้ถึงอุณหภูมิในร่างกายของตัวเองที่แปลกไปจากเดิม จึงตัดสินใจที่ลุกขึ้นยืน แต่อาการปวดหัวก็เกิดขึ้นมาอย่างกระทันหันจนต้องยืนอยู่เฉยๆสักครู่ ก่อนที่จะเดินไปปิดแอร์ ตัวเลขที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอสีทึบของรีโมทแอร์ทำให้เขาต้องประหลาดใจที่มันเปลี่ยนไปจากเดิมมาก และรู้ได้ทันทีว่าเหตุผลที่ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยดีก็คือเจ้าสิ่งที่ถืออยู่ในมือนี่เอง บางทีการถูกใช้งานมานาน อาจจะทำให้เครื่องรวนโดยที่เขาไม่รู้ตัวก็ได้
กาอาระหยิบไอโฟนของตัวเองขึ้นมา ตั้งใจว่าจะโทรไปขอลาหยุดกับอาจารย์ แต่ตัวเลขบอกวันเวลาบนหน้าจอก็ทำให้เขาต้องเปลี่ยนความคิด เพราะวันนี้เป็นวันที่เขาต้องสอบ ยังไงก็หยุดไม่ได้อยู่แล้ว และอีกอย่างเขาเองก็ไม่อยากจะต้องยุ่งยากกับการขอสอบทีหลัง ขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ สายตาก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าเงินสีน้ำตาลใบเล็กๆตกอยู่บนพื้น จึงหยิบมันขึ้นมาเปิดดู ชื่อที่ปรากฏอยู่บนบัตรนักเรียนที่ถูกบรรจุอยู่ในนั้นทำให้เขาต้องยิ้มออกมานิดๆกับความขี้ลืมของเจ้าของกระเป๋า แอบหนีกลับไปได้แล้วแท้ๆ แต่ดันลืมของสำคัญไว้ให้ตามตัวได้อีกจนได้
“ตอนเย็นค่อยเอาไปคืนแล้วกัน”
ร่างสูงพูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะวางกระเป๋าลงบนโต๊ะแถวๆนั้น และคว้าผ้าเช็ดตัวสีขาวเดินเข้าห้องน้ำไป
“เฮ้ย! กระเป๋าตังค์หาย!!”
นารุโตะร้องโวยวายลั่นห้องเรียนเมื่อค้นทั่วกระเป๋านักเรียนแล้วหาไม่เจอกระเป๋าเงินของตัวเอง ตั้งแต่เมื่อคืนมาจนถึงเช้าวันนี้และล่วงเลยมาจนถึงตอนกลางวัน เขายังไม่ได้ใช้เงินเลย จึงไม่ได้สังเกตว่ากระเป๋าของตัวเองหายไปตั้งแต่ตอนไหน เมื่อคืนจากคอนโดนั่นมาถึงบ้าน เขาก็เดินมาเพราะมันไม่ได้ไกลกันมากเท่าไร เมื่อเช้าก็กินข้าวเช้าที่บ้าน แถมวันนี้พ่อยังมาส่งที่โรงเรียนอีก ความที่ไม่ต้องใช้เงินก็เลยไม่ได้สำรวจดูให้ดีเสียก่อนว่ากระเป๋าเงินหายไป จนมาถึงตอนจะซื้อข้าวกลางวัน ถึงจะรู้ตัวว่ากระเป๋าไม่อยู่แล้ว
“หาดีๆยัง”
“หาแล้ว ค้นทุกซอกทุกมุมแล้วเนี่ย”
“เสียใจด้วยว่ะ ฉันให้ยืมตังค์ไม่ได้ด้วย เย็นนี้ต้องเอาตังค์ไว้ไปเดท”
“เออ!! ไอ้คนเห็นแฟนดีกว่าเพื่อน”
นารุโตะพูดอย่างหงุดหงิด เมื่อได้ยินคำที่ออกมาจากปากของชิกามารุ เพื่อนสนิทอีกคนของเขา ก่อนจะหันไปมองที่คิบะด้วยสีหน้าที่ดูมีความหวัง แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากเดิมเลย
“ฉันก็ไม่ได้เหมือนกัน เย็นนี้ฉันต้องไปซื้อเกมที่เพิ่งออกใหม่”
นี่ก็อีกคน ไอ้เด็กติดเกม! นารุโตะได้แต่คิดในใจด้วยความไม่พอใจที่เพื่อนสนิทของเขาแต่ละคนพึ่งพาอะไรไม่เคยได้เลยสักอย่าง ทั้งที่ตังเขาเองกำลังอยู่ในสถานการณ์คับขันแท้ๆ
“กระเป๋าตังค์หายเหรอ กินข้าวกล่องของฉันไปก่อนไหมล่ะ”
เสียงหวานๆดังมาจากโต๊ะข้างๆพร้อมๆกับข้าวกล่องที่ถูกยื่นมาให้ตรงหน้า เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบกับใบหน้ายิ้มแย้มของเด็กสาวเจ้าของผมสีชมพูสวยนี่นั่งติดกับเขา
“ซากุระ~ ลืมไปเลยว่ามีเธออยู่”
“นี่ พูดงี้หมายความว่าไงยะ”
“ทานเลยนะคร้าบบ”
นารุโตะจัดการลงมือกับข้าวกล่องตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ในใจก็นึกขอบคุณซากุระที่ช่วยชีวิตเขาไว้ เธอเป็นเพื่อนกับเขามาตั้งแต่เด็ก สนิทกันมากจนเรียกได้ว่า แทบจะกลายเป็นพี่น้องกันจริงๆได้เลยทีเดียว แต่ช่วงหลังๆตั้งแต่ขึ้นชั้นมัธยมปลายมา ทั้งสองคนก็ห่างๆกันไป เพราะซากุระต้องเตรียมอ่านหนังสือเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยแพทย์ ส่วนนารุโตะเองก็หันไปสนิทกับพวกเพื่อนผู้ชายคนอื่นๆในห้องมากกว่า
“อ้าว แล้วเธอไม่กินเหรอ”
“ไม่อ่ะ พอดีช่วงนี้ฉันไดเอตอยู่ แต่ข้าวกล่องเนี่ย แม่ฉันทำมาให้ ขืนเอากลับไปทั้งที่ไม่ได้กินล่ะก็ โดนดุอีกแน่”
“ยังไงก็ขอบคุณมาก...”
นารุโตะหยุดพูดไปเมื่อเห็นว่าซากุระกำลังหยิบสมุดอะไรบางอย่างขึ้นมาจากกระเป๋านักเรียน
“ไม่ต้องขอบคุณ ไอ้นั่นฉันไม่ได้ให้ฟรีๆหรอกนะ นายต้องช่วยฉันอ่านฟิคเรื่องใหม่ที่ฉันแต่งก่อน”
เขาถึงกับเหงื่อตก แต่ก็ต้องจำใจรับสมุดนั่นมาถือเอาไว้ ความจริงแล้วซากุระถือได้ว่าเป็นสาววายระดับเทพ และเธอก็ชอบแต่งฟิควายของนักร้องวงที่เธอชอบเป็นชีวิตจิตใจอีกต่างหาก และก็เป็นเวรกรรมของเขาอีกเช่นกัน ที่ถูกเธอบังคับให้อ่านฟิคที่เธอแต่งอยู่เป็นประจำ ตั้งแต่ซากุระเริ่มจับปากกาแต่งเรื่องราวเป็น นารุโตะก็ต้องได้รับอานิสงส์ด้วยการถูกเธอบังคับให้ช่วยอ่านฟิคมาเรื่อยๆ นับตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา
“อ้อ แล้วก็ นี่ ค่ารถกลับบ้าน เอาเงินฉันไปก่อนแล้วกันนะ”
“อืม ขอบคุณมากนะซากุระ”
“ก็บอกไม่ต้องขอบคุณไงล่ะ แค่ช่วยฉันอ่านฟิคก็พอ”
นารุโตะจำต้องยอมรับข้อเสนอของเธอแต่โดยดี เพราะตอนนี้ซากุระเป็นคนเดียวที่ช่วยให้เขารอดพ้นจากความหิว แถมยังช่วยให้กลับบ้านได้อีกต่างหาก ดังนั้นเขาจึงรีบเปิดสมุดที่รับมาแล้วทำเป็นตั้งใจอ่าน แต่ความจริงก็แค่เปิดผ่านๆให้มันจบๆไปแค่นั้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพูดกับซากุระ
“อืม ก็ใช้ได้ เธอเขียนได้ดีขึ้นนี่นา”
“จริงเหรอ!! นายพูดได้ดีมาก งั้นเย็นนี้เดี๋ยวฉันเลี้ยงไอติมเลยอ่ะ”
“ห๊ะ! อะ เอ่อ ก็ดีนะ ฮ่าๆๆ”
นารุโตะเกิดอาการงงไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำที่ออกมาจากปากเพื่อน ก็ปกติยัยสาววายคนนี้เลี้ยงคนเป็นที่ไหนกัน แต่ถ้าเกิดอยากจะเลี้ยงเขาขึ้นมาละก็ ยังไงก็ไม่ขัดศรัทธาอยู่แล้ว จึงตอบตกลงไปทันที
และแล้วเวลาเลิกเรียนก็มาถึง ในร้านไอศกรีมที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก นารุโตะกับซากุระกำลังช่วยกันจัดการไอศกรีมกับช็อกโกแลตฟองดูว์ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงหน้า ซากุระกินไปแค่ไม่กี่คำก็วางช้อนลง ถ่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆด้วยสีหน้าที่ดูแปลกไป
“เป็นอะไรอ่ะ”
“ฉันมีเรื่องที่จะต้องบอกนาย”
“เรื่องอะไรเหรอ”
ไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากปากของเธอ สีหน้าที่ปกติจะดูสดใสดูแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด เหมือนกับว่าเรื่องที่เธอจะพูดนั้นมันเป็นเรื่องที่ไม่ได้อยากจะพูดถึงเลยแม้แต่น้อย
“คือ ฉันได้ข่าวว่าเขาจะกลับมา”
“ใครเหรอ ...อย่าบอกนะว่าจะเป็น”
“เอ้า! เอากระเป๋าคืนไป”
เสียงหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะพร้อมกับกระเป๋าเงินสีน้ำตาลเข้มที่ถูกยื่นมาตรงหน้า จนทำให้ทั้งสองคนต้องเงยหน้าขึ้นมองตามต้นเสียง นารุโตะถึงกับผวาไปนิดหนึ่งเมื่อเห็นหน้าของคนที่ส่งกระเป๋ามาให้ แต่ก็รีบดึงกระเป๋าของตัวเองกลับมาแต่โดยดี ส่วนซากุระนั้นก็ได้แต่มองหน้าเพื่อนของตัวเองสลับกับมองคนที่ยืนอยู่ด้วยความงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วนารุโตะไปรู้จักกับผู้ชายคนนี้ได้ยังไง
“เออ แล้วเอานี่ไปด้วย แทนมือถือเครื่องเก่าที่ฉันทำพัง”
กาอาระส่งถุงใส่ไอโฟนเครื่องใหม่ให้นารุโตะ เขารับถุงไปอย่างงงๆ แอบเห็นสายตาของซากุระที่มองมาดูเหมือนมีอะไรบางอย่างแฝงอยู่ ซึ่งเขาเองก็คิดว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไรแน่นอน สายตาอย่างกับตอนที่เห็นนักร้องวงที่ตัวเองชอบกำลังทำอะไรที่ดูน่าจิ้นอยู่ยังไงยังงั้น
ส่วนทางด้านกาอาระเอง เขารู้สึกปวดหัวจนแทบจะตายอยู่แล้ว ไหนจะต้องทนกับการฝืนนั่งเรียนมาทั้งวัน แล้วก็ต้องมาไกลถึงโรงเรียนโคโนฮะอีก ดูท่าแล้ว อาการป่วยของเขามันคงจะแย่กว่าที่คิดมาก ทั้งๆที่ตอนเช้ากินยามาจากที่ห้องแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่าอาการจะไม่ดีขึ้นเลย ตอนนี้สีหน้าของเขาจึงดูซีดลงไปมาก จนทั้งนารุโตะสังเกตเห็นได้ เขานึกไปถึงสิ่งที่ทำลงไปเมื่อวาน นึกส่งสัยว่าคนตรงหน้าคงยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนแกล้งไปปรับอุณหภูมิแอร์ เพราะถ้ารู้แล้ว คงไม่ได้มาพูดดีๆแบบเมื่อกี้แน่นอน นารุโตะจึงทำเนียนต่อไปด้วยการแกล้งถามขึ้น
“อ่ะ เอ่อ นาย ไม่เป็นไรใช่ป่ะ ทำไมดูเหมือนป่วยๆ”
“ฉันไม่...”
“ว้าย!!”
“เฮ้ยยย!!”
นารุโตะและซากุระพร้อมใจกันร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าร่างสูงล้มลงไปใส่นารุโตะที่กำลังนั่งอยู่ ทำให้เจ้าตัวต้องรีบผลักร่างของฝ่ายตรงข้ามออกไปนิดหน่อย แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงความร้อนจากตัวกาอาระ สมองของเขาเริ่มประมวลผลออกมาว่า เป็นเพราะการแกล้งของเขาเองนั่นแหละ ที่ทำให้เป็นแบบนี้ นารุโตะจึงตัดสินใจที่จะรับผิดชอบการกระทำของเขาที่ทำให้คนตรงหน้าต้องมาป่วยเพราะการเล่นอะไรไม่เข้าท่าของเขา
“ซากุระ เดี๋ยวฉันคงต้องพาเจ้านี่กลับห้องก่อน ไว้คุยกันต่อวันหลังนะ”
“อื้อ เดินทางดีๆล่ะ”
ซากุระตอบเพื่อนพร้อมโบกมือให้เบาๆ ตายังคงจับจ้องนารุโตะที่ค่อยๆพยุงร่างของคนที่ป่วยอยู่ออกไปข้างนอกร้านเหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์ เสียงแผ่วเบาดังลอดออกมาจากปากของเธอโดยที่ไม่มีใครได้ยิน
“เมื่อกี้มัน... สภาวะทิ้งตัว?”
ซากุระรีบส่ายหน้าเบาๆเพื่อไล่ความคิดนั้นออกไป ก่อนที่จะรีบคว้าสมุดประจำตัวขึ้นมาแล้วจดอะไรบางอย่างลงไปอย่างรวดเร็ว เร็วที่ชนิดไม่มีใครมองเห็นทัน ...บางที ฟิคเรื่องใหม่ของเธออาจจะกำลังเริ่มต้นแล้ว
_______________________________________________________
มาอัพแล้วค่ะ ตอนนี้เร่งเขียนไปหน่อย ถ้าไม่สนุกหรืออ่านแล้วติดขัดตรงไหนก็ขอโทษด้วยค่ะ T T
ยังไงถ้าอ่านเสร็จแล้วรบกวนช่วยเม้นให้ด้วยน้า :D ขอบคุณค่าา
ความคิดเห็น