คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : บทที่ 3: ราชันย์ไร้พ่ายแห่งมาดารัส (6/9)
มันทำให้กาดิออสอดคิดไม่ได้ว่าบางครั้งเธอก็เป็นนักเล่าที่ใจร้ายกับเขาเสียเหลือเกิน แต่นั่นก็ทำให้เขาตัดสินใจได้
วันรุ่งขึ้นกาดิออสได้จัดเตรียมรถม้า ข้าวของที่จำเป็นและทหารมือดีจำนวนหนึ่ง อีกทั้งยังบอกให้วารีสเตรียมตัวให้พร้อมอีกด้วย
“เตรียมตัวอะไรกัน ฝ่าบาทจะให้หม่อมฉันไปไหน” วารีสถามด้วยความไม่เข้าใจ
“วันนี้ข้าจะพาเจ้าไปส่งคืนคาโรนิเซีย ส่วนหลังจากนั้นก็แล้วแต่เจ้า อยากจะไปคุนาหรือไม่ก็ตัดสินใจเอาเอง” น้ำเสียงอันแสนห่างเหินและเย็นชาของกาดิออสทำให้ขอบตาวารีสร้อนผ่าว
“อะไรกัน เพราะคำพูดของข้าเมื่อวานใช่ไหม หรือว่าฝ่าบาททรงเบื่อหม่อมฉันแล้ว” วารีสพูดเสียงสั่นพร้อมกับทำนบน้ำตาพังทลายลงมา เห็นดังนั้นกาดิออสก็เมินหน้าหนีหันหลังให้
“ใช่ ข้าเบื่อเจ้าแล้ว กลับไปเสียเถอะ”
“...” วารีสพยายามกลั้นน้ำตาอย่างสุดความสามารถ นัยน์ตาอันพร่ามัวจ้องมองร่างสูงเบื้องหน้าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะวิ่งขึ้นรถม้าไป
“นี่เป็นเพียงสิ่งสุดท้ายที่ข้าทำเพื่อเจ้าได้...”
“ใจร้าย!” วิสลาร์ตะโกนใส่กาดิออสทั้งน้ำตาราวกับตัวเองเข้าใจถึงจิตใจผู้เป็นแม่ในตอนนั้นได้เป็นอย่างดี ร่างสูงใหญ่ซึ่งทรุดนั่งกุมบาดแผลนั้นได้แต่ยิ้มเศร้าสร้อยแล้วเล่าต่อโดยไม่โต้เถียง
“ใช่ ข้าเป็นคนใจร้าย หลังจากวันนั้นก็ผ่านไปโดยที่ข้าไม่ได้ติดต่อกับแม่ของเจ้าอีกเลย..”
“ใช่สิ ใครจะอยากติดต่อกลับหลังจากถูกคำพูดทำร้ายจิตใจไปขนาดนั้นกัน” วิสลาร์แทรกแดกดัน “และจะเป็นเช่นไรเล่า ท่านแม่ของข้าคงต้องกลับบ้านเกิดไปทั้งอารมณ์โศกเศร้า อีกทั้งถูกผู้อื่นรังเกียจที่ไปคบค้าสมาคมกับประเทศป่าเถื่อนล่ะสิ”
“ถูกต้อง ระยะเวลาเกือบปีที่จากกัน ข้าไม่ได้รับรู้ถึงเรื่องนั้นเลย การที่เธอถูกพวกป่าเถื่อนอย่างมาดารัสลักพาตัวไปร่วมครึ่งปีทำให้เธอถูกมองด้วยสายตารังเกียจแม้แต่กับญาติพี่น้องของเธอเอง เธอถูกพ่อของเธอสั่งกักบริเวณตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ลอร์ดแห่งคุนาเมื่อทราบว่าเธอกลับมาแล้วก็ทวงถามถึงสัญญาอีกครั้งแต่นั่นมิใช่เพราะเขาไม่ใส่ใจข่าวลือไม่ดีของเธอหากแต่เป็นเพราะว่าคุณค่าของเธอในฐานะทางการเมืองยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไป”
วารีสไม่เคยรู้สึกว่าตนเองไร้ค่าเช่นนี้มาก่อน การที่ต้องถูกมองอย่างดูถูกโดยคนในครอบครัว ถูกยกให้กันเหมือนเป็นแค่สิ่งของนั้นมันก็ยังไม่เจ็บปวดเท่าความรู้สึกที่เธอยังคงรักกาดิออสอยู่ ถึงแม้จะถูกไล่ออกมาแล้วก็ตาม
กาดิออสได้รู้ข่าวของวารีสอีกครั้งหลังเธอได้อภิเษกกับมาร์กัสราชาแห่งคุนาถึงกระนั้นก็เวลาผ่านไปร่วมปีเสียแล้ว เขารู้สึกว่าอะไรบางอย่างในวิญญาณของเขานั้นมันได้พังทลายลงไป และคงจะไม่มีวันได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว
ทางด้านวารีส ชีวิตความเป็นอยู่ในคุนานั้นน่าอึดอัดอย่างที่เธอคิดแม้ว่าภายนอกดูผิวเผินแล้วการเป็นราชินีแห่งคุนานั้นน่าจะสุขสบาย แต่ในความเป็นจริงแล้วก็เป็นอย่างที่ทุกคนรู้กันดีว่าการแต่งงานที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากความรักนั้นมันยากยิ่งนักที่จะสามารถใช้ชีวิตคู่อยู่ร่วมกันได้โดยไม่เจ็บปวด
มาร์กัสสามีของเธอเป็นชายที่ทำให้เธอนึกถึงพ่อ เขาเป็นคนสร้างภาพและเห็นแก่หน้าตาของตัวเองเป็นสำคัญ ข้อดีเพียงอย่างเดียวของเขาคือเขาไม่สนใจว่าเธอจะทำอะไรหรือรู้สึกแบบใดกับเขาและยังยอมปล่อยให้วารีสได้ทำในสิ่งที่เธอชอบ
เธอหมั่นทำตัวให้ยุ่งอยู่ตลอดเพื่อให้ลืมช่วงเวลาแห่งความทุกข์นี้ได้ ซึ่งมีเพียงสองสิ่งเท่านั้น หนึ่งคือการที่ได้ใช้เวลาในการค้นคว้าและดูแลรักษาพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติของคุนาที่เธอเคยใฝ่ฝันถึงมาตลอด สองคือการที่เธอจะได้ดูแลชีวิตน้อย ๆ ที่เธอกำลังจะให้กำเนิดในเร็ววันนี้
เวลาแห่งความสุขเล็ก ๆ สั้นกว่าที่เธอคาดคิดมากนัก ในปีนี้มีเหล่าแมลงศัตรูพืชเข้าโจมตีพืชผลราวกับพายุ มันเป็นช่วงเวลาแห่งความวิบัติ จากวิกฤตินี้ทำให้หลายประเทศตกอยู่ในสภาวะอดอยาก คุนาโชคดีที่เป็นหนึ่งในหลายประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัตินี้แค่เพียงเล็กน้อย แต่ความโชคดีนั้นไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นเมื่อความวุ่นวายได้ก่อตัวมาจาก "อลูซิด" ประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ในสภาวะอดอยากและร้องขอความช่วยเหลือ
อลูซิดเป็นประเทศขนาดเล็กแต่มีกองทัพที่แข็งแกร่ง ภัยธรรมชาติในครั้งนี้พวกเขาเป็นประเทศหนึ่งที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ถึงแม้จะได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านบ้างแต่ก็แทบจะไม่เพียงพอที่จะเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นได้
คุนาเองแม้จะมีการช่วยเหลือไปบ้าง แต่เห็นได้ชัดว่าทำแบบขอไปทีเท่านั้นจนสุดท้ายเมื่อไม่สามารถร้องขอดี ๆ ได้พวกอลูซิดที่กลายเป็นหมาป่าหิวโซจึงเริ่มใช้การข่มขู่แทน และแล้วสงครามที่ไม่น่าจะเกิดก็ได้ปะทุขึ้น หมู่บ้านน้อยใหญ่ของคุนาถูกโจมตีโดยทหารผู้อดอยากและบ้าคลั่งของอลูซิดเพียงเพื่อแย่งชิงเสบียงอาหาร
คุนาเมื่อถูกยั่วยุก็ไม่อยู่เฉย พวกเขาเข้าโจมตีที่ตั้งของชนเผ่าต่าง ๆ เพื่อตอบโต้ และในการโจมตีครั้งนี้เองเป็นสาเหตุให้บุตรชายคนเล็กของผู้นำของอลูซิดถูกสังหาร กลายเป็นชนวนเหตุให้สงครามลุกลามใหญ่โตยิ่งขึ้น
ทัพของอลูซิดถูกรวบรวมขึ้นจากชนเผ่านักรบหลายชนเผ่า พวกเขาสืบเชื้อชายมาจากบรรพบุรุษเดียวกับชาวมาดารัสทำให้เขาเป็นเผ่านักรบที่ดุร้ายเหี้ยมโหดมากที่สุดกลุ่มหนึ่ง เมื่อรวมเข้ากับความโกรธแค้นและความอดอยากพวกเขาจึงโจมตีเมืองแล้วเมืองเล่าอย่างไร้ความปราณีจนในที่สุดก็มาจนฝ่าฟันถึงนครหลวงของคุนา
ทหารของคุนาที่กำลังหวาดกลัวเมื่อเห็นว่าทัพของอลูซิดนำสัตว์ร้ายมาใช้สู้รบด้วยก็เริ่มเสียขวัญ ลิงยักษ์หลายสิบตัวที่ถูกฝึกให้ปีนข้ามกำแพงถูกปล่อยออกจากกรง พวกมันปีนกำแพงที่ไร้จุดยึดเกาะได้อย่างง่ายดายและไม่กี่นาทีต่อมาประตูเมืองก็ถูกเปิดออก ทหารอลูซิดต่างกรูกันเข้าไปในเมืองอย่างบ้าคลั่ง
นาทีแห่งความโกลาหลเกิดขึ้นไปทั่ว เมืองถูกเผา เสบียงและยุทธปัจจัยต่าง ๆ ถูกปล้นชิงโดยที่คุนาไม่สามารถป้องกันได้ ราชาแห่งคุนาเมื่อเห็นว่าภัยกำลังจะถึงตัวก็เตรียมการหนีโดยใช้อุโมงค์ลับในทันที แต่ก่อนอื่นเขาจำเป็นต้องพาลูกสาวเพียงคนเดียวไปด้วย
มาร์กัสรีบรุดไปยังพิพิธภัณฑสถานที่ซึ่งวารีสและองค์หญิงน้อยวิสลาร์ประทับอยู่ ที่นั้นพบวารีสกำลังอุ้มลูกน้อยอยู่พลางสั่งให้คนรับใช้ช่วยกันย้ายของโบราณหนีและนำบางส่วนเก็บซ่อนไว้ที่ห้องใต้ดิน
“ไอ้ของเก่าพรรณนี้จะไปสนใจทำไม รีบหนีกันได้แล้ว” มาร์กัสสาวเท้าก้าวฉับ ๆ เดินตรงเข้ามากระชากต้นแขนของวารีสเอาไว้ ก่อนจะฉุดให้เดินตามออกมาแต่หญิงสาวกลับสะบัดแขนหนีก่อนจะเดินถอยห่างออกมา มืออีกข้างประคองลูกน้อยแนบกับอกอย่างหวงแหน
“ของโบราณที่นี่สำคัญกว่าชีวิตของข้าหรือของท่านเสียอีก ข้าปล่อยให้มันสูญหายไปไม่ได้หรอก อีกอย่างโล่ในตำนานนั้นยังเก็บอยู่ใต้ดินของที่นี่อยู่เลย เราจะปล่อยให้ไปอยู่ในมือพวกอลูซิดไม่ได้นะ”
ความคิดเห็น