ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC NARUTO] Love At First Fight ; GaaNaru [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #4 : 3 – โชคร้าย

    • อัปเดตล่าสุด 28 ต.ค. 55



    3 – โชคร้าย

     

                ประตูห้องเปิดออกช้าๆ ร่างสูงก้าวเข้ามาก่อนจะเอื้อมมือไปเสียบคีย์การ์ดไว้ใกล้ๆกับประตู ทำให้ทั้งห้องนั้นสว่างขึ้นมาทันที กระเป๋านักเรียนถูกโยนลงไปบนโซฟาหนังแท้สีน้ำตาลเข้มอย่างไม่ไยดี เจ้าของกระเป๋าเดินต่อไปยังห้องครัวเล็กๆที่แฝงตัวอยู่ในมุมหนึ่งของห้องกว้างๆนี้ หยิบอาหารกล่องแช่แข็งที่อยู่ในช่องฟรีซของตู้เย็นออกมาและส่งมันเข้าไปในเครื่องไมโครเวฟและกดปุ่มอุ่นอาหาร

                    เมื่อไฟสีส้มของเครื่องไมโครเวฟดับลง กาอาระก็จัดการหยิบกล่องอาหารออกมา และเปิดตู้เย็นหยิบน้ำอัดลมกระป๋องออกมาด้วย ก่อนที่จะเดินออกไปนอกห้องครัว ตรงไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวเล็กๆขนาดนั่งได้สองคนที่อยู่ติดกับหน้าต่างซึ่งเป็นบานกระจกใสขนาดใหญ่ จากนั้นก็เริ่มลงมือกินอาหารมื้อเย็น ดวงตาสีอ่อนมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย เกือบจะทั้งชีวิตได้แล้วที่ต้องนั่งกินมื้อเย็นคนเดียว ไม่ว่าจะผ่านมานานเท่าไร เขาก็ยังไม่ชินกับอาหารกล่องจืดชืดตรงหน้าและความเงียบเหงาที่แทรกเข้ามาปกคลุมไปทั่วห้องกว้างๆห้องนี้เสียที

                    เขาหลับตาลงเพื่อไล่ความคิดนั้นให้หายไป เพราะไม่อยากจะปล่อยให้ความคิดที่เหมือนกับคนอ่อนแอแบบนั้นเข้ามาเกาะกุมในจิตใจ ...คนที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปในโลกที่โหดร้ายนี้ได้ เพราะถูกหล่อหลอมด้วยความเชื่อแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ทำให้กาอาระจำเป็นที่จะต้องแข็งแกร่ง จนทำให้ความแข็งแกร่งแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา และกลายเป็นปีศาจร้ายที่ทำทุกอย่างเพื่อตัวเองเท่านั้น และด้วยความเชื่อนั้น เขาจึงเกลียดพวกคนอ่อนแอเป็นที่สุด

                    มื้อเย็นจบลงอย่างรวดเร็ว กล่องอาหารที่หมดแล้วกับกระป๋องน้ำอัดลมเปล่าถูกโยนลงในถังขยะ ความเหนื่อยจากการต่อสู้ที่ผ่านมาทำให้กาอาระรู้สึกเพลียและง่วงเร็วกว่าปกติ เขาถอดเสื้อนักเรียนตัวนอกออกแล้วใส่ลงในตระกร้าผ้า ก่อนจะเดินเข้าห้องนอน ล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มๆสีขาวสะอาดและหลับตาลง

                    ความมืดถูกแทนที่ด้วยภาพของคนเพิ่งจะได้เจอกันเมื่อไม่นานมานี้ แก้มขาวที่ขึ้นสีแดงเรื่อเมื่อรวมกับใบหน้าดื้อรั้นที่เต็มไปด้วยความโกรธแล้ว ไม่รู้ทำไมถึงยิ่งให้ความรู้สึกน่าแกล้งเข้าไปใหญ่ แม้จะเป็นเวลาเพียงนิดเดียวที่ได้เห็นหน้าตาอย่างที่ว่าของอุซึมากิ นารุโตะคนนั้น แต่ภาพนั้นก็ตรงเข้าเล่นงานความง่วงของกาอาระอย่างรุนแรง ร่างสูงพยายามนอนพลิกตัวไปอีกทางเผื่อจะได้หลับลงเสียที แต่ก็ต้องหงุดหงิดกับอาการง่วงแต่หลับไม่ลงของตัวเอง ไม่ว่าจะเปลี่ยนท่านอนกี่ท่า ภาพนั้นก็ยังตามมาหลอกหลอนไม่จบไม่สิ้น ทำเอาเขาต้องลืมตาและลุกขึ้นนั่งบนเตียง

                    “เป็นอะไรวะเนี่ย”

                    กาอาระบ่นกับตัวเองอย่างหงุดหงิด ลองนึกถึงสิ่งที่เห็นตอนหลับตาอีกครั้ง เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องไปนึกถึงเจ้านั่น ...ป่านนี้ได้วิ่งหนีกลับไปบ้านไปร้องไห้แล้วแน่ๆ พอคิดแบบนั้น เขาก็เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่พอนึกขึ้นได้ก็รีบปรับสีหน้าตัวเองให้เป็นปกติ

                    ดวงตาสีเขียวอ่อนเหลือบไปมองที่ไอโฟนของตัวที่ตั้งอยู่ตรงโต๊ะเล็กๆที่หัวเตียง เขาหยิบมันขึ้นมากดเล่นๆ แต่พอได้เห็นรูปที่ถ่ายมาวันนี้ ความคิดบางอย่างก็เกิดขึ้นมาแทบจะทันที รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าเรียบเฉยอีกครั้ง แต่น่าแปลกที่ครั้งนี้มันไม่ใช่รอยยิ้มแบบปีศาจเหมือนทุกครั้งที่เขาทำ กาอาระเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่ากำลังทำแบบนั้นอยู่ เขาพูดกับตัวเองขึ้นมาเบาๆ

                    “คราวนี้เป็นความผิดของแกแล้วล่ะ ที่ทำให้ฉันนอนไม่หลับ”

     
     

                    “สรุปคือแผนล้มเหลวเหรอวะ”

                    “เออดิ!!

                    นารุโตะตอบส่งๆไปอย่างหงุดหงิด ก่อนที่จะใช้ตะเกียบคีบข้าวกล่องตรงหน้าใส่ปากด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างรุนแรง ...เมื่อคืนเขาถึงกับนอนไม่หลับ ทั้งเรื่องที่แผนการที่คิดมาอย่างดีล้มเหลว มือถือก็ยังต้องมาพังจนซ่อมไม่ได้อีก แถมวันนี้ตื่นเช้ามาโรงเรียนแทนที่จะได้สงบจิตใจ ปรากฏว่าคิบะก็ดันมาโรงเรียนได้แล้ว และเอาแต่ถามเขาเรื่องแผนไม่หยุด ทั้งที่ตั้งใจว่าจะแกล้งทำเป็นลืมๆมันไป ก็กลายเป็นว่าทำไม่ได้แล้ว

                    “ล้มเหลวได้ไง ไหนแกบอกคิดมาอย่างดีแล้วไง”

                    “อย่าไปพูดถึงมันเลย”

                    “ไม่ได้!! แกต้องเล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วมือถือแกมันไปเจ๊งได้ไง”

                    ตาสีฟ้าสวยเหลือบมองหน้าเพื่อนแบบเซ็งๆ เพราะเสียงดังๆของคิบะเริ่มดึงดูดความสนใจของเพื่อนคนอื่นๆในห้องให้หันมามองว่าทั้งสองคนมีเรื่องอะไรกันถึงได้คุยเสียงดังขนาดนี้

                    “พูดเบาๆเป็นมั้ย กะจะให้ทั้งโรงเรียนรู้เลยป่ะ”

                    “เออ ขอโทษ! ตกลงจะเล่าให้ฟังได้ยังวะ”

                    “เอาเป็นว่าที่แผนล้มเหลวเพราะมันดันเห็นฉันเข้า แล้วมันก็เอามือถือฉันโยนลงพื้น หักเมมโมรี่การ์ดทิ้งแค่นี่ล่ะ”

                    คิบะยังคงขมวดคิ้วเข้าหากัน เขาไม่เข้าใจว่าคนอย่างนารุโตะที่ไม่ยอมใครง่ายๆ ทำไมถึงไปแพ้ให้ไอ้ปีศาจนั่นได้ อย่างน้อยก็น่าจะมีลงไม้ลงมือสู้กันสักหน่อย แต่นี่กลับปล่อยให้มือถือตัวเองถูกเอาไปเฉย ไม่โต้ตอบอะไรสักนิด ดังนั้นถึงนารุโตะจะบอกว่าเรื่องมันมีแค่นี้ แต่เพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่ตอนอยู่ประถมอย่างเขา ก็ดูออกอยู่แล้วว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น เพียงแต่เจ้าตัวไม่ยอมบอกให้หมดเอง

                    “แล้วแกไม่สู้อะไรมันเลยหรือไง”

                    “ก็คิดจะสู้อยู่หรอก แต่...”

                    เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่น่าอับอายเมื่อคืน ก็ทำให้ต้องเกิดอาการหน้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง เป็นเพราะอาการที่ว่านี้ ทำให้คนตรงหน้าต้องคิดหนักอีกครั้งว่าตกลงแล้วเพื่อนตัวเองไปเจอเหตุการณ์แบบไหนมากันแน่

                    “แต่อะไร”

                    “โอ๊ย!! พอๆ ถามอะไรนักหนาวะ ไม่เห็นเรอะว่าฉันยังกินข้าวไม่เสร็จ นี่จะหมดพักเที่ยงแล้ว รีบๆกินเหอะ มัวแต่ถามๆตอบๆกันอยู่ได้”

                    นารุโตะรีบแก้ปัญหาด้วยการพูดตัดบท ก่อนจะก้มหน้าลงกินข้าวกล่อง แต่สายตาสงสัยของคิบะก็ยังคงมองเขาอยู่ไม่เลิกเหมือนตั้งใจจะถามให้ได้ว่าความจริงแล้วเกิดอะไรขึ้น เขาจึงต้องแกล้งพูดขึ้นมาเพื่อให้เพื่อนเลิกสงสัยในประเด็นที่ไม่อยากจะพูดถึงเสียที

                    “เอ้า กินไปดิ มองทำไม ถ้าแกไม่กินก็เอาข้าวแกมานี่!

                    “เออๆๆ กินแล้วๆ สงสัยไม่ได้เลยรึไง”

                    เชิญสงสัยต่อไปเถอะ ยังไงฉันก็ไม่บอกแกอยู่แล้ว หึๆ นารุโตะคิดพลางแอบลอบยิ้มในใจ

     
     

                    ...เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน นารุโตะที่ปกติจะกลับบ้านพร้อมคิบะ ก็ขอแยกตัวออกมา โดยที่อ้างว่าจะแวะไปซื้อเกมที่ออกใหม่ก่อนกลับบ้าน แต่ความจริงแล้วเขาไม่อยากให้คิบะมาถามอะไรให้มากมายในเรื่องแผนของเขาที่มันล้มเหลวไปแล้ว แค่ที่โดนถามมาตอนพักกลางวันก็ตอบแทบจะไม่ถูกอยู่แล้ว

                    ร่างเล็กเดินข้ามไปที่ฝั่งตรงข้ามโรงเรียน คิดเอาไว้ว่าจะหาอะไรหวานๆมากินแก้เซ็งสักหน่อยจึงตัดสินเดินเข้าร้านเค้ก ตรงดิ่งเข้าหาตู้เค้กทันที เค้กสีสวยที่วางเรียงรายอยู่ในตู้ ไม่ว่าจะแบบไหนก็ดูน่ากินทั้งนั้น นารุโตะจึงเกิดอาการหน้ามืดสั่งมาทีเดียวสามชิ้นรวด ระหว่างกำลังยืนรอจ่ายเงินก่อนที่จะเอาเค้กไปนั่งกินที่โต๊ะ เสียงกรี๊ดกร๊าดเบาๆของผู้หญิงหลายๆคนในร้านก็ดังขึ้น แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไร คงมีคนหน้าตาดีเข้ามาในร้าน ผู้หญิงพวกนั้นถึงได้กรี๊ดกัน

                    “ขอโทษนะคะ คือว่าตอนนี้ร้านเราที่นั่งเต็มน่ะค่ะ เกรงว่าจะรอนาน ขอรบกวนให้คุณลูกค้าเอาเค้กกลับไปทานที่บ้านได้ไหมคะ”

                    เสียงหวานๆของสาวพนักงานแคชเชียร์ทำให้นารุโตะรู้ว่าเขาพลาดแล้วที่ไม่ได้มองเลยว่าตอนนี้คนเต็มร้านจนไม่เหลือที่นั่งว่างพอให้เขา เข้ามาในร้านก็จ้องแต่เค้กอย่างเดียวจนลืมสังเกตรอบๆไป

                    “เอากลับบ้าน...”

                    “ไม่เป็นไรครับ นี่เพื่อนผม ให้เขานั่งกับผมก็ได้ แล้วค่าเค้กนี่ผมจ่ายเองครับ”

                    “ค่ะ ขอบคุณนะคะ งั้นคุณลูกค้า เชิญโต๊ะนั้นเลยค่ะ”

                    เมื่อกำลังจะตกลงใจเอาเค้กกลับไปกินที่บ้าน เสียงลึกลับที่คุ้นเคยอย่างน่าประหลาดก็ดังขึ้นพร้อมๆกับมือที่ยื่นเงินให้ ทำเอานารุโตะต้องรีบหันไปมองว่าเพื่อนคนไหนกันที่ให้เขานั่งด้วยแล้วยังเลี้ยงเค้กเขาอีก แต่เมื่อได้เห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็ทำให้เขาแทบอยากจะวิ่งออกนอกร้ายเสียตั้งแต่ตอนนี้เลย

                    “แก! ไอ้ปีศาจเลว”

                    คนที่ถูกเรียกว่าเป็นปีศาจไม่ตอบอะไร เพียงแค่ลากแขนเล็กให้เดินตามไปที่โต๊ะ เพื่อกันไม่ให้วิ่งหนีไปได้ โดยมีสายตาจากสาวๆในร้านหลายคนมองตามร่างสูงไปอย่างไม่วางตา ส่วนนารุโตะเองก็ได้คิดว่าวันนี้มันเป็นวันอะไรกันแน่ ทำไมเขาถึงต้องมาเจอกับเรื่องโชคร้ายแบบนี้ตั้งแต่เช้ายันเย็นด้วย

                    “ทำไม!! มีเรื่องอะไรกับฉันอีก”

                    “ไม่มีอะไรหรอก”

                    “แล้วแกมาที่นี่ทำไม!!

                    กาอาระไม่ตอบอะไร ยกถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นดื่มอย่างเงียบๆ ปล่อยให้คนตรงหน้านั่งทำหน้าหงุดหงิดไปเรื่อยๆ ราวกับว่าจะแกล้งกันซึ่งๆหน้า

                    “แกต้องมาเป็นคนรับใช้ของฉัน”

                    “ไม่!!

                    “อะไรกัน จ่ายค่าตอบแทนเป็นเค้กแล้วนะ จะมาปฏิเสธทีหลังแบบนี้ไม่ได้”

                    “ฉันไม่เอาเว้ย เชิญแกเอาไปเค้กไปกินคนเดียวเลย ฉันจะกลับบ้านแล้ว!!

                    นารุโตะลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที เตรียมจะตรงไปที่ประตูร้าน แต่ก็โดนคว้าแขนเอาไว้ก่อน ทำให้ต้องจำใจนั่งลงอีกครั้งหนึ่ง เขาไม่เข้าใจจริงๆว่ากาอาระต้องการอะไรจากเขากันแน่ บุกมาถึงถิ่นเด็กโรงเรียนโคโนฮะแล้วยังมาพูดอะไรบ้าๆกับเขาแบบนี้อีก

                    “จะยอมเป็นดีๆมั้ยล่ะ”

                    “ให้ตายก็ไม่เป็น!

                    “งั้นเหรอ ฉันคิดว่าตอนนี้แกไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะมาปฏิเสธฉันได้หรอกนะ”

                    ไอโฟนที่มีภาพฉากจูบที่อยากจะลืมเด่นหราเต็มหน้าจอถูกยื่นมาตรงหน้า ก่อนที่ร่างสูงจะเอ่ยคำประโยคที่เปรียบเสมือนคำประกาศิตที่ทำให้คนตรงหน้าไร้หนทางที่จะปฏิเสธได้อีก

                    “ว่าไงล่ะ จะตกลง หรือจะให้ฉันเผยแพร่รูปนี้ต่อหน้าเด็กโรงเรียนแกก่อนล่ะ”


    _____________________________________________________________________

     

    ตอนที่สามมาแล้วค่ะ ขอโทษทีให้รอนะ แต่หลังจากนี้คงจะต้องอัพช้าจริงๆแล้วค่ะ เปิดเทอมพรุ่งนี้แล้ว ไม่รู้ว่าเทอมนี้จะหนักขนาดไหน ..เฮ้ออ แต่ก็เตรียมใจไว้แล้วล่ะค่ะว่ามันต้องหนักแน่ๆ ดูจากเทอมที่ผ่านมาก็พอจะรู้ชะตากรรมของเทอมนี้ เด็กอักษรนี่มันเรียนหนักเยี่ยงทาสจริงๆ - -* เหนื่อยเหลือเกิน แต่ก็ต้องสู้ต่อไป อีกแค่ปีครึ่งก็จะเป็นไทจากการเรียนแล้วว (แต่จะเข้าสู่ขุมนรกของการทำงานแทน TTwTT)

    แล้วเหตุผลอีกอย่างเราต้องไปอยู่หอด้วยแหละ จะแต่งฟิค(วาย)ก็แอบเกรงใจเมท ต้องรอตอนกลับมาบ้านวันเสาร์ อาทิตย์ ถึงจะแต่งได้ มันก็เลยยิ่งทำให้เวลาแต่งฟิคน้อยเข้าไปใหญ่ ตอนนี้ก็ได้แต่ภาวนา ขอให้จัดตารางแล้วไม่มีเรียนวันศุกร์ด้วยเถอะ จะได้มีเวลามาแต่งฟิคเพิ่มขึ้นอีกหน่อย

    ..บ่นมาซะยาวเลย โทษทีจ้ะ อิอิ ยังไงก็ขอบคุณคนที่ติดตามทุกคนเลยนะคะ ถ้าไม่มีกำลังใจจากคอมเมนท์ของทุกคนเราจะคงไม่แต่งมาได้ถึงขนาดนี้ ขอบคุณมากนะคะ ^^ เราอาจจะอัพช้าแต่ก็ไม่ทิ้งฟิคเรื่องนี้แน่ๆ อย่าเพิ่งเบื่อกันน้า ติดตามกันต่อไปเรื่อยๆนะ (รับรอง มีอะไรให้ฟินอีกเยอะ ><)

     

     

    PS#

    ใครชอบคู่ GaaNaru มาเม้าท์กะเราหลังไมค์ได้นะ>< แอดเฟสมาเลย พิมพ์ตรงช่องเสิชว่า Noon Kantaya Sone เลยจ้ะ แต่อย่าตกใจรูปโปรไฟล์เราล่ะ อิอิ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×